นางพญาปิศาจจิ้งจอก
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.18 น.
แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 16.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ตอนที่ 17 ฮองเต๊ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 17 ฮองเต๊ก
ฮองเต๊ก อดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกรนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่ศาลาที่เคยนั่งกับสกเกี้ยว ท่ามกลางเสียงอึกทึกทั่วเมืองที่กำลังเฉลิมฉลองงานแต่งของ จงเซิ่น พี่ชายร่วมสาบาน และ สกเกี้ยว นางอันเป็นที่รัก –
ฮองเต๊กตระหนักตนเองว่า แม้นตนเองที่สูญเสียตำแหน่งแม่ทัพ ยังมิอาจเทียบได้กับที่ต้องสูญเสียสกเกี้ยวไปอย่างนี้ -- แต่อย่างไรเล่า สกเกี้ยวถึงได้แต่งงานกับจงเซิ่นได้ ความงุนงงสงสัยประดังเข้ามาดั่งคลื่นซัด ฮองเต๊กนั้นไม่มีหน้าจะไปพบทั้งสองได้ ทั้งมองหน้าสกเกี้ยวไม่ติด แลคงมองหน้าจงเซิ่นไม่เต็มตา
เมื่อสูญเสียทั้งคนรัก สูญเสียทั้งตำแหน่งแลที่พักพิง ฮองเต๊กจึงตัดสินใจว่า จะมิขออยู่แคว้นเย่อีกต่อไป จำจะกลับไปรับโทษตายกับพระเจ้าโจ้วหลางอ๋อง ณ. แคว้นติว
“นั่นใต้เท้าฮอง มิใช่หรือ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นอย่างตื่นตกใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะชี้ชวนกันเข้ามาในบริเวณศาลา ฮองเต๊กรีบปาดน้ำตาแลเร่งจะออกไปควบม้าหลีกหนีออกจากเมือง – แต่มิทันจะหลบไป ชาวแคว้นเย่ก็รุมล้อมอดีตแม่ทัพไว้
“ฟ้าช่างเมตตา ท่านฮองเต๊กยังมิสิ้นบุญ ช่างเป็นบุญของแคว้นเราจริง” ชาวเมืองกลุ้มรุมฮองเต๊ก ต่างน้ำตาไหล ด้วยความปลาบปลื้มใจที่ได้พบเจออดีตแม่ทัพหนุ่มอีกครา
“ใต้เท้าฮองจริงๆด้วย สวรรค์เมตตาแท้ๆ ข้าร้องไห้แทบตายเมื่อได้ข่าวจากแนวหน้าว่าท่านสิ้นแล้ว”
“ใต้เท้าฮอง ข้าคิดว่า แคว้นเย่คงสิ้นบุญเป็นแน่แท้เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับท่าน”
“ใต้เท้าฮอง – ใต้เท้าฮอง --”
ฮองเต๊กพยักหน้าด้วยสีหน้ากระด้างและรีบแหวกฝูงชนเพื่อเข้าไปหาม้าที่ผูกไว้ – เพื่อจะได้รีบไปจากเมืองนี้
“ท่านฮองเต๊ก -- ” ฮองเต๊กสะดุดเมื่อมีอะไรบางอย่างเข้ามารวบสะเอว ฮองเต๊กมองลงก็พบเด็กหญิงตัวเล็กโอบกอดอย่างแนบแน่นแลร้องไห้สะอึกสะอื้น “— ขอบคุณที่ท่านมีชีวิต – อยู่ – ขอบคุณ – ที่ท่านกลับมา – ขอบคุณที่ท่านปกป้อง เรา – ไว้” ฮองเต๊กหยุดนิ่งก่อนจะอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กมอมแมมนั้นขึ้นมา
เด็กหญิงหน้าตามอมแมม เปื้อนดินเปื้อนโคลนและน้ำมูกน้ำตานองหน้า ในดวงตาของนางนั้นเต็มตื้นแลสั่นระริก ฮองเต๊กรู้สึกถึงกระแสแห่งความเทิดทูนจากดวงตาคู่นี้ เช่นเดียวกับสายตาทุกคู่ที่รุมล้อมตัวฮองเต๊กอยู่ ฮองเต๊กอดกลั้นมิให้น้ำตาไหลออกมา แลใช้ผ้าเช็ดหน้าค่อยๆเช็ดใบหน้าของเด็กน้อยนั้น
“พ่อแม่หนูเล่าอยู่หนใด” ฮองเต๊กถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“ข้าน้อยชื่อ ลิอิงเอ๋อร์ มารดาของข้าน้อยถูกฆ่าตายเมื่อครั้งทหารแคว้นติวรุกเข้ามา บิดาของข้าน้อยเป็นทหารอยู่แนวหน้าชื่อ ลิฉิว ตัวข้าอยู่กับพี่ชายซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้าน -- ”
ฮองเต๊ก หยิบถุงผ้าซึ่งมีเงินอยู่พอสมควรและวางลงบนสองมือเล็กๆนั้น ก่อนจะบอกอย่างอ่อนโยนปนขมขื่นว่า “แต่บัดนี้ต่อไปให้เจ้าหมั่นมาปัดกวาดเช็ดถู ศาลเจ้าแม่แห่งนี้ เงินนี้เป็นค่าจ้าง -- ” เพราะคงมิมีคนเดิมมาปัดกวาดศาลดังเก่าอีกต่อไปแล้ว – เป็นคำพูดที่ฮองเต๊กได้แต่พูดในใจ
เด็กหญิงรับถุงเงินและเก็บไว้อย่างหวงแหน ฮองเต๊กวางเด็กน้อยลง –
“ใต้เท้าฮองกลับมาได้จังหวะแท้ๆทีเดียว วันนี้เป็นวันดีแท้ -- ” ฮองเต๊กตัวแข็ง รู้สึกไม่อยากฟังท่อนต่อไป แต่ร่างกายก็หนักราวกับหินถ่วงให้ฮองเต๊กต้องนิ่งฟังอยู่อย่างนั้น “วันนี้เป็นวันมงคลของตระกูลจง – ทั่วทั้งเมืองกำลังไปที่ตระกูลจง – ท่านฮองเต๊กคงไม่ทราบ –”
“ ........วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของท่านจงเซิ่นกับแม่นางสกเกี้ยว...... ”
น้ำตาของฮองเต๊กร่วงพรูออกมาอย่างมิอาจยับยั้ง.....
ขาวเมืองต่างนิ่งเงียบมอง อดีตแม่ทัพหนุ่ม ร้องไห้เงียบๆ
“ – ใต้เท้าฮอง คงปลาบปลื้มใจเช่นเดียวกับพวกเรา”
“มาเถิด ท่านฮองเต๊ก เร่งไปที่จวนของใต้เท้าจงดีกว่า --”
“คงไม่มีของขวัญใดพิเศษสุดสำหรับตระกูลจงเท่ากับข่าวความปลอดภัยของใต้เท้าฮองแล้ว -- ”
ฮองเต๊ก ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยเพียงคำพูด ยอมปล่อยให้ชาวเมืองดึงดันพาตัวขึ้นเกี้ยวและนำไปสู่สถานที่ๆตัวฮองเต๊กเองอยากไปน้อยที่สุดในตอนนี้
“อ้าว – นั่นนายอำเภอหลี่มิใช่หรือ” พ่อบ้านตระกูลจงทักออกมาด้วยความประหลาดใจ “ใยท่านจึงเดินมามิขึ้นเกี้ยวประจำตำแหน่งเล่า”
“มิได้ดอก แค่ให้ท่านผู้นี้ขึ้นเกี้ยวประจำตำแหน่งของข้าน้อยก็สมควรได้รับโทษแล้ว” นายอำเภอรีบเปิดผ้าม่านและเชิญบุรุษข้างในออกมา
“ท่านฮองเต๊ก!!”
“ใต้เท้าฮอง!!”
“ว่ากระไรนะ!?”
“ท่านฮองเต๊กกลับมาแล้ว!!”
“ใครนะ!?”
เสียงฝูงชนในงานต่างตื่นเต้นตกใจถามเป็นเสียงเดียวกัน แลเมื่อพบเห็นเจ้าของชื่อก็ขนลุกซู่ด้วยความดีใจ
“ฮองเต๊ก -- ” ในไม่กี่อึดใจ จงเซิ่นวิ่งออกมาทั้งชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด แลเมื่อเห็นบุรุษผู้หนึ่งก้มหน้าคาราวะก็โผเข้าไปกอดอย่างสุดแสนดีใจ “ – น้องพี่ เจ้ากลับมาแล้ว!!”
“วันนี้ช่างเป็นวันดีเหลือเกิน!!” จงเหลง ในชุดโออ่าประกาศก้องเมื่อเห็นลูกชายทั้งสองสวมกอดกัน “เชิญทุกท่านเสพย์สำราญให้เต็มที่ มีสุราเท่าไหร่ยกมาให้หมด!!” จงเหลงยกจอกสุราชูขึ้น บรรดาแขกเหรื่อต้องโห่ร้องแซ่ซร้องกันถ้วนหน้า
“บิดาดีใจเหลือเกินที่เห็นเจ้ากลับมาได้อีกครั้ง” จงเหลงเดินเข้าไปรับคาราวะจากฮองเต๊ก
“ข้าพเจ้า – สมควรตายที่ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นห่วง -- ” ฮองเต๊กพูดอย่างเอื่อยๆ แลยังมิเงยหน้า
“การเมืองไว้ก่อนเถิด – วันนี้วันดีสมควรฉลองให้เต็มที่ ยังอีกไกลกว่าจะค่ำ!!” เสียงหัวเราะพลางเย้าแหย่ดังขึ้น จงเซิ่นหันไปต้อนรับแขกเหรื่อเขินๆ จงเหลงก็ไล่ให้ฮองเต๊กไปเปลี่ยนชุด
ฮองเต๊กกัดฟันอาบน้ำแต่งตัว ความรู้สึกภายในผสมปนเป จนไม่รู้ว่าตนเองควรกระทำเช่นไร –
ใจหนึ่งนั้นมิอยากอยู่ที่นี้อีกต่อไปแม้เสี้ยววินาที แต่อีกใจก็อมรับว่า ที่นี้คือบ้าน ของตน
ร่างกายกำยำสูงใหญ่ถึงจะเคยได้รับบาดแผลมาบ้างจากการรบ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทั้งร่างของฮองเต๊กก็ไม่เคยปั่นป่วนถึงปานนี้ แลออกรบก็มิเคยมีครั้งใดที่จะเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจเท่ากับการอยู่ในบ้านหลังนี้ -- เสียงดนตรี ยินดี หรือหัวเราะก็มิได้เข้ากับอารมณ์ตอนนี้ของฮองเต๊กเลย
ฮองเต๊กแม้แต่งกายเสร็จในชุดใหม่แต่ก็ยังคงผุดลุกผุดนั่งอยู่ในห้อง ให้ร้อนลนหัวใจ ความเจ็บชาแผ่ซ่านทั่วร่างกาย เดี๋ยวๆเดินไปมา เดี๋ยวๆนั่งเหม่อลอย – เป็นเช่นนี้อยู่ช้านาน
“ฮองเต๊ก -- ” เสียงชายหนุ่มอยู่ที่ประตู สำเนียงคล้ายๆเมาสุราร้องเรียกอยู่นอกประตู ฮองเต๊กที่นั่งเหม่อลอยก็สะดุ้งแต่มิได้ตอบประการใด “ -- น้องพี่ – เป็นกระไรมิออกมาสังสรรค์เล่า – พี่รอเจ้าเสียตั้งนาน”
ฮองเต๊กนิ่งฟังอยู่บนที่นอน ใจอยากรีบลุกไปหาพี่ร่วมสาบาน แต่ตัวนั้นนั่งนิ่งอยู่
“ฮองเต๊ก เอ๋ย – มิได้ยินพี่หรือ -- ” เสียงอ้อแอ้ของจงเซิ่นบอกได้รู้ว่าดื่มมาได้ที่ ยังคงร้องเรียกที่บานประตู
“คุณชาย ท่านฮองเต๊กเพิ่งกลับจากแนวหน้า คงเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย ให้ท่านฮองเต๊กได้พักผ่อนเสียก่อนเถิด ไว้ใกล้เวลาพิธี ข้าน้อยจะเป็นธุระมาเชิญเองขอรับ” เสียงพ่อบ้านตอบอย่างแผ่วเบา จงเซิ่นตอบรับเสียงอ้อแอ้ แลเดินจากไป
ฮองเต๊กเอนตัวลงนอนและข่มตาหลับ หวังว่าเมื่อตื่นมาอีกที – เรื่องทั้งหมดนี้ คือฝันไป.......
“ยินดีต้อนรับขอรับ ท่านไก่เหลิน ท่านหม่าผิง” หนุ่มน้อยหน้าตาแฉล้มกระทำคาราวะกับสองนางที่เพิ่งมาถึงศาลเจ้าแม่หนี่วา
“เอ้า – เจ้าคือเด็กที่อยู่กับต๋าจีมิใช่หรือ” นางหนึ่งชะโงกหน้ามองไปมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามิได้ไปพักผ่อนกับด้วย เจ้าจิ้งจอกดอกหรือ?” อีกนางผู้ถือพิณเอ่ยถาม
“ไปขอรับ – แต่นายท่านกำลังเก็บของนิดหน่อย จึงไม่สะดวกออกมาต้อนรับท่านทั้งสอง ต้องขออภัยด้วยจริงๆขอรับ” ฬ่อก๊กกล่าว
“งานวันนี้ก็คงไม่มีอะไรกระมั้ง” ปิศาจไก่ชะโงกหน้าไปมา “มนุษย์มิได้มาที่ศาลเลย ไปกระจุกกันกลางเมืองใกล้ๆจวนตระกูลจง”
“คงเป็นงานแต่งของตระกูลจงแน่ะขอรับ” ฬ่อก๊กเอ่ยติดหน่อยๆ “ถ้าเช่นไร.... เชิญท่านทั้งสองเที่ยวงานให้สำราญก่อนเป็นไรขอรับ งานวันนี้คงไม่มีกระไร ข้าน้อยจะรับเป็นธุระเฝ้าที่นี่เสียอีกวัน”
“ก็ดีนะ” ปิศาจพิณเอ่ย “เจ้าหนุ่มที่ดีดพิณคนนั้นหน้าตาน่ารักมิใช่น้อย”
ปิศาจไก่และปิศาจพิณหัวเราะคิกคักและเหาะไปยังกลางงาน ฬ่อก๊กรีบกลับลงมาดูเจ้านายของตน พบนางนอนลูบหางฟู แลปล่อยน้ำตาไหลริน
“ท่านต๋าจีขอรับ ท่านหม่าผิงกับท่านไก่เหลินมาแล้วขอรับ.....”
นางจิ้งจอกยังคงนิ่งเงียบ ฬ่อก๊กเองจนใจก็ยืนหลบอยู่ใกล้ๆ ผ่านไปเนิ่นนาน ต๋าจีจึงเอ่ยว่า
“เวลาของข้านั้นว่างเปล่า..... ” ต๋าจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ใดๆ “สูญเสียคนรัก..... สูญเสียเวลาที่โหยหามานาน..... และตอนนี้ก็สูญเสียที่พักพิง.....”
ฬ่อก๊กมิอาจคิดคำปลอบใจใดออกมาได้ จึงได้แต่เอ่ยไปทั้งที่รู้ว่าอาจทำให้เจ้านายปวดร้าวว่า
“ยี่สิบปีสำหรับปิศาจอย่างเราก็เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ถือเสียว่าเป็นเวลาพักผ่อนนอนหลับชั่วข้ามคืนเถิดขอรับ.....”
.......ไร้การตอบรับจากเจ้านาย ต๋าจียกมือขึ้นมา ฬ่อก๊กก็ประคองอย่างทะนุถนอม อุ้มนางไว้ทั้งสองแขนและเดินทางออกจากศาลเจ้าแม่หนี่วาเงียบๆ
ฮองเต๊กลืมตาตื่นขึ้นมา “ช่างเป็นความฝันที่แปลกประหลาดนัก.....”
ไม่ต้องเงี่ยหูฟัง เสียงเฉลิมฉลองก็ดังระงมอยู่ เสียงนั้นตอกย้ำความเป็นจริงให้ฮองเต๊กจำต้องยอมรับถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ฮองเต๊กเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียทั้งกายและใจ แลเมื่อตื่นขึ้นมาอาการทั้งปวงก็มิได้บรรเทาลงแม้แต่น้อย อดีตแม่ทัพหวนคิดถึงความฝันอันแสนประหลาดนั้น ทุกอย่างดูเลือนราง ฮองเต๊กจำรูปร่างหน้าตาชายหนุ่มหรือหญิงสาวนั้นมิได้เลย ทั้งบทสนทนาก็พร่าเลือนไป จำได้เพียงประโยคหนึ่งของหญิงสาว ที่กระทบใจฮองเต๊กยิ่งนัก
สูญเสียคนรัก..... สูญเสียเวลาที่โหยหามานาน..... และตอนนี้ก็สูญเสียที่พักพิง.....
ฮองเต๊กชั่งใจอยู่นานจึงเขียนจดหมายขอลาพักราชการไว้ในห้องนอนนั้น กะไว้ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงแต่ตอนนี้ – เมื่อถึงกาลส่งตัวเจ้าบ่าว ฮองเต๊กก็จะออกจากจวนไปให้ไกล.....
ฮองเต๊กล้างหน้าตาให้หมดจดสดใส แลก้าวเดินออกไปอย่างผึ่งผายสมชาติขุนศึก เมื่อผ่านผู้ใดก็โอภาปราศรัยแต่น้อย ผู้คนเดินผ่านต่างนึกเลื่อมใสในท่วงท่าสง่างามและเงียบขรึมนั้น แต่ก็ปฏิเสธสุราจากแขกเหรื่อที่ชวนสังสรรค์ โดยแก้ตัวว่าจักขอไปดื่มอวยพรแก่จงเซิ่นก่อน – แต่เหตุผลแท้จริงนั้น เพราะเกรงสุราจะนำพาความในใจสู่ภายนอก
ฮองเต๊กเดินตามหาจงเซิ่นให้ทั่ว เมื่อเดินผ่านโถงหนึ่งก็เห็นชุดแดงผ่านเร็วๆเข้าไปในห้องหนึ่ง จึงเดินตามเข้าไปในห้องนั้น......
“ใต้เท้า -- !!”
“ -- สกเกี้ยว!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ