ตำนานรักแห่งสายลม
9.0
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.38 น.
34 ตอน
13 วิจารณ์
38.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่3 สายลมแห่งชะตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ สองหนุ่มต่างศักดิ์อึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีเพลิงสีฟ้าปรากฏขึ้นที่มือขวาของเด็กสาวผู้ใช้มนตราทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าผู้ใช้มนตราคนนี้ท่าทางจะร้ายพอดู
วินเนียสพยัพหน้ารับ"ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าเป็นผู้ใช้มนตราจริง"
เซตเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"นั่นเป็นเวทย์มนต์อะไรกัน"
เด็กสาวฉีกยิ้มหวาน"เวทย์มายาน่ะ "เพลิงสีฟ้าก็หายไปเธอจึงถามคืนบ้าง"ว่าพวกท่านทั้งสองที่นี่คือที่ไหนรึแล้วท่านทั้งสองชื่ออะไรเหรอ"
หนุ่มผิวเข้มจึงแนะนำตัวเองก่อน"ที่นี่คืออาณาจักรเฮลเทีย ตัวข้าชื่อวินเนียสเป็นองครักษ์ของท่านเซต"แล้วผายมือไปทางเจ้าชายหนุ่ม"และนี่คือท่านเซต เจ้าชายรัชทายาทของอาณาจักรนี้"
อาเรนเทียพยักรับรู้ก่อนจะท่องมนต์ย้ายสถานที่เพื่อที่จะกลับบ้านแต่แล้ว
...นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นทำไมข้าใช้เวทย์ย้ายสถานที่ไม่ได้ล่ะ...หรือเราจะท่องมนต์ผิด...เจ้าหญิงอาเรนเทียลองท่องมนต์ย้ายสถานที่อีกครั้ง...ก็ไม่ผิดนิ...มันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเมื่อยังสามารถใช้เวทย์มายาได้อยู่เลย...
วินเนียสเห็นเด็กสาวพูดพึมพัมอยู่นานจึงถามด้วยความเป็นห่วง"เป็นอะไรรึเทีย สีหน้าดูเครียดเชียว"
เด็กสาวเอ่ยเสียงอ่อน"ข้ากลับบ้านไม่ได้แล้ว"
วินเนียสขมวดคิ้ว"หมายความว่ายังไงที่เจ้ากลับบ้านไม่ได้น่ะ"
เด็กสาวตอบกลับ"ข้าไม่รู้เหมือนกัน ข้าร่ายลองมนต์ย้ายสถานที่แล้ว"
วินเนียสจึงปลอบ"เจ้าอาจจะร่ายมนต์ผิดก็ได้นะ ลองดูอีกครั้งสิ"
อาเรนเทียขึ้นด้วยความโกรธ"ข้าไม่ได้ร่ายมนต์ผิดนะ!แต่ข้าร่ายมนต์ดูหลายครั้งแล้วมันใช้ไม่ได้"
ยังไม่ทันที่อาเรนเทียจะพูดต่อก็มีม้วนสารหล่นลงมาเด็กสาวรีบคว้ามาเปิดอ่านทันทีเธออุทานอย่างยินดี"จากท่านพี่นี่นา"และไม่รอช้ารีบคลี่ม้วนสารอ่านทันที
'ถึงอาเรนเทีย น้องรัก
พี่คงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก คลื่นสายลมที่พัดเอาตัวเจ้านั้นคือสายลมแห่งชะตามันไม่ใช่เรื่องเล่าแต่ไม่ต้องกังวลนะหลังจากนี้อีกสามสิบวันสายลมแห่งชะตาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในสถานที่เจ้ามาเพื่อพาตัวเจ้ากับคาลาส ในระหว่างนี้ถือซะว่าเที่ยวชมเมืองของพวกมนุษย์ไปพลางล่ะกันนะ อ้อและช่วยส่งข่าวมาบ้างนะตอนนี้ท่านพ่อและท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามากแต่สำหรับพี่แล้วไม่ค่อยห่วงเจ้าเท่าไหร่นักเพราะพี่รู้ดีว่าอย่างเจ้ามีปัญญาสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
ด้วยรักและห่วงใย
อาเรีย '
เจ้าหญิงน้อยแทบอยากจะโฮ่ร้องออกมา...ท่านพี่นะ..ท่านพี่...ข้าต้องอยู่ที่นี่ตั้งสามสิบวันเชียวแล้วเราจะรอดไหมเนี่ย...นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาดินแดนของมนุษย์ที่ผ่านมาถึงเธอเป็นเจ้าหญิงแดนมนตราเคยไปอาณาจักรข้างเคียงของผู้ใช้มนตราด้วยกันแต่ครั้งนี้เป็นดินแดนของมนุษย์
หนุ่มผิวเข้มเห็นว่าเด็กสาวนั้นมีสีหน้าสลดลงจึงถาม"มีปัญหาอะไรรึเทีย"
เจ้าหญิงน้อยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ"ตอนนี้..ข้าไม่สามารถกลับบ้านได้แล้ว..ต้องรออีกหลังจากนี้สามสิบวัน..ต้องรอให้สายลมนั่นเกิดขึ้นที่นี่อีกครั้ง"
เซตที่ยืนนิ่งอยู่นานนั้นสังเกตเห็นว่าดวงตาสีมรกตคู่งามของเด็กสาวเริ่มมีหยาดน้ำตาซึมออกมาจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ"งั้นเจ้ามาอยู่ที่วังของข้าก่อนก็แล้วกันเพราะตอนนี้เจ้าเองก็ไม่รู้จะไปพักที่ไหน เจ้ามาอยู่ที่วังของข้าก่อนจนกว่าสายลมนั่นจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็แล้วกัน"
อาเรนเทียหันมาขอบคุณเซตทันที"ขอบคุณท่านจริงๆที่ท่านไม่รังเกียจผู้ใช้มนตราอย่างข้า"
วินเนียสถามด้วยความสงสัย"ทำไมพวกข้าต้องรังเกียจตัวเจ้าด้วยในตอนนี้ตัวเจ้าก็กำลังลำบาก"
เจ้าหญิงอาเรนเทียตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ"ก็เพราะว่าพวกมนุษย์ธรรมดาน่ะเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นผู้ใช้มนตราก้รังเกียจและหวาดกลัวและขับไล่พวกเราไงล่ะแต่น้อยคนนักที่จะไม่รังเกียจพวกเราผู้ใช้มนตรา"
เจ้าชายเซตพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะพูดขึ้น"ข้าว่าตอนนี้เราควรหาชุดให้เจ้าเปลี่ยนก่อนดีกว่าขืนเข้าเมืองในสภาพนี้ผู้คนคงรู้แน่ว่าเจ้าเป็นผู้ใช้มนตราล่ะยุ่งเลย"
วินเนียสพยักหน้าเห็นด้วยแต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือพวกเขาจะหาชุดให้เธอได้ยังไงพวกเขาเป็นผู้ชายไม่สามารถกะขนาดชุดของเด็กสาวอย่างนางได้
อาเรนเทียยิ้ม"ถ้าเรื่องชุดล่ะก็แค่ใช้เวทย์มนต์นิดหน่อยก็เปลี่ยนแปลงได้แล้วถึงแม้ว่าในตอนนี้ข้าจะใช้เวทย์ย้ายสถานที่ไม่ได้แต่ข้ายังสามารถใช้เวทย์อย่างอื่นได้"ว่าแล้วเธอก็ร่ายมนต์สั้นๆ จากชุดทะมัดทะแมงและผ้าคลุมสีดำก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีน้ำเงินแขนตุ๊กตายาวคลุมเข่าประดับด้วยระบายลูกไม้เล็กๆสีขาว จากถุงน่องสีดำรองเท้าบู๊ทหนังก็เปลี่ยนเป็นถุงเท้าสั้นสีขาวกับรองเท้าส้นเตี้ยสีดำขัดเงา ตอนนี้ตัวเธอยิ่งงดงามน่ารักมากขึ้น จนสองหนุ่มเผลอจ้องเธออยู่นาน เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถาม"ชุดของข้ามันแปลกมากเหรอ"
วินเนียสรีบปฏิเสธทันที"เปล่าๆไม่ใช่เลย ชุดนี้ดูน่ารักดีและอีกอย่างหนึ่งก็เหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆด้วย"
เจ้าชายเซตเอ่ยขึ้นลอยๆ"ค่อยดูเป็นผู้หญิงหน่อย เมื่อกี้ผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิง"
เด็กสาวหันมาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ"เสียมารยาทข้าเหมือนผู้ชายตรงไหน"
วินเนียสเห็นท่าไม่ดีอาจจะเกิดสงครามเล็กๆก็ได้จึงตัดบทสนทนา"เอาล่ะๆท่านเซตหม่อมฉันว่าพวกเรากลับวังก่อนเถอะจะได้หาห้องกับชุดเสื้อผ้าให้เทีย"
เจ้าชายหนุ่มพยักหน้า"ก็ดี ข้าชักหิวแล้วตั้งแต่ออกจากวังมายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"ก่อนจะตรงไปยังต้นไม้ที่ตนได้ผูกม้าสีดำของตนไว้ก่อนจะแก้เชือกแล้วควบม้านำไปก่อน
เจ้าหญิงน้อยพยักหน้าเห็นด้วย"เห็นด้วยนะ ความจริงข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า"
วินเนียสจูงมือเด็กสาวไปยังใต้ต้นไม้ที่ตนผูกม้าสีน้ำตาลของตนไว้แล้วแก้เชือกจูงมาทางเด็กสาว หนุ่มผิวเข้มหันมาถามเด็กสาว"เจ้าขึ้นม้าสะดวกไหม"
เด็กสาวไม่ตอบหากแต่เธอกลับขึ้นม้าได้อย่างคล่อง
วินเนียสหัวเราะเบาๆ"งั้นข้าจะจูงม้าพาเจ้าเข้าวังเองนะ"
...ระหว่างทาง...
ทั้งเจ้าชายเซตและวินเนียสตัดสินใจเลี่ยงผ่านเมืองหันมาใช้ทางลัดที่ต้องผ่านป่าดีกว่าเข้าสู่วังวินเนียสเห็นว่าบรรยากาศดูเงียบเกินไปจึงหันมาคุยกับเด็กสาวที่นั่งอยู่บนหลังม้า"เทีย ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"
เด็กสาวหันมาทางหนุ่มผิวเข้ม"ท่านมีอะไรจะถามข้าเหรอท่านวินเนียส"
หนุ่มผิวเข้มร้องห้าม"เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านหรอก เรียกว่าวินเนียสเถอะเป็นกันเองดี"
เด็กสาวยิ้ม"ก็ได้ข้าจะเรียกท่านว่าวินเนียส ว่าแต่วินเนียส ท่านมีอะไรจะถามข้าเหรอถ้าข้าตอบได้ก็จะตอบ"
หนุ่มผิวเข้มเริ่มเข้าเรื่อง"สาบลมที่พัดเอาตัวเจ้ามาคืออะไรรึ"
เด็กสาวตอบทันที"นั่นคือสายลมแห่งชะตาน่ะ เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่นานๆทีสักร้อยปีจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่งน่ะ จนมันกลายเป็นเรื่องเล่าของผู้ใช้มนตราไปแล้ว"
วินเนียสถามขึ้นอีก"แล้วสมมุติว่าอีกสามสิบวันหลังจากนี้เจ้าไม่สามารถมาที่นี่ได้เจ้าจะมีโอกาสกลับไปที่บ้านเกิดของเจ้าได้รึไม่"
อาเรนเทียยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ"เป็นไปไม่ได้หรอกนะ วินเนียสเท่าที่ข้าจำได้จากที่ผู้ใช้มนตราคนอื่นเล่ามาเมื่อถึงเวลาที่สายลมแห่งชะตาจะเกิดขึ้นอีกครั้งผู้ใช้มนตราผู้นั้นมาจากตรงไหนก็ต้องกลับไปตรงนั้นเพราะว่าสายลมนั้นจะเรียกให้เรามาที่ตรงนั้นไงล่ะ"
หนุ่มผิวเข้มพยักหน้ารับรู้ อาเรนเทียจึงอธิบายเพิ่ม"เท่าที่ข้าจำได้บ้างก็บอกว่าสายลมนั่นคือเสียงเรียกของมังกร บ้างก็ว่าเป็นเสียงของคนที่ต้องคำสาปน่ะนะ"
วินเนียสจึงเปลี่ยนถามคำถามอื่นแทน"แล้วที่คาลาสเป็นอาณาจักรแบบไหนรึ"
อาเรนเทียตอบ"ก็เป็นอาณาจักรที่มีภูเขาน้ำแข็งล้อมรอบแต่ทางใต้นั้นมีทางออกสู่ทะเลเหมือนกันนะ สวยมากๆเลยล่ะถ้าท่านได้เห็นท่านจะติดใจ"
หนุ่มผิวเข้มถามด้วยความอยากรู้"นี่และอาณาจักรคาลาสเขาอนุญาติให้คนธรรมดาเข้าอาณาจักรได้ด้วยรึ"
เด็กสาวพยักหน้า"ได้สิ เดี๋ยวนี้อาณาจักรคาลาสเริ่มทำการค้ากับอาณาจักรของมนุษย์แล้ว"
"จริงเหรอเทีย แล้วที่คาลาสเนี่ยมีพวกสัตว์ประหลาดรึเปล่า"วินเนียสถามเสียงใส
"มีสิ แต่สัตว์พวกนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าลึกและท้องทะเลไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็นหรอกนะ จอมเวทย์บางคนก็เอาพวกมันไปเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อเสริมบารมีแต่ถ้าไม่รวยจริงเก่งจริงก็เลี้ยงไม่ได้หรอกนะ"
"อ้าวทำไมล่ะ"หนุ่มผิวเข้มถามด้วยความสงสัย
เด็กสาวเฉลย"ก็เพราะว่าสัตว์พวกนี้ล้วนมีพลังวิเศษถ้าไม่เก่งจริงก็ควบคุมมันไม่ได้และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูมังกรหรือกริฟฟินสักตัวหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยๆเลยนะทั้งค่าอาหารค่ายาอีกส่วนมากคนที่เลี้ยงจะเป็นพวกขุนนางทหารหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นแหละ"
เซตที่เงียบไปนานก็ชักม้ามาถาม"แล้วทหารจะเลี้ยงสัตว์พวกนั้นทำไมรึ "
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ"ง่ายๆเพื่อเอาไว้ใช้งานไงล่ะอย่างเช่นใช้ขนส่งของหรือเอาไว้ลาดตระเวณตามชายแดนน่ะนะ"
วินเนียสนึกสงสัยฐานะของเด็กสาว"เจ้ารู้ดีจังเลยนะ เเล้วที่บ้านเจ้าทำอาชีพอะไรรึ"
อาเรนเทียตอบกลับ"ค้าขายน่ะ บ้านข้าเป็นร้านขายของเล็กๆขายใช้ทั่วไปน่ะนะ ก็เลยรู้ไง"ถ้าเรื่องในอาณาจักรของตัวเองหากไม่รู้นางก็ไม่สมควรจะเป็นเจ้าหญิงแห่งคาลาสแล้ว นางเองก็ไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่น นอกจากเวลาเรียนเวทย์มนต์อักษรภาษาและอีกหลายๆอย่างแล้วหากมีเวลาว่างนางมักจะออกไปยิงธนูขี่ม้าและไปอ่านตำราในห้องสมุด
"นั่นไงถึงปราสาทแล้ว"วินเนียสพูดขึ้นปลุกเด็กสาวออกจากความคิดของตนเบื้องหน้าของทั้งสามคือปราสาทสีขาวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูง
อาเรนเทียรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้เห็นปราสาทของมนุษย์มันก็ไม่ได้ต่างจากปราสาทของตนเท่าไหร่นัก
"เทียข้ามีเรื่องจะขอนะ"เจ้าชายเซตพูดขึ้น
"จะขออะไรหม่อมฉันเพค่ะเจ้าชาย"อาเรนเทียหันมาถาม
เซตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ถ้าไม่จำเป็นเจ้าอย่าใช้เวทย์มนต์จะได้ไหม"
"เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ไม่อยากให้คนอื่นตกใจ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว"พูดจบเซตก็ควบม้านำไปปล่อยให้วินเนียสจูงม้าพาเด็กสาวตามมา
วินเนียสพยัพหน้ารับ"ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าเป็นผู้ใช้มนตราจริง"
เซตเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"นั่นเป็นเวทย์มนต์อะไรกัน"
เด็กสาวฉีกยิ้มหวาน"เวทย์มายาน่ะ "เพลิงสีฟ้าก็หายไปเธอจึงถามคืนบ้าง"ว่าพวกท่านทั้งสองที่นี่คือที่ไหนรึแล้วท่านทั้งสองชื่ออะไรเหรอ"
หนุ่มผิวเข้มจึงแนะนำตัวเองก่อน"ที่นี่คืออาณาจักรเฮลเทีย ตัวข้าชื่อวินเนียสเป็นองครักษ์ของท่านเซต"แล้วผายมือไปทางเจ้าชายหนุ่ม"และนี่คือท่านเซต เจ้าชายรัชทายาทของอาณาจักรนี้"
อาเรนเทียพยักรับรู้ก่อนจะท่องมนต์ย้ายสถานที่เพื่อที่จะกลับบ้านแต่แล้ว
...นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นทำไมข้าใช้เวทย์ย้ายสถานที่ไม่ได้ล่ะ...หรือเราจะท่องมนต์ผิด...เจ้าหญิงอาเรนเทียลองท่องมนต์ย้ายสถานที่อีกครั้ง...ก็ไม่ผิดนิ...มันเกิดอะไรขึ้นกับข้าเมื่อยังสามารถใช้เวทย์มายาได้อยู่เลย...
วินเนียสเห็นเด็กสาวพูดพึมพัมอยู่นานจึงถามด้วยความเป็นห่วง"เป็นอะไรรึเทีย สีหน้าดูเครียดเชียว"
เด็กสาวเอ่ยเสียงอ่อน"ข้ากลับบ้านไม่ได้แล้ว"
วินเนียสขมวดคิ้ว"หมายความว่ายังไงที่เจ้ากลับบ้านไม่ได้น่ะ"
เด็กสาวตอบกลับ"ข้าไม่รู้เหมือนกัน ข้าร่ายลองมนต์ย้ายสถานที่แล้ว"
วินเนียสจึงปลอบ"เจ้าอาจจะร่ายมนต์ผิดก็ได้นะ ลองดูอีกครั้งสิ"
อาเรนเทียขึ้นด้วยความโกรธ"ข้าไม่ได้ร่ายมนต์ผิดนะ!แต่ข้าร่ายมนต์ดูหลายครั้งแล้วมันใช้ไม่ได้"
ยังไม่ทันที่อาเรนเทียจะพูดต่อก็มีม้วนสารหล่นลงมาเด็กสาวรีบคว้ามาเปิดอ่านทันทีเธออุทานอย่างยินดี"จากท่านพี่นี่นา"และไม่รอช้ารีบคลี่ม้วนสารอ่านทันที
'ถึงอาเรนเทีย น้องรัก
พี่คงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก คลื่นสายลมที่พัดเอาตัวเจ้านั้นคือสายลมแห่งชะตามันไม่ใช่เรื่องเล่าแต่ไม่ต้องกังวลนะหลังจากนี้อีกสามสิบวันสายลมแห่งชะตาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในสถานที่เจ้ามาเพื่อพาตัวเจ้ากับคาลาส ในระหว่างนี้ถือซะว่าเที่ยวชมเมืองของพวกมนุษย์ไปพลางล่ะกันนะ อ้อและช่วยส่งข่าวมาบ้างนะตอนนี้ท่านพ่อและท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามากแต่สำหรับพี่แล้วไม่ค่อยห่วงเจ้าเท่าไหร่นักเพราะพี่รู้ดีว่าอย่างเจ้ามีปัญญาสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
ด้วยรักและห่วงใย
อาเรีย '
เจ้าหญิงน้อยแทบอยากจะโฮ่ร้องออกมา...ท่านพี่นะ..ท่านพี่...ข้าต้องอยู่ที่นี่ตั้งสามสิบวันเชียวแล้วเราจะรอดไหมเนี่ย...นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาดินแดนของมนุษย์ที่ผ่านมาถึงเธอเป็นเจ้าหญิงแดนมนตราเคยไปอาณาจักรข้างเคียงของผู้ใช้มนตราด้วยกันแต่ครั้งนี้เป็นดินแดนของมนุษย์
หนุ่มผิวเข้มเห็นว่าเด็กสาวนั้นมีสีหน้าสลดลงจึงถาม"มีปัญหาอะไรรึเทีย"
เจ้าหญิงน้อยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ"ตอนนี้..ข้าไม่สามารถกลับบ้านได้แล้ว..ต้องรออีกหลังจากนี้สามสิบวัน..ต้องรอให้สายลมนั่นเกิดขึ้นที่นี่อีกครั้ง"
เซตที่ยืนนิ่งอยู่นานนั้นสังเกตเห็นว่าดวงตาสีมรกตคู่งามของเด็กสาวเริ่มมีหยาดน้ำตาซึมออกมาจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ"งั้นเจ้ามาอยู่ที่วังของข้าก่อนก็แล้วกันเพราะตอนนี้เจ้าเองก็ไม่รู้จะไปพักที่ไหน เจ้ามาอยู่ที่วังของข้าก่อนจนกว่าสายลมนั่นจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็แล้วกัน"
อาเรนเทียหันมาขอบคุณเซตทันที"ขอบคุณท่านจริงๆที่ท่านไม่รังเกียจผู้ใช้มนตราอย่างข้า"
วินเนียสถามด้วยความสงสัย"ทำไมพวกข้าต้องรังเกียจตัวเจ้าด้วยในตอนนี้ตัวเจ้าก็กำลังลำบาก"
เจ้าหญิงอาเรนเทียตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ"ก็เพราะว่าพวกมนุษย์ธรรมดาน่ะเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นผู้ใช้มนตราก้รังเกียจและหวาดกลัวและขับไล่พวกเราไงล่ะแต่น้อยคนนักที่จะไม่รังเกียจพวกเราผู้ใช้มนตรา"
เจ้าชายเซตพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะพูดขึ้น"ข้าว่าตอนนี้เราควรหาชุดให้เจ้าเปลี่ยนก่อนดีกว่าขืนเข้าเมืองในสภาพนี้ผู้คนคงรู้แน่ว่าเจ้าเป็นผู้ใช้มนตราล่ะยุ่งเลย"
วินเนียสพยักหน้าเห็นด้วยแต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือพวกเขาจะหาชุดให้เธอได้ยังไงพวกเขาเป็นผู้ชายไม่สามารถกะขนาดชุดของเด็กสาวอย่างนางได้
อาเรนเทียยิ้ม"ถ้าเรื่องชุดล่ะก็แค่ใช้เวทย์มนต์นิดหน่อยก็เปลี่ยนแปลงได้แล้วถึงแม้ว่าในตอนนี้ข้าจะใช้เวทย์ย้ายสถานที่ไม่ได้แต่ข้ายังสามารถใช้เวทย์อย่างอื่นได้"ว่าแล้วเธอก็ร่ายมนต์สั้นๆ จากชุดทะมัดทะแมงและผ้าคลุมสีดำก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีน้ำเงินแขนตุ๊กตายาวคลุมเข่าประดับด้วยระบายลูกไม้เล็กๆสีขาว จากถุงน่องสีดำรองเท้าบู๊ทหนังก็เปลี่ยนเป็นถุงเท้าสั้นสีขาวกับรองเท้าส้นเตี้ยสีดำขัดเงา ตอนนี้ตัวเธอยิ่งงดงามน่ารักมากขึ้น จนสองหนุ่มเผลอจ้องเธออยู่นาน เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถาม"ชุดของข้ามันแปลกมากเหรอ"
วินเนียสรีบปฏิเสธทันที"เปล่าๆไม่ใช่เลย ชุดนี้ดูน่ารักดีและอีกอย่างหนึ่งก็เหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆด้วย"
เจ้าชายเซตเอ่ยขึ้นลอยๆ"ค่อยดูเป็นผู้หญิงหน่อย เมื่อกี้ผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิง"
เด็กสาวหันมาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ"เสียมารยาทข้าเหมือนผู้ชายตรงไหน"
วินเนียสเห็นท่าไม่ดีอาจจะเกิดสงครามเล็กๆก็ได้จึงตัดบทสนทนา"เอาล่ะๆท่านเซตหม่อมฉันว่าพวกเรากลับวังก่อนเถอะจะได้หาห้องกับชุดเสื้อผ้าให้เทีย"
เจ้าชายหนุ่มพยักหน้า"ก็ดี ข้าชักหิวแล้วตั้งแต่ออกจากวังมายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"ก่อนจะตรงไปยังต้นไม้ที่ตนได้ผูกม้าสีดำของตนไว้ก่อนจะแก้เชือกแล้วควบม้านำไปก่อน
เจ้าหญิงน้อยพยักหน้าเห็นด้วย"เห็นด้วยนะ ความจริงข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า"
วินเนียสจูงมือเด็กสาวไปยังใต้ต้นไม้ที่ตนผูกม้าสีน้ำตาลของตนไว้แล้วแก้เชือกจูงมาทางเด็กสาว หนุ่มผิวเข้มหันมาถามเด็กสาว"เจ้าขึ้นม้าสะดวกไหม"
เด็กสาวไม่ตอบหากแต่เธอกลับขึ้นม้าได้อย่างคล่อง
วินเนียสหัวเราะเบาๆ"งั้นข้าจะจูงม้าพาเจ้าเข้าวังเองนะ"
...ระหว่างทาง...
ทั้งเจ้าชายเซตและวินเนียสตัดสินใจเลี่ยงผ่านเมืองหันมาใช้ทางลัดที่ต้องผ่านป่าดีกว่าเข้าสู่วังวินเนียสเห็นว่าบรรยากาศดูเงียบเกินไปจึงหันมาคุยกับเด็กสาวที่นั่งอยู่บนหลังม้า"เทีย ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"
เด็กสาวหันมาทางหนุ่มผิวเข้ม"ท่านมีอะไรจะถามข้าเหรอท่านวินเนียส"
หนุ่มผิวเข้มร้องห้าม"เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านหรอก เรียกว่าวินเนียสเถอะเป็นกันเองดี"
เด็กสาวยิ้ม"ก็ได้ข้าจะเรียกท่านว่าวินเนียส ว่าแต่วินเนียส ท่านมีอะไรจะถามข้าเหรอถ้าข้าตอบได้ก็จะตอบ"
หนุ่มผิวเข้มเริ่มเข้าเรื่อง"สาบลมที่พัดเอาตัวเจ้ามาคืออะไรรึ"
เด็กสาวตอบทันที"นั่นคือสายลมแห่งชะตาน่ะ เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่นานๆทีสักร้อยปีจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่งน่ะ จนมันกลายเป็นเรื่องเล่าของผู้ใช้มนตราไปแล้ว"
วินเนียสถามขึ้นอีก"แล้วสมมุติว่าอีกสามสิบวันหลังจากนี้เจ้าไม่สามารถมาที่นี่ได้เจ้าจะมีโอกาสกลับไปที่บ้านเกิดของเจ้าได้รึไม่"
อาเรนเทียยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ"เป็นไปไม่ได้หรอกนะ วินเนียสเท่าที่ข้าจำได้จากที่ผู้ใช้มนตราคนอื่นเล่ามาเมื่อถึงเวลาที่สายลมแห่งชะตาจะเกิดขึ้นอีกครั้งผู้ใช้มนตราผู้นั้นมาจากตรงไหนก็ต้องกลับไปตรงนั้นเพราะว่าสายลมนั้นจะเรียกให้เรามาที่ตรงนั้นไงล่ะ"
หนุ่มผิวเข้มพยักหน้ารับรู้ อาเรนเทียจึงอธิบายเพิ่ม"เท่าที่ข้าจำได้บ้างก็บอกว่าสายลมนั่นคือเสียงเรียกของมังกร บ้างก็ว่าเป็นเสียงของคนที่ต้องคำสาปน่ะนะ"
วินเนียสจึงเปลี่ยนถามคำถามอื่นแทน"แล้วที่คาลาสเป็นอาณาจักรแบบไหนรึ"
อาเรนเทียตอบ"ก็เป็นอาณาจักรที่มีภูเขาน้ำแข็งล้อมรอบแต่ทางใต้นั้นมีทางออกสู่ทะเลเหมือนกันนะ สวยมากๆเลยล่ะถ้าท่านได้เห็นท่านจะติดใจ"
หนุ่มผิวเข้มถามด้วยความอยากรู้"นี่และอาณาจักรคาลาสเขาอนุญาติให้คนธรรมดาเข้าอาณาจักรได้ด้วยรึ"
เด็กสาวพยักหน้า"ได้สิ เดี๋ยวนี้อาณาจักรคาลาสเริ่มทำการค้ากับอาณาจักรของมนุษย์แล้ว"
"จริงเหรอเทีย แล้วที่คาลาสเนี่ยมีพวกสัตว์ประหลาดรึเปล่า"วินเนียสถามเสียงใส
"มีสิ แต่สัตว์พวกนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าลึกและท้องทะเลไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็นหรอกนะ จอมเวทย์บางคนก็เอาพวกมันไปเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อเสริมบารมีแต่ถ้าไม่รวยจริงเก่งจริงก็เลี้ยงไม่ได้หรอกนะ"
"อ้าวทำไมล่ะ"หนุ่มผิวเข้มถามด้วยความสงสัย
เด็กสาวเฉลย"ก็เพราะว่าสัตว์พวกนี้ล้วนมีพลังวิเศษถ้าไม่เก่งจริงก็ควบคุมมันไม่ได้และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูมังกรหรือกริฟฟินสักตัวหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยๆเลยนะทั้งค่าอาหารค่ายาอีกส่วนมากคนที่เลี้ยงจะเป็นพวกขุนนางทหารหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้นแหละ"
เซตที่เงียบไปนานก็ชักม้ามาถาม"แล้วทหารจะเลี้ยงสัตว์พวกนั้นทำไมรึ "
เด็กสาวหัวเราะเบาๆ"ง่ายๆเพื่อเอาไว้ใช้งานไงล่ะอย่างเช่นใช้ขนส่งของหรือเอาไว้ลาดตระเวณตามชายแดนน่ะนะ"
วินเนียสนึกสงสัยฐานะของเด็กสาว"เจ้ารู้ดีจังเลยนะ เเล้วที่บ้านเจ้าทำอาชีพอะไรรึ"
อาเรนเทียตอบกลับ"ค้าขายน่ะ บ้านข้าเป็นร้านขายของเล็กๆขายใช้ทั่วไปน่ะนะ ก็เลยรู้ไง"ถ้าเรื่องในอาณาจักรของตัวเองหากไม่รู้นางก็ไม่สมควรจะเป็นเจ้าหญิงแห่งคาลาสแล้ว นางเองก็ไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่น นอกจากเวลาเรียนเวทย์มนต์อักษรภาษาและอีกหลายๆอย่างแล้วหากมีเวลาว่างนางมักจะออกไปยิงธนูขี่ม้าและไปอ่านตำราในห้องสมุด
"นั่นไงถึงปราสาทแล้ว"วินเนียสพูดขึ้นปลุกเด็กสาวออกจากความคิดของตนเบื้องหน้าของทั้งสามคือปราสาทสีขาวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูง
อาเรนเทียรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้เห็นปราสาทของมนุษย์มันก็ไม่ได้ต่างจากปราสาทของตนเท่าไหร่นัก
"เทียข้ามีเรื่องจะขอนะ"เจ้าชายเซตพูดขึ้น
"จะขออะไรหม่อมฉันเพค่ะเจ้าชาย"อาเรนเทียหันมาถาม
เซตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ถ้าไม่จำเป็นเจ้าอย่าใช้เวทย์มนต์จะได้ไหม"
"เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ไม่อยากให้คนอื่นตกใจ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว"พูดจบเซตก็ควบม้านำไปปล่อยให้วินเนียสจูงม้าพาเด็กสาวตามมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ