Gogyo no gadian no dense ตำนาน 5ผู้พิทักษ์แห่งธาตุ
6.3
เขียนโดย Ormsin2541
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.04 น.
10 ตอน
4 วิจารณ์
13.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 03.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ซากุ จิตวิญญาณแห่งต้นซากุระ (Rewrite)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTsubasa Talk
ช่วงเย็น หลังเลิกเรียน
หลังจากพักกลางวันตอนนั้นก็ผ่านเวลามาจนเลิกเรียนแล้ว ผมกำลังเดินตรงกลับบ้านคนเดียวเพราะฮิคาริจังชวนโอกิจังกับพี่ซากุระไปช้อปปิ้งตามภาษาผู้หญิง ส่วนเจ้าไทโยมันต้องรีบกลับบ้านเพราะพ่อกับแม่ของเจ้านั้นไปทำงานต่างเมืองก็เลยกลับช้า
เฮ้อ∼ วันนี้พ่อก็ไม่อยู่สงสัยงานนี้เราต้องทำข้าวเย็นเองซะแล้วสิ สักพักผมเดินมาถึงทางแยกทางซ้ายไปบ้านส่วนทางขวาไปต้นซากุระ ผมยืนคิดสักแปปแล้วเดินเลี้ยวไปทางขวา เอาเถอะ แวะไปหน่อยละกัน
ผมเดินมาได้สักพักก็มาถึงต้นซากุระ ผมหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครหรืออะไรอยู่ที่นี้ไหม คงไม่มีใครอยู่หรอก ผมเดินเข้าไปใกล้ต้นซากุระแล้วยกมือแตะที่ต้นซากุระจากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง
"มาแล้วเหรอจ้ะ สึบาสะ วันนี้มีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังเหรอ?" สักพักก็มีเสียงร่าเริงเหมือนเด็กกำลังตื่นเต้นดังขึ้นมาในหัวผม เป็นเสียงผู้หญิงอายุประมาณ 19-21ปี ผมลืมตาขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองต้นซากุระ ผมยิ้มให้กับ "เธอ" อย่างอ่อนโยน
"อือ มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเยอะเลยละ “ซากุ” รับรองว่าเธอต้องอยากฟังแน่" ผมพูดกับต้นซากุระหรือซากุ ผมเล่าเรื่องของวันนี้ให้เธอฟังอย่างละเอียด ถ้าจะให้เล่าว่าผมสามารถพูดกับซากุได้ยังไง คงต้องย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีก่อน
5 ปีก่อน
ตอนนั่นผมยังอายุแค่ 15 ปี และเรียนอยู่ที่โรงเรียนม.ต้นธรรมดาๆ ผมยังใช้เปลงเพลิงแห่งธาตุไม่ครองแครวเท่าไรด้วย ส่วนพี่ซากุระตอนนั้นยังอายุ 17 ปี และเป็นแค่นักเรียนชั้นบีเท่านั้นเอง
ผมกับพี่มักจะเดินไปที่ต้นซากุระที่เป็นความลับระหว่างเราสองคนทุกครั้งที่เราว่างหรือมีวันหยุดตรงกัน เราสองคนมักจะมาฝึกควบคุมเปลวเพลิงแห่งธาตุด้วยกันเสมอ
พี่ซากุระควบคุมเปลวเพลิงได้ดีกว่าเหล่าเพื่อนๆในชั้นทิวาและยังพัฒนาไปได้เรื่อยๆจนตอนนั้นมีแมวมองมาขอพี่เขาไปทำงานด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นงานนางแบบแฟชั่นกับนิตยสารซะส่วนใหญ่ แต่พี่เขาก็ตอบปฏิเสธไปทั้งหมด ถึงปัจจุบันพวกนั้นจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องพี่ซากุระก็เถอะ
ตอนนั้นผมเคยถามพี่ซากุระนะ ว่า 'ทำไมถึงไม่รับงานละครับ?' พี่เขาก็บอกกับผมว่า 'เพราะพี่มีสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว...นะจ้ะ' พี่ซากุระพูดแค่นั้นแล้วพอผมถามไปอีกว่าสิ่งที่อยากทำคืออะไร พี่เขาก็ไม่ตอบอะไรอีกเลย
ส่วนตอนนั้นผมทำได้แค่จุดให้มันติดอยู่บนมือลูกเล็กๆเท่าเม็ดถั่วและไม่มีการพัฒนาเท่าไหรเลย ก็เลยถูกพวกเพื่อนๆในชั้นค่อยๆล้อเลียนต่างๆน่าๆ จนผมรู้สึกแย่สุดๆไปเลยละ แต่ก็ได้พี่ซากุระกับพ่อค่อยเป็นกำลังใจและบอกให้ผมพยายามเข้าไว้ ผมถึงได้เป็นอย่างปัจจุบันนี้ได้
แต่วันนึงพี่ซากุระก็ไม่มาที่ต้นซากุระ ทั้งๆพี่เขาไม่เคยมาสายหรือช้าและไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้งยิ่งกับผมแล้วด้วยน่ะ กลับยังมาไม่ถึงที่นี่ ผมหันซ้าหันขวาหาพี่ซากุระแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ผมวางกระเป่าไว้ข้างๆตัวและนั่งลงแล้วเอนหัวพิงต้นซากุระ ผมกะจะนั่งรอพี่ซากุระเพราะตอนนั้นคิดว่าพี่เขาคงมีงานเยอะก็เลยมาช้า แต่ไม่ว่ารอเท่าไหรพี่เขาก็ไม่สักที แต่ผมยังคงรอต่อไปจนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้แหละตอนนั้นเอง......ที่ผมพบกับเธอคนนั้น
"สึบาสะจ้ะ ไม่เป็นไรนะ อีกไม่นานพี่ของเธอก็มาแล้วละ"
"!!!!" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอใครหรืออะไรยืนอยู่ใกล้ๆเลย ตอนนั้นผมคิดว่า 'หูฝาดไปเหรอ?'
ผมลุกขึ้นยืนแต่จู่ๆผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากข้างหลังพอรู้สึกแบบนั้น ผมก็คิดว่ามีคนอยู่หลังแน่ๆ ผมจึงหันไปมองแต่ก็ไม่เจอใครสักคนนอกจากต้นซากุระ 'ไปไหนแล้ว!?'
"ใครนะ! ออกมาเดียวนี้น่ะ!" ผมตะโกนสุดเสียงเผื่อว่าจะมีคนออกมาแต่ก็ไม่มีใครออกมา ผมเริ่มกลัวเพราะคิดว่าอาจเป็นมอนเตอร์ที่หลุดเข้ามาในเมืองและสามารถเลียนแบบเสียงของมนุษย์ได้ ตอนผมไม่คิดอะไรเลยนอกจาก...หนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด!
ผมหยิบกระเป่าขึ้นแล้วกำลังจะออกตัววิ่ง แต่ต้องชะงักเมื่อมีกลีบดอกซากุระกลีบนึงลอยลงมาที่จมูกผมแค่นั้นแหละทำให้ความกลัวของผมหายไปเฉยๆ ทำไมกัน? มันก็แค่กลีบดอกซากุระธรรมดาที่บังเอิญตกมาที่จมูกของผมก็เท่านั้นเอง
แล้วทำไมมันกลับทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยได้อย่างหน้าประหลาด? ผมหันกลับไปมองต้นซากุระอีกครั้ง หรือเพราะต้นซากุระต้นนี้? ผมคิดอย่างนั้นก่อนจะลองเอามือไปแตะดูแล้วสักพักเสียงนั้นก็ดังอีกครั้งนึง
"ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ สึบาสะและก็ขอโทษนะจ้ะ ที่ทำให้ตกใจ" ผมสะดุ้งอีกครั้งแต่ก็น้อยกว่าตอนแรก ผมเงยหน้ามองกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยมาไม่หยุด ตอนนั้นผมได้รู้ความจริงอีกอย่างของต้นซากุระต้นนี้คือมันมีจิตใจเป็นของตัวเอง ผมตกใจมากแต่ไม่ถึงขนาดสติแตกวิ่งหนีไป
[แล้วไอ้เมื่อกี้มันอะไรไม่ทราบ? หือ? by ไรเตอร์]
[ยุ่งน่า! แค่ตกใจนิดหน่อยเองและตอนนั้นผมยังเป็นเด็กด้วย // กอดอก // แต่แกรีบกลับไปแต่งต่อเลยไป๊! by สึบาสะ]
"เออ...คุณต้นซากุระครับที่คุณบอกว่าพี่สาวผมกำลังมาเนี่ย จริงเหรอครับ?" ผมรวบรวมสติและความกล้าถามออกไป ถ้าพี่ซากุระหรือใครมาเห็นเข้า พวกเขาคงคิดว่าผมบ้าแน่ๆเลย
"จริงสิจ้ะ เพราะจากที่นี่ฉันมองเห็นพี่สาวเธอได้นะ แต่เรื่องนั้นไว้ทีหลังก่อน ลองเดินไปทางนั้นสิจ้ะ" ต้นซากุระพูดจบกิ่งไม้ของต้นซากุระก็สั่นไปทางหน้าผาเบาๆ เหมือนเธอต้องการจะบอกให้ผมเดินไปทางนั้น
ผมหันไปมองทางหน้าผาอย่างกลัวๆ กลัวว่าเธออาจจะทำร้ายผมจากข้างหลังหรือไม่ก็ใช้กิ่งไม้ผลักผมตกหน้าผาก็ได้ แต่สุดท้ายผมก็เดินไปตามที่เธอบอก ผมไปยืนอยู่ตรงขอบหน้าผาแล้วต้องตกใจ
"ว้าว!" ผมอุทานอย่างตื่นเต้นเพราะสิ่งที่ผมได้เห็นนั้นก็คือภาพเมืองผมที่ตอนนี้มันดูเล็กลงอย่างกับมด แสงไฟจากตึกสูงและจากบ้านหลายหลังกำลังส่องแสงระยิบระยับอย่างสวยงามจนผมเมื่อตอนนั้นรู้สึกทึ่งในความสวยงามของเมืองมากเลยที่เดียว มันเป็นวิวที่ผมหรือพี่ไม่เคยสังเกตุมาก่อนตลอดที่มาที่นี่เลยสักนิด ผมมองดูไปสักพักผมก็หันกลับไปมองต้นซากุระอีกครั้ง ผมก็เดินมายืนใกล้ๆจากนั้นยกมือขึ้นมาแล้วแตะที่ต้นซากุระอีกครั้งแล้วเสียงของเธอก็ดังเข้ามาในหัวผม
"เป็นไง? สวยไหมใช้มั้ยจ้ะ?" เธอถามผมอย่างร่าเริงเหมือนกับเด็กๆที่อยากอวดถาพวาดที่ตัวเองวาดให้ผู้ใหญ่ดู ผมพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆกับเสียงของเธอ จากนั่นผมก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้รอบๆต้นซากุระสั่นขึ้นมาพร้อมๆกันเบา
สังเกตดีๆ...ดูเมื่อเธอกำลังดีใจที่ผมพูดชมวิวที่เธอบอกให้ไปดูมา จากนั้นเธอเล่าเรื่องราวหลายๆอย่างให้ผมฟังทั้งเรื่องที่นี่เคยมีหมู่บ้านมาเมื่อสมัยก่อนนี้หรือเรื่องที่มีคนมาสาบานรักที่นี่มาแล้วหลายคู่
"รู้อะไรมั้ยจ้ะ ฉันเมื่อก่อนนี้นะฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนด้วยละ"
"จริงเหรอครับ? งั้นคุณช่วยเล่าตอนที่คุณมีชีวิตให้ผมฟังหน่อยสิครับ?" ผมถามเธอไปด้วยความอยากรู้ เธอตอบกลับมาว่าเธอเล่าไม่ได้เพราะว่าเธอจำไม่ได้แล้วว่าเธอเคยชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ ปีไหนหรือแม้แต่หน้าตาตัวเองยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ตอนนั้นผมก็รู้ได้ทันที เธอเหงาและโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปีเพราะผมเห็นกิ่งไม้มันงอลงมาและอีกสาเหตุนึงคือไม่มีใครพูดกับเธอและไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเลยแม้แต่คนเดียวมานานมาก ผมรู้สึกผิดที่ดันพูดทำร้ายจิตใจของเธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมลองลูบต้นไม้ไปมาหลายรอบเพื่อมันอาจจะปลอบใจเธอได้บ้าง มันได้ผล กิ่งไม้เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
"ผมขอโทษครับ คุณซากุ" แล้วจู่ๆกิ่งไม้มันก็เริ่มสั่งช้าๆหันมาทางผม ผมเมื่อตอนนั้นรู้สึกงงกับอาการของซากุแต่ผมก็ได้รู้คำตอบของสาเหตุที่กิ่งไม้ของซากุสั่น
"สึบาสะ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะจ้ะ?" เธอถามอย่างสงสัยส่วนกิ่งไม้รอบๆต้นซากุระก็เริ่มสั่นเร็วขึ้นผมเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำและมีดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า
"เมื่อกี้ผมเรียกคุณว่าซากุครับ"
"ทำไมถึงเรียกฉันอย่างนั้นละจ้ะ?"
"ที่ผมเรียกคุณว่าซากุ เพราะจะให้เรียกคุณว่าต้นซากุระเนี่ย มันรู้สึกแปลกๆผมก็เลยคิดชื่อให้กับคุณนะครับ ซากุที่ตัดตัวระออกก็เลยออกเสียงว่าซากุไงครับ" ผมพูดพร้อมยิม้บางๆเพื่อให้เธอคลายความสงสัยของเธอ แต่จู่ๆเธอก็เงียบไปเฉยๆ ตอนนั้นผมคิดว่าผมพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า?
แต่จู่ๆต้นซากุระก็ส่องแสงสีชมพู่ออกมา ผมรีบหลับตาลงพร้อมยกแขนบังแสงมันจ้าจากต้นซากุระ ตอนนั้นผมคิดว่าเธอคงโกรธผมที่ไปตั้งชื่อให้เธออย่างหน้าตาเฉย ผมกำลังจะพูดขอโทษเธอ แต่ ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยคำขอโทษ ผมก็รู้สึกเหมือนมีมือมาวางบนหัวผมแล้วลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน ผมลืมตาขึ้นช้าๆดูว่าใครเป็นเจ้าของมือที่วางอยู่บนหัวผม สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือ
ผู้หญิงผมยาวสีชมพู่เหมือนซากุระ ผิวขาวใสของเธอเหมือนกับสีขาวของหิมะในฤดูหนาว ตาสีน้ำตาลไหม้ ริมฝีปากของเธอทาลิปสติกสีชมพู่ สวมชุดกิโมโนสีชมพู่ลายดอกซากุระสีขาว ยืนลูบหัวและมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมมองเธอตาค้างไม่ใช้เพราะเธอสวย แต่ที่ผมตาค้างเพราะผมตกใจครับ! คุณผู้อ่าน ที่จู่ๆก็มีผู้หญิงมายืนอยู่ตรงหน้าผม เธอยกมือออกจาหัวผมแล้วก้มมองตัวเองอย่างแปลกใจ
"ว้าว!! นี่ฉันเหรอ ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี่ย" เธอพูดอย่างแปลกใจ ผมจ้องเธอตาค้างเพราะยังไม่หายตกใจที่เธอจู่ๆก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าตอนไหนไม่รู้ พอเธอรอบตัวเองเรียบร้อยเธอหันมามองผม
"ขอบใจเธอมากเลย สึบาสะ" เธอพูดขอบคุณอย่างร่าเริง ขอบคุณผมงั้นเหรอ? นี้ผมไปช่วยอะไรเธอตอนไหนละเนี่ย?
"คะ..คุณเป็นใครครับ? แล้วคุณรู้ชื่อผมได้ยังไงกันครับ?" ผมถามเธออย่างสุภาพและระแวง ผมเอามือซ้ายไขว้หลังไว้แล้วก็ทำการรวบรวมเพลิงวายุไว้ในมือเตรียมไว้โจมตีเธอ ถ้าเธอคิดจะทำร้ายผมหรือเล่นตุกติกอะไร เธอมองผมสักพักเธอก็หัวเราะเบาๆอย่างไม่สาเหตุ
"โธ้ สึบาสะนี้ละก็ แค่ฉันอยู่ในร่างมนุษย์ ก็จำกันไม่ได้แล้วเหรอจ้ะ? เธอพึ่งตั้งชื่อให้ฉันอยู่หยกๆเองนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ดี หา!? ผมเนี่ยนะ? ไปตั้งชื่อให้กับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้นะ? ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วงงสิครับ ผมไปตั้งชื่อให้เธอตอนไหนกันคนที่ผมตั้งชื่อให้ก็มีแต่...เออ...หรือว่า?
"ซากุ? คุณคือคณซากุงั้นเหรอ!?" ผมถามเธออย่างสงสัยปนตะลึง เธอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วเธอก็พยักหน้าให้ผม เธอไม่ตอบเปล่าๆนะแค่เธอยกมือขึ้นกิ่งไม้ของต้นซากุระก็เริ่มสั่นช้าๆแล้วเริ่มเร็วขึ้น
ผมจะไม่ตกใจเลยละถ้ากิ่งไม้พวกนี้มันสั่นได้ทั้งๆที่ไม่มีลมพัดมาเลยนะ! เท่านั้นแหละผมถึงเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมคือซากุจริงๆ แล้วผมก็สลายเพลินวายุที่อยู่ในมือให้หายไปทันที
"เอาละ ที่นี้เราก็คุยกันได้อย่างสะดวกแล้วนะจ้ะ สึบาสะ" และนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ผมเจอกับซากุเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ผมหายตะลึงแล้ว ผมกับซากุก็นั่งบนพื้นหญ้าแล้วคุยกันหลายๆอย่างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเล่าบ้างเรื่องของเมืองเอเลเมอร์ นอกจากนั้นผมก็ยังเล่าเรื่องผมกับพี่สาวให้ซากุฟังอีกด้วย
ดูเหมือนซากุจะตั้งใจฟังเรื่องที่เล่ามาก แทบจะไม่พูดขัดผมแม้แต่นิดเดียวตอนแรกผมก็สงสัยทำไมเธอถึงตั้งใจฟังเรื่องที่เล่านักนะ แล้วพอผมหันหลังไปมองต้นซากุระผมก็เข้าใจเหตุผลที่ซากุตั้งใจฟังเรื่องที่ผมเล่า
เพราะว่าเธอไปไหนไม่ได้ ใช้เธอไปไหนไม่ได้ก็เธอเป็นต้นไม้นี้นะ เธอจะเดินเข้าไปในเมืองเหมือนคนธรรมดาได้ยังไงกันละ ขืนเข้าเมืองไปในสภาพต้นซากุระเดินได้ละก็คงโดนพวกสภานักเรียน (รุ่นก่อนที่ผมจะเข้าเรียนและรุ่นก่อนพี่ซากุระจะเข้าเป็นรองประธานสภาโรงเรียนกาเดี่ยน)โจมตีแน่นอน เพราะมีที่ไหนจะต้นไม้เดินเข้าเมืองเหมือนคนธรรมดา เขาคงคิดว่าซากุจะเป็นพวกมอนสเตอร์มากกว่าจะเป็นต้นไม้ซะอีก
"เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ? สึบาสะ จู่ๆเธอก็เงียบไปเลยนะ?"
"เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณซากุ เอ๋! คุณซากุ! มือคุณมัน!!" ผมพูดอย่างตกใจ เมื่อผมบังเอิญหันไปมองมือของซากุกำลังจางลงจนมองทะลุได้เหมือนอากาศ เธอก้มมองมือของตัวเองเธอแทบไม่แสดงอาการตกใจหรืออะไรเลย ในทางกลับกันเธอกลับยิ้มนิดๆ ผมงงๆกับท่าทางของเธอ เธอกำลังยิ้ม? ทำไมกันละ? นอกจากมือของเธอแล้วขาเธอก็เริ่มจางลงเลื่อยๆ
"เฮ้อ อยู่ในร่างนี้ได้แค่ 15นาทีเองงั้นเหรอเนี่ย รู้สึกเสียดายเหมือนกันแฮะ" ซากุพูดอย่างเสียดาย สิบห้านาทีงั้นเหรอ? หมายความว่าเธอยอยู่ในร่างมนุษย์นี้ได้แค่สิบห้านาทีงั้นเหรอทำไมมันน้อยอย่างนี้ละ
"คุณซากุ คุณกำลังจะหายไปงั้นเหรอครับ?" ผมถามเธออย่างสงสัย ผมกลัวว่าเธอจะหายแบบคุยกับผมไม่ได้อีกแล้วนะ เธอหันมามองผมแล้วเธอก็ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนเธอยืนมือมาวางบนหัวผม
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฉันแค่กลับไปอยู่ในต้นซากุระเท่านั้นเอง ไม่ได้หายเลยซะหน่อยอย่าคิดอย่างนั้นสิจ้ะ สึบาสะ" เธอพูดอย่างอ่อนโยน ผมมองเธออย่างเสียดายที่ได้คุยกันได้แค่นี้ แต่ก่อนผมจะได้พูดอะไร ตัวซากุลอยขึ้นจากพื้นแล้วลอยเข้าไปใกล้ต้นซากุระ
"อ้อจริงสิจ้ะ สึบาสะ ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอซะสองอย่างนะจ้ะ" ซากุยังคงพูดอย่างร่าเริงเหมือนเป็นเรื่องปกติ ขอร้องผมงั้นเหรอ? ผมพยักหน้าแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เธอจะพูด ซากุยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วยกมือชูสองนิ้วให้ผมเห็น
"ข้อแรก เธอต้องไม่บอกใครเรื่องของฉันเด็ดขาด โดยเฉพาะพี่สาวเธอนะ" ซากุพูดกับด้วยสีหน้าจริงจัง ห้ามบอกใครเรื่องของซากุนะพอเข้าใจอยู่หรอกแต่ทำไมถึงเล่าให้พี่ซากุระฟังไม่ได้ละ?
"ทำไมถึงบอกพี่ซากุระไม่ได้ละครับ คุณซากุ?" ผมถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ ก็ผมนะไม่เคยมีความลับกับพี่ซากุระมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนมาถึงตอนนี้แล้ว จู่ๆจะให้มีความลับนี้มันก็แปลกๆอยู่นะ
"เพราะว่าพี่ของเธออาจคิดว่าฉันเป็นมอนสเตอร์ก็ได้และฉันก็...ไม่กล้าคุยกับใครนอกจากสึบาสะเท่านั้นเอง"ซากุพูดด้วยท่าทางเขิลอาย อ้อ เป็นอย่างนี้เอง ที่แท้ซากุก็เป็นพวกขี้อายนี้เอง
"อุบ! ฮ้าๆๆๆๆ" พอผมคิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็อดที่หัวเราะไม่ได้จริงๆกับความเขินอายของเธอ
"หะ..หัวเราะอะไรของเธอนะ!! สึบาสะ!!!" ซากุตะโกนด้วยท่าทางโกรธ แต่พอผมท่าทางของเธอแทนที่ผมคิดว่าเธอน่ากลัว แต่ผมกลับคิดว่าเธอน่ารักมากกว่าน่ากลัวซะอีก
"ขอโทษครับๆ พอรู้ว่าคุณเป็นพวกขี้อายแล้วมันอดที่จะหัวเราะไม่ได้นี้ครับ" พอเธอได้ยินผมพูดว่าขี้อายหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาอ่อนๆ
"ฉะ...ฉันไม่ได้ขี้อายซะหน่อย! แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เราพูดถึงข้อสองกันดีกว่านะ" ซากุพูดอย่างอายนิดๆ แต่เธอพูดถึงคำขอที่สองของเธอ ซากุทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาซึ่งผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆผมจึงตั้งใจฟัง
"ข้อสองง่ายมากๆแค่....เธอต้อง....เลิกสุภาพกับฉันแค่นี้แหละ" ซากุพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็...งงสิครับ ผมไม่ได้งงอะไรมากหรอกงงแค่ให้เลิกสุภาพกับเธอแค่นี้แล้วทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยเหรอ!
"งั้นฉันไปก่อนนะจ๊ะ สึบาสะ อ้อ อีกอย่างนึงพี่สาวเธอใกล้มาแล้วนะจ๊ะ" ซากุพูดแค่นั้นแล้วก็หายไป นั้นแหละครับคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของผมกับซากุละครับคุณผู้อ่าน
ปัจจุบัน
"แหละเพราะเหตุผลนี้เอง ฉันถึงต้องเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้นะ"
"อ้อ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง"
ผมเล่าเรื่องของวันนี้ให้ซากุฟังรวมถึงเรื่องที่โอกิจังด้วย ซากุพูดด้วยเสียงร่าเริงเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่หนนี้เธอไม่อยู่ในร่างมนุษย์หรอกครับ รู้สึกเหมือนว่าเธอจะเคยบอกกับผมว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้ต่อเมื่อถึงเวลากลางคืนในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น
"เอาละ ฉันต้องกลับบ้านแล้วละ"
"ทำไมวันนี้รีบกลับละจ๊ะ สึบาสะ?"
"วันนี้พ่อฉันไม่อยู่บ้านนะก็เลยต้องรีบกลับบ้านนะ" ผมลุกขึ้นยืนเพื่อบิดตัวคลายความเมื่อย แล้วหันไปมองต้นซากุระแล้วเอามือแตะลำต้นซากุระเพื่อจะได้คุยกับซากุต่อ
แล้วสายตาของผมก็ไปเห็นกิ่งไม้ของต้นซากุระก็เริ่มสั่นช้าๆ ซากุกำลังน้อยใจสินะ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาผมสังเกตการเคลื่อนไหวของต้นซากุระมาตลอดนะสิ ผมถึงรู้ไงว่าซากุตอนรู้สึกอะไรอยู่
"ไม่เอาน่าซากุ พรุ่งนี้เดียวฉันมาใหม่น่ะ" ผมพูดปลอบใจซากุพร้อมกับลูบต้นไม้เบาๆ กิ่งไม้หยุดสั่นแล้วยกขึ้นลงช้าๆ ซากุหายน้อยใจแล้วสินะ
"จ้ะ"
"งั้นฉันไปก่อนน่า" ผมพูดลาซากุแล้วเดินถือกระเป๋าลงจากเขาไปโดยคิดไปตลอดทางว่า........เย็นนี้จะกินอะไรดี??
Tsuubasa Talk End
แถมท้ายจ้า
ทางด้านสาวๆ
ตอนนี้กำลังช้อบปิ้งกันอย่างสนุกสนานกันในห้างใกล้ๆโรงเรียนทั้งเลือกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และอีกมากมาย
"นี้คารินจังคิดว่าตัวนี้เป็นไงจ๊ะ" โอกิถามฮิคาริเกี่ยวกับชุดเดรสสีฟ้าแบบเปิดไหล่ข้างเดียวที่อยู่ในมือของตัวเอง ฮิคาริมองชุดอย่างพิจารณา
"เหมาะกับพี่โอกิมาเลยค่ะ พี่ซากุระคิดว่าไงค่ะ?" ฮิคาริตอบโอกิแล้วหันไปถามซากุระที่ตอนนี้เธอกำลังเลือกต่างหูอยู่ ซากุระหันมามองชุดเดรสในนือของโอกิ
"แหมๆ เหมาะกับโอกิจังมากเลยจ๊ะ" ซากุระพูดแค่นั้นแล้วหันไปเลือกต่างหูต่อ ส่วนโอกิกับฮิคาริพอได้รับคำตอบจากซากุระก็เลือกดูชุดตัวต่อไป โดยทั้งสามคนไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานที่นี้กำลังจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
ช่วงเย็น หลังเลิกเรียน
หลังจากพักกลางวันตอนนั้นก็ผ่านเวลามาจนเลิกเรียนแล้ว ผมกำลังเดินตรงกลับบ้านคนเดียวเพราะฮิคาริจังชวนโอกิจังกับพี่ซากุระไปช้อปปิ้งตามภาษาผู้หญิง ส่วนเจ้าไทโยมันต้องรีบกลับบ้านเพราะพ่อกับแม่ของเจ้านั้นไปทำงานต่างเมืองก็เลยกลับช้า
เฮ้อ∼ วันนี้พ่อก็ไม่อยู่สงสัยงานนี้เราต้องทำข้าวเย็นเองซะแล้วสิ สักพักผมเดินมาถึงทางแยกทางซ้ายไปบ้านส่วนทางขวาไปต้นซากุระ ผมยืนคิดสักแปปแล้วเดินเลี้ยวไปทางขวา เอาเถอะ แวะไปหน่อยละกัน
ผมเดินมาได้สักพักก็มาถึงต้นซากุระ ผมหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครหรืออะไรอยู่ที่นี้ไหม คงไม่มีใครอยู่หรอก ผมเดินเข้าไปใกล้ต้นซากุระแล้วยกมือแตะที่ต้นซากุระจากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง
"มาแล้วเหรอจ้ะ สึบาสะ วันนี้มีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังเหรอ?" สักพักก็มีเสียงร่าเริงเหมือนเด็กกำลังตื่นเต้นดังขึ้นมาในหัวผม เป็นเสียงผู้หญิงอายุประมาณ 19-21ปี ผมลืมตาขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองต้นซากุระ ผมยิ้มให้กับ "เธอ" อย่างอ่อนโยน
"อือ มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเยอะเลยละ “ซากุ” รับรองว่าเธอต้องอยากฟังแน่" ผมพูดกับต้นซากุระหรือซากุ ผมเล่าเรื่องของวันนี้ให้เธอฟังอย่างละเอียด ถ้าจะให้เล่าว่าผมสามารถพูดกับซากุได้ยังไง คงต้องย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีก่อน
5 ปีก่อน
ตอนนั่นผมยังอายุแค่ 15 ปี และเรียนอยู่ที่โรงเรียนม.ต้นธรรมดาๆ ผมยังใช้เปลงเพลิงแห่งธาตุไม่ครองแครวเท่าไรด้วย ส่วนพี่ซากุระตอนนั้นยังอายุ 17 ปี และเป็นแค่นักเรียนชั้นบีเท่านั้นเอง
ผมกับพี่มักจะเดินไปที่ต้นซากุระที่เป็นความลับระหว่างเราสองคนทุกครั้งที่เราว่างหรือมีวันหยุดตรงกัน เราสองคนมักจะมาฝึกควบคุมเปลวเพลิงแห่งธาตุด้วยกันเสมอ
พี่ซากุระควบคุมเปลวเพลิงได้ดีกว่าเหล่าเพื่อนๆในชั้นทิวาและยังพัฒนาไปได้เรื่อยๆจนตอนนั้นมีแมวมองมาขอพี่เขาไปทำงานด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นงานนางแบบแฟชั่นกับนิตยสารซะส่วนใหญ่ แต่พี่เขาก็ตอบปฏิเสธไปทั้งหมด ถึงปัจจุบันพวกนั้นจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องพี่ซากุระก็เถอะ
ตอนนั้นผมเคยถามพี่ซากุระนะ ว่า 'ทำไมถึงไม่รับงานละครับ?' พี่เขาก็บอกกับผมว่า 'เพราะพี่มีสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว...นะจ้ะ' พี่ซากุระพูดแค่นั้นแล้วพอผมถามไปอีกว่าสิ่งที่อยากทำคืออะไร พี่เขาก็ไม่ตอบอะไรอีกเลย
ส่วนตอนนั้นผมทำได้แค่จุดให้มันติดอยู่บนมือลูกเล็กๆเท่าเม็ดถั่วและไม่มีการพัฒนาเท่าไหรเลย ก็เลยถูกพวกเพื่อนๆในชั้นค่อยๆล้อเลียนต่างๆน่าๆ จนผมรู้สึกแย่สุดๆไปเลยละ แต่ก็ได้พี่ซากุระกับพ่อค่อยเป็นกำลังใจและบอกให้ผมพยายามเข้าไว้ ผมถึงได้เป็นอย่างปัจจุบันนี้ได้
แต่วันนึงพี่ซากุระก็ไม่มาที่ต้นซากุระ ทั้งๆพี่เขาไม่เคยมาสายหรือช้าและไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้งยิ่งกับผมแล้วด้วยน่ะ กลับยังมาไม่ถึงที่นี่ ผมหันซ้าหันขวาหาพี่ซากุระแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
ผมวางกระเป่าไว้ข้างๆตัวและนั่งลงแล้วเอนหัวพิงต้นซากุระ ผมกะจะนั่งรอพี่ซากุระเพราะตอนนั้นคิดว่าพี่เขาคงมีงานเยอะก็เลยมาช้า แต่ไม่ว่ารอเท่าไหรพี่เขาก็ไม่สักที แต่ผมยังคงรอต่อไปจนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้แหละตอนนั้นเอง......ที่ผมพบกับเธอคนนั้น
"สึบาสะจ้ะ ไม่เป็นไรนะ อีกไม่นานพี่ของเธอก็มาแล้วละ"
"!!!!" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอใครหรืออะไรยืนอยู่ใกล้ๆเลย ตอนนั้นผมคิดว่า 'หูฝาดไปเหรอ?'
ผมลุกขึ้นยืนแต่จู่ๆผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากข้างหลังพอรู้สึกแบบนั้น ผมก็คิดว่ามีคนอยู่หลังแน่ๆ ผมจึงหันไปมองแต่ก็ไม่เจอใครสักคนนอกจากต้นซากุระ 'ไปไหนแล้ว!?'
"ใครนะ! ออกมาเดียวนี้น่ะ!" ผมตะโกนสุดเสียงเผื่อว่าจะมีคนออกมาแต่ก็ไม่มีใครออกมา ผมเริ่มกลัวเพราะคิดว่าอาจเป็นมอนเตอร์ที่หลุดเข้ามาในเมืองและสามารถเลียนแบบเสียงของมนุษย์ได้ ตอนผมไม่คิดอะไรเลยนอกจาก...หนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด!
ผมหยิบกระเป่าขึ้นแล้วกำลังจะออกตัววิ่ง แต่ต้องชะงักเมื่อมีกลีบดอกซากุระกลีบนึงลอยลงมาที่จมูกผมแค่นั้นแหละทำให้ความกลัวของผมหายไปเฉยๆ ทำไมกัน? มันก็แค่กลีบดอกซากุระธรรมดาที่บังเอิญตกมาที่จมูกของผมก็เท่านั้นเอง
แล้วทำไมมันกลับทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยได้อย่างหน้าประหลาด? ผมหันกลับไปมองต้นซากุระอีกครั้ง หรือเพราะต้นซากุระต้นนี้? ผมคิดอย่างนั้นก่อนจะลองเอามือไปแตะดูแล้วสักพักเสียงนั้นก็ดังอีกครั้งนึง
"ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ สึบาสะและก็ขอโทษนะจ้ะ ที่ทำให้ตกใจ" ผมสะดุ้งอีกครั้งแต่ก็น้อยกว่าตอนแรก ผมเงยหน้ามองกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยมาไม่หยุด ตอนนั้นผมได้รู้ความจริงอีกอย่างของต้นซากุระต้นนี้คือมันมีจิตใจเป็นของตัวเอง ผมตกใจมากแต่ไม่ถึงขนาดสติแตกวิ่งหนีไป
[แล้วไอ้เมื่อกี้มันอะไรไม่ทราบ? หือ? by ไรเตอร์]
[ยุ่งน่า! แค่ตกใจนิดหน่อยเองและตอนนั้นผมยังเป็นเด็กด้วย // กอดอก // แต่แกรีบกลับไปแต่งต่อเลยไป๊! by สึบาสะ]
"เออ...คุณต้นซากุระครับที่คุณบอกว่าพี่สาวผมกำลังมาเนี่ย จริงเหรอครับ?" ผมรวบรวมสติและความกล้าถามออกไป ถ้าพี่ซากุระหรือใครมาเห็นเข้า พวกเขาคงคิดว่าผมบ้าแน่ๆเลย
"จริงสิจ้ะ เพราะจากที่นี่ฉันมองเห็นพี่สาวเธอได้นะ แต่เรื่องนั้นไว้ทีหลังก่อน ลองเดินไปทางนั้นสิจ้ะ" ต้นซากุระพูดจบกิ่งไม้ของต้นซากุระก็สั่นไปทางหน้าผาเบาๆ เหมือนเธอต้องการจะบอกให้ผมเดินไปทางนั้น
ผมหันไปมองทางหน้าผาอย่างกลัวๆ กลัวว่าเธออาจจะทำร้ายผมจากข้างหลังหรือไม่ก็ใช้กิ่งไม้ผลักผมตกหน้าผาก็ได้ แต่สุดท้ายผมก็เดินไปตามที่เธอบอก ผมไปยืนอยู่ตรงขอบหน้าผาแล้วต้องตกใจ
"ว้าว!" ผมอุทานอย่างตื่นเต้นเพราะสิ่งที่ผมได้เห็นนั้นก็คือภาพเมืองผมที่ตอนนี้มันดูเล็กลงอย่างกับมด แสงไฟจากตึกสูงและจากบ้านหลายหลังกำลังส่องแสงระยิบระยับอย่างสวยงามจนผมเมื่อตอนนั้นรู้สึกทึ่งในความสวยงามของเมืองมากเลยที่เดียว มันเป็นวิวที่ผมหรือพี่ไม่เคยสังเกตุมาก่อนตลอดที่มาที่นี่เลยสักนิด ผมมองดูไปสักพักผมก็หันกลับไปมองต้นซากุระอีกครั้ง ผมก็เดินมายืนใกล้ๆจากนั้นยกมือขึ้นมาแล้วแตะที่ต้นซากุระอีกครั้งแล้วเสียงของเธอก็ดังเข้ามาในหัวผม
"เป็นไง? สวยไหมใช้มั้ยจ้ะ?" เธอถามผมอย่างร่าเริงเหมือนกับเด็กๆที่อยากอวดถาพวาดที่ตัวเองวาดให้ผู้ใหญ่ดู ผมพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆกับเสียงของเธอ จากนั่นผมก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้รอบๆต้นซากุระสั่นขึ้นมาพร้อมๆกันเบา
สังเกตดีๆ...ดูเมื่อเธอกำลังดีใจที่ผมพูดชมวิวที่เธอบอกให้ไปดูมา จากนั้นเธอเล่าเรื่องราวหลายๆอย่างให้ผมฟังทั้งเรื่องที่นี่เคยมีหมู่บ้านมาเมื่อสมัยก่อนนี้หรือเรื่องที่มีคนมาสาบานรักที่นี่มาแล้วหลายคู่
"รู้อะไรมั้ยจ้ะ ฉันเมื่อก่อนนี้นะฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนด้วยละ"
"จริงเหรอครับ? งั้นคุณช่วยเล่าตอนที่คุณมีชีวิตให้ผมฟังหน่อยสิครับ?" ผมถามเธอไปด้วยความอยากรู้ เธอตอบกลับมาว่าเธอเล่าไม่ได้เพราะว่าเธอจำไม่ได้แล้วว่าเธอเคยชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ ปีไหนหรือแม้แต่หน้าตาตัวเองยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ตอนนั้นผมก็รู้ได้ทันที เธอเหงาและโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปีเพราะผมเห็นกิ่งไม้มันงอลงมาและอีกสาเหตุนึงคือไม่มีใครพูดกับเธอและไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเลยแม้แต่คนเดียวมานานมาก ผมรู้สึกผิดที่ดันพูดทำร้ายจิตใจของเธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมลองลูบต้นไม้ไปมาหลายรอบเพื่อมันอาจจะปลอบใจเธอได้บ้าง มันได้ผล กิ่งไม้เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
"ผมขอโทษครับ คุณซากุ" แล้วจู่ๆกิ่งไม้มันก็เริ่มสั่งช้าๆหันมาทางผม ผมเมื่อตอนนั้นรู้สึกงงกับอาการของซากุแต่ผมก็ได้รู้คำตอบของสาเหตุที่กิ่งไม้ของซากุสั่น
"สึบาสะ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะจ้ะ?" เธอถามอย่างสงสัยส่วนกิ่งไม้รอบๆต้นซากุระก็เริ่มสั่นเร็วขึ้นผมเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำและมีดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า
"เมื่อกี้ผมเรียกคุณว่าซากุครับ"
"ทำไมถึงเรียกฉันอย่างนั้นละจ้ะ?"
"ที่ผมเรียกคุณว่าซากุ เพราะจะให้เรียกคุณว่าต้นซากุระเนี่ย มันรู้สึกแปลกๆผมก็เลยคิดชื่อให้กับคุณนะครับ ซากุที่ตัดตัวระออกก็เลยออกเสียงว่าซากุไงครับ" ผมพูดพร้อมยิม้บางๆเพื่อให้เธอคลายความสงสัยของเธอ แต่จู่ๆเธอก็เงียบไปเฉยๆ ตอนนั้นผมคิดว่าผมพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า?
แต่จู่ๆต้นซากุระก็ส่องแสงสีชมพู่ออกมา ผมรีบหลับตาลงพร้อมยกแขนบังแสงมันจ้าจากต้นซากุระ ตอนนั้นผมคิดว่าเธอคงโกรธผมที่ไปตั้งชื่อให้เธออย่างหน้าตาเฉย ผมกำลังจะพูดขอโทษเธอ แต่ ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยคำขอโทษ ผมก็รู้สึกเหมือนมีมือมาวางบนหัวผมแล้วลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน ผมลืมตาขึ้นช้าๆดูว่าใครเป็นเจ้าของมือที่วางอยู่บนหัวผม สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือ
ผู้หญิงผมยาวสีชมพู่เหมือนซากุระ ผิวขาวใสของเธอเหมือนกับสีขาวของหิมะในฤดูหนาว ตาสีน้ำตาลไหม้ ริมฝีปากของเธอทาลิปสติกสีชมพู่ สวมชุดกิโมโนสีชมพู่ลายดอกซากุระสีขาว ยืนลูบหัวและมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมมองเธอตาค้างไม่ใช้เพราะเธอสวย แต่ที่ผมตาค้างเพราะผมตกใจครับ! คุณผู้อ่าน ที่จู่ๆก็มีผู้หญิงมายืนอยู่ตรงหน้าผม เธอยกมือออกจาหัวผมแล้วก้มมองตัวเองอย่างแปลกใจ
"ว้าว!! นี่ฉันเหรอ ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี่ย" เธอพูดอย่างแปลกใจ ผมจ้องเธอตาค้างเพราะยังไม่หายตกใจที่เธอจู่ๆก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าตอนไหนไม่รู้ พอเธอรอบตัวเองเรียบร้อยเธอหันมามองผม
"ขอบใจเธอมากเลย สึบาสะ" เธอพูดขอบคุณอย่างร่าเริง ขอบคุณผมงั้นเหรอ? นี้ผมไปช่วยอะไรเธอตอนไหนละเนี่ย?
"คะ..คุณเป็นใครครับ? แล้วคุณรู้ชื่อผมได้ยังไงกันครับ?" ผมถามเธออย่างสุภาพและระแวง ผมเอามือซ้ายไขว้หลังไว้แล้วก็ทำการรวบรวมเพลิงวายุไว้ในมือเตรียมไว้โจมตีเธอ ถ้าเธอคิดจะทำร้ายผมหรือเล่นตุกติกอะไร เธอมองผมสักพักเธอก็หัวเราะเบาๆอย่างไม่สาเหตุ
"โธ้ สึบาสะนี้ละก็ แค่ฉันอยู่ในร่างมนุษย์ ก็จำกันไม่ได้แล้วเหรอจ้ะ? เธอพึ่งตั้งชื่อให้ฉันอยู่หยกๆเองนะ" เธอพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ดี หา!? ผมเนี่ยนะ? ไปตั้งชื่อให้กับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้นะ? ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วงงสิครับ ผมไปตั้งชื่อให้เธอตอนไหนกันคนที่ผมตั้งชื่อให้ก็มีแต่...เออ...หรือว่า?
"ซากุ? คุณคือคณซากุงั้นเหรอ!?" ผมถามเธออย่างสงสัยปนตะลึง เธอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วเธอก็พยักหน้าให้ผม เธอไม่ตอบเปล่าๆนะแค่เธอยกมือขึ้นกิ่งไม้ของต้นซากุระก็เริ่มสั่นช้าๆแล้วเริ่มเร็วขึ้น
ผมจะไม่ตกใจเลยละถ้ากิ่งไม้พวกนี้มันสั่นได้ทั้งๆที่ไม่มีลมพัดมาเลยนะ! เท่านั้นแหละผมถึงเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมคือซากุจริงๆ แล้วผมก็สลายเพลินวายุที่อยู่ในมือให้หายไปทันที
"เอาละ ที่นี้เราก็คุยกันได้อย่างสะดวกแล้วนะจ้ะ สึบาสะ" และนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นที่ผมเจอกับซากุเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ผมหายตะลึงแล้ว ผมกับซากุก็นั่งบนพื้นหญ้าแล้วคุยกันหลายๆอย่างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเล่าบ้างเรื่องของเมืองเอเลเมอร์ นอกจากนั้นผมก็ยังเล่าเรื่องผมกับพี่สาวให้ซากุฟังอีกด้วย
ดูเหมือนซากุจะตั้งใจฟังเรื่องที่เล่ามาก แทบจะไม่พูดขัดผมแม้แต่นิดเดียวตอนแรกผมก็สงสัยทำไมเธอถึงตั้งใจฟังเรื่องที่เล่านักนะ แล้วพอผมหันหลังไปมองต้นซากุระผมก็เข้าใจเหตุผลที่ซากุตั้งใจฟังเรื่องที่ผมเล่า
เพราะว่าเธอไปไหนไม่ได้ ใช้เธอไปไหนไม่ได้ก็เธอเป็นต้นไม้นี้นะ เธอจะเดินเข้าไปในเมืองเหมือนคนธรรมดาได้ยังไงกันละ ขืนเข้าเมืองไปในสภาพต้นซากุระเดินได้ละก็คงโดนพวกสภานักเรียน (รุ่นก่อนที่ผมจะเข้าเรียนและรุ่นก่อนพี่ซากุระจะเข้าเป็นรองประธานสภาโรงเรียนกาเดี่ยน)โจมตีแน่นอน เพราะมีที่ไหนจะต้นไม้เดินเข้าเมืองเหมือนคนธรรมดา เขาคงคิดว่าซากุจะเป็นพวกมอนสเตอร์มากกว่าจะเป็นต้นไม้ซะอีก
"เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ? สึบาสะ จู่ๆเธอก็เงียบไปเลยนะ?"
"เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณซากุ เอ๋! คุณซากุ! มือคุณมัน!!" ผมพูดอย่างตกใจ เมื่อผมบังเอิญหันไปมองมือของซากุกำลังจางลงจนมองทะลุได้เหมือนอากาศ เธอก้มมองมือของตัวเองเธอแทบไม่แสดงอาการตกใจหรืออะไรเลย ในทางกลับกันเธอกลับยิ้มนิดๆ ผมงงๆกับท่าทางของเธอ เธอกำลังยิ้ม? ทำไมกันละ? นอกจากมือของเธอแล้วขาเธอก็เริ่มจางลงเลื่อยๆ
"เฮ้อ อยู่ในร่างนี้ได้แค่ 15นาทีเองงั้นเหรอเนี่ย รู้สึกเสียดายเหมือนกันแฮะ" ซากุพูดอย่างเสียดาย สิบห้านาทีงั้นเหรอ? หมายความว่าเธอยอยู่ในร่างมนุษย์นี้ได้แค่สิบห้านาทีงั้นเหรอทำไมมันน้อยอย่างนี้ละ
"คุณซากุ คุณกำลังจะหายไปงั้นเหรอครับ?" ผมถามเธออย่างสงสัย ผมกลัวว่าเธอจะหายแบบคุยกับผมไม่ได้อีกแล้วนะ เธอหันมามองผมแล้วเธอก็ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนเธอยืนมือมาวางบนหัวผม
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ฉันแค่กลับไปอยู่ในต้นซากุระเท่านั้นเอง ไม่ได้หายเลยซะหน่อยอย่าคิดอย่างนั้นสิจ้ะ สึบาสะ" เธอพูดอย่างอ่อนโยน ผมมองเธออย่างเสียดายที่ได้คุยกันได้แค่นี้ แต่ก่อนผมจะได้พูดอะไร ตัวซากุลอยขึ้นจากพื้นแล้วลอยเข้าไปใกล้ต้นซากุระ
"อ้อจริงสิจ้ะ สึบาสะ ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอซะสองอย่างนะจ้ะ" ซากุยังคงพูดอย่างร่าเริงเหมือนเป็นเรื่องปกติ ขอร้องผมงั้นเหรอ? ผมพยักหน้าแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เธอจะพูด ซากุยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วยกมือชูสองนิ้วให้ผมเห็น
"ข้อแรก เธอต้องไม่บอกใครเรื่องของฉันเด็ดขาด โดยเฉพาะพี่สาวเธอนะ" ซากุพูดกับด้วยสีหน้าจริงจัง ห้ามบอกใครเรื่องของซากุนะพอเข้าใจอยู่หรอกแต่ทำไมถึงเล่าให้พี่ซากุระฟังไม่ได้ละ?
"ทำไมถึงบอกพี่ซากุระไม่ได้ละครับ คุณซากุ?" ผมถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ ก็ผมนะไม่เคยมีความลับกับพี่ซากุระมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนมาถึงตอนนี้แล้ว จู่ๆจะให้มีความลับนี้มันก็แปลกๆอยู่นะ
"เพราะว่าพี่ของเธออาจคิดว่าฉันเป็นมอนสเตอร์ก็ได้และฉันก็...ไม่กล้าคุยกับใครนอกจากสึบาสะเท่านั้นเอง"ซากุพูดด้วยท่าทางเขิลอาย อ้อ เป็นอย่างนี้เอง ที่แท้ซากุก็เป็นพวกขี้อายนี้เอง
"อุบ! ฮ้าๆๆๆๆ" พอผมคิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็อดที่หัวเราะไม่ได้จริงๆกับความเขินอายของเธอ
"หะ..หัวเราะอะไรของเธอนะ!! สึบาสะ!!!" ซากุตะโกนด้วยท่าทางโกรธ แต่พอผมท่าทางของเธอแทนที่ผมคิดว่าเธอน่ากลัว แต่ผมกลับคิดว่าเธอน่ารักมากกว่าน่ากลัวซะอีก
"ขอโทษครับๆ พอรู้ว่าคุณเป็นพวกขี้อายแล้วมันอดที่จะหัวเราะไม่ได้นี้ครับ" พอเธอได้ยินผมพูดว่าขี้อายหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาอ่อนๆ
"ฉะ...ฉันไม่ได้ขี้อายซะหน่อย! แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เราพูดถึงข้อสองกันดีกว่านะ" ซากุพูดอย่างอายนิดๆ แต่เธอพูดถึงคำขอที่สองของเธอ ซากุทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาซึ่งผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆผมจึงตั้งใจฟัง
"ข้อสองง่ายมากๆแค่....เธอต้อง....เลิกสุภาพกับฉันแค่นี้แหละ" ซากุพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็...งงสิครับ ผมไม่ได้งงอะไรมากหรอกงงแค่ให้เลิกสุภาพกับเธอแค่นี้แล้วทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยเหรอ!
"งั้นฉันไปก่อนนะจ๊ะ สึบาสะ อ้อ อีกอย่างนึงพี่สาวเธอใกล้มาแล้วนะจ๊ะ" ซากุพูดแค่นั้นแล้วก็หายไป นั้นแหละครับคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของผมกับซากุละครับคุณผู้อ่าน
ปัจจุบัน
"แหละเพราะเหตุผลนี้เอง ฉันถึงต้องเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้นะ"
"อ้อ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง"
ผมเล่าเรื่องของวันนี้ให้ซากุฟังรวมถึงเรื่องที่โอกิจังด้วย ซากุพูดด้วยเสียงร่าเริงเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่หนนี้เธอไม่อยู่ในร่างมนุษย์หรอกครับ รู้สึกเหมือนว่าเธอจะเคยบอกกับผมว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้ต่อเมื่อถึงเวลากลางคืนในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น
"เอาละ ฉันต้องกลับบ้านแล้วละ"
"ทำไมวันนี้รีบกลับละจ๊ะ สึบาสะ?"
"วันนี้พ่อฉันไม่อยู่บ้านนะก็เลยต้องรีบกลับบ้านนะ" ผมลุกขึ้นยืนเพื่อบิดตัวคลายความเมื่อย แล้วหันไปมองต้นซากุระแล้วเอามือแตะลำต้นซากุระเพื่อจะได้คุยกับซากุต่อ
แล้วสายตาของผมก็ไปเห็นกิ่งไม้ของต้นซากุระก็เริ่มสั่นช้าๆ ซากุกำลังน้อยใจสินะ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาผมสังเกตการเคลื่อนไหวของต้นซากุระมาตลอดนะสิ ผมถึงรู้ไงว่าซากุตอนรู้สึกอะไรอยู่
"ไม่เอาน่าซากุ พรุ่งนี้เดียวฉันมาใหม่น่ะ" ผมพูดปลอบใจซากุพร้อมกับลูบต้นไม้เบาๆ กิ่งไม้หยุดสั่นแล้วยกขึ้นลงช้าๆ ซากุหายน้อยใจแล้วสินะ
"จ้ะ"
"งั้นฉันไปก่อนน่า" ผมพูดลาซากุแล้วเดินถือกระเป๋าลงจากเขาไปโดยคิดไปตลอดทางว่า........เย็นนี้จะกินอะไรดี??
Tsuubasa Talk End
แถมท้ายจ้า
ทางด้านสาวๆ
ตอนนี้กำลังช้อบปิ้งกันอย่างสนุกสนานกันในห้างใกล้ๆโรงเรียนทั้งเลือกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และอีกมากมาย
"นี้คารินจังคิดว่าตัวนี้เป็นไงจ๊ะ" โอกิถามฮิคาริเกี่ยวกับชุดเดรสสีฟ้าแบบเปิดไหล่ข้างเดียวที่อยู่ในมือของตัวเอง ฮิคาริมองชุดอย่างพิจารณา
"เหมาะกับพี่โอกิมาเลยค่ะ พี่ซากุระคิดว่าไงค่ะ?" ฮิคาริตอบโอกิแล้วหันไปถามซากุระที่ตอนนี้เธอกำลังเลือกต่างหูอยู่ ซากุระหันมามองชุดเดรสในนือของโอกิ
"แหมๆ เหมาะกับโอกิจังมากเลยจ๊ะ" ซากุระพูดแค่นั้นแล้วหันไปเลือกต่างหูต่อ ส่วนโอกิกับฮิคาริพอได้รับคำตอบจากซากุระก็เลือกดูชุดตัวต่อไป โดยทั้งสามคนไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานที่นี้กำลังจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ