Gogyo no gadian no dense ตำนาน 5ผู้พิทักษ์แห่งธาตุ
เขียนโดย Ormsin2541
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.04 น.
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 03.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เจอเธอที่ต้นซากุระ (Rewrite)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTsubasa Talk
หลังจากที่ผมตื่นจากฝันเรื่องประหลาดที่เล่นเอาผมเกือบตาย ผมหันไปมองนาฬิกาปรากฏว่านี้มันพึ่ง 5.30 เอง ผมเลยคิดว่าจะไปโรงเรียนก่อนเวลาน่าน่ะ
ที่จริงผมกะจะนอนต่ออีกสักหน่อยและไม่อยากไปก่อนเวลาหรอกนะแต่พอเจอฝันแปลกๆแบบนั้นเข้าไปแล้วมันก็......ทำเอาผมนอนต่อไม่ลงจริงๆ ผมหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
20 นาทีต่อมา
หลังจากผมออกมาจากห้องน้ำ ผมเดินไปหยิบชุดนักเรียนที่เตรียมไว้บนเตียงแล้วใส่ให้เรียบร้อยอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เสื้อยับ ผมเดินมาที่หน้ากระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อยของชุดว่าโอเคหรือยัง
ผมในกระจกตอนนี้อยู่ในชุดสีเขียวอ่อนสลับน้ำเงิน ผูกเนคไทสีดำ สวมกางเกงขายาวสีดำที่มีกระเป๋ากางเกงทั้งหมดสี่กระเป๋า(หน้าสอง หลังสอง) มีสัญลักษณ์รูปดาบติดปีกหงายชี้ฟ้าอยู่ตรงกระเป่าเสื้อเป็นสัญลักษณ์โรงเรียนผม ตรงบนไหล่ซ้ายผมมีสัญลักษณ์เป็นรูปดาวสองแฉกสีทอง (จะอธิบายความหมายในตอนต่อไป)
หลังจากที่ผมเช็คสภาพของตัวเองเสร็จ ผมหันหลังเดินไปหยิบกระเป่าสีน้ำตาลที่วางไว้อยู่บนเตียงแล้วเดินออกจากห้อง ผมเดินลงมาจากชั้นสองแล้วเดินตรงไปที่ห้องครัวเพื่อหาข้าวเช้ากินจะได้ไปโรงเรียนเลย
แต่ปรากฏว่าไฟห้องครัวที่สมควรที่จะปิดอยู่แต่ตอนนี้มันกลับเปิดอยู่ซึ่งมันไม่น่าเป็นแบบแท้ๆ มันทำให้ผมสงสัยมากๆ เพราะผมจำได้ว่าก่อนผมจะขึ้นห้องนอนผมได้ปิดไฟห้องครัวแล้ว แล้วก็มีคิดนึงเด็นขึ้นมาในหัวผม
'คงเป็นพ่อละมั้งที่เป็นคนเปิดไฟ' พอผมคิดแบบนั้นผมจึงเดินเข้าไปในครัวแต่แล้วสิ่งที่ผมคิดเมื่อกี้มันไม่ใช้
เพราะคนที่อยู่ในครัวไม่ใช้พ่อผมแต่เป็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลมัดทรงหางม้า ตาสีเขียวมรกตที่ดูสดใสตลอลดเวลา ในมือซ้ายของเธอมีแก้วสีชมพู่อ่อนๆที่มีนมอุ่นๆอยู่ข้างใน เธอใส่ชุดสีขาวสลับสีชมพูมีโบว์สีฟ้าตรงกลางคอเสื้อ กระโปร่งสีน้ำตาลที่ยาวถึงแค่เข่าและส่วมถุงน่องสีดำ ที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์รูปดาวเหมือนผมแต่ของเธอเป็นสามแฉก ซึ่งเธอเป็นคนที่ผมรู้จักดี.....ดีมากซะด้วย เพราะเธอคือพี่สาวผมเอง ชื่อ “คาเสะ ซากุระ” เธอหันมามองผมด้วยความแปลกใจ
"อ้าว!? สึจังทำไมตื่นเร็วจังล่ะจ๊ะ นี้มันพึ่ง 5.50 เองน่ะจ๊ะ" พี่ซากุระถามผมด้วยรอยยิ้มสดใสตามฉบับของพี่เขา ผมว่าควรถามพี่มากกว่านะครับ ว่าพี่มาทำอะไรแต่เข้านะ? แต่ผมก็เก็บคำถามไว้ในใจเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่เขามากนัก
"ผมเมื่อคืนผมนอนเร็วน่ะ ก็เลยว่าจะไปโรงเรียนก่อนเวลานะครับ พี่ซากุระ" ผมยักไหล่ตอบพี่ซากุระไปจริงบางส่วนแต่อันที่จริงเพราะผมกลัวว่าจะฝันประหลาดนั้นอีกรอบและเจอเจ้า โฮซารุไนท์แมร์ นั้นอีกต่างหาก
"เหรอจ๊ะ งั้นรอแป้ปนึงนะจ๊ะ สึจัง เดียวพี่จะทำอหารเช้าให้" พี่ซากุระพูดจบพี่เขาก็ว่างแก้วนมไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน พี่ซากุระหันมายิ้มให้ผมแว่บนึงแล้วพี่เขาก็เดินไปที่หลังเคาเตอร์ทันที พี่ซากุระริ่มทำอาหารอยู่ในครัวพอผมเห็นแบบนั้นก็เดินมานั่งรอพี่ซากุระอยูที่โต๊ะกินข้าวเพราะจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกันเลย
ผมหยิบหนังสือพิมพ์ของวันนี้ที่อยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาอ่านพอผมอ่านไปได้สักพักความสงสัยเรื่องพี่ซากุระก็กลับเข้ามาในหัว เรื่องที่พี่ซากุระเขา.......ตื่นมาทำไมแต่เช้ากันน่ะ? เพราะพี่ซากุระคงไม่อ้างว่า 'นอนไม่หลับ' หรอกเพราะพี่ซากุระนอนเร็วกว่าผมซะอีก
"แล้วตกลง.........พี่ตื่นมาทำไมแต่เช้ามืดกันละครับ? คงไม่ได้มาดื่มนมอและนั่งอยู่เฉยๆอย่างเดียวหรอก ใช้ไหมครับ? พี่ซากุระ" ผมทนเก็บสงสัยเอาไว้ไหวแล้วถามพี่ซากุระ พี่ซากุระก็หันมามองผมแล้วยิ้มก็ยิ้มให้ผมเล็กน้อยแล้วหันกลับไปทำอาหารต่อ
"ที่แท้ก็เรื่องนี้เองเหรอ? พี่เห็นสึจัแอบมองพี่อยู่นานแล้วก็นึกเรื่องอะไรซะอีก ก็เมื่อคืนนะ พวก โฮซารุไนท์แมร์ นะจ๊ะ มากันเยอะแยะเลยนะจ๊ะ พี่ก็เลยต้องนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนคอย "ไล่" พวกมันออกไปจาบ้านเราอยู่นานเลยจ๊ะ ไม่งั้นพวกเราคงโดนรุมกินความฝันแห่งชีวิตไปแล้วละ" พี่ซากุระอธิบายอย่างระเอียด ผมพยักหน้าเข้าใจแต่........ผมควรบอกพี่ดีไหมว่าเจ้าโฮซารุไนท์แมร์ มันหลุดมาได้ตัวนึงและมันก็เกือบจะกินผมไปแล้วด้วยน่ะ?
แต่สุดท้ายผมก็ไม่บอกเพราะผมไม่อยากให้พี่ซากุระเป็นห่วง พอผมหมดเรื่องสงสัยผมก็หันกลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ในมือต่อ หลังจากนั้นไม่นานมากนักพี่ซากุระก็เดินออกมาเคาเตอร์พร้อมกับห่อข้าวสองกล่อง
"นี้จ๊ะ ข้าวกล่องของสึจังจ๊ะ" พี่ซากุระยื่นห่อข้าวกล่องสีเขียวที่มีลายใบไม้สีน้ำตาลมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มสดใส ส่วนห่อข้าวกล่องของพี่ซากุระเป็นสีเขียวอ่อนมีลายรูปดอกซากุระสีชมพู่ซึ่งมันลงตัวกับพี่ผมมากเลยที่เดียว
ผมยิ้มตอบกลับบางๆแล้วรับห่อข้างกล่องมาแล้วก้มเก็บใส่กระเป่านักเรียน พอส่งห่อข้าวกล่องให้ผมเสร็จพี่ซากุระก็เก็บห่อข้าวของตัวเองแล้วเดินกลับไปหลังเคาเตอร์อีกครั้ง ผมเก็บห่อข้าวเสร็จผมเช็คของในกระเป๋าให้แน่ใจอีกทีว่าไม่ได้ขาดอะไรไปพอเห็นว่าไม่มีอะไรขาดหายหรือเปล่า
ผมเงยหน้าขึ้นพอดีกับที่พี่ซากุระยื่นจานข้าวกับจานไข่ดาวและชามน้ำซุปเห็ดมาวางอยู่ตรงหน้าพอดี
"ข้าวเช้าจ๊ะ ถ้าไม่กินอะไรเลยเดียวไม่มีแรงหรอกนะ" พี่ซากุระพูดจบก็เดินไปนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับผมแล้ววางจานข้าวของตัวเองที่เป็นแบบเดียวกับผมลงบนโต๊ะ ผมกับพี่ซากุระจ้องตากันแล้วจากพวกผมก็พนมขึ้นพร้อมกันแล้วหลับตาลงแล้วพูดคำเดียวกันออกมา
"ทานแล้วน่ะครับ / ค่ะ" ผมกับพี่ซากุระพูดพร้อมกันแล้วเริ่มกินข้าวกันอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว แต่ผมชินแล้วล่ะเพราะผมกับพี่ซากุระปกติเราจะไม่คุยกันระหว่างกินข้าว ใช้........เรื่องปกติที่ผมไม่อยากจะยอมรับ ผ่านไปไม่นานผมกับพี่ก็กินเสร็จแล้วยกมือขึ้นมาพนมอีกครั้งพร้อมหลับตา
"ขอบคุณสำหรับอาหารครับ / ค่ะ" ผมกับพี่พูดพร้อมกันหลังจากกินอาหารหมดแล้ว ผมกับพี่ซากุระก็ลุกขึ้นแล้วเดินเอาจานชามของตัวเองไปเก็บไว้ที่ซิ้งล้างจาน พอผมกับพี่เก็บจานเสร็จพวกเราก็เดินไปหยิบกระเป่าแล้วเดินไปหน้าประตูบ้านพร้อมกัน
ผมนั่งสวมรองเท้าหนังสีดำตรงหน้าประตูบ้าน ส่วนพี่ซากุระเองก็ยืนสวมรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มอยู่ข้างๆผม พอพวกเราสวมรองเท้ากันเสร็จเรียบร้อยผมกับพี่ซากุระก็ออกจากบ้าน พี่ซากุระหันกลับไปล็อคประตูบ้าน ส่วนผมก็ยืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมกับเช็ครองเท้าว่าเข้าทีหรือยังไปในตัวด้วย
พอพี่ซากุระล็อคเสร็จพวกเราเดินออกจากบ้านแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจนมาถึงสองทางแยก ทางซ้ายเป็นถนนดินขรุขระที่พาขึ้นไปบนภูเขาประจำเมืองทางขวาเป็นถนนลาดซีเมนต์ที่พาเข้ากลางตัวเมือง ผมหันไปมองทางซ้ายแล้วเกิดนึกอะไรบางขึ้นได้ ผมกลับมามองพี่ซากุระที่กำลังจะเดินไปทางขวา
"พี่ครับ ผมของแวะไปที่ "นั้น" แป้บนึงได้ไหมครับ?" ผมถามพี่ซากุระพร้อมกับชี้ไปทางถนนขรุขระ พี่ซากุระหยุดเดินแล้วหันมามองผมแล้วหันไปมองทางถนนขรุขระด้วยรอยยิ้มสดใส
"ได้จ๊ะ งั้นก็......ระวังตัวด้วยนะจ๊ะ สึจัง" พี่ซากุระพยักหน้าให้ผมพร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มบางๆตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าเบาๆให้พี่ซากุระ จากนั้นผมก็เดินแยกกับพี่ซากุระไปทางซ้ายเพื่อจะได้ไปที่ "นั้น" สถานที่ที่ผมชอบไปที่สุดในเมืองนี้
ผมเดินขึ้นมาตามทางเรื่อยๆจนทาถึงเนินเขาหลังเมืองที่เต็มไปทุ้งหญ้าเขียวขจีแล้วมีเสียงของเหล่านกน้อยกำลังขับกล่อมบทเพลงที่ไพเราะเสนาะหูอยู่ในป่าใกล้ๆ เป็นสถานที่ที่สงบมากเหมาะกับเป็นสถานที่น่าพักผ่อนที่สุด แต่สาเหตุที่ผมมาที่นี้ไม่ได้มาเพื่อพักผ่อนหรือฟังนกร้องเพลงหรอน่ะ
แต่ผมมาชมความงามของ "ต้นซากุระ" ที่มีอายุ 375 ปี ที่ตอนนี้กำลังเบ่งบานได้ที่เลยทีเดียวเชียว ทำไมผมถึงรู้นะเหรอ? ผมเคยใช้สายลมตรวจสอบสภาพของต้นไม้มาแล้วตั้งแต่ไม่กี่ปีก่อนก็เลยพอรู้ว่ามันอายุเท่าไรแต่ที่จริงก็มีคนบอกมานะๆแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ คนที่รู้เรื่องที่นี้มีแต่ผมกับพี่ซากุระเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีคนรู้เรื่องที่นี้อีก ผมยกมือขึ้นมาแล้วแตะต้นซากุระเบาๆพร้อมกับเงยหน้าชมความงามของ "เธอ" คนนี้
ภายใต้แสงจันทร์ที่มีความลาดชันอยู่นั้น
ฉันได้ยืนอยู่กับรอยเท้าที่อยู่เคียงข้างกัน
ฉันได้พยักหน้าตอบรับว่าฉันพบความรักแล้ว
นั่นคือพวกเราในตอนนี้
หือ? เสียงเพลง? แถมเสียงผู้หญิงซะด้วย!? ไม่หรอกน่า ไม่มีทางที่จะมีใครรู้เรื่องที่นี้ยกเว้นผมกับพี่ซากุระ? ดูเหมือนเสียงมันน่ามาจากทางด้านตรงข้ามของต้นซากุระ ผมค่อยๆเดินไปดูอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ผมเดินมาถึงด้านข้างของต้นซากุระแล้วเอาตัวแนบติดกับต้นซากุระจากนั่นค่อยๆยื่นหน้ามองคนที่ฝั่งตรงข้ามของต้นซากุระ ไหนดูสิว่าเป็นใครกัน
จุดเริ่มต้นของลางสังหรณ์นี้
ถึงมันจะน่าอายก็ตาม ฉันก็แค่อยากจับมือของคุณ
ก็เพราะว่าฉันรักคุณมากกว่าใครในโลกนี้
และในวันนี้คุณก็มอบสีสันของความอ่อนโยนให้ฉัน
คนที่ยืนอยู่ตรงนั่นเป็นหญิงสาวอายุ 22 ปีเท่ากับผม ผมทรงทวินเทลสีดำสนิทจนเหมือนยามราตรีที่ปรากฏในยามอรุณสาดแสง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงทับทิมสดใสน่ามองจนไม่อาจจะละสายตาได้ มีใบหน้าสวยปนน่ารักเหมือนนางฟ้าที่บินไปมาอยู่บนท้องนภาและยิ่งบวกกับริมฝีปากสีชมพู่อ่อนที่กำลังยิ้มสดใสและเสียงที่ใสอย่างกับนักร้องมืออาชีพด้วยแล้ว......ยิ่งเพิ่มความสวยและน่ารักของเธอขึ้นไปอีก เธอสวมชุดนักเรียนสีฟ้าครามสลับสีขาวมีโบว์สีชมพู่อยู่ตรงคอเสื้อ กระโปงสีดำร่วมทั้งถุงน่องยาวสีดำ ผมเห็นสัญลักษณ์ที่ไหลของเธอเป็นรูปดาวสองแฉกเหมือนกับผม
ในขณะที่ความเปล่งประกายถูกห่อหุ้มอยู่
ฉันก็ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นจากภายในตัวของคุณ
ทามกลางความเปล่งประกายที่เหมือนกันจากนี้ต่อไป
ตัวฉันจะก้าวเดินต่อไป โดยที่ไม่ลังเลอีกเลย
เก็บรวบรวมทุกสิ่งจำนวนมากไว้ภายในใจฉัน
และโอบกอดมันไปตลอดกาล
ตึกตักๆๆ ผมมองเธอคนนั่นตาค้างอย่างไม่ล่ะสายตา แล้วจู่ๆหัวใจผมก็เต้นรั่วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตหัวใจและยิ่งเต้นเร็วขึ้นอีกเมื่อเธอยิ้มอ่อนโยนหลังร้องเพลงจบ
ผมขอพูดตรงๆเลยนะ นอกจากพี่ซากุระที่ว่าสวยที่สุดแล้วในเมืองนี้ ผมก็ไม่เคยเจอใครสวยเท่าหรือสวยกว่าพี่ซากุระมาก่อนเลยในชีวิตจนกระทั่ง..........ได้เจอเธอคนนี้ แหละดูเหมือนผมจะจ้องเธอนานเกินไปหน่อย เพราะเธอรู้สึกตัวแล้ว เธอหันมามองผมด้วยสายตาตกใจนิดๆ ผมถึงสะดุ้งแล้วรู้สึกหน้ามันร้อนหน่อยๆด้วยสิ หน้าผมเป็นอะไรไปละเนี่ย!?
"คุณเป็นใครค่ะ??" เธอถามผมด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมเดินมาหาผมด้วยท่าทางเป็นมิตร ซึ่งมันทำให้ผมตอนนี้รู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก เพราะเราพึ่งเคยเจอกันเหรอ? หรือเพราะผมกำลังเขินงั้นเหรอ? ผมถึงได้รู้สึกประมาดอย่างนี้นะ? ผมรีบรวบรวมสติให้กลับมาอย่างเดิมด้วยการกระแอ้มไอหนึ่งครั้ง
"อะแฮ่ม เออ...ผะ...ผะ...ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่เสียมารยามโดยการมาแอบฟังคุณแบบนี้"
"เออ...ไม่ต้องขอโทษก็ได้ค่ะ ฉันไม่ถือสาอะไรหรอกค่ะ" เธอพูดอย่างอ่อนโยนและมองผมอย่างไม่ถือสาอะไร ผมเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมส่ายหน้าเบาๆไล่ความคิดเรื่องหัวใจที่เต้นผิดปกติออกไปแล้วยืนตัวตรงและยิ้มบางๆอย่างพอเหมาะเพื่อไม่ให้เสียมารยามกับเธออีก
ตึกๆๆ ตึกๆๆ หัวใจผมก็เต้นรั่วไม่หยุดเลย เพราะอะไรน่ะ? เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือผมสีดำของเธอปลิวไสวไปทางซ้ายพร้อมกับแสงอาทิตย์กระทบกับเส้นผมของเธอเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงในยามราตรี
ช่างสวยงามอะไรขนาดนี้กันขนาดพี่ซากุระยังไม่สวยเท่านี้เลย ระหว่างที่ผมมองเธออย่างไม่กระพริบตานั้นจู่ๆเธอก็ทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
"อ้ะ! จริงสิ เรายังไม่แนะนำตัวกันเลยนี้ค่ะ ฉันชื่อ “นานะ โอกิ” ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วคุณชื่ออะไรเหรอค่ะ" เธอพูดด้วยสายตาอ่อนโยนพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มให้กับผมอย่างน่ารัก
รู้สึกว่าวันนี้หัวใจผมมันเต้นผิดจังหวะบ่อยไปแล้วมั้ง? แล้วเธอก็ยื่นหน้ามาหาด้วยใบที่สงสัยปนน่ารักแล้วนั้นก็ทำให้หน้าของผมที่หายร้อนไปแล้วกลับมาร้อนอีกแล้ว สงสัยว่าผมคงยืนค้างอีกแล้วสิน่ะ?
"อา...คือ...อะแฮ่ม!! ผะ..ผะ..ผมชื่อคาเสะ สึบาสะครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ คุณโอกิ" ผมแนะนำเธอด้วยรอยยิ้มเพราะหวังเธอจะยิ้มให้ผมอีกแต่ปรากฎว่าเธอมองผมด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจ นี้ผม...ทำอะไรผิดอย่างงั้นเหรอครับ? ท่านผู้อ่าน?
"อย่าเรียกฉันว่าคุณเลยค่ะ สึบาสะคุง เราเป็นเพื่อนกันน่ะค่ะเรียกว่าโอกิเฉยๆก็ได้ค่ะ" สีหน้าของโอกิจังจากสีหน้าไม่พอใจก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ผมตกใจในความน่ารักของเธอและผมรู้สึกว่าหน้าผมมันร้อนๆยังไงชอบกลแฮะ?
"หือ? สึบาสะคุงเป็นอะไรเหรอค่ะ ทำไมหน้าถึงแดงขนาดนั้นละค่ะ หรือจะเป็นไข้กันค่ะ" โอกิจังยื่นมือมาแตะหน้าผากผม เธอมองผมด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง ผมถึงกับยืนค้างเป็นหินอยู่ท่านั้นไปเลยแถมหัวใจมันก็เต้นเร็วจนจะหลุดออกมาอยู่น่ะเนี่ย!?
"ผะ..ผะ..ผมไม่เป็นไรหรอกครับ อะ โอกิจัง ผะ ผมสบายดีครับไม่ต้องเป็นห่วงครับ สะ สบายใจได้เลยครับ" ผมหายค้างผมก็เดินถอยหลังออกมาเล็กน้อยแล้วพูดไปเพื่อไม่ให้โอกิจังต้องเป็นห่วง
หลังจากที่โอกิจังได้ยินคำตอบของผมเธอก็ยิ้มให้อย่างโล่งใจแล้วเธอก็หันไปมองต้นซากุระที่กำลังรวงโรยลงมา ผมก็ยืนทำใจให้เย็นลงอยู่ไม่กี่นาทีแล้วหันมามองต้นซากุระด้วยอีกคนอย่างชื่นชม ทันใดนั้นเองมีดอกซากุระดอกนึงก็ร่วงลงมาที่หูซ้ายของโอกจังพอดี
"เอ้ะ? ทำไมถึงตกมาตรงนี้ได้ไงเนี่ย" เธอเหล่ตามองดอกซากุระที่ตกมาหูซ้ายของเธอด้วยแววตาสงสัย ส่วนผมพอมองดูดีๆ......มันเหมาะกับเธอมาก
โอกิจังยกมือขึ้นแล้วทำท่าจะปัดมันออกแต่ผมกลับไปจับข้อมือเธอไว้ โอกิจังตกใจจากกระทำของผมที่จู่ๆไปจับมือเธอ ส่วนผมก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะร่างกายผมมันขยับไปเองรวมถึงปากผมด้วย
"ยะ..ยะ..อย่าเอาออกนะครับ! ผะ..ผะ..ผมว่ามันเหมาะกับโอกิจังนะมากเลยนะคะ..คะ..ครับ" ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกอายเต็มพิกัส ผมรีบปล่อยข้อมือเธอทันที
พอถูกปล่อยโอกิจังก็รีบหันหลังให้กับผมทันที ผมมองเห็นหน้าโอกิจังนิดเดียวแต่ถ้าผมตาไม่ฝาดล่ะก็ ผมเห็นเธอหน้าแดงนิดนึงด้วยละครับ
"เออ...ผะ..ผะ..ผมว่าเรารีบไปโรงเรียนกันดีกว่าครับ นะ..นะ..นี้มันสายมามากแล้วนะครับ"
"คะ..คะ..ค่ะ" หลังจากที่เธอตอบผม พวกเราก็เดินลงจากเนินเขา แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนึง? ดอกซากุระที่ตกมาที่หูของโอกิจังนะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพราะเธอต้องการให้มันตกมางั้นเหรอ? "ซากุ"
Tsubasa Talk End
แถมท้ายจ้า
เหนือต้นซากุระขึ้นไปได้มีเด็กสาวสองคนนั่งบนกิ่งไม้หนึ่งในนั้นคือ วาตะ ที่นั่งเท้าคางกำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างชอบใจ ส่วนอีกคนนั่งไขว้ห้างอยู่ใกล้ๆกับวาตะ
เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 23-25 ผมสีฟ้ายาวมัดหางม้า ตาสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าน่ารักกว่าวาตะนิดนึง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวใส่เสื้อกั้กสีฟ้าทับอีกชั้น สวมกางเกงสีน้ำตาลอ่อนและสวมรองเท้าผ้าใบสีฟ้าสลับขาว
"เมื่อกี้เธอจงใจใช้มั้ยค่ะ" ผู้หญิงผมฟ้าถามวาตะด้วยน้ำเสียงราบเรียบ วาตะเหล่มามองผู้หญิงคนนั้นแล้วอมยิ้มอย่างน่ารัก
"ก็แค่ช่วยเขานิดเดียวเองน่า" วาตะตอบเธอด้วยน้ำเสียงสบายๆโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย ส่วนหญิงสาวคนนั้นก็ถอนหายใจด้วยความระอากับนิสัยสบายๆเกินไปของเพื่อนสนิท
"ว่าแต่บังเอิญจังเนอะ “อควา” ที่ "ผู้สืบทอด" ของเราทั้งสองคนบังเอิญมาเจอกันเนี่ย" วาตะเปลี่ยนจากท่านั่งเท้าคางเป็นยื่นตัวตรงแทน เอียงคอไปมองอควาที่ยังคงนั่งไขว้ห้างเหมือนเดิน
"นั้นสินะค่ะ" อควาตอบกลับด้วยเสียงเรียบสนิทและอย่างไร่เยื่อใย แต่ด้วยความสนิทด้วยกันมานานทำให้วาตะรู้ว่าอควาเองก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งเหมือนกัน แต่เพราะเขิลก็เลยแกล้มทำเป็นเย็นชาไปอย่างงั้นเอง
"เอาละ พวกเราไปกันได้แล้วมั้ง?" วาตะพูดสบายๆแล้วเธอก็กระโดดออกจากกิ่งไม้ของต้นซากุระโดยไม่ฟันคำตอบของอควาเลยสักนิด เปลี่ยนตัวเองเป็นสายลมแล้วหายไปอย่างไร้รอยลอย
อความองดูวาตะที่กลายเป็นลมอยู่ซักพักแล้วเธอก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระโดดตามวาตะไป เธอเปลี่ยนตัวเองเป็นน้ำแล้วลงพื้นหายไปจากตรงนั้นอย่างไร้รอยลอยเช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ