The Horros : ลอง ล่า ท้า ตาย
-
เขียนโดย lHOPEl
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.55 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,825 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 21.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) มาเล่นด้วยกันสิ... [ ภาคต้น ]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ มึงคงไม่ได้ให้พวกกูถ่อมาถึงญี่ปุ่นเพื่อมาร่วมงานเปิดสาขาใหม่โรงแรมของพ่อหรอกนะ ” ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเอ่ยขึ้น เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาค่อนไปทางญี่ปุ่นจนหลายคนคิดว่าเขาเป็นคนต่างชาติ เขาชื่อโย เป็นพวกชอบอ่านหนังสือมากจนมีติดตัวไว้ตลอดเวลา
ผมชวนโยและกล้า เพื่อนสนิททั้งสองตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม.ปลาย จนจบมหาวิทยาลัย ด้วยกัน มาร่วมงานเปิดสาขาใหม่โรงแรมพ่อของผมที่ญี่ปุ่น
“ กูไม่ชวนพวกมึงมางานน่าเบื่อๆนี่หรอก เห็นมันตรงกับที่พวกมึงว่างกันพอดี ก็เลยคิดว่าจะไปเที่ยวกันสักหน่อย ” ผมพูด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นไอกล้าเลย จึงถามขึ้นว่า
“ แล้วนี่ไอกล้ามันหายไปไหน ”
“ ไม่รู้ดิ เห็นมันบ่นอึดอัดๆ ไม่รู้คนเยอะหรือสูทมันแน่น คงไปเดินเล่นข้างนอกแหละ ”
โรงแรมแห่งนี้ตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีสวนหย่อมข้างหน้าโรงแรม มีหินปูเป็นทางเดินเข้ามาภายใน มีห้องพักสี่สิบกว่าห้อง ที่นี่มีเพียงสองชั้นเท่านั้น ทำให้พื้นที่ตัวโรงแรมค่อนข้างจะกว้างใหญ่
“ ว่าแต่ทำไมมาสร้างซะไกลเมืองเลยวะ ” โยถาม
“ บรรยากาศไง ที่นี่มันเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ได้อารมณ์เก่าๆ มีป่าไม้ มีหุบเขารายล้อมด้วย ” ผมตอบ ไม่รู้ว่าที่พ่อคิดเป็นแบบนี้รึเปล่า
“ ก็จริงแฮะ ที่นี่เงียบดี เหมาะกับการพักผ่อน ว่าแต่ไอ้งานบ้านี่มันจะเลิกกี่โมงกัน ”
“ เออ ! ลืมไปเลย ถ้ามึงไม่พูดนี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย มานี่ๆ ” ผมกอดคอเพื่อนสนิท เดินลากมันออกไปยังระเบียงชั้นสอง ออกมานอกตัวงาน
“ อะไรของมึงวะไอกิต ” โยถามอย่างสงสัยเมื่อจู่ๆตนก็โดนผมลากออกมา
“ เห็นตึกที่ตั้งเรียงติดๆกันมะ ถึงจะไม่ใช่เมืองหลวงอย่างโตเกียว แต่ที่นี่ก็มีอาคารหลายแห่ง เป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็ก ” ผมอธิบาย
“ แล้วมันยังไงล่ะ ” โยถามกลับ ไม่รู้ว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
“ ญี่ปุ่นน่ะกฎหมายเคร่งครัดมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นไปวิ่งบนดาดฟ้าอาคารหรือกระโดดข้ามตึกไปมาตามอาคารต่างๆตอนกลางวัน ” ผมพูด
“ มึงหมายถึง Roof Gap สินะ อย่าบอกนะว่าคืนนี้น่ะ ” โยถามกลับ
Roof Gap คือการกระโดดข้ามจากอีกตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง มันเป็นที่นิยมกันในหมู่นักฟรีรันนิ่งหรือปากัวร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬา Extreme มันเป็นกีฬาที่พวกผมสามคนเล่นและชอบตระเวนไปตามเมืองและสถานที่จริงต่างๆ หลังจากฝึกฝนกันอย่างหนักจากยิมและสถานที่ฝึกจนชำนาญแล้ว
“ ใช่เลยเพื่อน แต่จุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ก็คือ กูจะแกล้งไอกล้าเว่ย ” ผมว่า
“ แกล้งยังไง ” สายตาไอโยเปลี่ยนเป็นสนใจทันที
“ มึงรู้ว่ามันเป็นคนกลัวผีใช่มะ ”
“ ใช่ ”
“ ก็แค่แกล้งมันเล่นๆแหละ เห็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ไกลๆมะ กูจะแกล้งว่าอยากเข้าห้องน้ำ พวกเราจะได้เข้าไปข้างในตัวอาคาร แล้วมึงก็เล่าเรื่องน่ากลัวๆที่มึงชอบอ่านให้มันฟัง ” ผมบอก
“ เออๆ ก็น่าสน ไม่แกล้งแรงเกินไปด้วย ” โยเห็นด้วยกับแผน
“ โห่ ~ พวกมึงมาอยู่กันตรงนี้นี่เอง หาตั้งนาน ” เสียงกล้าดังขึ้น
“ มึงนั่นแหละไปไหนมา ” โยย้อนถาม
“ แล้วทำไรกันอยู่ ” กล้าถาม เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองไม่อยู่ในงาน
“ คืนนี้พวกเราจะไป Roof Gap กัน ” ผมบอก
“ ตอนกลางคืนเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยคนหรอก ” กล้าพูด
“ มึงคิดว่าตอนกลางวันเราจะไปเล่นกันได้รึไง ” โยย้อนถามก่อนจะพูดรวบว่า
“ ไม่ต้องคิดมากน่า ไปๆ กูกับมึงไปเปลี่ยนชุดกันที่ห้องดีกว่า ” โยกอดคอไอกล้าก่อนลากมันไปห้องพัก
“ เดี๋ยวกูตามไป ” ผมพูดไล่หลัง ต้องไปคุยกับแขกในงานสักหน่อย ก่อนจะชิ่งออกจากงาน ถึงแม้อีกครึ่งชั่วโมงงานจะเลิกแล้วก็เถอะ
ยี่สิบนาทีต่อมา พวกเราสามคนต่างพร้อมลุย ผมเปลี่ยนใส่เสื้อฮู้ดสีเทาแขนยาว ไอกล้าใส่เสื่อยืดสีขาวสะดุดตามากในความมืด ส่วนโยสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ท่อนล่างพวกเราจะคล้ายๆกันคือ กางเกงวอร์มสีดำกับร้องเท้าวิ่ง
เราเลือกออกทางหลังโรงแรม เดินไปตามทางเท้าในเมืองที่มืดและเงียบสนิท พวกเราข้ามทางรถไฟเพื่อเข้าไปในเขตเมืองที่ชุกชุมไปด้วยอาคารมากมาย ที่ต่างก็ปิดบริการกันเกือบหมดแล้วยกเว้นก็แต่ร้านอาหารที่ยังเปิดอยู่บ้าง นานๆครั้งจะเห็นผู้คนเดินสวนบ้างประปราย
“ แล้วมึงบอกพ่อว่าอะไรวะ ” กล้าถามผม มันเดินรั้งท้ายกลุ่ม ผมกับโยเดินนำข้างหน้า
“ ผมไปนอนแล้วนะพ่อ ” ผมตอบพวกมัน
“ พ่อเชื่อหรอวะ ” โยถาม เดินไปดูแผนที่ในโทรศัพท์ไป
“ คงเชื่อแหละมั้ง ”
“ แล้วเราจะเริ่มตรงไหน ” กล้าพูดขึ้น
“ ตรงนี้แหละ ” โยว่า ผมกับไอกล้าจึงหยุดเดิน
“ เราจะขึ้นบันไดหนีไฟข้างตึกนี่ไปข้างบน แล้วเริ่มวิ่งไปจนสุดจุดหมายคือโรงเรียน ” โยบอก
“ ไหนโรงเรียนของมึงวะไอโย ” กล้าถาม
“ มึงมองไม่เห็นหรอก ถัดไปอีกสิบกว่าตึกนู่น ” โยตอบ
“ งั้นก็รีบขึ้นเถอะ นี่ก็จะเที่ยงคืนและ ” ผมพูด เดินนำทั้งสองเข้าไปในซอยแคบๆ ข้างในมีถังขยะใบใหญ่ตั้งอยู่ และมีบันไดที่พาดติดกับผนังไล่จนไปสุดข้างบน
ใช้เวลาไม่กี่นาทีทุกคนก็ขึ้นมาข้างบนกันครบ ต่างขยับท่าทางอบอุ่นร่างกายก่อนจะออกวิ่ง
“ ถ้ามีคนเห็นพวกเราล่ะก็ คงคิดว่าพวกเราเป็นขโมยแน่ๆ ” กล้าพูด
“ เค้าคิดเลยแหละ ” โยตอบ
“ มืดๆอย่างนี้ ไม่ต้องลังกาก็ได้ แค่ปากัวร์ข้ามสิ่งกีดขวางก็พอ ” ผมบอก
“ ก็ว่างั้นแหละ ” กล้าว่า
“ งั้นเริ่มเลยนะ ระวังตัวกันด้วย ” ผมเตือน เพราะคราวนี้มันมืดกว่าทุกทีที่เราวิ่งกัน ผมออกตัววิ่งก่อนกระโดดข้ามระหว่างตึกที่ห่างกันไม่มากนัก โดยมีไอโยและกล้าตามมาติดๆ….
พวกเราใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะมาถึงดาดฟ้าของโรงเรียนได้ในที่สุด ผมและทั้งสองพากันนั่งพักเหนื่อยกินน้ำที่เตรียมมาในกระเป๋าสะพายใบเล็ก หลังจากเพิ่งผ่านจุดที่ยากที่สุดมาได้ นั่นคือการกระโดดร่วมสี่เมตรจากตึกที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน มันเป็นตรอกที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว ทำเอาทุกคนหอบจับกันเป็นแถว
“ กูปวดฉี่ว่ะ ” ผมพูดขึ้นตามแผนที่วางไว้กับไอโย
“ ไปฉี่ตรงมุมกำแพงตรงนู้นไป ” โยว่า พลางชี้ไปยังตำแหน่งที่บอก
“ ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวเข้าห้องน้ำในโรงเรียนก็ได้ ” ผมตอบ
“ มึงจะบ้ารึไง เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก ” กล้าพูดขึ้น
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ดึกขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอก ” ผมลุกขึ้น เดินไปยังประตูทางเข้า บานประตูดูเก่ามาก ขนาดกลอนสนิมยังขึ้นเขรอะ ผมลองบิดลูกบิด ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก อันที่จริงควรจะพูดว่ามันล็อกไม่ได้แล้วต่างหาก แต่ก็ไม่แปลกถ้าดูจากสภาพประตู
“ พวกมึงเอาไฟฉายมากันสินะ ข้างในโคตรมืดเลยว่ะ ” ผมพูด เมื่อมองเข้าไปข้างใน เป็นบันไดเดินลงสู่ชั้นล่าง มีเพียงแสงจันทร์อันน้อยนิดที่ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาภายในชั้น
“ เอาจริงหรอวะไอกิต ” กล้าถามย้ำ น้ำเสียงเริ่มไม่มั่นคง
“ เออดิ กว่าจะกลับถึงโรงแรมท่อคงแตกก่อนแน่ ” ผมตอบ
“ ก็รีบๆเข้ารีบๆออกสิวะ จะได้เร็วๆ ” โยว่า เปิดไฟฉายอันเล็กๆของมัน ส่องเข้าไปข้างใน ก่อนจะก้าวนำพวกผมลงไป
ผมกับกล้าเดินตามมันลงไปข้างล่าง ลงมาจนสุดขั้นบันได
“ ไม่ต้องลงไปข้างล่างหรอก กูว่าชั้นนี้ก็น่าจะมีห้องน้ำแหละ ” กล้าพูด
“ แต่ที่แน่ๆเราอยู่ริมสุดของอีกฝั่งนึงอยู่ตอนนี้ ซึ่งมันไม่มีห้องน้ำ คงต้องเดินไปสุดทางเดินหน้าห้องเรียนเพื่อไปดูอีกฝั่งอ่ะ ” ผมว่า
“ งั้นก็ไปกัน ” โยพูด
ผมเดินนำขนาบข้างกับไอโย ส่วนไอกล้าเดินตามแทบจะตัวติดกับพวกผม
“ อาคารเรียนมันเหมือนในหนังผีเลยว่ะ ” กล้าพูดขึ้น คงเพราะมันชอบดูหนังผีญี่ปุ่นล่ะมั้ง เลยจำได้ติดตา ยิ่งมาเห็นทางเดินหน้าห้องตอนมืดๆแบบนี้ยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
“ แล้วมึงจะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ย ” โยทักขึ้น ส่องไฟเข้าไปในห้องเรียนที่มืดสนิท เห็นเพียงเงาของโต๊ะเรียนลางๆเท่านั้น บางห้องก็เป็นห้องวิทยาศาสตร์ บรรดาหลอดทดลองต่างสะท้อนแสงไฟเป็นประกายแวบขึ้นมาในความมืดเมื่อแสงไฟฉายส่องกระทบ
“ มึงรีบเข้าเลย เร็วๆด้วย ” ไอกล้าเร่ง เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องน้ำที่แบ่งทางเข้าเป็นสองฝั่ง ชายและหญิง มันอยู่สุดทางเดินตามที่ผมว่าจริงๆ และฝั่งนี้ก็มีบันไดลงและขึ้นเหมือนกัน
แกร๊ก แกร๊ก ~ ผมบิดกลอนประตู ปรากฏว่าห้องน้ำชายดันล็อกซะอีก
“ เข้าห้องน้ำหญิงก็ได้ไป ตอนนี้ไม่มีคนใช้หรอก ” กล้าบอก ผมมองไอโย พยายามสื่อด้วยสายตาเป็นนัยว่า ทำไมมึงไม่เล่าเรื่องอะไรตามที่บอกล่ะฟะ ก่อนจะลองบิดประตูห้องน้ำหญิง ซึ่งปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก
“ พวกมึงไม่เข้ามาเป็นเพื่อนกูหน่อยหรอวะ ” ผมถามทั้งสอง เมื่อเห็นพวกมันยังคงยื่นนิ่ง
“ เออๆ ” โยตอบ ก่อนจะหันไปถามไอกล้า “ มึงจะรออยู่ข้างนอกใช่มั้ย? ”
ไอกล้าหันกลับไปมองทางเดินข้างหลังก่อนพูดขึ้นว่า “ เข้าไปด้วยสิวะ ข้างนอกอย่างหลอนเลย ”
ผมชวนโยและกล้า เพื่อนสนิททั้งสองตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม.ปลาย จนจบมหาวิทยาลัย ด้วยกัน มาร่วมงานเปิดสาขาใหม่โรงแรมพ่อของผมที่ญี่ปุ่น
“ กูไม่ชวนพวกมึงมางานน่าเบื่อๆนี่หรอก เห็นมันตรงกับที่พวกมึงว่างกันพอดี ก็เลยคิดว่าจะไปเที่ยวกันสักหน่อย ” ผมพูด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นไอกล้าเลย จึงถามขึ้นว่า
“ แล้วนี่ไอกล้ามันหายไปไหน ”
“ ไม่รู้ดิ เห็นมันบ่นอึดอัดๆ ไม่รู้คนเยอะหรือสูทมันแน่น คงไปเดินเล่นข้างนอกแหละ ”
โรงแรมแห่งนี้ตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีสวนหย่อมข้างหน้าโรงแรม มีหินปูเป็นทางเดินเข้ามาภายใน มีห้องพักสี่สิบกว่าห้อง ที่นี่มีเพียงสองชั้นเท่านั้น ทำให้พื้นที่ตัวโรงแรมค่อนข้างจะกว้างใหญ่
“ ว่าแต่ทำไมมาสร้างซะไกลเมืองเลยวะ ” โยถาม
“ บรรยากาศไง ที่นี่มันเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ได้อารมณ์เก่าๆ มีป่าไม้ มีหุบเขารายล้อมด้วย ” ผมตอบ ไม่รู้ว่าที่พ่อคิดเป็นแบบนี้รึเปล่า
“ ก็จริงแฮะ ที่นี่เงียบดี เหมาะกับการพักผ่อน ว่าแต่ไอ้งานบ้านี่มันจะเลิกกี่โมงกัน ”
“ เออ ! ลืมไปเลย ถ้ามึงไม่พูดนี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย มานี่ๆ ” ผมกอดคอเพื่อนสนิท เดินลากมันออกไปยังระเบียงชั้นสอง ออกมานอกตัวงาน
“ อะไรของมึงวะไอกิต ” โยถามอย่างสงสัยเมื่อจู่ๆตนก็โดนผมลากออกมา
“ เห็นตึกที่ตั้งเรียงติดๆกันมะ ถึงจะไม่ใช่เมืองหลวงอย่างโตเกียว แต่ที่นี่ก็มีอาคารหลายแห่ง เป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดเล็ก ” ผมอธิบาย
“ แล้วมันยังไงล่ะ ” โยถามกลับ ไม่รู้ว่าผมต้องการจะสื่ออะไร
“ ญี่ปุ่นน่ะกฎหมายเคร่งครัดมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นไปวิ่งบนดาดฟ้าอาคารหรือกระโดดข้ามตึกไปมาตามอาคารต่างๆตอนกลางวัน ” ผมพูด
“ มึงหมายถึง Roof Gap สินะ อย่าบอกนะว่าคืนนี้น่ะ ” โยถามกลับ
Roof Gap คือการกระโดดข้ามจากอีกตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง มันเป็นที่นิยมกันในหมู่นักฟรีรันนิ่งหรือปากัวร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬา Extreme มันเป็นกีฬาที่พวกผมสามคนเล่นและชอบตระเวนไปตามเมืองและสถานที่จริงต่างๆ หลังจากฝึกฝนกันอย่างหนักจากยิมและสถานที่ฝึกจนชำนาญแล้ว
“ ใช่เลยเพื่อน แต่จุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ก็คือ กูจะแกล้งไอกล้าเว่ย ” ผมว่า
“ แกล้งยังไง ” สายตาไอโยเปลี่ยนเป็นสนใจทันที
“ มึงรู้ว่ามันเป็นคนกลัวผีใช่มะ ”
“ ใช่ ”
“ ก็แค่แกล้งมันเล่นๆแหละ เห็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ไกลๆมะ กูจะแกล้งว่าอยากเข้าห้องน้ำ พวกเราจะได้เข้าไปข้างในตัวอาคาร แล้วมึงก็เล่าเรื่องน่ากลัวๆที่มึงชอบอ่านให้มันฟัง ” ผมบอก
“ เออๆ ก็น่าสน ไม่แกล้งแรงเกินไปด้วย ” โยเห็นด้วยกับแผน
“ โห่ ~ พวกมึงมาอยู่กันตรงนี้นี่เอง หาตั้งนาน ” เสียงกล้าดังขึ้น
“ มึงนั่นแหละไปไหนมา ” โยย้อนถาม
“ แล้วทำไรกันอยู่ ” กล้าถาม เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองไม่อยู่ในงาน
“ คืนนี้พวกเราจะไป Roof Gap กัน ” ผมบอก
“ ตอนกลางคืนเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยคนหรอก ” กล้าพูด
“ มึงคิดว่าตอนกลางวันเราจะไปเล่นกันได้รึไง ” โยย้อนถามก่อนจะพูดรวบว่า
“ ไม่ต้องคิดมากน่า ไปๆ กูกับมึงไปเปลี่ยนชุดกันที่ห้องดีกว่า ” โยกอดคอไอกล้าก่อนลากมันไปห้องพัก
“ เดี๋ยวกูตามไป ” ผมพูดไล่หลัง ต้องไปคุยกับแขกในงานสักหน่อย ก่อนจะชิ่งออกจากงาน ถึงแม้อีกครึ่งชั่วโมงงานจะเลิกแล้วก็เถอะ
ยี่สิบนาทีต่อมา พวกเราสามคนต่างพร้อมลุย ผมเปลี่ยนใส่เสื้อฮู้ดสีเทาแขนยาว ไอกล้าใส่เสื่อยืดสีขาวสะดุดตามากในความมืด ส่วนโยสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ท่อนล่างพวกเราจะคล้ายๆกันคือ กางเกงวอร์มสีดำกับร้องเท้าวิ่ง
เราเลือกออกทางหลังโรงแรม เดินไปตามทางเท้าในเมืองที่มืดและเงียบสนิท พวกเราข้ามทางรถไฟเพื่อเข้าไปในเขตเมืองที่ชุกชุมไปด้วยอาคารมากมาย ที่ต่างก็ปิดบริการกันเกือบหมดแล้วยกเว้นก็แต่ร้านอาหารที่ยังเปิดอยู่บ้าง นานๆครั้งจะเห็นผู้คนเดินสวนบ้างประปราย
“ แล้วมึงบอกพ่อว่าอะไรวะ ” กล้าถามผม มันเดินรั้งท้ายกลุ่ม ผมกับโยเดินนำข้างหน้า
“ ผมไปนอนแล้วนะพ่อ ” ผมตอบพวกมัน
“ พ่อเชื่อหรอวะ ” โยถาม เดินไปดูแผนที่ในโทรศัพท์ไป
“ คงเชื่อแหละมั้ง ”
“ แล้วเราจะเริ่มตรงไหน ” กล้าพูดขึ้น
“ ตรงนี้แหละ ” โยว่า ผมกับไอกล้าจึงหยุดเดิน
“ เราจะขึ้นบันไดหนีไฟข้างตึกนี่ไปข้างบน แล้วเริ่มวิ่งไปจนสุดจุดหมายคือโรงเรียน ” โยบอก
“ ไหนโรงเรียนของมึงวะไอโย ” กล้าถาม
“ มึงมองไม่เห็นหรอก ถัดไปอีกสิบกว่าตึกนู่น ” โยตอบ
“ งั้นก็รีบขึ้นเถอะ นี่ก็จะเที่ยงคืนและ ” ผมพูด เดินนำทั้งสองเข้าไปในซอยแคบๆ ข้างในมีถังขยะใบใหญ่ตั้งอยู่ และมีบันไดที่พาดติดกับผนังไล่จนไปสุดข้างบน
ใช้เวลาไม่กี่นาทีทุกคนก็ขึ้นมาข้างบนกันครบ ต่างขยับท่าทางอบอุ่นร่างกายก่อนจะออกวิ่ง
“ ถ้ามีคนเห็นพวกเราล่ะก็ คงคิดว่าพวกเราเป็นขโมยแน่ๆ ” กล้าพูด
“ เค้าคิดเลยแหละ ” โยตอบ
“ มืดๆอย่างนี้ ไม่ต้องลังกาก็ได้ แค่ปากัวร์ข้ามสิ่งกีดขวางก็พอ ” ผมบอก
“ ก็ว่างั้นแหละ ” กล้าว่า
“ งั้นเริ่มเลยนะ ระวังตัวกันด้วย ” ผมเตือน เพราะคราวนี้มันมืดกว่าทุกทีที่เราวิ่งกัน ผมออกตัววิ่งก่อนกระโดดข้ามระหว่างตึกที่ห่างกันไม่มากนัก โดยมีไอโยและกล้าตามมาติดๆ….
พวกเราใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะมาถึงดาดฟ้าของโรงเรียนได้ในที่สุด ผมและทั้งสองพากันนั่งพักเหนื่อยกินน้ำที่เตรียมมาในกระเป๋าสะพายใบเล็ก หลังจากเพิ่งผ่านจุดที่ยากที่สุดมาได้ นั่นคือการกระโดดร่วมสี่เมตรจากตึกที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน มันเป็นตรอกที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว ทำเอาทุกคนหอบจับกันเป็นแถว
“ กูปวดฉี่ว่ะ ” ผมพูดขึ้นตามแผนที่วางไว้กับไอโย
“ ไปฉี่ตรงมุมกำแพงตรงนู้นไป ” โยว่า พลางชี้ไปยังตำแหน่งที่บอก
“ ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวเข้าห้องน้ำในโรงเรียนก็ได้ ” ผมตอบ
“ มึงจะบ้ารึไง เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก ” กล้าพูดขึ้น
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ดึกขนาดนี้ไม่มีใครเห็นหรอก ” ผมลุกขึ้น เดินไปยังประตูทางเข้า บานประตูดูเก่ามาก ขนาดกลอนสนิมยังขึ้นเขรอะ ผมลองบิดลูกบิด ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก อันที่จริงควรจะพูดว่ามันล็อกไม่ได้แล้วต่างหาก แต่ก็ไม่แปลกถ้าดูจากสภาพประตู
“ พวกมึงเอาไฟฉายมากันสินะ ข้างในโคตรมืดเลยว่ะ ” ผมพูด เมื่อมองเข้าไปข้างใน เป็นบันไดเดินลงสู่ชั้นล่าง มีเพียงแสงจันทร์อันน้อยนิดที่ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาภายในชั้น
“ เอาจริงหรอวะไอกิต ” กล้าถามย้ำ น้ำเสียงเริ่มไม่มั่นคง
“ เออดิ กว่าจะกลับถึงโรงแรมท่อคงแตกก่อนแน่ ” ผมตอบ
“ ก็รีบๆเข้ารีบๆออกสิวะ จะได้เร็วๆ ” โยว่า เปิดไฟฉายอันเล็กๆของมัน ส่องเข้าไปข้างใน ก่อนจะก้าวนำพวกผมลงไป
ผมกับกล้าเดินตามมันลงไปข้างล่าง ลงมาจนสุดขั้นบันได
“ ไม่ต้องลงไปข้างล่างหรอก กูว่าชั้นนี้ก็น่าจะมีห้องน้ำแหละ ” กล้าพูด
“ แต่ที่แน่ๆเราอยู่ริมสุดของอีกฝั่งนึงอยู่ตอนนี้ ซึ่งมันไม่มีห้องน้ำ คงต้องเดินไปสุดทางเดินหน้าห้องเรียนเพื่อไปดูอีกฝั่งอ่ะ ” ผมว่า
“ งั้นก็ไปกัน ” โยพูด
ผมเดินนำขนาบข้างกับไอโย ส่วนไอกล้าเดินตามแทบจะตัวติดกับพวกผม
“ อาคารเรียนมันเหมือนในหนังผีเลยว่ะ ” กล้าพูดขึ้น คงเพราะมันชอบดูหนังผีญี่ปุ่นล่ะมั้ง เลยจำได้ติดตา ยิ่งมาเห็นทางเดินหน้าห้องตอนมืดๆแบบนี้ยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
“ แล้วมึงจะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ย ” โยทักขึ้น ส่องไฟเข้าไปในห้องเรียนที่มืดสนิท เห็นเพียงเงาของโต๊ะเรียนลางๆเท่านั้น บางห้องก็เป็นห้องวิทยาศาสตร์ บรรดาหลอดทดลองต่างสะท้อนแสงไฟเป็นประกายแวบขึ้นมาในความมืดเมื่อแสงไฟฉายส่องกระทบ
“ มึงรีบเข้าเลย เร็วๆด้วย ” ไอกล้าเร่ง เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องน้ำที่แบ่งทางเข้าเป็นสองฝั่ง ชายและหญิง มันอยู่สุดทางเดินตามที่ผมว่าจริงๆ และฝั่งนี้ก็มีบันไดลงและขึ้นเหมือนกัน
แกร๊ก แกร๊ก ~ ผมบิดกลอนประตู ปรากฏว่าห้องน้ำชายดันล็อกซะอีก
“ เข้าห้องน้ำหญิงก็ได้ไป ตอนนี้ไม่มีคนใช้หรอก ” กล้าบอก ผมมองไอโย พยายามสื่อด้วยสายตาเป็นนัยว่า ทำไมมึงไม่เล่าเรื่องอะไรตามที่บอกล่ะฟะ ก่อนจะลองบิดประตูห้องน้ำหญิง ซึ่งปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก
“ พวกมึงไม่เข้ามาเป็นเพื่อนกูหน่อยหรอวะ ” ผมถามทั้งสอง เมื่อเห็นพวกมันยังคงยื่นนิ่ง
“ เออๆ ” โยตอบ ก่อนจะหันไปถามไอกล้า “ มึงจะรออยู่ข้างนอกใช่มั้ย? ”
ไอกล้าหันกลับไปมองทางเดินข้างหลังก่อนพูดขึ้นว่า “ เข้าไปด้วยสิวะ ข้างนอกอย่างหลอนเลย ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ