สาปรักเสน่ห์แค้น
เขียนโดย bearry
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.39 น.
แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 20.41 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 1 : งานใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เอาล่ะค่ะ...มองกล้องนะคะ..ดีค่ะดี...หนึ่ง..สอง..สาม..ยิ้ม!..เยี่ยมค่ะเยี่ยม” ฉันพูดขึ้นพร้อมๆ กับกดชัตเตอร์รัวๆ เพื่อบันทึกภาพนางแบบสาวสวยหุ่นเป๊ะ ผิวสีแทนฉันชะโงกหน้าออกจากกล้องตัวโปรดเพื่อมองดูรูปร่างสวยสง่าให้เต็มตา
“คุณน้องสวยจริงๆ นะคะ” ฉันพูดไป มือก็ยกขึ้นซับเลือดกำเดาที่ไหลหยดติ่งๆ ด้วยความหื่นกระหาย
นมเป็นนม ก้นเป็นก้น เริดมากค่า บอกเลย!! ฉันอยากให้เธอมาใส่ชุดคอสเพลย์เซ็กซี่ถ่ายแบบให้ฉันจัง ดูต้นขานั้นสิ อยากจะไปลูบจังเลย คันมือจะทนไม่ไหวอยู่แล้วให้ตายสิ!!
คงเพราะว่ารังสีความหื่นกระหายของฉันแผ่ซ่านมากเกินไป นางแบบสาวสวยที่สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นตรงหน้ามีท่าทางกระดากอาย นัยน์ตาสีฟ้าของเธอเหลือบมองหนีไปทางอื่น
“คุณพี่โรซ่าครับ นางแบบกลัวหมดแล้วครับ” เด็กฝึกงานข้างกายฉันเอ่ยเรียกสติเบาๆ ก่อนฉันจะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเลือนสายตามาที่หลังเลนส์อีกครั้ง เสียงกดชัดเตอร์ยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับแสงจากไฟแฟลชที่สว่างจ้าจนแสบตา
“ลดแฟลชเป็น 2 ต่อ 4 ” ฉันออกปากสั่ง เด็กหนุ่มข้างกายก็วิ่งไปจัดการทันที การทำงานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ภายใต้คำสั่งของฉันเพียงผู้เดียว
“เอาล่ะ!!เรียบร้อย!...เด็กใหม่!ไปเรียกฝ่ายรีทัชมา...ฉันต้องการรูปคุณนางแบบคนนี้ที่หน้าอกเนียนเด้ง ต้นขาเรียบสวย หน้าใสไร้ตำหนิ” ตวาดเสียงลั่นออกคำสั่งแล้วออกเดินทิ้งไว้เพียงเหล่าพนักงานรุ่นน้องวิ่งกันให้วุ่น ฉันเดินทอดน่องผ่านผู้คนในบริษัทมุ่งตรงไปยังห้องด้านในสุดทางเดินที่มีป้ายติดไว้ว่า ประธานกรรมการ
“เจ้าเหม่ง!โบนัสของฉันล่ะ!” ประโยคทักทายของฉันทำเอาชายหนุ่มวัยกลางคน ผู้มีหน้าผากมันเงาวาววับพ่นน้ำชาในปากออกมา
“โบนัสอะไรของเธอ...ยัยประสาทโรซารี่!!” เขาตอบกลับมา ขณะที่ฉันปิดประตู แล้วพาตัวเองมานั่งลงที่โซฟาในห้องของเขาอย่างไม่เกรงใจ แม้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นหัวหน้าของฉันก็ตาม
“แอนดี้...ฉันลากสังขารจากนิวยอร์กมาเมืองทุรกันดารแบบนี้เพื่อถ่ายปกหนังสือให้คุณเลยนะ..สำนึกเสียบ้างสิเจ้าเหม่ง” ฉันเริ่มต่อลองเพื่อรำลึกบุญคุณกับชายตรงหน้า ผู้ชายแสนดีผู้เป็นเพื่อนของฉันตั้งแต่สมัยประถม ชายหนุ่มผู้ที่ฉันเอารัดเอาเปรียบมาตลอดเกือบทั้งชีวิตที่ผ่านมา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหยิบสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ยัยแม่มด!ถ้าไม่เห็นเธอยังมีประโยชน์...ฉันไล่เธอออกไปนานแล้ว” แม้จะพูดแบบนี้แต่เขาก็ยังเซ็นเช็คให้ฉันด้วยใบหน้าหงุดหงิด ยิ่งพอโมโหหน้าผากของเขาก็จะมันวาวขึ้นมากกว่าปกติ เป็นแบบนี้จะไม่ให้ฉันแกล้งเขาได้ยังไงไหวสีหน้าตอนโมโหของเขาน่ารักขนาดนี้ เพราะปกติชอบเก๊กหน้านิ่งเป็นประธานกรรมการจอมเผด็จการ จะมีก็แต่ตอนที่ฉันแหย่เขาเท่านั้นแหละเขาถึงจะแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง
“อย่าทำเป็นพูดเลยแอนดี้...คุณไล่ฉันไปไม่ได้หรอก...ไม่มีใครเข้าใจคุณเท่าฉันแล้ว” ฉันพูดอย่างมั่นใจในตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเขาก็ไม่เถียง เพราะมันคือความจริง เราอยู่ด้วยกันมานานมาก รวมเวลาได้ 20 กว่าปี ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ในทางกลับกันเขาก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันเช่นกัน คนในบริษัทมักบอกว่าพวกฉันน่าจะแต่งงานอยู่กินกันซะ แต่เมื่อเรามองหน้ากันความรู้สึกคลื่นไส้บางอย่างกลับโจมตีจนต้องวิ่งไปอ้วก แค่นึกภาพพวกเราอยู่กินแบบสามีภรรยาขนก็ลุกชันแล้ว
ให้ โรซารี่ บาล์ว แต่งงานกับ แอนดี้ เบิร์ค ก็เหมือนส่งพี่น้องผู้หญิงฝาแฝดคู่หนึ่งไปแต่งงานกันนั้นแหละ!!
“โรซารี่...ช่วงนี้เธอนอนเต็มอิ่มรึป่าว...ตาเธอคล้ำขึ้นนะ” แม้จะปากร้ายยังไงเขาก็ยังคงห่วงฉัน ฉันได้แต่ยิ้มแล้วพาตัวเองไปเท้าคางมองหน้าเขาที่โต๊ะทำงานไม้ราคาเฉียดแสน ดวงตาของเราสบกันฉันมองเขาอย่างซุกซน แต่เขากลับมองฉันอย่างสำรวจ
หล่อขนาดนี้ ดันมาทำหน้านิ่งเก๊กอยู่นั้นแหละ ดูสิคิ้วหนาๆนั้นจะชนกันอยู่แล้วนะ
“ทายสิคะ” หลอกล่อเขาด้วยรอยยิ้ม เขายื่นมือมาสัมผัสเส้นผมสีดำรอนนุ่มของฉันก่อนกระชากเต็มแรงดึงฉันเข้าหา หน้าของพวกเราห่างกันเพียงคืบ
“เธอฝันอีกแล้วเหรอ?” ก็อย่างที่บอกเขารู้ทุกอย่างของฉัน ฉันเพียงแค่ยิ้มก่อนส่ายหน้าแล้วตอบอย่างเรียบๆ
“ป่าวหรอก...” ปฏิเสธไปแบบนั้น แต่แอนดี้กลับทำเสียงจิจ๊ะอย่างไม่พอใจ
“อย่ามาโกหก...ตาเธอคล้ำแถมบวมขึ้นจากอาทิตย์ก่อน...นอกจากนี้มีสิวขึ้นที่หน้าผากเธอแบบนี้ตลอด...เวลาเธอนอนไม่พอ...ถ้าไม่ใช่เพราะฉันร้ายนั้นจะมีอะไรกวนใจแม่มดร้ายอย่างเธอได้กัน” บ่นมายาวขนาดนี้นี่เขาเป็นห่วงฉันสินะ เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าเขาน่ารักขนาดนี้ ผู้หญิงคนไหนโสด สวย ทำอาหารเก่ง ใจดี มารับชายโสดฐานะดีคนนี้ไปดูแลทีเถอะค่ะ!
“เพราะฉันใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปหรอกน่า...ตอนถ่ายรูปมันใส่แว่นไม่ถนัด...”ฉันยังคงตอบปัด เพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเกินไป เมื่อหลายปีก่อนรู้สึกจะเป็นช่วงที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 อยู่ ฉันประสบปัญหาเนื่องจากความฝันที่นานๆ เดือนล่ะครั้งจะกลับมาตามหลอกตามหลอนแบบหนังฉายซ้ำช่องเคเบิ้ลทีวี กลับมาทักทายกันทุกคืนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ เพราะความรู้สึกในฝันช่างเหมือนจริง จะให้มาวิ่ง มาร้องไห้เหมือนคนบ้าแล้วแทงตัวเองตาย ติดต่อกันหลายวันจากนั้นค่อยสะดุ้งตื่นกลางดึกแบบนี้ทำให้ฉันนอนไม่พอจนรู้สึกหงุดหงิด ฉันเลยตัดสินใจอดหลับอดนอนไปเลยถึง 4 วัน เมื่อเข้าวันที่ 5 ร่างกายก็ทนรับไม่ไหว จำได้ว่าฉันล้มพับไประหว่างวิชาเรียน เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีแอนดี้นั่งเฝ้าข้างเตียง เขาต่อว่าฉันไม่หยุดถึง 2 ชั่วโมง เมื่อถูกแอนดี้ถามถึงสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องสลบไป 2 วัน 2 คืนเต็มๆ ฉันจึงยอมเปิดปากเล่าเรื่องความฝันเดิมๆ นี่ให้เขาฟัง หลังจากนั้นเขาก็พาฉันไปปรึกษากับจิตแพทย์เสียยกใหญ่ พอฉันบอกว่าฉันฝันมานานตั้งแต่เด็กแล้ว เขาก็ยิ่งโมโหบอกว่าปล่อยอาการประสาทหลอนมานานขนาดนี่ได้อย่างไร ส่วนข้อสรุปที่คุณหมอสุดหล่อบอกฉันและแอนดี้ก็เพียง เพราะความเครียดและความรู้สึกเสียใจที่มีต่อการสูญเสียในอดีต
เมื่อตอน 6 ขวบ คุณพ่อและคุณแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต ฉันจึงถูกส่งตัวไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าเนื่องจากไม่มีญาติที่ไหน ตอนนั้นเองฉันก็ได้พบกับแอนดี้ เบิร์ค ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะพวกเราอายุใกล้กันเลยสนิทกันเร็ว จากนั้นเราก็อยู่ด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน และนี่คือเรื่องราวการพบกันของฉันและชายหนุ่มหัวเหม่งผู้แสนดี
“อย่าคิดอะไรปัญญาอ่อน” เสียงแอนดี้เอ่ยคัด ฉันยังคงแย้มยิ้มอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนฉันเอื้อมมือไปกุมมือของชายตรงหน้าของฉันเบาๆ ก่อนส่งสายตาออดอ้อน
“โรซารี่ บาล์ว สาวงามสัญชาติอเมริกันคนนี้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมานาน ความลำบากยากเข็นทำให้ฉันคือฉันจนถึงทุกวันนี้...ไม่มีอะไรทำร้ายแม่มดแสนงามคนนี้ของคุณได้หรอกค่ะเจ้าเหม่ง”
“ประสาท!จะเป็นอะไรก็เรื่องของเธ---“ เขาปัดมือของฉันทิ้งอย่างไม่ใยดีแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค มือที่กำลังยื่นเช็คเงินสดมาให้ฉันก็คว้างอยู่กลางอากาศเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แอนดี้ละสายตาจากฉันก่อนจะกดรับสายโดยที่ในมือของเขายังคงถือเช็คอยู่ ฉันถอนหายใจแล้วนั่งลงบนโต๊ะของเขาเพื่อรอเช็คในมือนั้น เมื่อไม่มีสัญญาณไล่ให้ไป ฉันก็ไม่ไป นั่งเคาะโต๊ะเบาๆ รอเขาคุยโทรศัพท์
จากที่ฟังเป็นงานถ่ายภาพประกอบหนังสือ ทำ Art work เพื่อการประชาสัมพันธ์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อมัลติมิเดียทั้งหลาย ผู้ว่าจ้างกำลังจะเปิดเกาะของตนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงต้องการนำเสนอความเป็นมาของเกาะแก่นักท่องเที่ยว งานดูน่าเบื่อ เพราะเป็นงานที่ต้องวางแผนจึงต้องไปสำรวจสถานที่จริงก่อนเพื่อหาจุดเด่นในการนำเสนอ งานประเภทนี้ใช้เวลาเยอะ ประธานกรรมการที่น่ารักของฉันจึงไม่ค่อยอยากรับเท่าไหร่ แต่ที่ทำให้แอนดี้ดูสนใจแสดงว่าค่าตอบแทนนั้นต้องเป็นตัวเลขที่งามพอดู
“ผมยินดีมากครับที่ทางคุณไว้ใจเราให้ทำงานนี้...หืม?...เงื่อนไข?” เสียงของแอนดี้เงียบไป เขามีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองมาทางฉัน เห็นท่าทางแบบนั้นฉันก็รู้เลยว่าทางผู้ว่าจ้างต้องการให้ฉันเป็นผู้ถ่ายนั้นเอง
“เท่าไหร่คะนายท่าน” ฉันถามออกไปโดยที่แอนดี้ยังไม่วางสาย เขาหันมามองฉันอย่างห้ามปราม ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แอนดี้พูดคุยกับผู้ว่าจ้างเพียงสองสามคำ ก่อนยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันเชิงบอกให้รับไปตกลงกันเอง ฉันรับมาแนบหูก่อนเอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะ..คุณลูกค้าต้องการให้ฉันรับใช้อะไรคะ” ทักทายอย่างร่าเริงและไม่เป็นทางการ เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งจนฉันต้องเอ่ยเรียกซ้ำ
“คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้า...อย่าตกใจในเสียงอันไพเราะของฉันเลยค่ะ...งานล่ะคะงานน่ะ”
“อ่า...ต้องขอโทษด้วยครับ...ผมตื่นเต้นมากไปหน่อย...ผมเป็นแฟนคลับผลงานของคุณมานาน ได้มาคุยกันแบบนี้เลยประหม่าเล็กน้อยน่ะครับ” เสียงสุภาพของปลายสายเอ่ยตอบ เสียงของเขาสั่นอย่างอดกลั้น นี่คงจะตื่นเต้นมากสินะ โธ่ๆ พ่อหนูน้อย ถ้าพี่สาวเจอเธอจะเอ็นดูเธออย่างดีเลยนะจ๊ะ
“รายละเอียดงานที่คุณต้องการ...คุณจะส่งมาทางอีเมล์ให้ฉันได้ไหมค่ะ?...การถ่ายทำฉันจำเป็นต้องนัดเวลากับทีมงานก่อนค่ะ”
“ทางผมมีความต้องการให้คุณมาหารือเรื่องรายละเอียดกันที่เกาะครับ...เราอยากให้คุณเสนอมุมมองออกมาผ่านสายตาของคุณมากกว่า...เราทราบว่างานนี้ต้องใช้เวลา...เกาะของเราค่อนข้างใหญ่และมีจุดท่องเที่ยวเยอะ...เราต้องการให้คุณมาเก็บข้อมูลให้มากที่สุดครับ...ไม่ต้องห่วงนะครับ...ค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางเราจะเป็นผู้จัดการทุกอย่างเอง” คำตอบของเขาทำให้ฉันครุ่นคิดเล็กน้อย ฉันก้มมองดูตารางการรับงานของฉันในสมุดบันทึก ช่างประจวบเหมาะ ในช่วง 2 เดือนนี้เป็นจังหวะที่ฉันไม่รับงานพอดี
เพราะว่าก่อนหน้านี้ บริษัทของเราที่เป็นโปรดักชั่นเฮาท์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง รับงานถ่ายภาพยนตร์สั้นถึง 6 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีถ่ายแบบให้สินค้าและนิตยสาร ไม่รวมมิวสิกวิดีโออีกเกือบ 10 ตัว เรียกว่าเป็นเดือนนรกแตกที่งานเข้าอย่างหนัก ผลจากการโหมงานไม่ได้หลับได้นอนเป็นเดือนๆ ท่านประธานกรรมการเลยมีบัญชาให้ฉันพักงาน 2 เดือน ถ้าไม่ติดว่าช่างภาพอีกคนไม่ลาป่วยวันนี้ ป่านนี้ฉันคงไปนอนอาบแดดอยู่ที่เกาะที่ไหนสักแห่งแล้ว
“2 เดือนสินะคะ...บังเอิญจริงๆ เป็นช่วงพักร้อนของฉันพอดี”
“ครับ...บังเอิญมาก...” เสียงปลายสายตอบเรียบๆ ฉันหันไปมองหน้าของแอนดี้ก่อนจะยิ้ม ชี้ไปที่เช็คเงินสดในมือของเขาแล้วขยับปากเบาๆ บอกเขาว่า “ขอค่าขนมเพิ่มด้วย” เขาถลึงตามองอย่างโมโห แต่พอฉันทำท่าจะกดวางสาย แอนดี้ก็ยอมฉีกเช็กใบนั้นทิ้งแล้วเขียนใหม่ให้ฉัน ฉันรับมันมาไว้อย่างพอใจแล้ว ส่งสายตาราวกับเด็กที่ขออนุญาตคุณพ่อออกไปเที่ยวข้างนอก แอนดี้โบกมือเชิงไล่
ฉันยิ้มรับท่าทางแบบนั้นของเขาอย่างอารมณ์ดี แน่นอนโอกาสดีๆ แบบนี้ นานๆ ทีจะมีสักหน ไหนๆ ก็มีแผนจะไปนอนอาบแดดที่เกาะทางใต้อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นเกาะอื่นจะเป็นไรไป
“ค่ะ...ตกลงค่ะ...ต้องการให้เริ่มงานเมื่อไหร่ค่ะ?”
--------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแล้วววว เริ่มเรื่องแล้ว ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์ของแอนดี้กับโรซารี่มากเลยค่ะ
เพื่อนที่เป็นยิ่งกว่าครอบครัว เพราะต้องดูและกันมาตลอด 20 ปี ถึงแอนดี้จะปากร้ายยังไง
ก็จะใจดีกับนางเอกของเราเสมอนะ พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ฝากด้วยค่าาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ