ตำนานรักแห่งสายลม

9.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.38 น.

  34 ตอน
  13 วิจารณ์
  38.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) บทที่ 31 เรื่องเล่าของเฒ่าทะเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เซตและอาเรนเทีย ต่างพากันเดินชมตลาดคนแคระที่มีคนพลุพล่าน ของที่ขายนั้นมีมากมาย ล้วนแล้วแปลกตา อาเรนเทียแวะดูของที่ร้านขายเครื่องประดับ ทำเอาเจ้าชายแห่งเฮลเทียอมยิ้มเพราะสตรีไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นสตรีอยู่วันยังค่ำ

เซตมาหยุดอยู่ที่ร้าน ขายหมวก ร้านนี้มีหมวกมากมายหลายรูปแบบ แต่ที่สะดุดตามากที่สุด คือหมวกทรงเค้กที่ไม่มีปีกสีเงิน ที่ทำจากขนสัตว์

“โอ้ คุณลูกค้า ท่านช่างตาแหลมยิ่งนัก”

“งั้นเหรอ”เซตหันไปหาเจ้าของร้าน ที่เป็นคนแคระ ไว้เครายาวสีดอกเลา สวมชุดที่ทำจากขนสัตว์

คนแคระคนนั้น ลูบเคราพลาง

หยิบหมวกสีเงินมา”นี่ทำจากขนของจิ้งจอกเงิน ซึ่งหายากมาก แต่ข้าว่า มันไม่เข้ากับท่านนะ นี่สิถึงเหมาะกับสีผมของท่าน”เจ้าของร้าน ปีนบันไดไปหยิบหมวกอีกใบ ที่มีลักษณะคล้ายกันแต่เป็นขนสัตว์สีดำสนิท

แล้วนำมาส่งให้เซต “นี่คือขนของหมีดำ ลองสวมดู”

เซตพินิจดูหมวกที่ถูกส่งมา การตัดเย็บนับว่าประณีตมาก แถมขนสัตว์ยังเป็นขนที่นุ่ม และไร้กลิ่นสาปของสัตว์ พอลองสวมปรากฏว่ามันพอดีกับศีรษะของเค้า

พอมองตัวเองในกระจก หมวกใบนี้ทำให้เค้าดูดี ดูแปลกตาไป

“เจ้าของร้าน แล้วหมวกจิ้งจอกเงิน เหมาะกับนางไหม?”

“คนไหนขอรับ”

เซตชี้ไปที่เทีย ที่กำลังเดินมา

“โอ้ ท่านช่างตาแหลม หมวกใบนี้เหมาะกับนางมาก”

“ข้าขอซื้อใบนั้น”เค้าชี้ไปที่หมวกขนจิ้งจอกเงิน

“มันแพงเอาเรื่องนะท่าน สิบเหรียญทองเชียว”

“ทำไมถึงแพงล่ะ ข้าว่า การตัดเย็บน่าจะพอๆกัน”

“คุณลูกค้า จิ้งจอกมันเจ้าเล่ห์ ว่องไว จะล่า แต่ล่ะที ก็เล่นเอา เหงื่อตก”

เสียงหวานดังขึ้น“แต่ข้าว่าราคามันแพงเกินไปอยู่ดี”

“เทีย”

เจ้าของร้านตกใจ ที่จู่ๆเด็กสาวก็โผล่ขึ้นมา

“จิ้งจอกเงินน่ะ เป็นสัตว์สงวนที่อาณาจักรมนตราสั่งห้ามล่า และพวกมันก็มีแต่ในอาณาจักมนตรา ขนสัตว์นั่นคือขนจิ้งจอกแดง ที่หายากพอควร แต่ท่านเอาขนของมันมาย้อมสี ราคาทั้งหมดรวมทั้งการตัดเย็บ ก็แค่ห้าเหรียญทองเองนะ จริงมั้ย”อาเรนเทีย ยิ้มหวาน เธอมาทันและเผอิญได้ยินตอนที่ เซตกำลังเจรจาซื้อขายหมวกพอดี ซึ่งราคามันแพงกว่าตั้งเท่าตัว

พวกคนแคระช่างร้ายกาจ เสียจริงๆ

เด็กสาวฉีกยิ้มหวาน“ข้าว่า ท่าน จำราคาของผิดสินะ”

คนแคระที่เป็นเจ้าของร้านถึงกับผงะ เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีบางอย่างที่แผ่ออกมา ร่างเล็กๆสั่นเทาราวกับลูกนก เหงื่อโทรมกาย“อะ ใช่ๆขอรับท่าน ข้าคงจำราคาผิดจริงๆนั่นแหละ หมวกจิ้งจอกเงิน ราคา ห้าเหรียญทอง ขอรับ”

อาเรนเทียหัวเราะในใจ เมื่อกี้เธอแค่ร่ายเวทย์แผ่รังสีข่มขู่เจ้าพ่อค้าหน้าเลือดนี่เท่านั้น...หนอย...ทำหน้าซื่อเก่งจริงๆนะ...

เซตหยิบเงินส่งให้พร้อม กับ รับหมวกขนจิ้งจอกเงินมา แล้วพาจอมเวทย์สาวออกจากร้านไป

เซตส่งหมวกให้จอมเวทย์สาว”ข้าให้”

“เอ๊ะ ทำไม”

“ข้าว่ามันเหมาะกับเจ้า ลองดูสิ”

อาเรนเทียรับหมวกขนจิ้งจอกมาสวม ซึ่งก็ดูดีมาก แต่เซตเห็นว่า มันจะดีกว่านี้ ถ้าหากนางสวมผ้าคลุมสีเดียวกับหมวก แต่จะไปซื้อที่ร้านไหนดีล่ะ

“เราไปซื้อเสื้อคลุมดีไหม”

“ทำไม หรือว่าท่านต้องการเสื้อผ้าเพิ่ม”

“ประมาณนั้น ไปกันดีไหม”

“ก็ดี เราไปดูเถอะ”

ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ร้านขายผ้าแห่งหนึ่ง ที่แม่ค้าร่างใหญ่ แต่งกายสีฉูดฉาด กำลังเชิญชวน คนทั้งหลาย

เซต ตรงเข้าไปทัก “สวัสดีขอรับ”

“มีอะไรให้ช่วย เจ้าคะ คุณชาย”

“ข้าอยากได้ผ้า ที่เข้ากับหมวกจิ้งจอกเงินนั่นที”

“ได้เจ้าค่ะ ข้าเผอิญมีนี่พอดี”สาวใหญ่ รีบเข้าไปในร้าน

อาเรนเทียหันไปถามคนข้างๆตัว”ท่านต้องการไปทำไมกัน”

“ข้าคิดว่า เจ้าน่าจะเหมาะกับสีขาวนะ”

“แต่ข้าชอบสีดำมากกว่า”

เจ้าชายแห่งเฮลเทียยิ้มบางๆ เค้ารู้สึกว่านางคงจะชอบสีดำเอามากๆ เมื่อแรกเจอ นางก็อยู่ในเครื่องแต่งกายสีดำ แต่เมื่อนึกถึงภาพที่ร่างบางสวมชุดราตรีสีขาวมุก หัวใจกลับพองโตอย่างน่าประหลาด”บางที…ข้าว่าเจ้าลองเปลี่ยนมาใส่สีขาวบ้าง ก็ดีนิ”

“มาแล้วเจ้าค่ะ มาแล้ว”สาวใหญ่ นำผ้าขนสัตว์สีขาวมาพับหนึ่งส่งให้เซต “ท่านลองดูว่าเหมาะกับนางรึไม่”

“ขอบคุณขอรับ” เซตนำผ้ามาทาบกับตัวของเด็กสาว “เหมาะดี ว่าแต่นี่ทำจากขนอะไรรึ”

“ขนจิ้งจอกแดงที่ถูกนำไปย้อมสี”

อาเรนเทียยิ้ม”ไม่มีกลิ่นสาป น่าเอาไปทำผ้าคลุม หนทางข้างหน้าอาจจะหนาว ท่านพอจะมีผ้าขนสัตว์อุ่นๆอีกไหม”

“ร้านของข้า พอจะมีบ้าง แค่สามสี่ผืนเจ้าค่า”

เซตเลิกคิ้วสงสัย “ทำไมที่นี่เป็นร้านผ้า แต่ไม่มีผ้าขนสัตว์ล่ะ”

เจ้าของร้านอธิบาย”เพราะว่า การล่าสัตว์ในอาณาจักรมนตรา หลายอาณาจักร มีข้อจำกัดมาก เพราะสัตว์หลายชนิด ทางอาณาจักรได้สงวนเอาไว้ “

อาเรนเทียได้จัดการซื้อผ้าขนสัตว์ทั้งหมดห้าผืน โดยที่เซตเป็นผู้ถือให้

“เจ้าตัดเย็บเป็นรึ”

“ก็พอได้ ข้าเป็นผู้หญิงนะ เย็บผ้าคลุมแก้เบื่อดี”

“หนทางข้างหน้าคงอีกไกลล่ะสิ”

“แน่นอน แต่ข้าจะพยายามหามังกรเผือกให้ทันเวลา เท่าที่ได้ยิน ที่นั่นเป็นดินแดนพิศวง อันตรายมาก”

ทั้งสองเดินมาจนถึง ท่าเรือ

“เร่เข้ามา เร่เข้ามา เชิญรับฟังนิทานมหัศจรรย์เลย นิทานที่ข้าจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้คือเรื่องราวที่รับรองว่าไม่เคยได้ยินจากที่ใดก่อนเชียวนะ เร่เข้ามา เชิญมาฟังนิทานมหัศจรรย์ได้เลย “เจ้าของเสียงเชิญชวน คือ ชายชราอายุ ราวๆแปดสิบกว่า ผมสีแดงเพลิงนั้นมีผมขาวแซมอยู่ ใบหน้าเหี่ยวย่นฉายแววเป็นมิตร เค้าสวมชุดรัดกุมสีดำ สวมเสื้อคลุมสีเลือดหมูดูเก่า แต่สะอาดสะอ้าน

อาเรนเที รู้สึกสนใจ เธอไม่เคยฟังนิทานริมถนนมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จพี่อาเรีย และแม่นมเท่านั้นที่มักจะสรรหาเรื่องราวต่างๆที่ถูกแต่ง หรือเคยเกิดขึ้นมา

เหล่าผู้คน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่มีจำนวนมาก เริ่มเข้ามารายล้อม เฒ่าชราผมสีเพลิง และแน่นอน อาเรนเทียพยายามแทรกฝูงชนเข้าไปวงใน เพื่อที่จะได้ฟังนิทานชัดๆ ส่วนเซตทำได้แต่เพียงถือของรออยู่รอบนอกเท่านั้น

เด็กหนุ่มส่ายหน้า...ถึงจะมีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงงั้น นางก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีล่ะนะ...

“เอาล่ะ ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว นิทานที่ข้าจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้...เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเมื่อบรรพกาล เรื่องนี้ไม่มีใครบันทึกเอาไว้ จึงเหลือแต่คำบอกเล่าปากต่อปาก”

เด็กชายคนหนึ่งร้องถาม “เรื่องนี้คือ เรื่องอะไร...”

“เป็นเรื่องราวของมังกร สัตว์ในตำนานผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นทาสของสายลม ท้องฟ้าและมหาสมุทร”

อาเรนเทียขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะร้องถาม “ทำไมท่านเรียกสัตว์ที่แข็งแกร่งอย่างมังกรว่าเป็นทาสแห่งสายลมเล่า?”

“โอ้ สาวน้อยช่างสงสัยเสียจริง เจ้ารู้รึไม่ว่าสันดานที่แท้จริงของมังกร รักสายลม ท้องฟ้าและมหาสมุทรมาก การได้เป็นหนึ่งเดียวสามสิ่งนี้ถือเป็นสุดยอดความปรารถนา ต่อให้ปีกมันฉีกขาดเพราะโบยบินตามแรงลมบนท้องฟ้า หรือร่างกายแหลกสลายเพราะกระแสน้ำหรือจมสู่ห้วงมหาสมุทรพวกมันก็ยินดี มังกรยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักศักดิ์ศรี รักอิสระ ซื่อตรงต่อความรู้สึก และเรื่องที่ข้าจะเล่าให้ทุกท่านฟังต่อไปนี้...เป็นเรื่องราวรักต้องห้ามของมังกรหนุ่มกับเจ้าหญิงบนหอคอย

กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว...มีอาณาจักรนิรนามที่มีราชาและราชินีปกครองอยู่ พวกเค้ามีธิดาโฉมสะคราญนางหนึ่ง นางมีนามว่า ริเอต้า เจ้าหญิงริเอต้า มีความงามที่แม้แต่เทพธิดายังริษยา ด้วยความงามนั้นทำให้เหล่าราชาและเจ้าชายอาณาจักรอื่นก็ต่างหมายปองโฉมงามริเอต้า พระบิดาของเจ้าหญิงริเอต้าเลือกไม่ถูกว่าใครที่เหมาะสมกับบุตรี พระองค์จึงให้โหรหลวงได้ทำนายชะตาของเจ้าหญิง โหรหลวงแนะนำว่าให้นำเจ้าหญิงริเอต้าไปอยู่ที่หอคอยนอกเมืองเพื่อรอรักแท้

ราชาได้นำเจ้าหญิงริเอต้าไปขังไว้ที่หอคอย โดยให้หัวหน้าเผ่ามังกรเฝ้าระวังภัย เพื่อแลกกับทรัพย์สินจำนวนมหาศาล หัวหน้าเผ่ามังกรจึงยินดีที่จะรับหน้าที่นี้ โดยได้มอบหน้าที่นี้ให้กับลูกชายคนสุดท้อง มังกรหนุ่ม ที่มีนามว่า วิน

วิน ไม่พอใจที่ได้รับหน้าที่เฝ้าหอคอยเท่าไหร่ เค้าไม่ชอบมนุษย์  น้อยใจบิดาที่ให้มาเฝ้ามนุษย์ผู้หญิง ส่วนเจ้าหญิงริเอต้าเองก็ไม่พอใจพระบิดาของตนนักที่ถูกจับมาขังที่หอคอย วันแล้ววันเล่า เหล่าผู้กล้า พ่อค้าและราชาเมืองต่างๆ ต่างพยายามพิชิตมังกรหนุ่มผู้เฝ้าหอคอย แต่พวกเค้าเหล่านั้นหารู้ไหมว่า เจ้าหญิงที่พวกเค้าพยายามเสี่ยงตายเข้าไปช่วยนั้นได้ตกหลุมรัก เจ้ามังกรหนุ่มที่เฝ้าหอคอยเสียแล้ว ทั้งรักทั้งหลงใหลเชียว”

เด็กหนิงคนหนึ่งร้องถาม “มังกรออกจะน่ากลัว ทำไมเจ้าหญิงถึงได้หลงรัก”

“บางที ความรักของเล่นตลกนะเรื่องนี้คงเป็นเพราะความบังเอิญกระมัง ที่เจ้าหญิงริเอต้า เผอิญไปเห็น วิน ในร่างมนุษย์เข้า ร่างมนุษย์ของมังกรทุกตัวล้วนงดงามสง่าไม่แพ้พวกเอลฟ์  วิน นั้นในยามแรกไม่สนใจ เค้ามักจะแสร้งทำเป็นมังกรโง่ ไม่รู้เรื่องอยู่ตลอดเวลา และไม่ยุ่งกับเจ้าหญิง แต่ด้วยความรักศักดิ์ศรีหรือเพราะสัญชาตญาณบางอย่าง นั่นทำให้ วิน แอบกลายร่างเป็นมนุษย์  และอาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของคนทั้งคู่ ทำให้ก่อเกิดความรักความผูกพันธ์ขึ้นมา  วินและเจ้าหญิงริเอต้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันบนหอคอย ฉันท์สามีภรรยา จนกระทั่งเจ้าหญิงริเอต้าตั้งครรภ์ ทั้งสองกลัวว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูของราชา พระบิดาเจ้าหญิงริเอต้า ทั้งคู่จึงพากันหนีไป ฝ่ายพระบิดาเสียใจมากกับการจากไปของบุตรี เพราะไม่สามารถลงโทษพวกเผ่ามังกรได้ ราชาจึงคิดลงโทษโหรหลวง ผู้เสนอความคิดนี้ แต่โหรหลวงได้ทำนายว่าอีกไม่นาน ทายาทของเจ้าหญิงริเอต้า จะกลับมา เด็กชายผู้ทรงพลัง มีเชื้อสายที่ยิ่งใหญ่ จะกลับมาปกครองอาณาจักรนี้ เมื่อโหรหลวงทำนายเสร็จร่างของเค้าก็พลันหายไป นั่นทำให้ราชาเริ่มตระหนักได้ว่า พระองค์สูญเสียผู้ที่เป็นเสมือนดวงตาของพระองค์ไปเสียแล้ว...”

เด็กชายคนหนึ่งร้องถาม“โหรหลวงคนนั้นไปไหน?”

ชายชราผมแดงส่ายหน้า “ไม่มีใครรู้ ตัวตนของเค้าเป็นปริศนา บ้างก็บอกว่าเค้ามีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน...นานจนใครหลายคนคาดไม่ถึง...บ้างก็บอกว่า คนๆนั้นคือเทพแห่งสายลม บ้างก็บอกว่าเป็น เทพแห่งกาลเวลาที่ไม่อยู่ที่ไหนนาน...บ้างก็บอกว่ารูปลักษณ์ของเค้านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพศใด...แต่ที่รู้ๆเค้าเป็นผู้ที่รักอิสระ...กลับเข้าเรื่องกันเถอะผู้ฟังทั้งหลาย...ราชาและราชินีแห่งอาณาจักรนิรนามต่างอยู่ในภวังค์แห่งความเศร้า และเวลาผ่านไป...ก็มีครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งเดินทางมาที่ปราสาท พวกท่านพอเดาได้ไหมว่าเป็นใคร?”นักเล่านิทานชรายิ้มละไม หลังจากที่ถามในสิ่งที่ตนรู้อยู่แล้ว

“เจ้าหญิงริเอต้ากับวิน และลูกของพวกเค้า”ผู้ฟังแทบทั้งหมดตอบพร้อมกัน

“ใช่...ใช่ ในตอนนี้ทั้งราชาและราชินีต่างหมดสิ้นความขุ่นเคือง กลับกลายเป็นความปิติยินดียิ่งที่ได้พบกับเลือดเนื้อเชื้อไขอีกครั้ง...พระองค์ให้อภัยวิน มังกรหนุ่มผู้เป็นรักแท้ของราชธิดา...และพร้อมจะยกบัลลังก์ให้ แต่วินกลับไม่ยอมรับพร้อมให้เหตุผลว่า ตนนั้นคือสายลม...ไม่ขออยู่ที่เดิมซ้ำ ที่เค้าพาลูกและภรรยาที่นี่ เค้าอยากจะมาขอขมา ไม่ได้ต้องการบัลลังก์ ถ้าหากต้องการหาผู้สืบสกุลก็ขอให้ยกให้ลูกชายเค้าจะดีกว่า ราชาก็ยอมรับโดยดุษดี จึงรับหลานชาย เคออส มารับเลี้ยง ส่วนเจ้าหญิงริเอต้า ก็ขอตามพระสวามีออกไปท่องโลกกว้าง...โดยทั้งคู่จะกลับมาเยี่ยมเคออส เป็นครั้งคร่าว”

อาเรนเทียจึงร้องถาม “นั่นคือตอนจบรึ?”

“ตอนจบของเรื่องนี้มีหลายแบบ คุณหนู บ้างก็ว่า พวกเค้าท่องโลกด้วยกันจนตราบสิ้นลมหายใจ บ้างก็ว่าพวกเค้าอยู่ที่หอคอยแห่งนั้นในช่วงวาระสุดท้าย...”

ผู้ฟังทุกคนต่างอิ่มเอมกับเรื่องราวความรักอันแสนหวานที่จบลงด้วยความสุขกันถ้วนหน้า  ทุกคนต่างหยอดเหรียณเงิน เหรียญทองใส่ในหมวกของชายชราเป็นค่าตอบแทนสำหรับเรื่องราวอันแสนสนุก เช่นเดียวกับเซตและอาเรนเทีย

และสำหรับเซต เค้าคิดว่า...ความรักกำลังเล่นตลกกับเค้าแล้ว ไม่สิ ต้องพูดว่าเป็นสายลมสินะ ที่นำนางมาหาเค้าแบบนี้...

เฒ่าทะเลยิ้มบางๆ มองมาที่เซตด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยอย่างลอยๆ “บุพเพสันนิวาส ช่างร้ายกาจ แม้อยู่ห่างกันสุดขอบฟ้า หากเป็นคู่แล้ว ก็ต้องคู่กัน...”

หลังจากที่ฟังนิทาน ทั้งคู่ก็พากันกลับไปที่ท่าเรือ ก็พบว่าวินเนียสกำลังถกเถียงกับ ทหารยามของเมืองอยู่

“ค่ำนี้ท่านจะออกเรือไม่ได้”

หนุ่มผิวเข้มพยายามชี้แจ้ง“ทำไมขอรับ ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามา”

“มันเป็นกฎขอรับท่าน กฎของที่นี่คือ ในคืนมังกรเริงระบำ เรือทุกลำที่จอดแวะที่ท่า ห้ามออกเรือหลังอาทิตย์ตกดิน จะออกเรือได้ในตอนตะวันขึ้นขอรับ”

อาเรนเทียถอนใจ “เอาเถอะ พักที่นี่สักคืนคงไม่เสียหายอะไร”

แต่เซตกลับรู้สึกผิดสังเกต ทำไมทหารยามถึงได้ห้ามปรามชาวเรือทั้งหลายไม่ให้ออกเรือด้วย ถ้าบอกว่า กำลังเกิดมรสุม ยังจะเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือเสียมากกว่า สัญชาตญาณของเค้าเตือนว่า มันไม่น่าวางใจ เค้าสังเกตตั้งแต่ต้นแล้วว่า...ตลอดทางที่ผ่านมา มีคนบางคนลอบมองเทียด้วยสายตาที่ไม่น่าวางใจ

หลังจากที่ทหารยามจากไป ทั้งห้าก็มาประชุมร่วมกันบนเรือ

วินเนียส“เอาไงดี จะพักหรือเดินเรือต่อ”

“พักสักหน่อย วินเนียส พักบนเรือเนี่ยแหละ เจ้าคิดว่าไง เทีย"

"ไม่มีทางเลือก อยู่ที่เรือจะดีกว่า"

เมื่อตกลงได้ ทั้งห้าจึงตกลงจะออกเรือในยามเช้า

อีกด้าน...

"อ่า...ลืมไปเลย ว่านี่คือคืนมังกรเริงระบำ"ราอินนั่งเท้าคางขณะที่ตนกำลังนั่งบนม้าเปกาซัสสีด่างดำ

ซูม่ามองไปอีกทิศ คิ้วเรียวขมวด "ข้ารู้สึกว่าไม่น่าวางใจ"

"อะไรรึ"

"มีอะไรบางคนจ้องมอง เจ้าหญิงอาเรนเทีย"

ราอินยิ้มเย็น"อย่ากังวลน่า...เจ้าหญิงแม้ไม่ต้องใช้เวทย์มนต์ พระนางเก่งกล้าสามารถไม่แพ้ชาย"

ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่เค้าก็ยังห่วงอยู่ดีนั่นแหละ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา