▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)

9.6

เขียนโดย AMINOKOONG

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.

  20 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  34.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼

 

เปลี่ยนตัวอักษรให้แล้วนะครับ

ถ้าเป็นตัวบางให้เข้าใจตรงกันว่ากล่าวถึงเรื่องราวในอดีต (ใจจริงอยากใช้ตัวเอียงแต่มันอ่านยากเพราะตัวหนังสือเยอะมาก)
ถ้าเป็นตัวหนาคือการกล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบันนะครับ

 

 

ตอนที่13 : เหตุผลของคนเลว

 

 

“ฮือ....ฮึก.......ฮือๆๆ”

 

“น้องวินเป็นอะไรค่ะ ใครมันกล้ามาทำลูกของแม่ บอกมาลูกเดี๋ยวแม่จะจัดการให้”

 

“ฮึก...ฮือ.....บะ...เบิ้มๆ มันแย่งของเล่นหนู...ฮึก.....แล้วยัง....ฮึก....ผลักหนูด้วย....ฮือๆๆ”

 

“แล้วทำไมหนูไม่แย่งกลับมาล่ะลูก จำไว้นะลูกคือนายกวิน xxx อยากได้อะไรแม่ก็จะหามาให้ อยากได้อะไรลูกต้องได้ ใครมันมาเอาของๆลูกไป ลูกต้องไปแย่งกลับมาและที่สำคัญอย่าทำตัวอ่อนแอแบบนี้ ลูกผู้ชายเค้าไม่ร้องไห้กันหรอกนะครับคนเก่ง”

 

“ฮะ...หนูจะไปเอาของเล่น..ฮึก....ของหนูคืนมา”

 

“ดีมากครับลูก”

.

.

.

“อ๊าส์......แรงอีกนิด.....อ๊ะ.....ชั้นใกล้เสร็จแล้ว.....เร็วๆหน่อย นะ....เดี๋ยวคุณพี่กลับมาก่อนชั้นก็ค้าง...อ๊าส์.....พอดี” เสียงครางกระเส่าของคุณหญิงภารตรีที่กำลังร่วมรักกับนายเข้มคนขับรถของบ้าน ที่ดังมาจากห้องนอนใหญ่ของเจ้าของบ้านโดยที่ทั้งสองมัวแต่เสพสุขกันจนไม่ทัน ได้คิดว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน

 

“อ๊า...... ครับคุณหญิง..........แรงแค่นี้พอมั๊ย......อ๊ะ.....ไอ้เข้มจะไปแล้วนะ ครับ......พร้อมกันนะครับคุณหญิง.....อ๊าสสสส์” เสียงครางหยุดลงเหลือเพียงเสียงหอบจากสองร่างภายในห้อง แต่แค่เพียงสองคนนั้นเงี่ยหูฟังดีๆก็คงจะได้ยินเสียงสะอื้นที่พยายามกลั้น ไว้ของเด็กหนุ่มวัย15ที่วันนี้กลับจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติ เพื่อจะมาเตรียมตัวเซอร์ไพรส์มารดาและบิดาที่ตนเองได้เกรดเฉลี่ยถึง3.5 แต่กลับบังเอิญมาได้ยินเสียงครางกระเส่าเล็ดรอดมาจากห้องนอนใหญ่ที่ตนต้อง ชะงักค้างมือที่กำลังจะเคาะประตู

 

ร่างหนุ่มวัย15ที่หุ่นสูงใหญ่กว่าเพื่อนๆในวัยเดียวกัน และยังเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน กำลังยืนพิงประตูห้องร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่มารดาของตนได้กระทำลงไปโดยที่ เธอไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของลูกชายคนเดียวของ เธอไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นนายกวินผู้สดใส น่ารัก เป็นมิตรกลับทุกคนกลับกลายเป็นเด็กชายผู้เงียบขรึม ถามคำตอบคำ นอกจากคนสนิทกันจริงๆถึงจะมีโอกาสได้ฟังประโยคยาวๆจากเขาและจากเด็กเรียนดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขต่างๆ แม้ว่าจะมีสิ่งยั่วยุมากมายรอบตัว ทั้งเหล้า บุหรี่ หรือแม่แต่สาวๆทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ต่างก็พากันเดินสายเข้ามาทอดกายทอดใจ ให้ไม่ได้ขาด แต่นายกวินก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลงระเริงหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุ เหล่านั้น

 

แต่หลังจากวันนั้นทุกสิ่งทุกย่างที่กล่าวมา นายกวินเคยลองมาหมดแทบทุกอย่าง เพียงเพื่อจะลืม ว่ามารดาผู้แสนดี นางฟ้าประจำบ้านที่ตนเคยเคารพนับถือเป็นแบบอย่าง กลับกลายมาเพียงนางกากี ที่แอบร่วมประเวณีได้แม้กระทั่งคนสวนและคนขับรถของที่บ้านตอนที่บิดาของตน ออกไปทำงานที่บริษัท และนับจากนั้นสาวๆที่ต่างทอดกายมาให้ตนๆจึงรับไว้หมดเพียงเพื่อหวังฟันแล้ว ทิ้ง เพราะอยากให้พวกผู้หญิงที่มั่วและยอมทอดกายให้กับคนอื่นง่ายๆได้เจ็บปวดแม้ ใครจะมองว่าตนเป็นคนเจ้าชู้หรือเลวขนาดไหนก็ตาม เพราะอย่างน้อยๆก็แค่หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากอดีตได้บ้าง

 

จากครอบครัวที่แสนอบอุ่นที่มีแต่คนอิจฉากลับกลายเป็นดั่งขุมนรกที่ตนไม่อยาก ย่างกลายเข้าไปเหยียบในบ้านหลังใหญ่หลังนั้น เพราะหลังจากวันนั้นตนได้นำเรื่องที่เห็นไปบอกแก่กานต์กวีบิดาของตนและนับ แต่นั่น ทั้งบิดาและมารดาก็ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า จนละเลยผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าลูกอย่างตนไป

 

แม้ทุกอย่างที่เค้าทำมันจะเหมือนเป็นการเรียกร้องความสนใจ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุพการีทั้งสองของตน แม้แต่น้อย เวลามีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน กานต์กวีก็เพียงแต่ส่งผู้ช่วยมาจัดการให้ โดยไม่ได้มีการตำหนิติเตียนบุตรชายของตนแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะกานต์กวีเข้าใจว่าที่บุตรชายของตนเปลี่ยนไปเพราะเหตุใด ตนจึงได้แต่เฝ้าดูแลอยู่ห่างๆและคอยจัดการปัญหาที่ลูกชายของตนได้ก่อโดยไม่ มีการด่าทอหรือตำหนิใดๆทั้งสิ้น

 

ส่วนภารตรีเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแทนที่จะหยุดแต่เธอกลับยิ่งได้ใจ เพราะนอกจากจะเสพสุขกับคนสวนและคนขับรถของที่บ้านแล้ว เธอยังไปแอบซื้อเด็กขายบริการมาปรนเปรอครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าช่วงแรกๆเธอจะเสียใจที่กวินมีท่าทีเฉยชาและทำตัวแข็งกร้าวกับเธอ แม้เธอพยายามจะขอโทษตั้งหลายครั้งแต่กวินก็ยังไม่มีท่าทีจะใจอ่อน จนเธอถอดใจ ได้แต่เฝ้าดูบุตรชายของตนอยู่ห่างๆ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกานต์วีนับจากวันนั้น ก็ต่างคนต่างอยู่ แยกห้องนอนกัน สาเหตุที่ทั้งสองไม่หย่าเพราะต้องการรักษาหน้าตาทางสังคมและเพื่อธุรกิจของ ตระกูลเพียงเท่านั้น

...

..

.

ผมนั่งนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ผู้หญิงที่เคยเป็นนางฟ้าสำหรับผม แต่เธอกลับกลายร่างเป็นเพียงผู้หญิงสำส่อน มั่วกาม เอาไม่เลือก ผมเกลียดคนประเภทนี้จริงๆ คงไม่ต่างจากคนตรงหน้าที่นอนหลับอยู่

 

“มึงก็คงจะไม่ต่างจากผู้หญิงคนนั้นสินะ สำส่อน เอาไม่เลือก ก็ดี! เพราะต่อจากนี้กูก็จะเอามึงไว้เป็นของเล่น เป็นที่ระบายอารมณ์ของกูจะได้ไม่ต้องไปร่านหาเอาที่อื่นอีก หึหึ” ผมนั่งข้างๆมองร่างบาง ใบหน้าเรียว ที่ตอนนี้มีผ้าพันรอบศีรษะอยู่ อันเกิดจากแรงกระแทกที่ผมถีบมันตกรถไปเมื่อวาน หากถามว่าผมรู้สึกผิดมั๊ยที่ทำกับมันแบบนี้ ขอบอกเลยว่าไม่ เพราะจากข่าว(คาว)ของมันที่ผมได้ยินมา ทั้งหยิ่ง ร่าน แรด ปากจัด และชอบแย่งแฟนชาวบ้านเค้าไปทั่ว มันยิ่งทำให้ผมคิดว่าผมทำถูกแล้ว ถึงผมจะเจ้าชู้เอาไม่เลือกแต่ผมก็ไม่เคยยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว(ถ้าผู้หญิง พวกนั้นไม่มาหลอกว่าตัวเองโสดน่ะนะ)มันอาจจะฟังว่าผมแก้ตัวใช้ปมตัวเองมาทำ ร้ายคนอื่นหรือมองแค่ว่ามันเป็นแค่เหตุผลเลวๆของคนเลวก็ได้ผมไม่ว่านะ

 

ตอนนี้ผมนั่งมองหน้ามันไปเพลินๆพลางคิดถึงเรื่องเมื่อที่คุยกับมันไปเมื่อเช้าตรู่

...

..

.

“คะ...คุณเป็นใคร” มันถามด้วยสีหน้างงงวยซึ่งผมมองดูแล้วก็คิดว่ามันคงไม่ได้แกล้ง หรือไม่ก็คงจะยังเบลอๆอยู่

 

“อ่ะ....เอ่อ ขอโทษนะฮะ คือระ...เรารู้จักกันเหรอ” มันยังคงถามขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมยังคงนิ่งไม่ตอบอะไร

 

“อืม มึงจำกูไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ”

 

“คือเราไม่รู้จักนายจริงๆอ่ะ ขอโทษทีนะ แหะๆ” มันตอบพลางยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ

 

“อยากรู้จริงๆน่ะเหรอว่ากูเป็นใคร” ผมถามมันพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนเห็นว่าตอนนี้หน้ามันแดงไปถึงหู ก่อนจะหลบตาผมอย่างอายๆ

 

“ฮะ”มันตอบพลางเอียงคอ ตาโตๆใสแป๋วจ้องมองผมอย่างตั้งใจ

 

“กูเป็น.....................”

 

 

 

“แฟนของมึงไง”ผมตอบก่อนที่มันจะตาโตมองหน้าผมอย่างตกใจ

 

“โอ๊ยยยย!  ปะ...ปวดหัว ผะ....ผมปวดหัว........เหลือกเกิน.....โอ๊ยยยย! ” มันยกมือขึ้นมากุมขมับทั้งสองข้างก่อนจะร้องและดิ้นไปมาอย่างทุรนทุรายก่อน ที่ผมจะเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอากาและฉีดยาอะไรให้มันก็ไม่รู้จนซักพักมัน หลับไป

.

..

...

หลังจากที่มันหลับไปผมก็ได้คุยเรื่องอาการของมันกับหมอเจ้าของไข้ ซึ่งหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นการสูญเสียความจำชั่วขณะหรือถาวรซึ่งตอนนี้หมอก็ ยังไม่สามารถแจ้งรายละเอียดอะไรได้มาก เพราะต้องรอเช็คอาการจากมันตอนที่มันฟื้นขึ้นมาซะก่อน

 

ผมลืมตัวมัวแต่นั่งมองร่างบางที่หลับอยู่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีมองไปนอกหน้าต่างห้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว ผมจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินทางกลับไปที่คอนโดเพื่ออาบน้ำเปลี่ยน เสื้อผ้าแล้วค่อยกลับมาใหม่อีกทีตอนเที่ยง เพราะตอนนี้ทางมหาลัยหยุดประมาณหนึ่งเดือน เพราะได้ข่าวว่าพวกอาจารย์ประชุมอะไรกันซักอย่างเนี่ยแหละผมไม่ค่อยได้สนใจ ซึ่งบางคณะเค้าก็ไปออกค่ายกัน แต่พวกผมไม่ได้คิดจะสนใจอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว เลยกลายเป็นว่าทั้งเดือนผมก็ว่างได้ไปลั้ลลากันสบายๆ ไม่ต้องมานั่งเครียดฟังพวกอาจารย์บ่นเวลาเจอหน้าที่ผมไม่ค่อยเข้าเรียน

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“ดูแล ตัวเองดีๆนะน้องภพ เรียนเสร็จก็รีบกลับบ้านล่ะ อย่าไปเถลไถลที่ไหน” แม่นงค์บอกกับลูกชายคนเล็กของบ้านที่ยืนหน้างออยู่ตรงหน้า คงงอนที่ไม่ได้ไปอังกฤษกับครอบเพราะมีเรียน

 

“รู้แล้วคราบบบ  อย่าลืมของที่ภพฟากซื้อด้วยนะแม่ พี่ภาคดูแลแม่กับพ่อดีๆนะครับ” น้องชายคนเล็กของบ้านบอกก่อนจะกอด พ่อ แม่และพี่ชายทั้งสอง พร้อมโบกมือลา ให้กับครอบครัวที่กำลังเดินไปเช็คอินและเข้าเกทไปรอขึ้นเครื่อง.

.

.

“หน้าหงอยเชียวนะไอ้น้องชาย เป็นไรไปว่ะ”พี่ภาคถามเมื่อขึ้นมานั่งบนเครื่องได้เรียบร้อยแล้ว

 

“ก็คนมันคิดถึงนี่พี่อีกตั้งเดือน กว่าจะได้เจอแค่ที่ไปเรียนตั้งสี่-ห้าปีนี่ก็ใจแทบขาดแล้วนะ”ผมตอบพี่ชายไป ด้วยอาการเซ็งๆ

 

“แล้ว น้องมันรู้รึเปล่าล่ะ เห็นแกมัวอมพะนำอยู่เนี่ยแล้วน้องเป้มันจะรู้มั๊ยว่าแกคิดยังไงกับเค้า” พี่ภาคพูดในสิ่งที่ผมกลัวขึ้นมาผมยังจำได้เลยตอนที่ผมเจอกับน้องครั้งแรก ตั้งแต่น้องอายุ แค่5ขวบ ตอนนั้นผมก็เพิ่ง7-8ขวบได้มั้ง จำได้ว่าน้าพรไปรับน้องที่พัทยาและพาน้องเป้กับน้องป็อบมาเล่นที่บ้านผม ผมได้เห็นน้องครั้งแรกเด็กตัวเล็กๆน่าตาน่ารัก แก้มใสๆปากแดงๆน่าจุ๊บมาก แค่เห็นครั้งแรกผมถึงกับเขินอายน้อง ไม่กล้าเข้าไปเล่นด้วยและหลังจากน้องกลับไปผมยงจำได้ลางๆเลยว่าบอกอะไรกับ พ่อและแม่ไปบ้าง

...

..

.

“คุณพ่อคุณแม่ฮะ ถ้าน้องภูมิโตขึ้นน้องภูมิจะแต่งงานกับน้องเป้นะฮะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปขอน้องมาเป็นเจ้าสาวให้น้องภูมิน๊า นะๆๆๆ”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆ  อะไรเรา น้องเป็นผู้ชายนะจะมาเป็นเจ้าสาวให้เราได้ยังไง” พ่อกับแม่มองหน้ากันขำๆ กับเจ้าลูกชายที่มานั่งออดอ้อนให้ไปขอลูกชายของเพื่อนมาเป็นเจ้าสาว

 

“ไม่รู้แหละ ถ้าน้องภูมิไม่ได้แต่งานกับน้อง น้องภูมิจะโป้งกับคุณพ่อคุณแม่ จะงอนด้วย” เด็กน้อยค้อนใส่พร้อมทำปากยื่น

 

“เออๆ เอาไว้โตก่อนแล้วเดี๋ยวพ่อจะไปขอน้องให้” ผู้เป็นพ่อตอบลูกไปพลางขำ เพราะคิดว่าถ้าลูกชายโตขึ้นคงจะลืมไปเอง

 

“เย้ๆๆๆ รักคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดเลย ฟอดดดดดด!” เด็กน้อยกระโดดร้องอย่างดีใจก่อนจะขึ้นไปนั่งบนตักแล้วหอมแก้มพ่อกับแม่ไปฟอดใหญ่

.

.

.

หลัง จากนั้นผมก็ได้เจอน้องบ้างในช่วงปิดเทอม เพราะน้าพรจะไปรับน้องๆที่พัทยาขึ้นมาเที่ยวที่กรุงเทพบ่อยๆ จนกระทั่งน้องเป้จะขึ้นม.1 น้าพรกับลุงชัยจึงย้ายน้องเข้ามาเรียนโรงเรียนที่กรุงเทพ และเรียนโรงเรียนเดียวกับผมและเนื่องจากน้องป็อบติดพี่มากจึงต้องย้ายมา เรียนโรงเรียนประถมที่อยู่ข้างๆกัน ซึ่งตอนนั้นน้องป็อบก็เข้าป.5 ส่วนผมก็จะขึ้นม.3 และยิ่งพอได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน ได้ใกล้ชิดได้สนิทกับน้องมาขึ้น มันก็ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าผมคงต้องชอบน้องจริงๆ

 

แต่เนื่องด้วยตอนนั้นน้องก็คงมองผมเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีมาตลอดผมเลยยังไม่ กล้าบอกน้องเพราะกลัวว่าน้องจะรังเกียจที่พี่ชายคนนี้มันดันคิดไม่ซื่อด้วย และพอผมขึ้นม.5ส่วนน้องอยู่ม.3ประจวบเหมาะกับตอนนั้นที่เฟิร์นเพื่อนในห้อง ที่เพิ่งย้ายมาใหม่มาสารภาพรักกับผมและขอคบกับผมๆซึ่งตอนนั้นผมก็น่าตาใช้ ได้อยู่นะแต่ติดที่หุ่นผมจะอวบๆหน่อยจนน้องชอบแซวผมว่าพี่หมูตอนซึ่งต่างจาก น้องเป้ที่ตัวเล็กๆขาวๆปากแดงๆจนผมชอบเรียกน้องว่าตัวเล็กจนน้องงอนแก้มป่อง ให้ผมทุกทีที่เรียก และตอนนั้นก็มักจะมีหนุ่มๆหรือสาวๆที่ชอบหนุ่มน่ารักแวะเวียนมาจีบน้องบ่อยๆ แต่ก็โดนผมสะกัดดาวรุ่งไปแทบทุกราย ต่างจากผมที่นอกจากจะอวบแล้วยังมีผิวสีแทนด้วยจึงไม่ค่อยมีสาวๆมาหลงมาชอบผม นัก และผมเลยใช้โอกาสนั้นลองคบกับเฟิร์นดูเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าจริงๆแล้วความ รู้สึกที่ผมมีให้น้องมันเป็นแค่ความรักความผูกพันแบบพี่น้องหรือความรักความ ชอบฉันท์ชู้สาวกันแน่และยิ่งคบกับเฟิร์นผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมไม่ใช่แค่ชอบแต่ มันคงเป็นความรักที่ผมมีให้น้องอย่างแน่นอน

 

ตลอด ช่วงที่คบกับเฟิร์นผมก็พอจะรู้ว่าเฟิร์นไม่พอใจที่ผมมักจะแคร์และให้ความ สำคัญกับน้องมากกว่าตัวเธอ เพราะเวลาไปไหนด้วยกันผมมักจะเอาน้องไปด้วย และเวลาน้องกับเธออยู่ด้วยกันแค่สองคน ผมเคยเห็นเธอแกล้งน้องบ่อยๆ บางครั้งก็ชอบจิกกัดน้อง บอกว่าน้องเป็นภาระของผมบ้างล่ะ บอกว่าผมรำคาญน้องบ้างล่ะและผมก็มักจะเห็นว่าน้องชอบทำหน้าเศร้าๆแบบนั้นแล้วก็รู้สึกผิดที่ต้องให้น้องมาเจอเรื่องแบบนี้

 

จนถึงวันที่ผมทนไม่ไหวบอกเลิกเธอไปแล้วเธอก็พาพวกเพื่อนๆกลุ่มเธอไปรุมตบน้อง แต่เนื่องจากน้องเคยขอให้คุณตาพาไปเรียนมวยและศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กๆ เพราะโดนรังแกบ่อยเนื่องจากน้องน่าตาน่ารักน่าแกล้งและผลที่พวกเธอได้รับ กลับมากลายเป็นว่ากลุ่มพวกเธอเองนั่นแหละที่เจ็บสะบักสะบอมสภาพแทบดูไม่ได้ และยังมาบอกว่าน้องไปทำร้ายเธอกับเพื่อนๆเอาตรงๆผมก็ไม่ได้โง่ขนาดจะมองไม่ ออก ตอนนั้นผมโมโหมากๆจนผมตบเธอไปแรงๆทีนึงต่อหน้าเพื่อนๆของเธอด้วย และยังบอกพวกเธออีกว่าถ้ายังไปยุ่งกับน้องอีกผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น

 

และเย็นในวันเดียวกันน้องป็อบ(ตอนนั้นน้องอยู่ม.1แล้ว)พอรู้ว่าพี่ชายตัวเองโดน รุมทำร้ายก็บุกมาลากเฟิร์นไปจัดการที่ห้องน้ำชุดใหญ่จนโดนเชิญผู้ปกครองทั้ง สองฝ่ายในวันรุ่งขึ้นเป็นเรื่องราวใหญ่โตแต่ครอบครัวของน้องก็ไม่ยอมเหมือน กันเพราะน้องเป้ก็โดนรุมทำร้ายก่อนและน้าพรก็ขู่บอกว่าจะแจ้งความด้วยฝั่ง นั้นเลยยอมเพราะยังไงเหตุการณ์ครั้งนี้เป้ไม่ได้เป็นคนทำแต่เป็นน้องป็อบ ซึ่งเด็กกว่าแม้จะดูเหมือนผู้ชายรังแกผู้หญิงก็เถอะ เรื่องจึงกลายเป็นว่าฝั่งของเฟิร์นต้องถูกพักเรียนไปสองอาทิตย์ ที่ไปรังแกน้องเป้ก่อน ซึ่งผมเองที่เป็นพยานให้น้อง

 

หลังจากนั้น น้องก็ไม่คุยกับผมเป็นเดือน คงโกรธที่ผมเป็นต้นเหตุ และเฟิร์นกับเพื่อนๆของเธอเองก็ชอบจิกกัดน้องบ่อยๆทั้งต่อหน้าและลับหลังผม แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น คงจะยังเข็ดกับเหตุการณ์คราวก่อนอยู่  และในช่วงนั้นเองที่ผมสารภาพกับพ่อและแม่ว่าผมรักน้อง  ตอนแรกผมก็นึกว่าพ่อกับแม่จะโกรธและรับไม่ได้ที่ผมมาชอบผู้ชายด้วยกันและอีก อย่างพ่อผมก็เป็นตำรวจท่านอาจจะอายเพื่อนๆก็ได้ แต่สิ่งที่ท่านตอบกลับมาทำให้ผมอดแปลกใจ ไม่ได้

.

.

.

“เฮ้อ! ว่า แล้วเชียว ตอนเด็กๆแกก็เคยร้องขอให้พ่อกับแม่ไปขอน้องมาเป็นเจ้าสาวให้ ก็คิดแค่ว่าพอแกโตมารู้ความ เดี๋ยวก็เลิกคิดไปเอง  หึหึ” พ่อตอบก่อนจะยิ้มบางๆส่งมาให้

 

“แล้วพ่อกับแม่ไม่โกรธผมใช่มั๊ยครับ ที่ผม.......” ผมถามท่านไปด้วยความแปลกใจปนกังวล

 

“พ่อ กับแม่ไม่ได้โกรธอะไรลูกหรอกนะตาภูมิอีกอย่างพ่อกับแม่ก็รักน้องเป้เหมือน ลูกเหมือนหลาน นี่ถ้าไม่ติดว่าน้องเป็นผู้ชายพ่อกับแม่คงได้หมั้นหมายน้องกับเราตั้งแต่ เด็กๆนู่นแหละ”แม่ตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้ผม

 

“เอาอย่างนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าแกรักน้องจริงถ้าแกจบม.6แล้วแกต้องไปเรียน ต่อที่อังกฤษ และถ้าแกยังมั่นคงและยืนยันว่ารักน้องอยู่พ่อก็ไม่ว่าอะไรที่ให้ทำแบบนี้ไม่ ใช่ว่าพ่อกับแม่จะกีดกันอะไรแกหรอกนะ  แต่เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากเห็นน้องเป้เสียใจถ้าเกิดว่าแกไม่ได้รักน้องจริงๆ”

 

มันก็จริงอย่าที่พ่อบอก แม้ผมจะมั่นใจว่ารักน้องและคงรักมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่เพื่อความสบายใจของท่านทั้งสองผมจึงตกลงทำตาม แต่พอช่วงที่ผมขึ้นม.6 ลุงชัยก็พาผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียอีกคน ซ้ำผู้หญิงคนนั้นยังมีลูกสาวอายุพอๆกับน้องเป้พ่วงมาด้วย  และผมก็พอจะรู้ว่าเธอคงแอบชอบผมอยู่ เพราะเวลาผมไปหาน้องที่บ้านทีไรเธอก็มักจะมาเกาะแกะผมเสมอ ซึ่งบอกแมนๆตามตรงเลยว่าผมรำคาญเธอมาก ช่วงนั้นทั้งน้าพรน้องเป้และน้องป็อบมีสภาพจิตใจย่ำแย่มาก  ผมจึงยังไม่มีโอกาสจะบอกความรู้สึกที่ผมมีกับน้อง ผมทั้งโกรธและเกลียดลุงชัยมากที่ทำให้น้องที่เคยเป็นคนน่ารักสดใส กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่พูดไม่จากับคนที่ไม่สนิทด้วย และบางครั้งน้องก็ดูเป็นคนที่เข้าถึงยากกว่าแต่ก่อน ผมก็ทำได้แค่ดูแลน้องอยู่ห่างๆ 

 

พอผมจบม.6ก็บินไปเรียนต่อที่อังกฤษทันที ผมจำได้เลยวันที่น้องมาส่งด้วยสายตาเศร้าสร้อยจนผมไม่อยากไปและพอผมไปอยู่ อังกฤษได้แค่ไม่กี่เดือนก็ทราบข่าวว่าน้าพรท่านเสียแล้ว ผมอยากจะกลับมาปลอบน้องมาก แต่ติดที่ต้องเรียนภาษา และดำเนินการเรื่องเรียนต่อไปด้วย  ช่วงนั้นผมจึงยุ่งมากๆ เลยไม่ได้กลับมางานศพของน้าพร

 

แม้ช่วงที่ผมอยู่ที่อังกฤษจะเริ่มป็อบมากขึ้นเนื่องจากเป็นหนุ่มเอเชียและตอน นั้นผมก็เริ่มหุ่นดีเนื่องจากเป็นนักกีฬาบาสของมหาลัยและเข้าฟิตเนสเกือบทุก วัน จากพี่หมูตอนของน้องกลายเป็นหนุ่มหุ่นดีมีซิกแพ็คจึงไม่แปลกที่จะมีทั้งสาวๆ และหนุ่มน้อยน่ารักแวะเวียนเข้ามาเพื่ออยากที่จะสานสัมพันธ์กับผม แต่บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมไม่เคยสนใจใครเลย ไม่เที่ยวไม่ปาร์ตี้เหมือนที่วัยรุ่นคนอื่นๆเค้าทำกัน จึงทำให้ผมมีเพื่อนสนิทไม่เยอะมากนัก และตอนนั้นผมก็คิดแค่ว่าต้องตั้งใจเรียนและรีบๆจบเพื่อที่จะได้รีบกลับมาหา น้อง

 

แม้ช่วงนั้นผมจะได้ข่าวว่าน้องมีแฟนแล้วก็ตาม แต่ใครจะไปสนใจล่ะ ผมดูแลน้องมาตั้งนานจะปล่อยให้คนอื่นมาชุบมือเปิบฉกน้องไปได้ยังไง ผมบอกก่อนเลยว่าผมก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรมากมาย แต่ที่ผมมั่นใจว่าเหนือกว่าคนอื่นก็คือผมเป็นคนมั่นคงและรักเดียวใจเดียว เพราะหลังจากที่ผมมั่นใจว่ารักน้องแล้วผมก็ไม่สนใจและคบกับใครอีกเลยแม้แต่ วันไนท์สแตนด์ก็ยังไม่มี เอาเป็นว่าแม้แต่ตอนที่คบกับเฟิร์นผมก็เคยแค่กอดแค่หอมแค่นั้นหรือถ้าผมบอก ไปว่ายังเวอร์จิ้น อยู่ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนเชื่อรึป่าวอ่ะนะ

 

และในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึงหลังจากที่ผมเรียนจบแล้วกำลังจะเปิดบริษัทซึ่ง ก็ได้เพื่อนเรียนอยู่ที่นี่ด้วยกันและครอบครัวมันก็เปิดบริษัทออร์แกไนซ์แบบ ที่ผมอยากทำเหมือนกันและผมก็ปรึกษาพ่อกับแม่แล้วท่านก็เห็นดีด้วย ซึ่งเพื่อนมันให้ญาติของมันช่วยหาทำเลที่จะเปิดบริษัทให้ และพอญาติมันหาทำเลเหมาะๆได้เลยโทรให้ไปดูและจัดการเซ็นต์เอกสารสำคัญด่วน เพราะถ้าช้ามีคนต่อคิวรอแย่งอีกเยอะ พอดีกับที่ผมจัดการเอกสารขอจบที่มหาลัยเสร็จพอดี ผมจึงรีบบินกลับมาไทยด่วนก่อนกำหนดประมาณหนึ่งสัปดาห์แม้แต่คนในครอบครัวผม ก็ไม่มีใครรู้

 

ผมกะว่าพอมาถึงจะรีบไปหาน้อง แต่น้องดันเปลี่ยนเบอร์เลยโทรหาไม่ติด และคนที่บ้านก็บอกว่าน้องย้ายไปอยู่คอนโด และทั้งพ่อ แม่ พี่ภาคและเจ้าภพก็แกล้งผม โดยการไม่บอกที่อยู่และเบอร์โทรน้อง โดยเฉพาะเจ้าภพ ที่อ้างว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่นอ้อนให้ผมพาไปทาน และวันนั้นเองผมเกือบถูกรถชน ซึ่งคนที่ขับรถจนเกือบชนผม ผมก็รู้สึกคุ้นหน้ามากเลยแต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน จนมารู้ตอนหลังว่าว่าเป็นน้องเป้นั่นเอง  พอพาเจ้าภพไปทานอาหารญี่ปุ่นเสร็จ ก็ต้องพาคุณน้องบังเกิดเกล้าไปช็อปและผมต้องเป็นคนจ่ายและถือของให้ กว่าจะได้เบอร์และที่อยู่น้องก็เล่นเอาเพลียไปเลย จนวันรุ่งขึ้นนั่นแหละผมถึงได้ไปรับน้องมาทานข้าวที่บ้าน

.

..

...

“เฮ้อ.... เอาวะ อีกแค่เดือนเดียวเดี๋ยวค่อยกลับมาบอกรักน้องอีกทีก็ได้ว่ะ คงไม่สายเกินไปหรอกมั๊ง” ผมบ่นพึมพำคนเดียวหลังจังนั่งรำลึกความหลังอยู่นาน พอหันไปมองพี่ชายข้างๆก็หลับไปซะแล้ว

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

หลังจากที่เป้มันนอนให้หมอเช็คอาการและเริ่มดีขึ้นในอีก3วันต่อมา พอออกจากโรงพยาบาลผมก็พามันมาพักด้วยที่คอนโด และวันนี้เราก็มีนัดไปกินเลี้ยงที่ผับซึ่งเป็นงานวันเกิดของพลอยแฟนของไอ้เร ย์มัน ผู้หญิงที่เคยคิดจะวางยาผมในมหาลัยตอนกลางวันแสกๆนั่นแหละ ไอ้ผมก็ไม่อยากจะไปเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากให้ไอ้เรย์มันไม่สบายใจ เลยจำใจต้องไป และก็ดีเหมือนกัน ผมจะพาเป้มันไปอวดไอ้โอมกับไอ้แจ็คให้พวกมันอิจฉาเล่น เพราะพวกมันโคตรคลั่งและอยากได้เป้มันจนเพ้อให้ฟังบ่อยๆ

.

.

.

“อ่ะ...นั่น ไงวินมาแล้ว ทางนี้ค่ะ” พอผมเดินเข้ามาในผับมองหาโต๊ะพวกมันได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงแหลมๆร้องทักพร้อมโบกมือให้ จนผมต้องเดินเข้าไปด้วยใบหน้าเซ็ง ไม่ใช่แค่เซ็งที่ต้องมาเจอหน้าผู้หญิงอย่างพลอยอย่างเดียว แต่ก็เพราะไอ้คนข้างๆผมด้วยส่วนหนึ่ง เพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามาก็เรียกสายตาให้คนหันมามองและให้ความสนใจมากซะจน ผมหงุดหงิด จนผมต้องเร่งให้มันเดินตามมาเร็ว

 

“เดินเร็วๆหน่อยสิวะ ชักช้าอยู่นั่นแหละ” ผมบอกก่อนจะรีบเดินไปยังโต๊ะของเพื่อนๆ

 

“ฮะ” มันตอบพร้อมทั้งมองไปรอบๆเหมือนคนไม่เห็นเห็น

 

“เฮ้ย! เมื่อกี้กูเห็นมึงคุยกับใครว่ะ” พอผมถึงโต๊ะยังไม่นั่งเลยไอ้โอมก็เปิดปากถามซะก่อนพอ ผมมองไปข้างๆก็ไม่เห็นเป้มันอยู่แล้ว นึกว่ามันหลงซะอีก กะว่าจะเดินไปตามแต่พอหลังไปก็เห็นมันแอบอยู่ข้างผมเหมือนกลัวอะไรซักอย่าง ผมจึงลากมันมายืนข้างๆ

 

“เป้” พอไอ้โอมกับไอ้แจ็คมันเห็นว่าคนที่ยืนข้างๆผมเป็นใครพวกมันก็อึ้งๆก่อนจะเรียกชื่อมันออกมาเสียงดัง

 

“อ๊ะ...ฮะ” เป้มันสะดุ้งเพราะตกใจ ก็จะตอบพวกมันไปเบาๆ

 

“นี่มันอะไรยังไงวะไอ้วิน ทำไมมึงกับเป้ถึงมาด้วยกันได้” ไอแจ็คมันเปิดปากถามทันทีหลังจากที่ผมกับเป้นั่งลง

 

“กูจะมาพร้อมกับแฟนมันแปลกตรงไหน”

 

“ห๊า!.....ฟะ....แฟน” พอพวกมันได้ฟังคำตอบจากผมก็ตกใจกันใหญ่ทั้งไอ้แจ็คไอ้โอมและพลอยไม่เว้นแม้ แต่ไอ้เรย์ ที่ปกติมันจะเงียบๆไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเท่าไหร่

 

“อืม...ทำไมวะ” ผมถามกลับ ก่อนจะเหลือบเห็นพลอยยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยมือสั่นๆ คงจะโกรธที่ผมไม่เธอแต่ดันมาคว้าผู้ชายแทนเธอซะงั้น

 

“ก็ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบผู้ชายไงแล้วกูยังเห็นมึงเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น อีกอย่างกูยังไม่เคยเห็นมึงแนะนำใครว่าเป็นแฟนมึงเลยซักคน” ไอ้โอมที่นั่งอยู่ใกล้ๆมันมากระซิบถามคงกลัวว่าเป้จะได้ยิน

“เรื่องของกู” ผมตอบมันไปก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตัวสั่นอยู่ ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา

 

“โอเคซึ้ง จบ!” ไอ้โอมมันบอกก่อนจะหันไปคว้าแก้วตัวเองขึ้นซดรวดเดียวหมด พวกมันรู้นิสัยผมดีว่าไม่ชอบให้คนมาเซ้าซี้ เพราะถ้าผมอยากบอกเดี๋ยวบอกเอง

 

ผมนั่งดื่มไปซักพักเป้มันก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนแรกผมก็กะว่าจะพามันไป แต่มันบอกว่าไปเองได้ ผมก็เลยปล่อยมันไป แม้ว่าในใจจะนึกกังวลกลัวมันโดนลากไปลงแขกก่อนที่ผมจะได้เผด็จศึกมันคืนนี้ ไม่ได้จะนึกเป็นห่วงอะไรมันเลยจริงๆนะ

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เรย์คะ พลอยขอตัวไปเข้าห้องแป๊บนึงเดี๋ยวมานะคะ แล้วอย่าเที่ยวไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆที่ไหนล่ะ” หลังจากที่เป้คนที่วินพามาแนะนำให้พวกเรารู้จักว่าเป็นแฟนขอตัวไปเข้าห้อง ชั้นจึงแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำบ้าง  ชั้นเดินมาดักรอมันที่หน้าห้องน้ำชาย พอมันเดินออกมาชั้นก็ลากมันไปออกทางด้านหลังของผับ

 

“มะ.... มีอะไรเหรอฮะ ลากผมออกมาทำไม” มันถามออกมาพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น ชั้นมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่น่ะเหรอคนที่วินผู้ชายที่ชั้นหมายปองเอาไว้พามาแนะนำให้รู้จักว่าเป็นแฟน เพราะตั้งแต่รู้จักกันมารวมทั้งเรย์เคยเล่าให้ฟังว่าวินไม่เคยคบใครเป็นตัว เป็นตน และไม่เคยพาใครมาแนะนำว่าเป็นแฟนมาก่อน นั่นมันทำให้ชั้นโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ชั้นจะไม่โกรธมากขนาดนี้ถ้าคนที่วินบอกว่าเป็นแฟนมันไม่ใช่ “ผู้ชาย”

 

“มี น่ะมีแน่ ชั้นแค่จะเตือนแกด้วยความหวังดี ว่าเลิกยุ่งกับวินซะ วินน่ะเค้าแค่เห็นว่าแกเป็นของแปลกและคงจะเก็บแกเอาไว้ของเล่นแก้เบื่อของ เค้าเท่านั้นแหละ เพราะยังไงวินเค้าก็ต้องกลับมาคบกับผู้หญิงอยู่ดี ส่วนไอ้พวกวิปริตอย่างแกเค้าก็คงจะเฉดหัวทิ้ง” ชั้นบอกมันออกไปก็จะเพิ่มแรงบีบที่แขนของมัน จนมันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

 

“ชั้นจะเตือนแกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว และหลังจากนี้ ชั้นหวังว่าแกจะไม่เสนอหน้ามาให้ชั้นเห็นอีกนะ”

 

“มะ..หมาย ความว่าไงฮะ แล้วทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วยล่ะ ในเมื่อวินเป็นคนบอกเองว่าผมกับเค้าเป็นแฟนกัน แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะฮะ” มันถามพร้อมทำหน้าใสซื่อแอ๊บแบ๊ว นั่นยิ่งทำให้ชั้นปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ

 

“นี่แกโง่หรือซื่อกันแน่ ที่ชั้นพูดมาขนาดนี้แล้วยังทำมาเป็นดัดจริตไม่เข้าใจอีก แกคงไม่รู้ล่ะสิว่าชั้นรักวินมาก่อนแกซะอีก แล้วแกเป็นใครถึงใจกล้าหน้าด้านมาแย่งคนของชั้นไปแบบนี้” ชั้นตะคอกมันก่อนที่จะจิกผมขึ้นมาแรงๆจนมันทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ

 

“โอ๊ย!!!  ผมเจ็บปล่อยเถอะฮะ....ฮึก...ผะ...ผมกลัวแล้ว...ปล่อยเถอะฮะ...โอ๊ย!” มันอ้อนวอนให้ชั้นปล่อยทั้งน้ำตา ก่อนที่ชั้นจะปล่อยมือที่จิกหัวมันอยู่และผลักมันจนล้มลงไปที่พื้นจนหัวของ มันกระแทกเข้ากับกองเศษไม้เศษอิฐและพวกลังเบียร์เปล่าที่อยู่ข้างๆ ทำให้ที่หัวของมันมีเลือดไหลออกมา

 

“นี่ชั้นแค่เตือนแกนะ ถ้าขืนว่าแกยังไม่เลิกยุ่งกับวินอีกล่ะก็ แกเจอหนักกว่านี้แน่” ชั้นเตือนมันเป็นครั้งสุดท้ายเลือดมันไหลออกมาไม่หยุดจนมันสลบไป ก่อนที่ชั้นจะหันหลังกลับไป แต่ก็ต้องตกใจจนตัวแข็งไปหมดเพราะคนที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลังของ ชั้น

 

“วะ.... วิน......เอ่อมันไม่ใช่อย่างที่วินเห็นนะ อย่าเพิ่งเข้าใจพลอยผิดนะ พลอยก็แค่แกล้งเล่นๆเพื่อต้อนรับแฟนของวินเฉยๆ แต่คงแกล้งแรงไปหน่อย นี่พลอยก็กะว่าจะไปตามวินมาช่วย ไม่มีอะไรจริงๆนะ” ชั้นรีบตอบไปอย่างร้อนรน กลัวเหลือเกินว่าวินจะโกรธและเกลียดตนเอง ที่ไปทำร้ายแฟนของวินแบบนั้น

 

“เลิกตอแหลเถอะ คิดว่ากูโง่จนดูไม่ออกเลยรึไง กูเตือนแล้วนะ ว่าอย่ามายุ่งกับกูอีกแต่มึงก็ไม่ฟัง” วินก้าวเข้ามาพร้อมทั้งบีบคอของชั้นอย่างแรงจนชั้นหายใจไม่ออก ก่อนที่วินจะผลักชั้นล้มลงไปอย่างไม่ใยดี และเดินไปหาไอ้เป้ที่มันนอนสลบอยู่

 

“ทำไมล่ะวิน ทำไมถึงไม่สนใจพลอยบ้าง พลอยรักวินก่อนมัน...ฮึก....เจอวินก่อนมันด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่เป็นพลอยล่ะ.....ฮือ.....ทำไม....ทำไม” ชั้นตะโกนถามวินออกไปทั้งน้ำตา มันเจ็บปวดเหลือเกินกับการที่ได้แต่ยืนมองคนที่ตัวเองรักซึ่งนอกจากเค้าจะ ไม่สนใจแล้วยังทำตัวเฉยชาใส่เรา และยังมาเห็นคนอื่นดีกว่าแบบนี้

 

“ก็เพราะมึงมันทำตัวสารเลวแบบนี้ไงกูถึงไม่เอา มึงคบกับเพื่อนกูเพราะคิดที่จะเข้าหากู หลอกใช้เพื่อนกูเป็นสะพานมาหากูแบบนี้ มึงยังคิดว่ากูจะสนใจมึงอีกเหรอ ร่านซะขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นแฟนของไอ้เรย์ กูคงหลอกฟันมึง หลอกให้มึงรัก และถีบหัวส่งให้มึงเจ็บช้ำใจเล่นๆไปแล้ว” วินพูดโดนไม่มองหน้าชั้นแม้แต่น้อย ก่อนจะอุ้มคนที่ชั้นเพิ่งสั่งสอนมันจนสลบขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิงแล้วเดินมา หยุดตรงหน้าชั้น

 

“กูจะเตือนมึงเป็นครั้งสุดท้าย ว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตกูและคนของกูอีก ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้มึงรู้ว่านรกที่แท้จริงมันเป็นยังไง” หมดแล้วใช่มั๊ยความหวังของชั้น คงไม่เหลือพื้นที่ในหัวใจของวินให้ชั้นซักนิดเลยสินะ

 

แล้ววินก็อุ้มมันผ่านหน้าชั้นไปโดยไม่ชายตามองมาที่ชั้นซักนิด และในขณะที่วินเดินไปได้แค่สี่ถึงห้าก้าวเป้มันก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าของชั้นพร้อมทั้งแสยะยิ้มเยาะเย้ยส่งมาให้โดยที่วินไม่เห็น นี่อย่าบอกนะว่าทั้งหมดมันเป็นแผนของมัน หรือว่ามันเห็นวินอยู่ก่อนแล้วเลยยอมให้ชั้นทำร้ายมันแบบนี้ คิดได้แค่นั้นชั้นก็แทบสติแตกที่เสียรู้ให้กับมัน

 

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!..............แก...... อี........อีสตรอแกรม” ชั้นกรีดร้องออกมาด้วยความแค้นใจ เคยใช้แต่แอพไอจีแต่งรูปเพิ่มความสวยอวดชาวบ้าน แต่เพิ่งมาเคยเจอคนที่มันตอแหลหน้าตายได้โล่เพิ่มความซวยให้กับชีวิตอย่าง มัน และอย่าคิดว่าคนอย่างพลอยไพลินมันจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

“ถ้าชั้นไม่ได้.....ก็อย่าหวังว่าใครมันจะได้”

 

 

 

- - - - - TBC - - - - -

 

ตอนนี้ยาวมากกกกแต่งไปแก้ไปเกือบสามรอบอ่ะ ตอนนี้หลายๆคนคงจะงงกันอยู่เพราะไม่มีพาร์ทการเล่าเรื่องของเป้เลยเรื่องมันก็เลยยังไม่ลงรายละเอียดอะไรมากมายมันเลยดูห้วนหรือกระชับไปหน่อยตอนนี้เพื่อนๆของกวินยังไม่รู้นะครับว่าเป้โดนวินทำอะไรมาบ้างและยังไม่รู้ด้วยว่าเป้(แกล้ง)ความจำเสื่อมแต่ขอกระซิบบอกก่อนนะครับว่าตอนหน้า แซ่บเวอร์อ่ะ

*...********...*

***สำหรับใครที่กลัวว่าจะดราม่าหรือหน่วงมาก จริงๆแล้วเรื่องนี้ผ่านจุดที่ดราม่าที่สุดของเรื่องมาแล้วจร้าฉะนั้น นับต่อจากนี้อาจจะมีบ้างนิดๆหน่อยๆพอแสบๆคันๆแต่จะตามมาด้วยความแซ่บหลังจาก มีดราม่ากรุบกริบในแต่ล่ะช่วง และตอนหน้าเป้จะเริ่มเอาคืนแล้วนะ ส่วนใครที่อยากเห็นเป้ร้ายตอนหน้านางเริ่มองค์ลงแล้วนะแต่จะร้ายรูปแบบไหนยังไงก็ฝากติดตามด้วย ขอเม้นท์กำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคราฟ***

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา