อาเรเมตาเรีย - ปฐมกาลหายนะ
เขียนโดย SFWitch
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 22.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตื่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ#8 ตื่น
ฮาลมาหาเจคอบพร้อมเสบียงหลังจากที่เข้ากะล่านิมส์ช่วงเช้าแล้ว เขาดูจะสนใจแม่สาวคนนี้มากเป็น พิเศษ พอพ้นประตูบ้านเข้ามา ก็ถามถึงเป็นอันดับแรก
“ยัยตัวเล็กฟื้นหรือยัง”
“เสบียงวันนี้มีอะไรฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” เจคอบแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่ฮาลถาม แล้วรับถุงกระดาษที่ใส่กล่อง ข้าวไปวางที่โต๊ะ
“น่าจะเป็น ข้าวหุงโปรตีนสังเคราะห์” ฮาลว่า
เจคอบเอาถุงวางบนโต๊ะกับข้าวแล้วล้วงเอากล่องข้าวออกมา
“เอามาทำไมตั้งเยอะ” เขาถามเมื่อล้วงเจอกล่องที่สาม
“ฉัน นาย แล้วก็ เธอคนนั้น คนละกล่อง” ฮาลตอบ “นายว่ายัยตัวเล็กนี้เป็นชาวลูนรึเปล่าอ่ะ ถ้าใช่นี่ เราจะถูกหาว่าเป็นพวกกบฎรึเปล่า”
“ไม่หรอกน่ะ ดูยังไงก็ไม่เหมือนชาวลูน” เจคอบบอก แล้วเปิดฝากล่องข้าวออก ควันกลิ่นข้าวร้อนๆโชยขึ้นชวนน้ำลายไหล ผู้คนที่นี่กินแค่สองมื้อคือ มื้อเช้ากับมื้อค่ำ
“ขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม” ฮาลว่า
“มากินข้าวก่อนเถอะ ถ้ามันเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ” เจคอบเปลี่ยนแปลงประเด็น
“น่า แป็บเดียว”
เจคอบ ทนแรงตื้อที่น่ารำคาญของฮาลไม่ไหว จึงเดินนำฮาลไปยังห้องของลุง ที่เด็กสาวคนนั้นนอนหลับอยู่
“นายว่าเธอจะฟื้นเมื่อไหร่” เจคอบถาม ฮาลทำหน้าขึงขังแล้วตอบว่า
“เราคงต้องปลุกเธอซะหน่อย” ว่าแล้ว ฮาลก็จับหัวไหล่เธอเขย่าเบาๆ
“เฮ้ย นายทำบ้าอะไร” เจคอบรีบเข้ามาขวางแล้วประคองเธอหนุนหมอนตามเดิม
“ก็ช่วยให้ตื่นไง” ฮาลหัวเราะ “ไปกินข้าวกัน”
มื้อเช้าเหมือนทุกวัน หลังจากกิจกรรมจับนิมส์แล้ว หลังจากลุงตาย คนในทีมจับนิมส์ของลุงบรีซส่วนใหญ่ย้ายไปทำส่วนอื่น มีคนใหม่เข้ามาแทน เจคอบเองก็ออกจากทีมโดยปริยาย ยกเว้นฮาลที่ยังคงลงทะเบียนล่านิมส์ตามเดิม
ฮาลกับเจคอบใช้เวลาตลอดเช้าไปกับการดูรายการผ่านสถานีถ่ายทอด ภาพยนตร์จากมาร์สบ้าง ลูนบ้าง ภาพยนตร์สามมิติ ภาพยนตร์เก่า สารคดีท่องเที่ยวระบบสุริยะชั้นนอก และอื่นๆ สุดท้ายทั้งสองก็ฝุบหลับคาที่นั่งไปอย่างนั้น ขณะที่ทั้งสองได้ผลอยหลับไปนั้น เด็กสาวในห้องก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เธอกรอกตามองเพดาน จ้องนิ่งครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ กวาดตามองรอบๆ ห้อง
ความรู้สึกของเธอเหมือนนอนหลับมานานนับศตวรรษ เนื้อตัวชาไปหมด หัวหนักตื้อ แขนขาขยับไม่ได้ สักครู่ใหญ่กว่าที่จะขยับนิ้วได้ และเกือบสิบนาทีกว่าที่เธอจะขยับแขนได้
เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่งในครึ่งชั่วโมงต่อมา การฟื้นตัวเป็นไปช้าเพราะไม่ได้อยู่ในสภาพแรงโน้มถ่วง และไม่ได้อยู่ในแทงค์บำบัด เธอค่อยๆลุกขึ้น ขายังรับน้ำหนกไม่ได้มากจึงสั่น และเซ เธอเดินช้าๆมายังประตู ค่อยๆ แง้มเปิดออกอย่างระแวงระวัง
เมื่อมองลอดช่องประตูที่แง้ม ก็เห็นจอภาพที่ฉายขึ้นบนอากาศ เล่นภาพยนตร์คลอเสียงเบาๆ และชายหนุ่มสองคนที่หลับอยู่บนฟูกคนละมุม เมื่อมองสภาพโดยรวมไม่มีอันตราย เธอจึงค่อยๆ ย่องออกมาสำรวจด้านนอก
เธอเดินเข้ามาดูชายหนุ่มลึกลับที่นอนหลับอยู่ พวกเขาสวมชุดดูประหลาด ผ้าทอหนา มีลูกปัดประดับแปลกตา คนหนึ่งผมทอง คนหนึ่งผมน้ำตาลหยักศก ทั้งคู่หลับคาที่นั่ง ตรงหน้ามีจอฮลโลแกรมฉายทิ้งไว้
จากนั้นเธอก็มองเมินไปยังกล่องสีเทาๆที่วางบนโต๊ะ ด้านหลัง เธอเดินอ้อมไปดู เมื่อเปิดกล่องออก กลิ่นเนื้อย่างโชยมา ด้วยความที่นอนหลับมายาวนาน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นจึงรู้สึกหิวขึ้นมา เธอหยิบเนื้อย่างขึ้นชิม แทะแล้วเคี้ยว และกิน และกิน และก้มหน้าก้มตากิน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งมองเธอกินอาหารจากฟูกที่นั่ง
สาวน้อยผงะทิ้งกล่องข้าวด้วยความตกใจ เธอถอยไปจนติดตู้ครัว ยกมือทาบอกอย่างหวาดกลัว ความจริงคือ เธอทั้งกลัว ทั้งเขินอาย ที่กินมูมมามต่อหน้าคนแปลกหน้าแบบนี้
เจคอบเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาวก็ฉุกคิดได้ว่าเขาควรจะแสดงความเป็นมิตรกับเธอ
“ผมชื่อ เจคอบ” เจคอบตัดสินใจทำลายความเงียบ
เขาชี้นิ้วใต้คางเป็นสัญลักษณ์ในการแนะนำตัว
“เจคอบฟาลูเนตต์”
เด็กสาวที่ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง จึงเอานิ้วลูบคางเหมือนกัน พูดภาษาอะไรก็ไม่รู้เหมือนประมาณว่า มีอะไรติดที่คางฉันรึเปล่า
“ผมชื่อ ฮาลเบลดัสโดนันเทลโล่” ฮาลก็แนะนำตัวด้วยเช่นกัน
เด็กสาวยิ่งตกใจถูคางของตนแรงขึ้นจนคางเริ่มอมเลือดฝาดสีแดง เหมือนมีอะไรติดอย่างกระวนกระวาย ท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนกระวนกระวายทำให้เจคอบและฮาลยิ่งตกใจ
“เครื่องแปลภาษา มีไหม นายมีไหม” ฮาลนึกขึ้นมาได้ เจคอบรีบวิ่งไปลิ้นชัดข้างประตู เพื่อหยิบหูฟังสีเทา สองอัน อันหนึ่งเขายัดใส่รูหู อีกอัน เขาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเด็กสาว
“เอาไอ้นี่ใส่หูแบบนี้ เราจะได้คุยรู้เรื่อง” เจคอบบอก ชี้มือไปยังหูที่ใส่จุกหูฟัง เด็กสาวหยิบมาพินิจ แล้วบรรจงหยิบใส่หูขวา
เนื่องจากหูฟังแปลภาษารุ่นนี้ แค่พูดสองสามคำแรก ก็สามารถวิเคราะห์คำแปลของภาษาที่ใช้ได้ทันที โดยทั้งคู่สนทนา
“ฟังผมรู้เรื่องไหม” เจคอบถาม
“พูดอะไรคะ” เด็กสาวบ่นอุบอิบ
“ฟังผมออกไหม” เจคอบทวนคำถาม ดูท่าทางเธอ ออกจะประหลาดใจเพราะฟังภาษาออก แต่ปากที่พูดกับเสียงที่ได้ยินไม่เหมือนกัน ในเมื่อฟังออกเธอก็เข้าใจ
“ฟังรู้เรื่อง” เธอตอบ เจคอบหันไปยิ้มให้ฮาล เขาไม่ได้ใส่หูฟังเลยนั่งลงฟังสองคนนี้พูดคนละภาษา และรอคำแปลจากเจคอบ
“ผมชื่อเจคอบ คุณชื่ออะไร” เจคอบถาม
“โจนนี่ ฉันชื่อ โจนนี่ เดอกีย์” สาวน้อยตอบ เจคอบเดินกลับมานั่งที่โซฟา โจนนี่เดินมานั่งตรงข้าม
“ถามหน่อย ทำไมเธอถึงอยู่ในแคปซูนนั่นละ” ฮาลถาม เจคอบหันไปมองหน้าโจนนี่ เธอฟังเข้าใจแต่ฮาลจะฟังไม่รู้เรื่อง โจนนี่จึงเล่าที่มาว่า เธอ พี่ชาย แม่ และน้องชายของเธอ หนีสงครามมาจากดาวอังคาร แต่ถูกยานรบของจักรวรรดิลูนยิงยานเสียหาย เลยต้องสละยานแล้วทิ้งกระสวยยังชีพตั้งพิกัดมายังโลก และก็กลายเป็นอย่างที่เห็น
“เมื่อสองพันกว่าปีก่อน” ฮาลบอกเจคอบเบาๆ “จักรวรรดิลูนเข้ายึดครองมาร์สเมื่อสองพันกวาปี”
“นายรู้ได้ไง”
“กระสวยนี่ หลงเข้าโพรงรูหนอนมาแน่ๆ” ฮาลว่า
“ทฤษฎีอะไรนั่นน่ะเหรอ ฉันจำได้เคยเรียนมาตอนเจ็ดขวบ” เจคอบเสริม
โจนนี่เห็นสองหนุ่มกระซิบกระซาบ จึงพูดถามไปว่า
“พวกคุณอายุเท่าไหร่กัน” โจนนี่ถาม “เป็นนักเรียนหรือเปล่า”
“เราเคยเรียนหนังสือ ตอนเด็กๆ เราเรียนแค่ห้าปี ก็ออกมาทำงานแล้ว” เจคอบบอก
“อะไร เรียนหนังสือแค่ห้าปีเองเหรอ” โจนนี่ตกใจ “ฉันเรียนปีที่แปด ยังเหลืออีกแปดปี”
“พวกมาร์สเรียนกันกี่ปีเนี่ย”
“สามช่วง ช่วงต้น ช่วงมัธยม และช่วงวิทยาลัย” โจนนี่ตอบ “บนโลกเรียนกันแค่ห้าปีเองเหรอ”
“แล้วพวกเธอเรียนอะไรกันเยอะแยะ เสียเวลา” เจคอบโวย
“เฮ้ย นั้นมันเมื่อสองพันกว่าปีนะเว้ย” ฮาลกระซิบเตือน “คนโบราณอย่าลืม”
เจคอบสงสัยว่า โจนนี่หลงมิติมา หรือค้างเติ่งถูกแช่แข็งในกาลเวลามาสองพันปีกันแน่
“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมสิบหกปี มันนานไปเหรอ” โจนนี่ย้อนถาม
“เธอรู้ไหม แบบการศึกษายุคคริสตกาล ใช้ระบบเรียนสิบหกปีก็จริง แต่นี่ยุคโซลัน การเรียนห้าปีก็เพียงพอต่อการดำรงชีพแล้ว แต่ถ้าจะเรียนต่อ ก็หลังอายุสิบห้านี่แหละ”
“ปีนี้ปีอะไร” โจนนี่ถาม
“เอดี 5464 ”
เจคอบและฮาลเห็นเลยว่า โจนนี่ตกใจสุดขีด
“จักรวรรดิมูนไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้เป็น สหพันธ์ลูน การปกครองแบบประธานาธิบดี” ฮาลเสริม
“ไม่เชื่อหรอก”
“ยอมรับเถอะ เธออายุสามพันปีนะ” ฮาลพูดต่อ
“ไม่ ... แม่ พี่ชาย น้องชายของฉันละ” โจนนี่ตะโกน ปัดหูฟังกระเด็นออก เธอวิ่งเข้าห้องไป
เจคอบเก็บหูฟังที่โจนนี่โยน และถอดอีกอันของเขาลงวางคู่กันไว้ที่โต๊ะ
“สงสัยคงต้อง รอแม่ฉันกลับมาแล้วละ ค่อยว่ากัน”
to be continue...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ