นางพญาปิศาจจิ้งจอก

8.0

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.18 น.

  21 ตอน
  11 วิจารณ์
  29.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 16.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 ถ้ำฝานจวื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 7 ถ้ำฝานจวื่อ
 
ผู้นำสารขับม้าเข้าไปในกลางค่ายก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า พร้อมกับยื่นรายงานให้กับชายที่นั่งบนบัลลังก์หนังเสือ ชายผู้นั้นมีหนวดสีดำสนิทเรียงกันเป็นเส้นละเอียดถึงอก ใบหน้านั้นดูดุดันเป็นสีขาวดังหยก เขารับหนังสือมาอ่านพักเดียวก็มือสั่น ก่อนจะทิ้งหนังสือลงกับพื้นและลุกขึ้นตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“น้องร่วมสาบานของข้าโดนปิศาจฆ่าตายกระนั้นหรือ” เครื่องหน้าของเขากระตุกอย่างน่ากลัวบรรดาขุนศึกต่างถอยกรูด “จัดทัพและเตรียมเคลื่อนพล บัดเดี๋ยวนี้ แม้นข้าจับเจ้าปิศาจนั้นมาเฉือนเนื้อทาเกลือเผาเซ่นดวงวิญญาณของน้องข้าไม่ได้ ข้าไม่ขออยู่เป็นคน”
“ขอนายท่าน ไช่เอวี๋ยน โปรดสงบใจไว้ก่อน” ที่ปรึกษาคนหนึ่งก้าวออกมาเตือน “หาเราเคลื่อนพลออกจากที่นี้ เกลือกว่าข้าศึกทางด้านเหนือรู้และลอบยกมาตีตามเรา”
“เองจ้วน แม้นท่านเป็นข้า จะนิ่งดูดายดูน้องชายตายเปล่าได้หรือ” ไซ่เอวี๋ยน หันไปตะคอกใส่ที่ปรึกษา
“การศึกในการกอบกู้ราชวงศ์อยู่บนบ่าของนายท่าน ท่านจ้งเปียนย่อมต้องเข้าใจเป็นแน่แท้” เองจ้วนบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “การรบทัพเป็นการของมนุษย์ การรบปิศาจก็เป็นเรื่องของนักพรตเทพเซียน – ข้าเองก็ประจักษ์ว่า ใกล้ๆนี้มีอาศรมของนักพรตสองท่านปลูกอยู่บนเขาไทสัน ข้าขอเป็นตัวแทนอาสาไปว่ากล่าวให้สองนักพรตรับเป็นธุระในการปราบปิศาจ ขอนายท่านโปรดอนุญาต”
ไช่เอวี๋ยนพยักหน้าและสั่งให้เองจ้วนขนผ้าแพรอย่างดีร้อยพับและทองร้อยหาบ ไปยังอาศรมนั้น สักพักเองจ้วนก็มาถึงอาศรมสีขาวและดำท่ามกลางแมกไม้ดูร่มรื่นยิ่งนัก เองจ้วนเข้าไปคำนับนักพรตทั้งสองที่ศาลากลางอาศรมนั้น ในอาศรมดำมีนักพรตแต่งขาวเดินออกมาและในอาศรมสีขาวนั้นก็มีนักพรตแต่งดำออกมา
เองจ้วนคำนับและบอกว่า “นายท่านของข้าน้อยได้ยินกิตติศัพท์ว่าอาจารย์ทั้งสองบำเพ็ญตบะที่นี้ ท่านไช่เอวี๋ยนจึงให้ข้าน้อยคุมเครื่องบรรณาการมาคำนับท่านอาจารย์ทั้งสอง”
“การที่นายท่านของท่านเองจ้วนใช้มานั้น เราทั้งคู่ทราบดีแล้ว” นักพรตแต่งขาวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบสร้างความประหลาดใจให้แก่เองจ้วนเป็นอย่างมากเพราะยังไม่ได้แนะนำตัวเองแม้แต่น้อย
“ขอท่านขนเครื่องบรรณาการทั้งปวงกลับไปสู่ท่านไช่เอวี๋ยนเถิด” นักพรตแต่งดำบอกให้เองจ้วน
“หามิได้ หากข้าน้อยมิได้ส่งเครื่องบรรณาการให้กับท่านอาจารย์ทั้งสอง ความผิดก็จะตกแก่ข้าน้อย อาจารย์ทั้งสองโปรดเมตตา” เองจ้วนคุกเข่าและโขกหน้าผากกับพื้น
“ท่านไช่เอวี๋ยนเองแม้ขาดท่านจ้งเปียนแต่จะตั้งตนเป็นกษัตริย์เองก็ได้อยู่ เรารับเป็นธุระให้ในเรื่องปราบปิศาจนั้น ขอท่านเองจ้วนว่ากล่าวให้ท่านไช่เอวี๋ยน ปราบปรามทรราชอย่างสบายใจเถิด แลทรัพย์สินเครื่องบรรณาการทั้งปวงที่ท่านนำมาให้ พวกเรานักบวชได้ไปก็เหมือนเสียเปล่า เพราะเราละแล้วซึ่งทางโลก ขอท่านจงนำกลับไปเพื่อใช้ในการแห่งแผ่นดินจักประเสริฐกว่า” นักพรตแต่งขาวบอก
“ท่านจงกลับไปบอกท่านไช่เอวี๋ยนให้สบายใจเถิด” นักพรตแต่งดำบอกเองจ้วนและพยุงให้ลุกขึ้น
“ข้าน้อยนั้นราวกับต้องโทษตายแล้วได้รับประทานให้รอดชีวิต ข้าน้อยไม่อาจจะหาคำขอบคุณใดที่เหมาะสมกับพระคุณของอาจารย์ทั้งสอง กระนั้น ข้าน้อยของทราบชื่อของอาจารย์ทั้งสองให้เป็นบุญปกแผ่แก่ข้าน้อยเถิด”
“อาจารย์ของเราให้ฉายาข้าว่า หยางเต๋า” นักพรตแต่งขาวบอก
“อาจารย์ของเราให้ฉายาข้าว่า หยินเต๋า” นักพรตแต่งดำบอก
เองจ้วนคำนับและลาหยิน – หยางเต๋า กลับไปรายงานไช่เอวี๋ยนที่ยินดีและตั้งหน้าตั้งตาฝึกทหารให้สมแก่คำของนักพรตทั้งสอง
หยินเต๋าขี่ม้าขาว หยางเต๋าขี่ม้าดำและออกแกะรอยของนางจิ้งจอกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 
“ตายจริง ถ้ำนี้น่ารักจัง” นางจิ้งจอกรำพันเมื่อมองถ้ำในหุบเขาแห่งหนึ่งที่นางตามกลิ่นมา และนางก็พบถ้ำขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นปิศาจคละคลุ้ง แม้ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าป่าแห่งนี้มาเพราะเป็นถิ่นของบรรดาปิศาจจิ้งจอก
สัญชาตญาณแห่งปิศาจ ชักพานางจิ้งจอกตาลจีมาหาพรรคพวกโดยที่นางก็ไม่รู้ตัว
“เจ้าเป็นใคร” จิ้งจอกในร่างมนุษย์สองตนเฝ้าปากถ้ำและทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นของตาลจีที่ทำหน้าตาขยะแขยง “กลิ่นไม่คุ้นเลย เจ้าข้ามเขตมาหรือว่าหนีพวกนักพรตมาล่ะ”
“ข้าชอบที่นี่ ข้าอยู่ที่นี่ได้ไหมล่ะ” นางตาลจีถาม
“ไม่ได้ เราห้ามจิ้งจอกต่างถิ่น --”
ไม่ทันขาดคำนั้น จิ้งจอกสองตัวนั้นก็ตัวขาดครึ่งเพราะนางจิ้งจอกฟาดหางใส่ กลิ่นเลือดของทั้งสองตัวนั้นฉุนคละคลุ้งก่อนทั้งร่างจะกลับร่างกลายเป็นจิ้งจอกธรรมดา ฝูงจิ้งจอกในถ้ำกรูออกมาจู่โจมนางจิ้งจอกทันที
แต่นางจิ้งจอกหัวเราะอย่างสมเพศและปล่อยหางทั้งแปดนั้นฟาดฟันใส่บรรดาปิศาจจิ้งจอกตัวแล้วตัวเล่ากลิ่นเลือดของสุนัขจิ้งจอกคละคลุ้งอบอวนในถ้ำนั้นซากศพของปิศาจจิ้งจอกนับร้อยกองทับถมอยู่เต็มพื้นผนังถ้ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” นางปิศาจในร่างมนุษย์ตนหนึ่งที่มีจิ้งจอกตัวยาวๆสีขาวพาดบ่าออกมา และมองไปยังบรรดาปิศาจจิ้งจอกที่ดิ้นพราดๆก่อนจะกลายร่างเป็นหมาจิ้งจอกธรรมดาและนิ่งสนิท “เจ้าบุกรุกถ้ำของข้าแล้วฆ่าลูกหลานของข้าจนเกือบหมดอย่างนี้ เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
 
ต๊าย ท่าทางเป็นหัวหน้านะเนี่ย กร่างเชียว อุ้ย ทำหน้าโกรธขนาดนั้นเดี๋ยวตีนกาขึ้นอย่ามาว่าข้านะ ฮิ ฮิ
“ข้าก็แค่ชอบที่นี่ แต่เด็กๆของเจ้าขวางข้าไม่ให้เข้ามา เลยสั่งสอนนิดหน่อย” อุ้ยๆ ทำเป็นเอาหางออกมาข่ม ขนหางสวยสู้ข้าไม่ได้ ฮิ ฮิ ฮิ ชนะขาดสอย
“เจ้ามีแค่แปดหาง” ข้านับเลขเป็นย่ะ “แล้วดูหางข้าสิ ข้ามีกี่หาง” เก้าย่ะ บอกว่านับเลขเป็นไงยะ
“หางข้าสวยกว่าหางเจ้า แถมร่างมนุษย์ข้าก็สวยกว่าเจ้าอีก ข้าไม่เห็นจะแพ้เจ้าตรงไหน” นะยะ
“ฆ่ามันเลย ท่านแม่!!” ต๊าย ป่าเถื่อน “มันฆ่าพี่น้องเราไปตั้งเยอะ” อุ๊ย ลืมไป ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
 
เปรี้ยง
 
อุ๊ย รับไม่ทันหรอกเหรอยะ งั้นเอาไฟฟ้าไปอีก
 
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 
ต๊าย ไหม้เกรียม
อ้าว – ทำไมรักแม่กันจัง เห็นแม่ตายละวิ่งหนีกันหมดเลย แหม มีลูกอย่างนี้ข้าคงปลื้มตายเลย
 
ผัวะ ฉัวะ เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 
ต๊าย อ่อนจัง ตายเรียบเลย
 
ปึด!!
 
“โอ๊ย” ใครมาทำอะไรหางข้ายะเนี่ย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“นังบ้า!! แกกล้าดึงหางข้าจนขาดเหรอยะเนี่ย”
ข้าบีบคอนังปิศาจยกขึ้นและใช้หางที่เหลือทั้งเจ็ดหางแทงทะลุตัวจนพรุน ร่างมนุษย์ของนางค่อยๆกลายเป็นจิ้งจอกแก่ๆที่มีหางเหี่ยวๆ เก้าหาง ข้าฟาดจนร่างนั้นเละตุ้มเป๊ะ ขนสีขาวถูกย้อมด้วยเลือดของนางจนกลายเป็นสีแดงทั้งตัว แต่ข้ายังไม่หายโกรธ ข้าตัดหางทั้งเก้าของนางออกจนกลายเป็นจิ้งจอกหางกุด ก่อนจะมานั่งหอบหายใจอย่างหงุดหงิด
“ชิ” ต่อก็ไม่ติดซะแล้ว โธ่เอ้ย หางน่ารักอันแสนบอบบางของข้า
เอ๊ะ อะไรขยับ
“ใครน่ะ” ข้าเรียกออกไปและเห็นปิศาจหนุ่มน่าตาน่ารักตัวหนึ่ง
“อย่าฆ่าข้าเลย ข้ากลัวแล้ว – ข้ายอมบอกชื่อจริงของข้าแล้ว” ต๊าย ตัวสั่น “ชื่อจริงของข้าคือ ฬ่อก๊ก”
“ฬ่อก๊ก?” เกิดเสียงเปรี้ยงพร้อมกับร่างมนุษย์ของเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นกลายเป็นปิศาจจิ้งจอกครึ่งมนุษย์ที่สวมชุดของมนุษย์อยู่
อ๋อ ถ้าเรียกชื่อจริงจะทำให้ร่างปิศาจโผล่มาใช่ไหมล่ะ แต่ไม่เห็นใจย่ะ -- เทียบกับหางของข้าพวกเจ้ายังมีค่าไม่เท่ากับขนเส้นสวยๆสักเส้นด้วยซ้ำ
“มานี่สิ ฬ่อก๊ก” ต๊าย ตัวสั่นดิ๊กๆ หืม – มีแค่สองหางเอง
ต๊าย ขนสีเหลืองอ๋อยหยั่งกะลูกเจี๊ยบ หลังหูดันเป็นสีขาวไปซะอีก
“ทำไมเจ้าไม่หนีไปล่ะ หรือว่าหนีไม่ทัน” ต๊าย น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ตัวสั่นดิ๊กๆแบบนี้
“ขะ – ข้าว่าจะรอเจ้าไปก่อนแล้วค่อยฝังศพของแม่กับพวกพี่ๆน่ะ” ใครเชื่อก็โง่แล้วย่ะ
“รู้ไหม แม่เจ้าทำให้หางข้าขาด” แน่ะพยักหน้ากระตุกๆ น่าดีดจริงเชียว “แล้วรู้ไหม ข้าโกรธธธธธธธ ขนาดไหน”
นี่แน่ะ ฟาดเบาๆหนึ่งที -- อ้าวยิ้มทำไม
“เจ้ายิ้มทำไม”
“ข้าไม่รู้”
“ข้าจะฆ่าเจ้านะ”
“มะ – ไม่รู้สิ – มันยิ้มไปเอง – ”
ต๊าย สงสัยกินมนุษย์ไปเยอะ – เอ แม่ข้าเคยสอนรึเปล่าหว่าที่เรียกว่า เอ็นดู น่ะ
“ข้าเบื่อแล้ว จะเลี้ยงเจ้าไว้ก็ได้” ต๊าย แกว่งหางดุ๊กดิ๊กๆน่ารักเชียว
“ท่าน ไม่ -- ฆ่าข้าแล้วเหรอ” เอ๊ะ หูไม่ดีรึไง
“ถ้าอยากเป็นทาสของข้าล่ะก็” ข้านั่งลงบนหางฟูๆของข้าและยื่นเท้าออกไป “เลียสิ”
วุ้ย จั๊กกะจี๋ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
 
“นี่ เจ้าฬ่อ”
“ครับ แม่”
อี๊ น่าเกลียด มาเรียกเขาว่าแม่ได้ยังไง “เรียกข้า -- ” เอ – ชื่อจริงคงไม่ดี “ต๋าจีแล้วกัน”
“ครับแม่ต๋าจี” นี่แน่ะ ฟาดหนึ่งที แน่ะยิ้มอีกละ ชอบความเจ็บปวดเหรอยะ
“ห้ามมีแม่ย่ะ”
“ครับ ท่านต๋าจี” ชิ ช่างเถอะ จะว่าไปในร่างมนุษย์ของเจ้าฬ่อก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ผมสีชมพูอ่อนๆอมเทานี่น่าถลกเล่นจริงๆ
“เจ้าไม่ซ่อนหางกับหูเหรอ”
“จิ้งจอกจะไม่ซ่อนหางกับหูต่อหน้าเจ้านายครับ แม่ – เอ้ย ท่านต๋าจี” หวิดโดนตบนะยะ
“ว่าแต่เจ้าทำอะไรอยู่เนี่ย” เห็นก้มหน้าก้มตาทำมาตะกี้แล้ว
“กำลังฝังศพพวกพี่ๆกับแม่ครับ” อุ๊ย สะเทือนใจ – นิดนึง ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ
“ฝังไปทำไมล่ะ”
“ไม่งั้นเดี๋ยวพวกที่เล่นไสย จะมาเอาศพไปทำไสยเวทย์เป็นปิศาจรับใช้พวกมนุษย์ครับ” ต๊าย ทำหน้าตาน่าเอ็นดู “แบบว่าเอาไปปล่อยให้สิงคนนั้นคนนี้ แล้วโดนไล่ออกมาเพื่อฆ่าอีกที ข้าไม่อยากเห็นพี่ๆโดนฆ่าอีกแล้วล่ะครับ การฝังแบบจิ้งจอกธรรมดาก็ทำให้พิธีไสยใช้ไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“แล้วเจ้าไม่แค้นข้ารึไง ข้าฆ่าพี่น้องกับแม่เจ้านะ” แน่ะ ทำเป็นยิ้ม
“ไม่รู้สิครับ ข้าคิดว่าข้าดีใจเสียอีก ที่ท่านต๋าจีฆ่าพวกพี่ๆกับแม่ให้ ตั้งแต่จำความได้ข้าก็มักจะโดนแกล้งตลอดเพราะเป็นน้องสุดท้อง แล้วก็ไม่แข็งแรงด้วย” ต๊าย ชีวิตอนาถา
“ถ้าเจ้าเกลียดครอบครัวเจ้าทำไมไม่หนีไปล่ะ นี่ดันมาฝังให้อีก”
“ยังไงๆ พวกเขาก็เห็นครอบครัวนี่ครับ” ต๊าย ปาดเหงื่อ น่ารักซะไม่มี
“มานี่สิ” ข้านอนลงกับหางที่ขยายใหญ่แทนเตียง “เลียเท้าข้าสิ”
ว้าย ขนลุก
“ที่นี่ชื่ออะไร”
“ถ้ำฝานจวื่อครับ”
“เหรอ”
“..............”
“สูงขึ้นมาอีกหน่อย....... ใช่....... อย่างนั้นแหละ.........”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา