Gogyo no gadian no dense ตำนาน 5ผู้พิทักษ์แห่งธาตุ
6.3
เขียนโดย Ormsin2541
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.04 น.
10 ตอน
4 วิจารณ์
13.55K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 03.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) โรงเรียนผู้พิทักษ์ (Rewrite)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความOki Talk
หลังจากพวกเราสองลงมาจากเนินเขามา ฉันก็เดินตามหลังสึบาสะคุงมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะฉันพึ่งย้ายมาอยู่ในเมืองนี้ ก็เลยไม่ค่อยรู้ทางเท่าไร ว่าแต่ตั้งแต่ที่ลงจากเนินเขามาพวกเราแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยยังไงไม่รู้แฮะ
"เออ....สะ..สึบาสะคุง ขะ..ขอถามอะไรหน่อยสิค่ะ?" ฉันพูดอย่างตะกุกตะกระพร้อมมองสึบาสะคุงด้วยสีหน้าประมาดสุดๆ คะ แค่ถ้าถามนิดหน่อย ขะ เขาจะว่าอะไรหรือเปล่านะ? สึบาสะคุงหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาสงสัยพร้อมยิ้มบางๆอย่างเป็นกันเอง
"จะถามอะไรเหรอครับ? โอกิจัง" สึบาสะคุงถามกลับมาด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างอบอุ่น แต่สำหรับฉันมันน่ารักมากกว่าอบอุ่นนะ ฉันรู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า ฉันก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อหลบรอยยิ้มของเขา แหม~ คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาน่ารักน่ากอดเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้หญิงเลยอ่า~
"โอกิจัง?"
"อ๊ะ! เออ..คือว่า.....โรงเรียนกาเดี่ยนเป็นยังไงเหรอค่ะ? ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกฉันหนอยได้ไหมค่ะ?" ฉันถามไปด้วยความสงสัย ฉันแทบจะไม่รู้เรื่องโรงเรียนกาเดี่ยนเลยสักนิด รู้มาแค่ว่าที่นั้นสอนการใช้ "โยโซ โนะ โฮโนะ*" ซึ่งฉันรู้แค่วิธีควบคุมมันแต่รายระเอียดที่เหลือฉันไม่รู้ค่ะ
อ้อ Yoso no hono (เปลวเพลิงแห่งธาตุ) ก็คือพลังแห่งธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมนุษย์ค่ะ มีรูปร่างเป็นเปลวไฟหลากสีสัน มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละธาตุและคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งมีเปลวไฟอีกหลากหลายสีสันที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่ถูกค้นพบแล้วตอนนี้ก็มี
เพลิงสีแดง-ธาตุอัคคี
เพลิงสีน้ำเงิน-ธาตุวารี
เพลิงสีนำ้ตาล-ธาตุปฐพี
เพลิงสีเขียวอ่อน-ธาตุวายุ
เพลิงสีเหลือง-ธาตุอัสนีคุณสมบัติคือเพิ่มพลังทำลายให้กับ
เพลิงสีขาว-ธาตุทิวา
เพลิงสีดำ-ธาตุราตรี
เพลิงสีเขียวเข้ม-ธาตุพฤกษา
และ เพลิงสีขาวอมฟ้า-ธาตุเหมันต์
ส่วนที่เปลวเพลิงที่เหลือกำลังอยู่ในขั้นการค้นหาอยู่ค่ะ ขอจบการอธิบายแค่นี้ค่ะ
สึบาสะคุงยกมือขวากุมคางพร้อมทำหน้าคิดอะไรบ้างอย่างเงียบๆ นี้แค่ถามเรื่องโรงเรียนจะต้องคิดด้วยเหรอ? ตกลงมันเป็นยังไงกันนะ? โรงเรียนกาเดี่ยนนะ?
"อืม มันก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ว่าถึงผมไม่บอกคุณ อีกเดียวคุณจะรู้เองคัรบ ว่าโรงเรียนกาเดี่ยนมันเป็นยังไง" พอสึบาสะตอบคำถามของฉัน(รึป้าวนะ?)เสร็จเขาก็หันกลับไปแล้วออกเดินต่อ ฉันมองเขาอย่างสงสัยในคำตอบของเขาแต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วรีบเดินตามเขาไปติดๆ
พวกเราก็เดินกันต่อไปเรื่อยๆโดยที่ฉันยังเก็บความสงสัยเรื่องที่สึบาสะคุงพูดเมื่อกี้นี้ไว้อยู่......มันหมายความว่ายังไงกันน้า?
ฟิ้ว~ แต่ฉันต้องหยุดคิดเมื่อจู่ๆก็ลมมันก็พัดแรงขึ้นมาเฉยๆ ฉันยกมือซ้ายขึ้นมาบันหน้ากันไม่ให้ฝุ่นเข้าตาและมือขวากดกระโปงไว้ไม่ให้มันเปิดขึ้นมา ไหนจู่ๆลมก็แรงขึ้นละเนี่ย?
หลังจากนั้นสักพักลมก็พัดเบาลง ฉันเอามือลงเท่านั้นแหละ หัวใจฉันก็เต้นจังหวะเร็วขึ้นและหน้าร้อนวาบ สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ....ผมของสึบาสะคุงที่ตอนนี้กำลังเสยขึ้นตามแรงลมจนทำให้เห็นหน้าของเขาได้ชัดขึ้นแล้วดูเมื่อมีอะไรโดยใจให้แสงแดดส่องมากระทบกับเส้นผมของสึบาสะคุงพอดีจนผมมันส่องประกายระยิบระยับสวยงามน่าหลงใหล
เขายกมือซ้ายขึ้นมาจัดทรงผมแถมหลับตาขวาข้างเดียวยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เขาดูหล่อขึ้นไปอีก พอมองดูดีๆแบบนี้แล้ว........สึบาสะคุงนี้ก็ทั้งน่ารักและหล่อดีเหมือนกันแฮะ
"ถึงแล้วครับ โอกิจัง" เสียงของสึบาสะคุงทำให้ฉันสะดุ้งและหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง นะ นี้ฉันเผลอคิดอะไรไปเนี่ย?
ฉันส่ายหน้าเบาๆแล้วมองเขาที่ชี้นิ้วไปทางซ้ายโดยที่เขาไม่หันหน้าไปมองตามนิ้วของตัวเอง เหมือนกับเขาบอกเป็นนัยๆว่า 'ผมเห็นจนชินตาแล้ว เชิญคุณลองหันมองดูสิครับ' คงประมาณนี้แหละ ฉันหันไปมองทางที่นิ้วเขาชี้
"ว้าว" ฉันตกใจจนอดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะอะไรนะเหรอค่ะท่านผู้อ่าน? เพราะว่าโรงเรียนนี้นะมันใหญ่มากๆๆๆๆเลยละค่า!!! มีตั้งสามอาคารเรียนเลยละค่ะมีทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ ตัวอาคารเรียนเล็กเป็นสีฟ้าครามเหมือนท้องสมุทรเลยค่ะ
ต่อมาอาคารเรียนกลางเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนผืนปฐพีเลยค่ะ และสุดท้ายคืออาคารเรียนใหญ่เป็นสีสีแดงเข้มเหมือนเปลวเพลิงค่ะ หน้าโรงเรียนมีทางแยกสามทาง ทางซ้ายไปอาคารเล็ก ทางขวาไปอาคารกลาง และตรงกลางไปอาคารใหญ่
และทั้งสามทางมีต้นไม้ต้นใหญ่ตลอดทางหน้าโรงเรียนจนถึงหน้าอาคารเลยละค่ะ นอกจากนั้นยังมีทั้ง สระว่ายน้ำ โรงยิม สนามกีฬา โรงอาหารก็มี ที่นี้มีทุกอย่างเลยใช้ไหมค่ะเนีย? หลังจากที่ฉันยืนตาค้างที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่นานสึบาสะคุงก็ดึง(ลาก)มือฉันเข้าประตูโรงเรียนโดยที่ฉันยังไม่ละสายตาจากอาคารโรงเรียนทั้งสามหลังเลยสักนิด
วูบ
"หืม?" พอสึบาสะคุงดึง(ลาก)ฉันผ่านประตูโรงเรียนมาฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาหุ่มตัวฉันไว้? อะไรสักอย่างทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายทุกอย่างยังไงไม่รู้เหมือนกันค่ะ?
ฉันใช้มืออีกข้างดึงแขนสึบาสะคุงที่กำลังดึง(ลาก)ฉันอยู่ออกแล้วหันไปมองทางประตูโรงเรียนอย่างเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้
"นึ้ๆ สึบาสะคุง เมื่อกี้นี้นะมันอะไรเหรอค่ะ?" ฉันหันมาถามสึบาสะคุงที่เดินมายืนข้างๆฉันอย่างสงสัยปนความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว เขายิ้มมุมปากนิดนึงแล้วชี้นิ้วไปที่รูปปั้นอัสวินถือโล่ตรงหน้าประตูโรงเรียน
"โอกิจังเห็นรูปปั้นอัสวินถือโล่ตรงนั้นไหมครับ?" สึบาสะคุงหันมาถามฉันด้วยยอมยิ้มสดใส แต่ตอนนี้ฉันคงทำหน้าสงสัยละมั้ง? เพราะฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสือเลยสักนิด? แต่ฉันก็พยักหน้าให้เขาไปอย่างสงสัยอย่างนั้น
"มันคือรูปปั้นที่สร้างขึ้นจากเพลิงธาตุพฤกษากับเพลิงธาตุดปฐพีครับ มันจะคอยปล่อยออร่าสีเขียวจางๆจนมองแทบไม่เห็นออกมาหุ้มตัวนักเรียนที่ผ่านประตูเข้าไว้ครับ เพื่อป้องกันนักเรียนจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดนะครับ อย่างเช่นตอนเรียนคาบเปลวเพลิงแห่งธาตุในภาคปฏิบัตินะครับ" สึบาสะคุงพูดอย่างมีหลักการพร้อมทำหน้าภูมิใจนิดๆ
ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมที่ถึงไม่มีผู้บาดเจ็บทั้งที่มีการฝึกใช้ไฟแห่งธาตุที่มีทั้งคุณและโทษอย่างงั้น พอฉันหมดข้อสงสัยสึบาสะคุงก็เดินนำฉันไปที่กระดานบอร์ดเพื่อดูว่าห้องเราอยู่ที่ไหนค่ะ น่าตื่นเต้นจัง จะได้อยู่ห้องเดียวกับสึบาสะคุงไหมนะ? พวกเราเดินมาได้สักพักก็เดินถึงหน้าบอร์ดที่ตอนนี้มีนักเรียนยืนอยู่เต็ม หว่า แบบนี้จะเข้าไปดูยัไงเนี่ย?
"เฮ้ย! สึบาสะทางนี้ๆ"
"หืม?" ฉันกับสึบาสะคุงหันไปมองตามเสียงแล้วก็เห็นชายหญิงคู่นึงยืนอยู่ยืนอยู่ คนที่เรียกเราเป็นชายหนุ่มอายุของเขาน่าจะประมาณ 22-23 ปี ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเหมือนต้นไม้เข้มยาวถึงต้นคอ ตาของเขาเป็นสีส้มอ่อนๆเหมือนดวงตะวันในฤดูร้อน แววตาของเขามีความซุกซนและความอ่อนโยนแฝงอยู่ข้างใน ใส่ชุดนักเรียนสีแดงเข้มสลับสีเงิน ผูกเนคไทสีเหลือง ที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์รูปดาวสองแฉกสีเหลืองทองเหมือนของพวกเรา ยืนโบกมือไปมาเรียกสึบาสะคุงด้วยท่าทางสนิทสนม
ข้างๆเขามีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอายุคงประมาณ 17 - 18 ปี เธอมัดผมทวินเทลสีน้ำตาลอ่อนกว่าเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาของเธอเป็นสีส้มเข้มกว่าเขาด้วยแถมยังสดใสและอ่อนโยนกว่าด้วย เธอใส่ชุดนักเรียนสีขาวสลับสีชมพู่ มีโบว์สีฟ้าที่ไหล่ต้นแขนซ้าย เธอเองก็มีสัญลักษณ์รูปดาวสองแฉกเหมือนกัน กำลังเดินมาทางเราพวกเขาคงเป็นเพื่อนของสึบาสะคุงละมั่งเรียกซะสนิทสนมขนาดนั้น
"ไง ไทโย ฮิคาริจัง" สึบาสะโบกมือทักทายกับเด็กผู้ชายที่น่าจะชื่อไทโยกับเด็กผู้หญิงที่น่าจะชื่อฮิคาริจังละมั้ง? พอพวกเขาเข้าใกล้ๆจนฉันมองเห็นหน้าชัดๆแล้ว........หน้าทั้งสองคนเหมือนกันอย่างกะแกะเลยแฮะ สึบาสะคุงทำทางทุบมือตัวเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
"จริงสิ ไทโย ฮิคาริจัง ขอแนะนำนะ เธอคนนี้ชื่อ นานะ โอกิจัง" สึบาสะคุงพูดด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ฉัน
"เป็นเพื่อนให้มของฉันเองนะ" สึบาสะคุงพูดจบคุณไทโยกับฮิคาริจังก็หันมาฉันมองด้วยสายตาเป็นมิตร
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ นานะจัง ฉันชื่อ “มาซาชิ ไทโย” จะเรียกฉันว่าไทโยเฉยๆก็ได้นะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ" คุณไทโย ไม่สิ ไทโยคุงเดินมายืนตรงหน้าฉัน แล้วพูดแนะนำตัวด้วยท่าทีสบายๆพร้อมยิ้มให้ฉันอย่างร่าเริงและอบอุ่นไปในตัว อืม รอยยิ้มอบอุ่นสมชื่อ "ไทโย (พระอาทิตย์)"จริงๆ
"ฉันเป็นเพื่อนกับเจ้าสึบาสะมาตั้งแต่เด็กถ้าอยากรู้เรื่องเจ้าสึบาสะละก็มาหาฉันได้" ไทโยคุงยื่นหน้ามาใกล้ๆหูฉันแล้วกระซิบประโยคท้ายเบาๆให้ฉันได้ยินจากนั้นเขายืนมือขวามาตรงหน้าฉัน เหมือนจะเป็นวิธีทักทายของเขาสินะ? ฉันมองมือไทจิคุงสักพักฉันก็จับมือทักทายเขาแล้วยิ้มตามมารยาทให้เขา
"เช่นกันค่ะไทโยคุง เรียกฉันว่าโอกิเฉยๆก็ได้ค่ะ ถ้าฉันอยากรู้เรื่องสึบาสะคุงละก็ขอรบกวนด้วยนะค่ะ" ฉันพูดกับเขาอย่างเป็นกันเองในช่วงแรกและตอบตกลงเบาๆเรื่องที่เขาจะเล่าเกี่ยวกับสึบาสะคุงให้ฉันฟัง ไทโยคุงยิ้มอย่างพอใจให้ฉันก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินกลับไปยืนข้างๆฮิคาริจัง ฮิคาริจังเดินมายืนตรงหน้าฉันเหมือนไทโยคุงทำเมื่อกี้ เธอโค้งให้ฉันนิดๆแล้วเงยขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่โอกิ หนูชื่อว่า “มาซาชิ ฮิคาริ” ค่ะ เรียกหนูว่าฮิคาริหรือคารินก็ได้ค่ะ หนูขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ หนูเป็นน้องสาวของพี่ไทโยกับพี่สึบาสะค่ะ หวังว่าเราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะค่ะ" คารินจังพูดอย่างเป็นมิตรเหมือนไทจิคุงพร้อมกับรอยยิ้มอย่างน่ารักและอบอุ่นให้ฉัน ฉันก็พยักหน้าให้เธอพร้อมยิ้มบางๆให้อย่างเป็นมารยาท
"แล้วเป็นไงมั่งไทโย ปีนี้เราอยู่ห้องไหนกันละ?" พอเราทำความรู้จักกันแล้ว สึบาสะคุงก็ถามไทจิคุงเรื่องห้องเรียนของพวกเรา จะว่าไป....เราก็ลืมไปเลยแฮะ
"อ้อ ฉันอยู่ห้องอัคคีชั้นบี-2 ฮิคาริอยู่ห้องทิวาชั้นบี-1 ส่วนนายอยู่ห้องวายุชั้นบี-2 และนานะจังอยู่ห้องวารีชั้นบี-2 นะ" เราชั้นบี-2งั้นเหรอจะเป็นห้องเรียนแบบไหนกันน่า? เดี๋ยวนะ!? ห้องวารี? หมายความว่าไงกัน?
"เออ...คือว่า...ที่นี้เขาแยกห้องกันด้วยเหรอค่ะ?" พอฉันถามดู พวกเขา(ยกเว้นสึคาสะคุง)ก็หันหน้ามามองฉันด้วยสายตาเหลือเชื่อ นี้ฉันถามอะไรประหลาดๆออกไปงั้นเหรอ?
"นี้? อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลยนะ?" ไทโยคุงถามฉันอย่างไม่อยากเชื่อในสื่งที่ฉันพูด ฉันไม่ตอบคำถามเขาแต่ฉันพยักหน้าตอบแทน ไทโยคุงเอามือกุมขมับแลัวหันไปมองสึบาสะคุง
ไทโยคุงจับคอเสื้อสึบาสะคุงแล้วลากเขาไปไหนไม่รู้ นี้ฉันทำให้สึบาสะคุงเดือดร้อนหรือเปล่า?
Oki Talk End
Tsubasa Talk
"เฮ้ย!? ไทโยนี้นายจะลากฉันไปไหนฟะเนี่ย?"
"สึบาสะ? ทำไมแกไม่บอกเรื่องโรงเรียนนี้กับนานะจังฟ้ะ? แกเดินมากับเธอไม่ไช้เหรองั้นกัน??" หลังจากที่เจ้าบ้าไทโยมันลากผมมาตรงต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากที่โอกิจังกับฮิคาริจังยืนอยู่มากนักพอมันปล่อยคอเสื้อผมมันก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ผมควรบอกมันไหมว่าปากมันเหม็นเป็นบ้าเลยควรไปแปลงฟันซะใหม่ มันจะโกรธผมมั้ยเนี่ย?
[โกรธสิเฟ้ย! อีกอย่างนึงฉันแปลงฟันทุกวันนะเฟ้ย!!! By ไทโย]
[ไม่เชื่อฟ้ะ By สึบาสะ]
[นะ หน่อยแน่!! แก!!! By ไทโย]
"ถึงฉันไม่พูดเอง ผอ.เขาก็อธิบายให้ฟันในงานประถมนิเทศอยู่ดีนั้นแหละน่า" ผมตอบคำถามเจ้าไทโยไปด้วยท่าทางรำคาญ เจ้าไทโยมันทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก เจ้าบ้านี้มันลืมแล้วใช้ไหมว่าวันนี้มันวันประถมนิเทศนะ?
"เออ..สึบาสะ ฉันขอโทษว่ะเพื่อน พอดีฉันลืมว่ะว่าวันนี้มีนเป็นวันประถมนิเทศ" เจ้าไทโยมันพนมมือขอโทษผม ให้ตายเถอะ! ไอ้นิสัยใจร้อนของมันนี้แก้ไม่หายสักทีผมละปวดกะบาลกับมันจริงๆเลยสิน่า ผมไม่รู้จริงๆจะรักษานิสัยมันยังดี
"เออๆ ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนฉันรู้นิสัยจักนายดี เอาละ มีเรื่องเท่านี้ใช้ไหมงั้นเรารีบไปโรงยิมกันได้แล้วมั้ง?" ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปหาโอกิจังกับฮิคาริจังโดยไม่รอเจ้าไทโย หลังจากที่ผมบอกโอกิจักให้ตามพวกผมมาที่โรงยิมเพราะเขาเริ่มการประถมนิเทศกันที่นั้น
พวกผมเดินเข้าไปในโรงยิมที่มีพื้นที่ขนาดเอารถมาจอดได้เลย ทั้วทั้งโรงยิมตอนนี้มีเก้าอี้อยู่มากมายเต็มไปหมดตามจำนวนนักเรียนที่โรงเรียนเรามี แต่ตอนนี้มันเต็มหมดแล้วที่เหลืออยู่ก็มีสองแถวหน้าเวทีพวกผมจึงเดินไปนักแถวที่สองหน้าเวที
ทำไมพวกผมถึงไม่ไปนั่งหน้าสุดนะเหรอ? เพราะแถวหน้าสุดเป็นที่นั่งสำหรับพวกสภานักเรียนนั่งกันนะสิถ้าคิดจะไปนั่งละก็ ฝันไปเหอะ ว่าจะรอดจากการลงโทษของพวกสภานักเรียนนะ สักพักพวกสภานักเรียนก็มานั่งที่ของตัวเองที่พวกครูจัดไว้ให้
"นี้ สึบาสะคุง? ผอ.โรงเรียนนี้เป็นคนยังไงเหรอ" โอกิจังหันมาถามผม ผอ.เป็นคนยังไงงั้นเหรอ? ผมกำลังจะตอบคำถามของโอกิจังแต่จู่ๆไฟก็ดับทั้งโรงยิม ยกเว้นไฟสปอร์ตไลตท์ที่ขอบเวทีมันยังติดอยู่
แล้วผมได้มีเสียงกลไกบ้างอย่างมาจากข้างใต้เวทีแล้วจู่ๆพื้นกลางเวทีก็เปิดออก แล้วจากนั้นมีผู้ชายผมสีทองยาวถึงต้นคอ ตาของเขาเป็นสีขาวเอเมอรัล อายุประมาณ 50 ปี สวมใส่ชุดสีขาวทั้งตัวที่กระเป่าเสื้อข้างซ้ายของเขามีสัญลักษณ์รูปดาบสีขาวติดปีกสีทอง มือซ้ายของเขาถือไม้เท้าหัวเป็นรูปหัวสิงโตกำลังคำราม ส่วนข้างขวาของเขาถือแก้วกระแก้วกาแฟ โผล่มายืนอยู่กลางเวที
"สวัสดี! นักเรียนใหม่และนักเรียนเก่าทุกคน ฉันชื่อ “เมทัลสตาร์ โกสต์” ฉันเป็นผอ.ของโรงเรียนนี้ ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนกาเดี่ยนของฉัน" ผอ.โกสต์เขากล่าวสวัสดีนักเรียนทุกคนเสียงดังจนมันสะท้อนไปทั้วโรงยิม หลังจากกล่าวสวัสดีนักเรียนเขาก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย แล้วเริ่มกล่าวต่อ
"โรงเรียนของเรามีระบบการสอนที่แตกต่างกับโรงเรียนอื่นสองอย่างคือ หนึ่ง เราจะให้นักเรียนที่มีเปลวเพลิงเหมือนกันเรียนอยู่ห้องเดียวกันเท่านั้นยกตัวอย่างเช่น ใครมีเพลิงธาตูอัคคีต้องอยู่ห้องอัคคีเท่านั้น สอง รูปแบบการจัดตารางเรียนของเราก็อาจเหมือนโรงเรียนอื่นแต่เราจะใส่วิชาเปลวเพลิงแห่งธาตุลงไปสองแบบคือ แบบอ่านจากหนังสือกับแบบฝึกจากสถานการณ์จริง โรงเรียนของเราแบ่งอาคารเรียนเป็นสามอาคารเรียนได้แก่ อาคารเล็กเป็นชั้นเรียนของพวกชั้นซี อาคารกลางเป็นชั้นเรียนของพวกชั้นบี และสุดท้ายอาคารใหญ่เป็นชั้นเรียนของพวกชั้นเอ สำหรับพวกเด็กคงจะสงสัยใช้ไหมว่า ไอ้ชั้นซี บี และ เอ มันหมายความว่าไงใช้มั้ย?" เขากล่าวประโยคท้ายจบเขาได้หันมองนักเรียนทุกค้นโดยเฉพาะพวกนักเรียนใหม่ เขาก็หยุดสายตาที่โอกิจังเธอมองผอ.อย่างสงสัยผมรู้เลยว่าโอกิจังกำลังคิดอะไรอยู่เธอคงคิดประมาณว่า
'นี้ ฉันทำอะไรผิดละเนี่ย' แล้วผอ.หันไปมองเจ้าไทโยแล้วสุดท้ายก็หันมามองผมสายตาของผอ.เขาเหมือนมันจะสืออะไรบ้างอย่าง ผอ.โกสต์เขาก็เลิกมองผมแล้วเริ่มกล่าวต่อจากเมื่อกี้
"ฉันจะอธิบายความหมายให้ฟัง ความหมายของมันอยู่ตรงไหล่ข้างซ้ายของพวกเธอ พวกเธอนักเรียนใหม่เคยสงสัยใช้ไหมว่าทำไมดาวที่ไหล่ของบางคนก็ไม่เหมือนกัน รูปดาวที่ไหล่ของพวกเธอมันเป็นการบอกระดับชั้นของพวกเธอ ถ้าพวกที่มีดาวหนึ่งแฉกคือ พวกชั้นซีที่พึ่งควบคุมเปลวเพลิงได้ระดับที่เริ่มต้น ต่อมาพวกที่มีดาวสองแฉกคือ พวกที่ควมคุมเปลงเพลิงได้ระดับกลาง และสุดท้ายคือพวกที่มีดาวสามแฉกคือ พวกที่ควบคุมเปลวเพลิงได้ในระดับสูงสุด พวกเธอมีอาจมีสาเหตุที่มาสมัครโรงเรียนของฉันไม่ว่าจะเป็น เพื่อธุระกิจของครอบครัวที่เกี่ยวกับเปลวเพลิง เพื่อตัวเองหรือเพราะพ่อแม่บังคับให้มา แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่สำหรับฉันมีเพิ่งเหตุผลเท่านั้นที่ฉันสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมานั้นก็คือ สอนให้พวกเธอควบคุมเปลวเพลิงแห่งธาตุให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หากใครไม่พอใจกับการสอนของพวกเราละก็ต้องขอเชิญให้คนๆนั้นออกไปจากโรงเรียนของฉันซะ" ผอ.โกสต์เขาพูดจบก็มีเสียงกระซิบกระซาบเกี่ยวกับประโยคท้ายของผอ.ดังไปทั้วโรงยิม แทนที่ผอ.จะสั่งหยุดแต่เขากลับยืนเฉยๆกับจิบกาแฟอย่างสบายๆ
ตึ้ง!! ผอ.โกสต์เอาปลายไม้เท้ากระแทกพื้นเสียงดัง เสียงกระซิบที่ดังเมื่อกี้ก็เงียบลงทันตา
"เอาล่ะ! เรามาพูดถึงกฎของโรงเรียนกันดีกว่า กฎของโรงเรียนเรามีอยู่สองข้อคือ ข้อหนึ่ง ห้ามใช้เปลวไฟโดยไม่จำเป็นยกเวินในกรณีที่มีคนมาท้าดวลแล้วมาของอนุญาตจากอาจารย์เท่านั้น ข้อสอง ห้ามนักเรียนทุกชั้นไปป่าหลังโรงเรียนโดยเด็ดขาด เอาละการประถมนิเทศจบแค่นี้ เชิญนักเรียนทุกคนกลับบ้านได้แล้ว" ผอ.กล่าวแค่นั้นแล้วก็ลงจากเวทีไปแล้วเดินออกไปที่ประตูโรงยิมอย่างหน้าเฉย
"โอกิจัง ผมว่าเรากลับบ้านกันเถอะ" ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี้แล้วผมจึงหันมาบอกโอกิจังให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามผมออกจากโรงยิมไปที่หน้าประตูโรงเรียน
"เฮ้ย!! สึบาสะรอด้วยสิ" เจ้าไทโยมันตะโกนเรียกผมพร้อมวิ่งลากฮิคาริจังมาด้วย แต่ผมยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจไทโยสักนิดผมเดินตรงออกจากโรงเรียนทันที เพราะผมเริ่มง่วงและไม่อยากฟังเสียงน่ารำคาญของเจ้าไทโยด้วย
Tsubasa Talk End
แถมท้ายจ้า
หลังจากที่ผอ.โกสต์เดินออกมาจากโรงยิมเขาได้เดินมาที่ป่าหลังโรงเรียน เขาหันซ้ายหันขวาพอเห็นว่าไม่มีใครแล้ว เขาตะโกนเรียกบุลคลสองคนที่ซึ่งไม่น่าจะมีใครกล้าเรียก
"ออกมาได้แล้วละ วาตะ อควา ฉันรู้ว่าพวกเธออยู่ที่นี้" เขาพูดด้วยท่าทางสบายๆพร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ จากนั้นจู่ๆก็เกิดกระแสลมแรงพัดรอบๆตัวเขา สักพักสกระแสลมที่อยู่รอบๆตัวเขาก็มารวมกันบนเหนือหัวโกสต์เป็นร่างของเด็กสาวคนนั้นซึ่งนั้นก็คือ "วาตะ"
"ไงจ้ะ โกสต์จัง ไม่ได้เจอกันนานนะ น่าคิดถึงจังเลย" พอวาตะรวมตัวเสร็จเธอก็ล่วงลงมานั่งขี้คอผอ.โกสต์ราวกับน้องสาวขี้คอพี่ชายยังไงอย่างนั้น โกสต์เหล่มองวาตะด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วยื่นมือขึ้นลูบหัววาตะอย่างอ่อนโยน
วาตะพอโดยลูบหัวก็แสดงสีหน้าเคลิ้มเคลมเหมือนลูกแมวน้อยออกมาโดยไม่ปิดบังอะไร ส่วนอควายืนกอดพิงต้นไม้ด้านหลังโกสต์ด้วยท่าทางเยือกเย็นแต่ในใจเธอก็ดีใจที่ได้เจอโกสต์เช่นกัน
"แล้วเป็นไงบ้างค่ะ เด็กที่พวกดิฉันเลือกนะ" อควาถามเข้าเรื่องทันทีโดยไม่ให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว โกสต์หันไปมองอควาหลังจากที่ปล่อยวาตะลงพื้น
"ก็ใช้ได้ที่เดียวละ ทั้งสามคนเลยละ" โกสต์หันมามองอควาด้วยสีหน้าพอใจ แต่คำตอบของเขาสร้างความสงสัยให้กับวาตะและอควาเป็นอย่างมาก สามเหรอ? สามไหน? วาตะกับอควาต่างคิดพร้อมกัน
"สามเหรอ? เดียวก่อนนะโกสต์จัง เมื่อกี้นี้เธอบอกว่าสามงั้นเหรอ?" วาตะมองโกสต์อย่างสงสัยปนแปลกใจเพราะนอกจากสึบาสะกับโอกิแล้วไม่น่าจะมีคนอื่นอีกนี้น่า
"ใช้ ก็มีสึผู้สืบทอดของเธอ ควาและ "อัคคี" ไง พวกเธอไม่รู้เหรอ?" โกสต์พูดด้วยสีหน้าแปลกใจที่พวกวาตะไม่รู้เรื่องนี้เลย อความองโกสต์ด้วยสีหน้าและแว่วตาตกใจปนดีใจ
เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมที่หน้าอกพร้อมหลับตาลงจากนั้นภาพของชายผมแดงตัดเหลือยาวถึงไหล่ ดวงตาสีแดงทับทิมบริสุทธ์ หน้าตาหล่อพอสมควร กำลังยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยท่าทางสดใส
'อัคคีอยู่ที่นี้' อควายิ้มอย่างมีความสุขที่สุดที่เธอได้รู้ว่าคนรักของเธออยู่ที่นี้ อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
หลังจากพวกเราสองลงมาจากเนินเขามา ฉันก็เดินตามหลังสึบาสะคุงมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะฉันพึ่งย้ายมาอยู่ในเมืองนี้ ก็เลยไม่ค่อยรู้ทางเท่าไร ว่าแต่ตั้งแต่ที่ลงจากเนินเขามาพวกเราแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยยังไงไม่รู้แฮะ
"เออ....สะ..สึบาสะคุง ขะ..ขอถามอะไรหน่อยสิค่ะ?" ฉันพูดอย่างตะกุกตะกระพร้อมมองสึบาสะคุงด้วยสีหน้าประมาดสุดๆ คะ แค่ถ้าถามนิดหน่อย ขะ เขาจะว่าอะไรหรือเปล่านะ? สึบาสะคุงหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาสงสัยพร้อมยิ้มบางๆอย่างเป็นกันเอง
"จะถามอะไรเหรอครับ? โอกิจัง" สึบาสะคุงถามกลับมาด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างอบอุ่น แต่สำหรับฉันมันน่ารักมากกว่าอบอุ่นนะ ฉันรู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า ฉันก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อหลบรอยยิ้มของเขา แหม~ คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาน่ารักน่ากอดเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้หญิงเลยอ่า~
"โอกิจัง?"
"อ๊ะ! เออ..คือว่า.....โรงเรียนกาเดี่ยนเป็นยังไงเหรอค่ะ? ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกฉันหนอยได้ไหมค่ะ?" ฉันถามไปด้วยความสงสัย ฉันแทบจะไม่รู้เรื่องโรงเรียนกาเดี่ยนเลยสักนิด รู้มาแค่ว่าที่นั้นสอนการใช้ "โยโซ โนะ โฮโนะ*" ซึ่งฉันรู้แค่วิธีควบคุมมันแต่รายระเอียดที่เหลือฉันไม่รู้ค่ะ
อ้อ Yoso no hono (เปลวเพลิงแห่งธาตุ) ก็คือพลังแห่งธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมนุษย์ค่ะ มีรูปร่างเป็นเปลวไฟหลากสีสัน มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละธาตุและคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งมีเปลวไฟอีกหลากหลายสีสันที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่ถูกค้นพบแล้วตอนนี้ก็มี
เพลิงสีแดง-ธาตุอัคคี
เพลิงสีน้ำเงิน-ธาตุวารี
เพลิงสีนำ้ตาล-ธาตุปฐพี
เพลิงสีเขียวอ่อน-ธาตุวายุ
เพลิงสีเหลือง-ธาตุอัสนีคุณสมบัติคือเพิ่มพลังทำลายให้กับ
เพลิงสีขาว-ธาตุทิวา
เพลิงสีดำ-ธาตุราตรี
เพลิงสีเขียวเข้ม-ธาตุพฤกษา
และ เพลิงสีขาวอมฟ้า-ธาตุเหมันต์
ส่วนที่เปลวเพลิงที่เหลือกำลังอยู่ในขั้นการค้นหาอยู่ค่ะ ขอจบการอธิบายแค่นี้ค่ะ
สึบาสะคุงยกมือขวากุมคางพร้อมทำหน้าคิดอะไรบ้างอย่างเงียบๆ นี้แค่ถามเรื่องโรงเรียนจะต้องคิดด้วยเหรอ? ตกลงมันเป็นยังไงกันนะ? โรงเรียนกาเดี่ยนนะ?
"อืม มันก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ว่าถึงผมไม่บอกคุณ อีกเดียวคุณจะรู้เองคัรบ ว่าโรงเรียนกาเดี่ยนมันเป็นยังไง" พอสึบาสะตอบคำถามของฉัน(รึป้าวนะ?)เสร็จเขาก็หันกลับไปแล้วออกเดินต่อ ฉันมองเขาอย่างสงสัยในคำตอบของเขาแต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วรีบเดินตามเขาไปติดๆ
พวกเราก็เดินกันต่อไปเรื่อยๆโดยที่ฉันยังเก็บความสงสัยเรื่องที่สึบาสะคุงพูดเมื่อกี้นี้ไว้อยู่......มันหมายความว่ายังไงกันน้า?
ฟิ้ว~ แต่ฉันต้องหยุดคิดเมื่อจู่ๆก็ลมมันก็พัดแรงขึ้นมาเฉยๆ ฉันยกมือซ้ายขึ้นมาบันหน้ากันไม่ให้ฝุ่นเข้าตาและมือขวากดกระโปงไว้ไม่ให้มันเปิดขึ้นมา ไหนจู่ๆลมก็แรงขึ้นละเนี่ย?
หลังจากนั้นสักพักลมก็พัดเบาลง ฉันเอามือลงเท่านั้นแหละ หัวใจฉันก็เต้นจังหวะเร็วขึ้นและหน้าร้อนวาบ สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ....ผมของสึบาสะคุงที่ตอนนี้กำลังเสยขึ้นตามแรงลมจนทำให้เห็นหน้าของเขาได้ชัดขึ้นแล้วดูเมื่อมีอะไรโดยใจให้แสงแดดส่องมากระทบกับเส้นผมของสึบาสะคุงพอดีจนผมมันส่องประกายระยิบระยับสวยงามน่าหลงใหล
เขายกมือซ้ายขึ้นมาจัดทรงผมแถมหลับตาขวาข้างเดียวยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เขาดูหล่อขึ้นไปอีก พอมองดูดีๆแบบนี้แล้ว........สึบาสะคุงนี้ก็ทั้งน่ารักและหล่อดีเหมือนกันแฮะ
"ถึงแล้วครับ โอกิจัง" เสียงของสึบาสะคุงทำให้ฉันสะดุ้งและหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง นะ นี้ฉันเผลอคิดอะไรไปเนี่ย?
ฉันส่ายหน้าเบาๆแล้วมองเขาที่ชี้นิ้วไปทางซ้ายโดยที่เขาไม่หันหน้าไปมองตามนิ้วของตัวเอง เหมือนกับเขาบอกเป็นนัยๆว่า 'ผมเห็นจนชินตาแล้ว เชิญคุณลองหันมองดูสิครับ' คงประมาณนี้แหละ ฉันหันไปมองทางที่นิ้วเขาชี้
"ว้าว" ฉันตกใจจนอดอุทานออกมาไม่ได้ เพราะอะไรนะเหรอค่ะท่านผู้อ่าน? เพราะว่าโรงเรียนนี้นะมันใหญ่มากๆๆๆๆเลยละค่า!!! มีตั้งสามอาคารเรียนเลยละค่ะมีทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ ตัวอาคารเรียนเล็กเป็นสีฟ้าครามเหมือนท้องสมุทรเลยค่ะ
ต่อมาอาคารเรียนกลางเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนผืนปฐพีเลยค่ะ และสุดท้ายคืออาคารเรียนใหญ่เป็นสีสีแดงเข้มเหมือนเปลวเพลิงค่ะ หน้าโรงเรียนมีทางแยกสามทาง ทางซ้ายไปอาคารเล็ก ทางขวาไปอาคารกลาง และตรงกลางไปอาคารใหญ่
และทั้งสามทางมีต้นไม้ต้นใหญ่ตลอดทางหน้าโรงเรียนจนถึงหน้าอาคารเลยละค่ะ นอกจากนั้นยังมีทั้ง สระว่ายน้ำ โรงยิม สนามกีฬา โรงอาหารก็มี ที่นี้มีทุกอย่างเลยใช้ไหมค่ะเนีย? หลังจากที่ฉันยืนตาค้างที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่นานสึบาสะคุงก็ดึง(ลาก)มือฉันเข้าประตูโรงเรียนโดยที่ฉันยังไม่ละสายตาจากอาคารโรงเรียนทั้งสามหลังเลยสักนิด
วูบ
"หืม?" พอสึบาสะคุงดึง(ลาก)ฉันผ่านประตูโรงเรียนมาฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาหุ่มตัวฉันไว้? อะไรสักอย่างทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายทุกอย่างยังไงไม่รู้เหมือนกันค่ะ?
ฉันใช้มืออีกข้างดึงแขนสึบาสะคุงที่กำลังดึง(ลาก)ฉันอยู่ออกแล้วหันไปมองทางประตูโรงเรียนอย่างเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้
"นึ้ๆ สึบาสะคุง เมื่อกี้นี้นะมันอะไรเหรอค่ะ?" ฉันหันมาถามสึบาสะคุงที่เดินมายืนข้างๆฉันอย่างสงสัยปนความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว เขายิ้มมุมปากนิดนึงแล้วชี้นิ้วไปที่รูปปั้นอัสวินถือโล่ตรงหน้าประตูโรงเรียน
"โอกิจังเห็นรูปปั้นอัสวินถือโล่ตรงนั้นไหมครับ?" สึบาสะคุงหันมาถามฉันด้วยยอมยิ้มสดใส แต่ตอนนี้ฉันคงทำหน้าสงสัยละมั้ง? เพราะฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสือเลยสักนิด? แต่ฉันก็พยักหน้าให้เขาไปอย่างสงสัยอย่างนั้น
"มันคือรูปปั้นที่สร้างขึ้นจากเพลิงธาตุพฤกษากับเพลิงธาตุดปฐพีครับ มันจะคอยปล่อยออร่าสีเขียวจางๆจนมองแทบไม่เห็นออกมาหุ้มตัวนักเรียนที่ผ่านประตูเข้าไว้ครับ เพื่อป้องกันนักเรียนจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดนะครับ อย่างเช่นตอนเรียนคาบเปลวเพลิงแห่งธาตุในภาคปฏิบัตินะครับ" สึบาสะคุงพูดอย่างมีหลักการพร้อมทำหน้าภูมิใจนิดๆ
ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมที่ถึงไม่มีผู้บาดเจ็บทั้งที่มีการฝึกใช้ไฟแห่งธาตุที่มีทั้งคุณและโทษอย่างงั้น พอฉันหมดข้อสงสัยสึบาสะคุงก็เดินนำฉันไปที่กระดานบอร์ดเพื่อดูว่าห้องเราอยู่ที่ไหนค่ะ น่าตื่นเต้นจัง จะได้อยู่ห้องเดียวกับสึบาสะคุงไหมนะ? พวกเราเดินมาได้สักพักก็เดินถึงหน้าบอร์ดที่ตอนนี้มีนักเรียนยืนอยู่เต็ม หว่า แบบนี้จะเข้าไปดูยัไงเนี่ย?
"เฮ้ย! สึบาสะทางนี้ๆ"
"หืม?" ฉันกับสึบาสะคุงหันไปมองตามเสียงแล้วก็เห็นชายหญิงคู่นึงยืนอยู่ยืนอยู่ คนที่เรียกเราเป็นชายหนุ่มอายุของเขาน่าจะประมาณ 22-23 ปี ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเหมือนต้นไม้เข้มยาวถึงต้นคอ ตาของเขาเป็นสีส้มอ่อนๆเหมือนดวงตะวันในฤดูร้อน แววตาของเขามีความซุกซนและความอ่อนโยนแฝงอยู่ข้างใน ใส่ชุดนักเรียนสีแดงเข้มสลับสีเงิน ผูกเนคไทสีเหลือง ที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์รูปดาวสองแฉกสีเหลืองทองเหมือนของพวกเรา ยืนโบกมือไปมาเรียกสึบาสะคุงด้วยท่าทางสนิทสนม
ข้างๆเขามีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอายุคงประมาณ 17 - 18 ปี เธอมัดผมทวินเทลสีน้ำตาลอ่อนกว่าเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาของเธอเป็นสีส้มเข้มกว่าเขาด้วยแถมยังสดใสและอ่อนโยนกว่าด้วย เธอใส่ชุดนักเรียนสีขาวสลับสีชมพู่ มีโบว์สีฟ้าที่ไหล่ต้นแขนซ้าย เธอเองก็มีสัญลักษณ์รูปดาวสองแฉกเหมือนกัน กำลังเดินมาทางเราพวกเขาคงเป็นเพื่อนของสึบาสะคุงละมั่งเรียกซะสนิทสนมขนาดนั้น
"ไง ไทโย ฮิคาริจัง" สึบาสะโบกมือทักทายกับเด็กผู้ชายที่น่าจะชื่อไทโยกับเด็กผู้หญิงที่น่าจะชื่อฮิคาริจังละมั้ง? พอพวกเขาเข้าใกล้ๆจนฉันมองเห็นหน้าชัดๆแล้ว........หน้าทั้งสองคนเหมือนกันอย่างกะแกะเลยแฮะ สึบาสะคุงทำทางทุบมือตัวเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
"จริงสิ ไทโย ฮิคาริจัง ขอแนะนำนะ เธอคนนี้ชื่อ นานะ โอกิจัง" สึบาสะคุงพูดด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ฉัน
"เป็นเพื่อนให้มของฉันเองนะ" สึบาสะคุงพูดจบคุณไทโยกับฮิคาริจังก็หันมาฉันมองด้วยสายตาเป็นมิตร
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ นานะจัง ฉันชื่อ “มาซาชิ ไทโย” จะเรียกฉันว่าไทโยเฉยๆก็ได้นะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ" คุณไทโย ไม่สิ ไทโยคุงเดินมายืนตรงหน้าฉัน แล้วพูดแนะนำตัวด้วยท่าทีสบายๆพร้อมยิ้มให้ฉันอย่างร่าเริงและอบอุ่นไปในตัว อืม รอยยิ้มอบอุ่นสมชื่อ "ไทโย (พระอาทิตย์)"จริงๆ
"ฉันเป็นเพื่อนกับเจ้าสึบาสะมาตั้งแต่เด็กถ้าอยากรู้เรื่องเจ้าสึบาสะละก็มาหาฉันได้" ไทโยคุงยื่นหน้ามาใกล้ๆหูฉันแล้วกระซิบประโยคท้ายเบาๆให้ฉันได้ยินจากนั้นเขายืนมือขวามาตรงหน้าฉัน เหมือนจะเป็นวิธีทักทายของเขาสินะ? ฉันมองมือไทจิคุงสักพักฉันก็จับมือทักทายเขาแล้วยิ้มตามมารยาทให้เขา
"เช่นกันค่ะไทโยคุง เรียกฉันว่าโอกิเฉยๆก็ได้ค่ะ ถ้าฉันอยากรู้เรื่องสึบาสะคุงละก็ขอรบกวนด้วยนะค่ะ" ฉันพูดกับเขาอย่างเป็นกันเองในช่วงแรกและตอบตกลงเบาๆเรื่องที่เขาจะเล่าเกี่ยวกับสึบาสะคุงให้ฉันฟัง ไทโยคุงยิ้มอย่างพอใจให้ฉันก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินกลับไปยืนข้างๆฮิคาริจัง ฮิคาริจังเดินมายืนตรงหน้าฉันเหมือนไทโยคุงทำเมื่อกี้ เธอโค้งให้ฉันนิดๆแล้วเงยขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่โอกิ หนูชื่อว่า “มาซาชิ ฮิคาริ” ค่ะ เรียกหนูว่าฮิคาริหรือคารินก็ได้ค่ะ หนูขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ หนูเป็นน้องสาวของพี่ไทโยกับพี่สึบาสะค่ะ หวังว่าเราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะค่ะ" คารินจังพูดอย่างเป็นมิตรเหมือนไทจิคุงพร้อมกับรอยยิ้มอย่างน่ารักและอบอุ่นให้ฉัน ฉันก็พยักหน้าให้เธอพร้อมยิ้มบางๆให้อย่างเป็นมารยาท
"แล้วเป็นไงมั่งไทโย ปีนี้เราอยู่ห้องไหนกันละ?" พอเราทำความรู้จักกันแล้ว สึบาสะคุงก็ถามไทจิคุงเรื่องห้องเรียนของพวกเรา จะว่าไป....เราก็ลืมไปเลยแฮะ
"อ้อ ฉันอยู่ห้องอัคคีชั้นบี-2 ฮิคาริอยู่ห้องทิวาชั้นบี-1 ส่วนนายอยู่ห้องวายุชั้นบี-2 และนานะจังอยู่ห้องวารีชั้นบี-2 นะ" เราชั้นบี-2งั้นเหรอจะเป็นห้องเรียนแบบไหนกันน่า? เดี๋ยวนะ!? ห้องวารี? หมายความว่าไงกัน?
"เออ...คือว่า...ที่นี้เขาแยกห้องกันด้วยเหรอค่ะ?" พอฉันถามดู พวกเขา(ยกเว้นสึคาสะคุง)ก็หันหน้ามามองฉันด้วยสายตาเหลือเชื่อ นี้ฉันถามอะไรประหลาดๆออกไปงั้นเหรอ?
"นี้? อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลยนะ?" ไทโยคุงถามฉันอย่างไม่อยากเชื่อในสื่งที่ฉันพูด ฉันไม่ตอบคำถามเขาแต่ฉันพยักหน้าตอบแทน ไทโยคุงเอามือกุมขมับแลัวหันไปมองสึบาสะคุง
ไทโยคุงจับคอเสื้อสึบาสะคุงแล้วลากเขาไปไหนไม่รู้ นี้ฉันทำให้สึบาสะคุงเดือดร้อนหรือเปล่า?
Oki Talk End
Tsubasa Talk
"เฮ้ย!? ไทโยนี้นายจะลากฉันไปไหนฟะเนี่ย?"
"สึบาสะ? ทำไมแกไม่บอกเรื่องโรงเรียนนี้กับนานะจังฟ้ะ? แกเดินมากับเธอไม่ไช้เหรองั้นกัน??" หลังจากที่เจ้าบ้าไทโยมันลากผมมาตรงต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากที่โอกิจังกับฮิคาริจังยืนอยู่มากนักพอมันปล่อยคอเสื้อผมมันก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ผมควรบอกมันไหมว่าปากมันเหม็นเป็นบ้าเลยควรไปแปลงฟันซะใหม่ มันจะโกรธผมมั้ยเนี่ย?
[โกรธสิเฟ้ย! อีกอย่างนึงฉันแปลงฟันทุกวันนะเฟ้ย!!! By ไทโย]
[ไม่เชื่อฟ้ะ By สึบาสะ]
[นะ หน่อยแน่!! แก!!! By ไทโย]
"ถึงฉันไม่พูดเอง ผอ.เขาก็อธิบายให้ฟันในงานประถมนิเทศอยู่ดีนั้นแหละน่า" ผมตอบคำถามเจ้าไทโยไปด้วยท่าทางรำคาญ เจ้าไทโยมันทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก เจ้าบ้านี้มันลืมแล้วใช้ไหมว่าวันนี้มันวันประถมนิเทศนะ?
"เออ..สึบาสะ ฉันขอโทษว่ะเพื่อน พอดีฉันลืมว่ะว่าวันนี้มีนเป็นวันประถมนิเทศ" เจ้าไทโยมันพนมมือขอโทษผม ให้ตายเถอะ! ไอ้นิสัยใจร้อนของมันนี้แก้ไม่หายสักทีผมละปวดกะบาลกับมันจริงๆเลยสิน่า ผมไม่รู้จริงๆจะรักษานิสัยมันยังดี
"เออๆ ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนฉันรู้นิสัยจักนายดี เอาละ มีเรื่องเท่านี้ใช้ไหมงั้นเรารีบไปโรงยิมกันได้แล้วมั้ง?" ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปหาโอกิจังกับฮิคาริจังโดยไม่รอเจ้าไทโย หลังจากที่ผมบอกโอกิจักให้ตามพวกผมมาที่โรงยิมเพราะเขาเริ่มการประถมนิเทศกันที่นั้น
พวกผมเดินเข้าไปในโรงยิมที่มีพื้นที่ขนาดเอารถมาจอดได้เลย ทั้วทั้งโรงยิมตอนนี้มีเก้าอี้อยู่มากมายเต็มไปหมดตามจำนวนนักเรียนที่โรงเรียนเรามี แต่ตอนนี้มันเต็มหมดแล้วที่เหลืออยู่ก็มีสองแถวหน้าเวทีพวกผมจึงเดินไปนักแถวที่สองหน้าเวที
ทำไมพวกผมถึงไม่ไปนั่งหน้าสุดนะเหรอ? เพราะแถวหน้าสุดเป็นที่นั่งสำหรับพวกสภานักเรียนนั่งกันนะสิถ้าคิดจะไปนั่งละก็ ฝันไปเหอะ ว่าจะรอดจากการลงโทษของพวกสภานักเรียนนะ สักพักพวกสภานักเรียนก็มานั่งที่ของตัวเองที่พวกครูจัดไว้ให้
"นี้ สึบาสะคุง? ผอ.โรงเรียนนี้เป็นคนยังไงเหรอ" โอกิจังหันมาถามผม ผอ.เป็นคนยังไงงั้นเหรอ? ผมกำลังจะตอบคำถามของโอกิจังแต่จู่ๆไฟก็ดับทั้งโรงยิม ยกเว้นไฟสปอร์ตไลตท์ที่ขอบเวทีมันยังติดอยู่
แล้วผมได้มีเสียงกลไกบ้างอย่างมาจากข้างใต้เวทีแล้วจู่ๆพื้นกลางเวทีก็เปิดออก แล้วจากนั้นมีผู้ชายผมสีทองยาวถึงต้นคอ ตาของเขาเป็นสีขาวเอเมอรัล อายุประมาณ 50 ปี สวมใส่ชุดสีขาวทั้งตัวที่กระเป่าเสื้อข้างซ้ายของเขามีสัญลักษณ์รูปดาบสีขาวติดปีกสีทอง มือซ้ายของเขาถือไม้เท้าหัวเป็นรูปหัวสิงโตกำลังคำราม ส่วนข้างขวาของเขาถือแก้วกระแก้วกาแฟ โผล่มายืนอยู่กลางเวที
"สวัสดี! นักเรียนใหม่และนักเรียนเก่าทุกคน ฉันชื่อ “เมทัลสตาร์ โกสต์” ฉันเป็นผอ.ของโรงเรียนนี้ ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนกาเดี่ยนของฉัน" ผอ.โกสต์เขากล่าวสวัสดีนักเรียนทุกคนเสียงดังจนมันสะท้อนไปทั้วโรงยิม หลังจากกล่าวสวัสดีนักเรียนเขาก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย แล้วเริ่มกล่าวต่อ
"โรงเรียนของเรามีระบบการสอนที่แตกต่างกับโรงเรียนอื่นสองอย่างคือ หนึ่ง เราจะให้นักเรียนที่มีเปลวเพลิงเหมือนกันเรียนอยู่ห้องเดียวกันเท่านั้นยกตัวอย่างเช่น ใครมีเพลิงธาตูอัคคีต้องอยู่ห้องอัคคีเท่านั้น สอง รูปแบบการจัดตารางเรียนของเราก็อาจเหมือนโรงเรียนอื่นแต่เราจะใส่วิชาเปลวเพลิงแห่งธาตุลงไปสองแบบคือ แบบอ่านจากหนังสือกับแบบฝึกจากสถานการณ์จริง โรงเรียนของเราแบ่งอาคารเรียนเป็นสามอาคารเรียนได้แก่ อาคารเล็กเป็นชั้นเรียนของพวกชั้นซี อาคารกลางเป็นชั้นเรียนของพวกชั้นบี และสุดท้ายอาคารใหญ่เป็นชั้นเรียนของพวกชั้นเอ สำหรับพวกเด็กคงจะสงสัยใช้ไหมว่า ไอ้ชั้นซี บี และ เอ มันหมายความว่าไงใช้มั้ย?" เขากล่าวประโยคท้ายจบเขาได้หันมองนักเรียนทุกค้นโดยเฉพาะพวกนักเรียนใหม่ เขาก็หยุดสายตาที่โอกิจังเธอมองผอ.อย่างสงสัยผมรู้เลยว่าโอกิจังกำลังคิดอะไรอยู่เธอคงคิดประมาณว่า
'นี้ ฉันทำอะไรผิดละเนี่ย' แล้วผอ.หันไปมองเจ้าไทโยแล้วสุดท้ายก็หันมามองผมสายตาของผอ.เขาเหมือนมันจะสืออะไรบ้างอย่าง ผอ.โกสต์เขาก็เลิกมองผมแล้วเริ่มกล่าวต่อจากเมื่อกี้
"ฉันจะอธิบายความหมายให้ฟัง ความหมายของมันอยู่ตรงไหล่ข้างซ้ายของพวกเธอ พวกเธอนักเรียนใหม่เคยสงสัยใช้ไหมว่าทำไมดาวที่ไหล่ของบางคนก็ไม่เหมือนกัน รูปดาวที่ไหล่ของพวกเธอมันเป็นการบอกระดับชั้นของพวกเธอ ถ้าพวกที่มีดาวหนึ่งแฉกคือ พวกชั้นซีที่พึ่งควบคุมเปลวเพลิงได้ระดับที่เริ่มต้น ต่อมาพวกที่มีดาวสองแฉกคือ พวกที่ควมคุมเปลงเพลิงได้ระดับกลาง และสุดท้ายคือพวกที่มีดาวสามแฉกคือ พวกที่ควบคุมเปลวเพลิงได้ในระดับสูงสุด พวกเธอมีอาจมีสาเหตุที่มาสมัครโรงเรียนของฉันไม่ว่าจะเป็น เพื่อธุระกิจของครอบครัวที่เกี่ยวกับเปลวเพลิง เพื่อตัวเองหรือเพราะพ่อแม่บังคับให้มา แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่สำหรับฉันมีเพิ่งเหตุผลเท่านั้นที่ฉันสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมานั้นก็คือ สอนให้พวกเธอควบคุมเปลวเพลิงแห่งธาตุให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หากใครไม่พอใจกับการสอนของพวกเราละก็ต้องขอเชิญให้คนๆนั้นออกไปจากโรงเรียนของฉันซะ" ผอ.โกสต์เขาพูดจบก็มีเสียงกระซิบกระซาบเกี่ยวกับประโยคท้ายของผอ.ดังไปทั้วโรงยิม แทนที่ผอ.จะสั่งหยุดแต่เขากลับยืนเฉยๆกับจิบกาแฟอย่างสบายๆ
ตึ้ง!! ผอ.โกสต์เอาปลายไม้เท้ากระแทกพื้นเสียงดัง เสียงกระซิบที่ดังเมื่อกี้ก็เงียบลงทันตา
"เอาล่ะ! เรามาพูดถึงกฎของโรงเรียนกันดีกว่า กฎของโรงเรียนเรามีอยู่สองข้อคือ ข้อหนึ่ง ห้ามใช้เปลวไฟโดยไม่จำเป็นยกเวินในกรณีที่มีคนมาท้าดวลแล้วมาของอนุญาตจากอาจารย์เท่านั้น ข้อสอง ห้ามนักเรียนทุกชั้นไปป่าหลังโรงเรียนโดยเด็ดขาด เอาละการประถมนิเทศจบแค่นี้ เชิญนักเรียนทุกคนกลับบ้านได้แล้ว" ผอ.กล่าวแค่นั้นแล้วก็ลงจากเวทีไปแล้วเดินออกไปที่ประตูโรงยิมอย่างหน้าเฉย
"โอกิจัง ผมว่าเรากลับบ้านกันเถอะ" ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี้แล้วผมจึงหันมาบอกโอกิจังให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามผมออกจากโรงยิมไปที่หน้าประตูโรงเรียน
"เฮ้ย!! สึบาสะรอด้วยสิ" เจ้าไทโยมันตะโกนเรียกผมพร้อมวิ่งลากฮิคาริจังมาด้วย แต่ผมยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจไทโยสักนิดผมเดินตรงออกจากโรงเรียนทันที เพราะผมเริ่มง่วงและไม่อยากฟังเสียงน่ารำคาญของเจ้าไทโยด้วย
Tsubasa Talk End
แถมท้ายจ้า
หลังจากที่ผอ.โกสต์เดินออกมาจากโรงยิมเขาได้เดินมาที่ป่าหลังโรงเรียน เขาหันซ้ายหันขวาพอเห็นว่าไม่มีใครแล้ว เขาตะโกนเรียกบุลคลสองคนที่ซึ่งไม่น่าจะมีใครกล้าเรียก
"ออกมาได้แล้วละ วาตะ อควา ฉันรู้ว่าพวกเธออยู่ที่นี้" เขาพูดด้วยท่าทางสบายๆพร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ จากนั้นจู่ๆก็เกิดกระแสลมแรงพัดรอบๆตัวเขา สักพักสกระแสลมที่อยู่รอบๆตัวเขาก็มารวมกันบนเหนือหัวโกสต์เป็นร่างของเด็กสาวคนนั้นซึ่งนั้นก็คือ "วาตะ"
"ไงจ้ะ โกสต์จัง ไม่ได้เจอกันนานนะ น่าคิดถึงจังเลย" พอวาตะรวมตัวเสร็จเธอก็ล่วงลงมานั่งขี้คอผอ.โกสต์ราวกับน้องสาวขี้คอพี่ชายยังไงอย่างนั้น โกสต์เหล่มองวาตะด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วยื่นมือขึ้นลูบหัววาตะอย่างอ่อนโยน
วาตะพอโดยลูบหัวก็แสดงสีหน้าเคลิ้มเคลมเหมือนลูกแมวน้อยออกมาโดยไม่ปิดบังอะไร ส่วนอควายืนกอดพิงต้นไม้ด้านหลังโกสต์ด้วยท่าทางเยือกเย็นแต่ในใจเธอก็ดีใจที่ได้เจอโกสต์เช่นกัน
"แล้วเป็นไงบ้างค่ะ เด็กที่พวกดิฉันเลือกนะ" อควาถามเข้าเรื่องทันทีโดยไม่ให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว โกสต์หันไปมองอควาหลังจากที่ปล่อยวาตะลงพื้น
"ก็ใช้ได้ที่เดียวละ ทั้งสามคนเลยละ" โกสต์หันมามองอควาด้วยสีหน้าพอใจ แต่คำตอบของเขาสร้างความสงสัยให้กับวาตะและอควาเป็นอย่างมาก สามเหรอ? สามไหน? วาตะกับอควาต่างคิดพร้อมกัน
"สามเหรอ? เดียวก่อนนะโกสต์จัง เมื่อกี้นี้เธอบอกว่าสามงั้นเหรอ?" วาตะมองโกสต์อย่างสงสัยปนแปลกใจเพราะนอกจากสึบาสะกับโอกิแล้วไม่น่าจะมีคนอื่นอีกนี้น่า
"ใช้ ก็มีสึผู้สืบทอดของเธอ ควาและ "อัคคี" ไง พวกเธอไม่รู้เหรอ?" โกสต์พูดด้วยสีหน้าแปลกใจที่พวกวาตะไม่รู้เรื่องนี้เลย อความองโกสต์ด้วยสีหน้าและแว่วตาตกใจปนดีใจ
เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมที่หน้าอกพร้อมหลับตาลงจากนั้นภาพของชายผมแดงตัดเหลือยาวถึงไหล่ ดวงตาสีแดงทับทิมบริสุทธ์ หน้าตาหล่อพอสมควร กำลังยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยท่าทางสดใส
'อัคคีอยู่ที่นี้' อควายิ้มอย่างมีความสุขที่สุดที่เธอได้รู้ว่าคนรักของเธออยู่ที่นี้ อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ