▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)

9.6

เขียนโดย AMINOKOONG

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.

  20 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  35.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼

 

 

ตอนที่12 : คุณเป็นใคร?

 

 

 

“ถึงไหนแล้วครับ”

 

 

 

(ถึงหน้าคอนโดเราแล้วนะ)

 

 

“อะ  เห็นแล้วๆครับ..................ติ๊ด” ผมวางสายเมื่อเห็นรถของพี่ภูมิแล่นเข้ามาเทียบจอดที่ฟุตบาทหน้าคอนโด ซึ่งวันนี้พี่ภูมิอาสามารับผมไปส่งที่มหาลัยโดยอ้างว่าจะไม่เจอกันเกือบ เดือนเพราะพรุ่งนี้พี่ภูมิและครอบครัวต้องเดินทางไปงานรับปริญญาของพี่ภูมิ ที่อังกฤษและจะได้ถือโอกาสพาลุงสม ป้านงค์ และพี่ภาคไปเที่ยวด้วย ส่วนน้องภพไม่ได้ไปเพราะติดเรียน

 

ตอนแรกพี่ภูมิก็ชวนผมไปด้วยแต่พรุ่งนี้ผมและเพื่อนๆชาวคณะต้องไปออกค่ายอาสาแนะ แนวเกี่ยวกับมหาลัยที่เชียงใหม่3วัน2คืน และต่อด้วยการไปสร้างโรงเรียนและสอนหนังสือให้กับน้องๆชาวเขาอีก3สัปดาห์ผม เลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีและร่วมทริปนี้กับภูมิด้วย

 

ที่พี่ภูมิต้องกลับมาเมืองไทยก่อนเพราะต้องกลับมาจัดการเรื่องบริษัทของพี่ภูมิ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้โดยมีเพื่อนสนิทของพี่ภูมิที่ช่วยเป็นธุระจัดการ หาออฟฟิศให้และต้องมาเซ็นต์เอกสารสำคัญจึงต้องรีบเดินทางกลับมาก่อน

 

ส่วนน้องป็อบก็ไปโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าเพราะต้องเอาเสื้อผ้าข้าวของไปเก็บที่คอน โดก่อนไปเรียนพอผมจะไปส่งน้องก็ไม่ยอม บอกจะไปแท็กซี่เองให้ผมนอนต่อ เฮ้อ! นี่แหละน้องผมดื้อจริงๆ

 

 

“ว่าไงเรา เมื่อคืนนอนดึกเหรอครับ ตาดำเป็นหมีแพนด้าเชียว” พอขึ้นรถพี่ภูมิก็เอ่ยปากแซวผมทันที ที่ผมนอนไม่หลับก็เพราะข้อความบ้าๆจากไอ้หื่นมันนั่นแหละ คิดแล้วก็เจ็บใจที่มันยังไม่หยุดตามระรานผมซักที

 

 

“ก็นิดหน่อยครับ แล้วพรุ่งนี้บินกี่โมงอ่ะ” ผมหันไปถามพี่ภูมิที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ แต่งงก็ตรงที่พี่แกยิ้มแก้มแทบปริอยู่นั่นแหละไม่รู้อารมณ์ดีมาจากไหน

 

 

“เจ็ดโมงครึ่งครับ”

 

 

“พี่ภูมิเป็นอะไรอ่ะ ยิ้มอยู่นั่นแหละถูกหวยรึไง” ผมอดไม่ได้ที่ถามแกที่ยิ้มซะจนน่าหมั่นไส้

 

 

“พี่แค่มีความสุข ถ้าได้เป้มานั่งบนรถกับพี่แบบนี้ทุกวันก็คงจะดี”พี่แกตอบยิ้มๆ ช่วงจังหวะที่รถติดไปแดงพี่ภูมิก็ก็ลูบผมของผมเบาๆอย่างอ่อนโอน มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเวลาที่อยู่ใกล้ๆพี่ภูมิ

 

 

“โห......อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเล้ย อีกหน่อยพอติดสาวๆก็คงจะลืมน้องชายคนนี้” ผมแสร้งตีหน้าเศร้าตอบพี่ภูมิออกไป

 

“ไม่มีสาวไหนน่าติดเท่าน้องเป้คนนี้หรอกคราบบบบบบบ”พี่ภูมิบอกพร้อมยีหัวผมเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

 

 

ตลอดการนั่งบนรถไปด้วยกันด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นแบบนี้มันทำให้ผมลืมความทุกข์ไป ได้ชั่วขณะ อย่างน้อยๆผมก็ไม่ต้องมานั่งเศร้าหรือผวาเมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่มัน เกิดกับผม

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“แกเก็บกระเป๋าเรียบร้อยยัง พรุ่งนี้ต้องมาขึ้นรถที่หน้าคณะตั้งแต่ตีห้าเลยนะ” นาวมันถามจอยขณะที่ทุกคนกำลังเก็บชีทใส่กระเป๋าหลังจากเรียนวิชาสุดท้าย เสร็จ

 

 

“ยังอ่ะะ ว่าจะรีบกลับไปเก็บอยู่เนี่ย”จอยตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนถามด้วยซ้ำ

 

 

“เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ” ผมตอบพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับ

 

 

“เออๆ โชคดี” พวกมันตอบก่อนที่ทั้งผม นาว เอก เปอร์ อิเจ๊และจอย จะพากันแยกย้ายกันกลับ เนื่องจากวันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาจึงกะว่าจะไปรอเรียกแท็กซี่ที่ประตูด้านหลัง ของคณะเพราะเย็นๆแบบนี้ถ้าไปรอประตูหน้ามีหวังยืนรอจนขาแข็งแน่ อีกอย่างตอนนี้ฝนเริ่มลงเม็กปรอยๆมาแล้วด้วย

 

ปิ๊บ ๆๆๆๆๆ เสียงคนบีบแตรดังลั่นด้านหลังผม แต่ผมไม่ได้สนใจก่อนจะรีบเดินไป แต่แล้วแขนผมก็ถูกกระชากอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับหน้าอกแกร่งพร้อมกลิ่นน้ำ หอมจางๆที่คุ้นกลิ่น

 

 

“กว่าจะหาโอกาสมาเจอเมียตอนที่อยู่คนเดียวได้เนี่ยมันช่างยากเหรอเกินนะ ไงมาเดินอ่อยใครแถวนี้อีกล่ะ มีกูเป็นผัวคนเดียวนี่ยังไม่พอรึไง”

 

 

“ไอ้........... อุ๊บ...อืม....อะ...ไอ้เลว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ” ก่อนที่ผมจะได้ด่าจบมันก็ประกบปากของมันลงมาปิดปากผมไว้ผมพยายามดิ้นสู้มัน สุดแรงก่อนที่มัจะถอนริมฝีปากและลิ้นของมันออกไป

 

 

“จุ๊ๆๆ....พูดไม่เพราะเลยนะคะเมีย  ไม่เอาๆไม่น่ารักเลยนะ อ่ะ!อย่า เพิ่งมาชวนผัวทะเลาะตอนนี้เลยฝนเริ่มตกหนักแล้ว เดี๋ยวไม่สบายเอานะ นี่ผัวเป็นห่วงเมียสุดสวาทจากใจจริงเลยนะเนี่ย” มันว่าด้วยสีหน้ากวนประสาทที่ขัดกับพูดพลางลากผมมาขึ้นรถของมันที่ติด เครื่องรออยู่ก่อนแล้ว แม้ตอนแรกผมจะพยายามสู้มัน แต่ก็อย่างที่มันว่าฝนเริ่มตกหนักแล้วเลยยอมตามมันไปขึ้นรถโดยดีแม้ความจริง แค่อากาสหายใจผมก็ไม่อยากจะใช้ร่วมกับมันก็ตาม

 

 

 

“มึงจะพากูไปไหน” พอขึ้นรถมาได้ผมก็เปิดปากถามมันทันที

 

 

“พูดกับผัวให้มันเพราะๆให้สมกับน่าตาน่ารักของมึงหน่อยสิครับเมีย”

 

 

“พูดกับคนเลวๆอย่างมึงมันก็ต้องใช้คำพูดแบบนี้แหละ และถ้ากูเป็นเมียมึง งั้นผู้หญิงอีกหลายสิบคนในมหาลัยที่มึงควงอยู่ก็คงเป็นเมียมึงเหมือนกันซินะ”

 

 

“นี่หึงกันเหรอเนี่ย ไม่เอาน่ะ ไม่ต้องไปคิดมา ไม่ต้องไปสนใจอดีต ถึงกูจะเปลี่ยนคู่ควงบ่อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยมึงก็เมียผู้ชายคนแรกและคนเดียวของกูเชียวนะ”

 

 

หึ น่าภูมิใจตายล่ะ กูจะบอกอะไรให้ว่าการมีผัวเลวๆแบบมึงกูยอมเอาตูดไปรูดกับเสาไฟฟ้าเล่นยังจะฟินซะกว่า” ผมตอบก็จะเสหน้าไปนอกหน้าต่าง แม้ทางจะมืดแต่แสงจากดวงจันทร์ก็พอจะให้ผมเหลือบเห็นไปเห็นลางๆว่ามันกำพวง มาลัยแน่นขบกรามจนเห็นเส้นเลือดปูดที่ขมับหลังจากฟังผมพูดจบ  ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปไหน รู้แต่ว่าทางที่มันกำลังจะพาผมไปมันเปลี่ยวมากจนผมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเท่า ไหร่ จนผมต้องเอ่ยถามมันอีกครั้ง

 

 

“นี่ ตกลงมึงจะพากูไปไหนเนี่ย จอดเดี๋ยวนี้นะ กูจะลง” แม้ทางจะเปลี่ยวแต่ผมยอมลงตรงนี้ดีกว่าต้องนั่งร่วมทางไปกับมัน อย่างน้อยๆตอนนี้ฝนก็เริ่มซาลงแล้ว

 

 

“บอกให้จอดไงหูหนวกรึไงห๊า!!! ” ผมตะคอกใส่หน้ามันที่ตอนนี้ดูมันไม่สะทกสะท้านอะไรนั่นยิ่งทำให้ผมโมโหที่ ไม่ได้รับปฏิกริยาตอบกลับจากมัน ซ้ำมันยังยิ้มเยาะมาให้ผมอีก ผมเลยตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูรถออก

 

 

“นี่มึงจะทำบ้าอะไรเนี่ย อยากตายมากนักรึไงห๊า” มันหันมาตะคอกใส่ผมเมื่อเห็นว่าผมเปิดประตูรถออกทั้งๆที่ยังแล่นอยู่

 

 

“งั้นก็จอดสิวะ กูบอกจะลงๆมึงฟังไม่รู้เรื่องรัยังไง”

 

 

“อยากลงมากนักใช่มั๊ย? ได้ เดี๋ยวกูจัดให้”

 

 

 

 

ผลั๊ก!!!!!!

 

 

 

 

 

โอ๊ย!!

 

 

 

 

มันถีบและใช้มีอีกข้างผลักผมลงจากรถขณะที่รถยังแล่นอยู่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมแทบไม่รู้สึกเจ็บอะไร รู้เพียงแต่ก่อนหน้านั้นศีรษะของผมกระแทกกับก้อนหินอย่างแรงจนได้กลิ่นคาว เลือดคละคลุ้งไปหมดก่อนที่สติของผมจะดับวูบไป

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” ผมถามหลังจากที่หมอได้เข้าไปดูอาการของเป้มันซักพัก หลังจากที่ผมนำตัวมันมาส่งที่โรงพยาบาล หลายๆคนคงจะมองว่านายกวินคนนี้คงสำนึกดีหรือรู้สึกผิดอยู่ล่ะสิท่า ฮ่าๆๆๆ ถ้าคุณกำลังคิดแบบนั้นผมบอกเลยว่าคุณคิดผิดหลังจากที่ผมถีบมัน ตกรถไปแล้วขับต่อมาได้ซักพักผมเหลือบมองไปที่กระจกหลังก็ยังไม่เห็นว่ามันจะ ลุกขึ้น เลยกลัวว่ามันจะตายไปซะก่อนที่ผมจะเบื่อกับการเล่นสนุกกับร่างกายของมันน่ะ สิ และอีกอย่างบรรดาเพื่อนๆของผมมันก็อยากจะลิ้มลองร่างกายของเป้มันจนตัวสั่น ขนาดนั้น ไอ้ผมก็เป็นเพื่อนที่ดีมีน้ำใจก็กะจะใช้โอกาสนี้ให้เพื่อนๆได้สมปรารถนากัน ซักหน่อย ถ้าเกิดมันตายไปก็อดกันพอดี

 

“ตอนนี้คนไข้มีรอยฟกช้ำตามร่างกายนิดหน่อย จะมีก็แค่ตรงศีรษะที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก เดี๋ยวรอคนไข้ฟื้นและดูผลเอกซ์เรย์อีกทีว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือน ด้วยรึเปล่า แต่ตอนนี้อาการของคนไข้ก็พ้นขีดอันตรายแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษ เชิญญาติไปรอที่ห้องได้เลยครับ” หลังจากที่หมอบอกเสร็จก็เดินจากไปทิ้งให้ผมที่ยืนอยู่ยิ้มขึ้นมาด้วยความ ดีใจ

 

“เฮ้อ! โล่งอกไปทีนึกว่ามึงจะชิ่งหนีตายไปซะก่อน กูเอามึงไปแค่ไม่กี่ทีเอง ถ้ามึงตายไปจริงๆกูคงเสียดายแย่ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมว่าพลางเดินไปห้องพิเศษที่พยาบาลเตรียมไว้เพื่อรอเมียสุดที่รักฟื้นขึ้นมา ว่าแต่จะลองเปลี่ยนสถานที่เป็นโรงพยาบาลก็ตื่นเต้นดีนะ แค่คิดกวินน้อยมันลุกแล้ว

 

 

หลังจากที่พยาบาลพาเป้มานอนที่ห้องพิเศษผมก็โทรให้แม่บ้านกับคนขับรถของที่บ้าน แวะไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นที่คอนโดมาให้ ตอนแรกผมก็กะว่าจะกลับไปนอนสบายๆที่คอนโดนั่นแหละ แต่พอคิดอีกทีเผื่อว่ามันตื่นขึ้นมาแล้วคิดจะหนีผมไปคงต้องมาเหนื่อยตามหา ตัวกันให้วุ่นแน่ หลังจากอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะนอนก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของมันดัง ขึ้นหลายสายจนผมทนรำคาญไม่ไหวต้องกดรับแทน

 

“หวัดดีครับ”

 

(เอ่อ....ขอสายเป้หน่อยคะ)ผมยกโทรศัพท์มาดูปรากฏชื่อนาว เพื่อนในกลุ่มของมันอีกคน สวยหุ่นดี แถมได้ข่าวว่าเป็นอดีตดาวคณะซะด้วย

 

“พอดีตอนนี้เป้ไม่ว่างรับสายครับนาว มีอะไรรึป่าว”

 

 

(แล้วไม่ทราบนั่นใครพูดคะ)

 

 

“ผมกวินเองครับ มีธุระสำคัญอะไรกับเป้รึเปล่าฝากบอกผมไว้ก็ได้นะครับ”

 

 

(พอดีจะโทรมาถามเรื่องไปค่ายพรุ่งนี้น่ะคะ ว่าจะบอกเป้มันว่าพรุ่งนี้รุ่นพี่เลื่อนนัดมาเป็นตอนหกโมงเช้าจากตีห้าน่ะ)

 

“อ้าวพรุ่งนี้ไปค่ายด้วยเหรอ ทำไงดีล่ะเป้ไม่สบายมากผมว่าคงหายไม่ทันแน่ๆ”

 

(แล้วเป้มันเป็นอะไร   ละ....แล้วมันอยู่ที่ไหนตอนนี้) เธอถามอย่างร้อนรนจนผมแทบขำออกมา คงจะรักเพื่อนมากสินะ

 

“ไม่เป็นไรมากหรอกครับเดี๋ยวผมดูให้ แต่พรุ่งนี้ผมว่าเป้คงไปไม่ได้แน่ๆ ถ้ายังไงผมฝากแจ้งคนอื่นๆให้ด้วยแล้วกันนะครับ” ผมถือวิสาสะจัดการทุกอย่างให้เป้มัน หลังจากนั้นก็คุยกันนิดหน่อยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องอาการของมันนี่แหละ  หลังจากนาววางสายไปเพื่อนๆในกลุ่มก็โทรเข้ามาถามอาการของเป้มันไม่ขาดสาย จนผมต้องปิดเครื่องหนีไม่งั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนแน่ๆ

 

 

“นะ.......น้ำ”

 

 

“ขะ.......ขอน้ำหน่อย”

 

 

“อ้าว!ฟื้นแล้วเหรอ” ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของเป้มันบ่นพึมพำอะไรก็ไม่รู้น่ารำคาญ เพิ่งตีห้ากว่าๆเอง ฟ้ายังไม่สว่างเลย

 

 

“อ่ะ น้ำ” ผมบอกพลางรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้มันดื่ม ดูมันมีสีหน้าอิดโรยคงยังเจ็บแผลที่หัวอยู่ และท่าทางมึนๆงงๆของมันโดยเฉพาะสายตาที่มันใช้มองมาที่ผมไม่ค่อยจะคุ้นชินจน ต้องถามออกไป

 

“เป็นอะไร” มันไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาและจ้องมองมาที่ผมพร้อมขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่ผมกำลังจะเอ่ยปากถามมันอีกครั้งก็ต้องชะงักค้างกับประโยคที่มันเอ่ยขึ้นมาว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

”คะ....คุณเป็นใคร?”

 

 

 

 

 

- - - - - TBC - - - - -

 

ตอนนี้หม้อเดือดเต็มที่แล้วเตรียมใส่มาม่าลงไปได้เลยปล.ตอนนี้ที่เป้เริ่มใช้มึง-กู แทน ผม-นายกับกวิน ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนเลยนะครับว่าปกติเป้ก็ไม่ใช่คนสุภาพมากมายอะไรอยู่แล้วเวลาพูดกับเพื่อนก็มึงๆกูๆ แก-ชั้น ไปตามอารมณ์ ณ ตอนนั้นแต่ถ้าคุยกับคนที่ไม่สนิทก็จะสุภาพขึ้นมาหน่อย แต่ตอนนี้ต้องเข้าใจว่ากวินมันทำระยำกับเป้ซะขนาดนั้นจะมาให้เรียกคุณๆผมๆก็คงไม่ใช่อ่ะ คืออารมณ์มันจะขัดๆไป ไม่เรียกไอ้เปรตก็บุญของวินมันแล้วจึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน เข้าใจนะคราฟ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา