อาเรเมตาเรีย - ปฐมกาลหายนะ
8.3
เขียนโดย SFWitch
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
16.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 22.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) เมืองหลวง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ#14 เมืองหลวง
ตอนเช้าหลังมื้อแรกของวัน ทริเวียสให้พวกเขาเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวงเจคอบเก็บของที่ไม่มี อะไรนอกจากเสื้อคลุมหนานวมตัวหนึ่ง โจนนี่มีกระเป๋าหนึ่งใบ เธอถือหีบกำมะหยี่ไว้
“ฉันจะถามผู้เฒ่าว่ามันคืออะไร” โจนนี่บอกเจคอบ
“เตรียมตัวเสร็จรึยัง ฮาลกำลังมาแล้วนะ” ทริเวียสตะโกนบอก
โจนนี่เดินออกมาจากกระโจมพร้อมหีบกำมะหยี่ใบน้อยมา ทริเวียสเห็นก็อมยิ้ม
“เธอพบกับความลับแห่งจักรวาลแล้วสินะ”
“ความรู้แห่งจักรวาลไม่ใช่หรือคะ” โจนนี่ว่า
“ฉันเรียกว่า ความลับแห่งจักรวาล จะเหมาะกว่า มันคือแท่งแก้วที่รวบรวมข้อมูลศาสตร์ทุกแขนง ทุกความรู้วิชา ของมนุษย์และดิซ รวมกันเอาไว้เป็นเวลากว่าหกร้อยปี”
“คุณเป็นคนรวบรวมไว้เหรอคะ”
“ฉันเป็นโซลมาสเตอร์รุ่นที่สี่ที่ทำหน้าที่นี้”
“คุณเป็นโซลมาสเตอรหรือครับ” เจคอบถามอย่างตะลึง
“ใช่” ทริเวียสพยักหน้า “ฤดูหนาวฉันจะกลับเมืองหลวงเพื่อทำงาน ที่นี่หนาวเย็นก็ปล่อยให้หิมะปกคลุม ไปก่อน อีก 1 วงโคจรก็ค่อยกลับมาพักผ่อนใหม่”
“แท่งแก้วนี้ดูมีความสำคัญมากทำไมคุณไม่เก็บไว้ให้ดีๆล่ะ” เจคอบถาม
“อันนี้เป็นตัวคัดลอก ตัวจริงอยู่ที่หอสมุดแห่งโซลันโน่น” ทริเวียสว่า พลางยกของกองรวมไว้รอฮาลมายกขึ้นยาน
“ถ้าพวกเธอสนใจจะเก็บไว้ศึกษาก็ไม่ว่ากัน แต่ข้อมูลมันไม่ล่าสุดหรอกนะ ตอนนี้มีโซลมาสเตอร์คนอื่นรับช่วงต่อไปเพิ่มข้อมูลแล้วละ”
ยานเหาะส่วนบุคคลของทริเวียส เป็นยานขนาด 6 ที่นั่ง แถวเก้าอี้กว้างขวางสามแถว หน้าสุดคือฮาลที่อาสาเป็นคนนำร่อง ที่ไม่เรียกว่าเป็นคนขับเพราะ เขาแค่ตั้งค่าจุดหมายที่ต้องการ และปล่อยให้ยานแล่นไปให้ถึงจุดหมายเท่านั้นเจคอบรู้ว่าคนที่จะมียานเหาะเป็นของตนเองนอกจากจะเงินหนา แล้ว ต้องทรงอิทธิพลด้วย เพราะอากาศยานปกติจะข้ามเขตน่านฟ้าเฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีอภิสิทธิ์เฉพาะ คนส่วนใหญ่จึงใช้ยานโดยสารมวลชน ข้ามเขตเมืองแทน
ก่อนขึ้นยาน เจคอบสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์โวลมาสเตอร์ที่ท้ายยาน ทริเวียสคือโซลมาสเตอร์จริงๆ
ยานขับผ่านเขตป่าสน เขตป่าโปร่ง ทุ่งหญ่า ทะเลทราย จนเข้าเขตที่อยู่อาศัยอีกครั้ง หมู่บ้านที่เริ่มมีผู้คนอาศัยอยู่บางตา จนเข้าเขตเมือง อากาศยานส่วนบุคคลมีเพดานบินที่ ไม่เกิน 1000 ฟิต หรือประมาณ 300 เมตรจากพื้นดิน ทว่า เมืองเบื้องล่างก็อยู่ต่ำกว่าระดับที่พวกเขาคุ้นเคย
“นายเคยมาเมืองหลวงไหม” เจคอบถามหาฮาล
“สองสามครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะอยู่สักสองสามปีเลย” ฮาลบอก
ฮาลเป็นชายหนุ่มอายุสิบแปดปี ผมสีทองเข้มยาวประบ่า ร่างสูงโปร่งไม่อ้วนไม่ผอมพอมีกล้ามเนื้อ เขามีใบหน้าเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งเป็นสัน ตาสีน้ำตาลอมเขียว จัดว่า หล่อเหลามากเลยทีเดียว และที่สำคัญ เขารู้สึกชอบโจนนี่เอามากๆ เจคอบรู้สึกในข้อนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่โจนนี่ออกมาจากหิน
ฮาลปีนจากที่นั่งคนขับมานั่งข้างเจคอบ โจนนี่นั่งเบาะหลังกับทริเวียส
“เฮ้ โจนนี่ยังเป็นมารีอยู่ใช่ไหม” ฮาลกระซิบถาม เจคอบหน้าแดงทันที
“นายพูดอะไรน่ะ” เจคอบกระซิบตอบหน้าแดงฉ่า ฮาลอมยิ้ม
“นายอยู่กระโจมเดียวกันมาหลายวันติดๆ จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ฮาลว่า “และนายก็รู้ว่าฉันชอบผู้หญิงผมทอง”
“ก็รู้แหละ แต่ที่ฉันแปลกใจคือ นายชอบผู้หญิงแก่ก็ไม่บอก ยัยนี่อายุสามพันสิบหกปีเชียวนะ” เจคอบแซว
“ฉันอายุสิบแปดไม่ใช่สามพันสิบหก” โจนนี่ได้ยิน ฮาลแปลกใจที่เธอพูดโซลันฉอดๆ
“ฉันเอาบล๊อกก้าฟินฉีดให้เธอน่ะ” ทริเวียสบอก
“แอบกระซิบไม่ได้เสียแล้ว ” ฮาลหัวเราะ “ว้า รู้หมดเลยว่าคุยอะไร”
โจนนี่หัวเราะ
“เธออายุสิบแปดแล้วเหรอ” เจคอบสงสัย
“ทำไม ฉันดูไม่เหมือนเหรอ” โจนนี่สงสัย
“เธอแก่กว่าหมอนี่น่ะ” ฮาลบอก
“จริงเหรอ” โจนนี่ถาม
“เจคอบอายุสิบหก” ฮาลว่า
“สิบเจ็ดแล้ว” เจคอบสวน
“ฮาล เข้าเขตเมืองแล้ว” ทริเวียสว่า “เตรียมตัวร่อนลงสู่ระดับบินต่ำ”
เขตเมืองหลวงแบ่งเป็นเมืองรอบนอก ที่เป็นเมืองเก่าที่อยู่อาศัยตั้งแต่ครั้งโบราณ กับเขตเมืองชั้นในที่สร้างบนฐานที่ราบสูงที่ถมทับจากกองขยะโบราณสูงร้อยเมตร ด้านตะวันตกหันหน้าออกทะเล เมืองใต้ดินที่สร้างใต้ฐานรากนี้ เป็นเมืองของชาวลูนที่อยู่ในเมืองหลวง อายุกว่าห้าร้อยปีแล้ว ที่พวกเขาสร้างใต้ฐานรากของเมืองหลวงรอบในเพื่อให้คล้ายคลึงกับที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษบนลูนที่สร้างเมืองใต้ดิน
บ้านของทริเวียส เป็นคฤหาสน์สร้างในย่านที่พักอาศัยของคนรวย มีขนาดหกห้องนอนสร้างยื่นออกมาจากหน้าผา หันหน้าออกทะเล มีลานจอดอากาศยาน ด้านบน
“ขอต้อนรับกลับค่ะ” ดรอยสีทองรีบวิ่งมาต้อนรับ
“ทางการติดต่อกลับมา พรุ่งนี้ท่านมีตารางประชุมประจำปีเวลาสิบโมง” ดรอยรีบแจ้งทันที
“เห็นไหม นี่ไง งานมารอ” ทริเวียสหันมาบอกเด็กๆ
บ้านของทริเวียสกว้างขวางโอ่โถงกว่าบ้านของทั้งฮาลและเจคอบมาก แต่ฮาลดูไม่ตื่นเต้นอะไรเพราะเขาเคยมาที่นี่บ่อยๆ เขาลงนั่งกลางบ้านที่เป็นหลุมฟูกที่นั่ง และหยิบขนมที่วางไว้ต้อนรับขึ้นใส่ปากอย่างเคยชิน
พอพ้นทางเดินเข้ามา เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีหลุมโซฟาล้อมเตาผิงเอาไว้ ตรงที่ฮาลนั่งนั่นแหละ เลยไปมีบันไดขึ้นชั้นสองและทางเดินแยกสองทาง ทางหนึ่งเป็นห้องโถงเล็กๆอีกห้องที่มี มุมเตรียมอาหารและห้องเก็บดรอย อีกทางเป็นฝั่งห้องนอน ซึ่งมีอยู่สี่ห้อง ห้องทุกห้องติดหน้าต่างที่เห็นวิวทะเลไกลสุดตา
ดรอยสีทองพาเจคอบกับโจนนี่ไปยังห้องพักของตน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน
“ให้พักผ่อนสักครู่ เดี๋ยวฉันจะพาไปขึ้นทะเบียนเข้าเมือง” ทริเวียสบอกเจคอบและโจนนี่ แล้วเขาก็เดินหายขึ้นชั้นสองไป
ก่อนเดินเข้าห้องโจนนี่แอบกระซิบถามเจคอบว่า
“มารี ที่ฮาลหมายถึงนี่แปลว่าอะไร”
เจคอบไม่ตอบ เขาอมยิ้มแล้วเปิดประตูเข้าห้องไป
to be continue….
ตอนเช้าหลังมื้อแรกของวัน ทริเวียสให้พวกเขาเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวงเจคอบเก็บของที่ไม่มี อะไรนอกจากเสื้อคลุมหนานวมตัวหนึ่ง โจนนี่มีกระเป๋าหนึ่งใบ เธอถือหีบกำมะหยี่ไว้
“ฉันจะถามผู้เฒ่าว่ามันคืออะไร” โจนนี่บอกเจคอบ
“เตรียมตัวเสร็จรึยัง ฮาลกำลังมาแล้วนะ” ทริเวียสตะโกนบอก
โจนนี่เดินออกมาจากกระโจมพร้อมหีบกำมะหยี่ใบน้อยมา ทริเวียสเห็นก็อมยิ้ม
“เธอพบกับความลับแห่งจักรวาลแล้วสินะ”
“ความรู้แห่งจักรวาลไม่ใช่หรือคะ” โจนนี่ว่า
“ฉันเรียกว่า ความลับแห่งจักรวาล จะเหมาะกว่า มันคือแท่งแก้วที่รวบรวมข้อมูลศาสตร์ทุกแขนง ทุกความรู้วิชา ของมนุษย์และดิซ รวมกันเอาไว้เป็นเวลากว่าหกร้อยปี”
“คุณเป็นคนรวบรวมไว้เหรอคะ”
“ฉันเป็นโซลมาสเตอร์รุ่นที่สี่ที่ทำหน้าที่นี้”
“คุณเป็นโซลมาสเตอรหรือครับ” เจคอบถามอย่างตะลึง
“ใช่” ทริเวียสพยักหน้า “ฤดูหนาวฉันจะกลับเมืองหลวงเพื่อทำงาน ที่นี่หนาวเย็นก็ปล่อยให้หิมะปกคลุม ไปก่อน อีก 1 วงโคจรก็ค่อยกลับมาพักผ่อนใหม่”
“แท่งแก้วนี้ดูมีความสำคัญมากทำไมคุณไม่เก็บไว้ให้ดีๆล่ะ” เจคอบถาม
“อันนี้เป็นตัวคัดลอก ตัวจริงอยู่ที่หอสมุดแห่งโซลันโน่น” ทริเวียสว่า พลางยกของกองรวมไว้รอฮาลมายกขึ้นยาน
“ถ้าพวกเธอสนใจจะเก็บไว้ศึกษาก็ไม่ว่ากัน แต่ข้อมูลมันไม่ล่าสุดหรอกนะ ตอนนี้มีโซลมาสเตอร์คนอื่นรับช่วงต่อไปเพิ่มข้อมูลแล้วละ”
ยานเหาะส่วนบุคคลของทริเวียส เป็นยานขนาด 6 ที่นั่ง แถวเก้าอี้กว้างขวางสามแถว หน้าสุดคือฮาลที่อาสาเป็นคนนำร่อง ที่ไม่เรียกว่าเป็นคนขับเพราะ เขาแค่ตั้งค่าจุดหมายที่ต้องการ และปล่อยให้ยานแล่นไปให้ถึงจุดหมายเท่านั้นเจคอบรู้ว่าคนที่จะมียานเหาะเป็นของตนเองนอกจากจะเงินหนา แล้ว ต้องทรงอิทธิพลด้วย เพราะอากาศยานปกติจะข้ามเขตน่านฟ้าเฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีอภิสิทธิ์เฉพาะ คนส่วนใหญ่จึงใช้ยานโดยสารมวลชน ข้ามเขตเมืองแทน
ก่อนขึ้นยาน เจคอบสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์โวลมาสเตอร์ที่ท้ายยาน ทริเวียสคือโซลมาสเตอร์จริงๆ
ยานขับผ่านเขตป่าสน เขตป่าโปร่ง ทุ่งหญ่า ทะเลทราย จนเข้าเขตที่อยู่อาศัยอีกครั้ง หมู่บ้านที่เริ่มมีผู้คนอาศัยอยู่บางตา จนเข้าเขตเมือง อากาศยานส่วนบุคคลมีเพดานบินที่ ไม่เกิน 1000 ฟิต หรือประมาณ 300 เมตรจากพื้นดิน ทว่า เมืองเบื้องล่างก็อยู่ต่ำกว่าระดับที่พวกเขาคุ้นเคย
“นายเคยมาเมืองหลวงไหม” เจคอบถามหาฮาล
“สองสามครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะอยู่สักสองสามปีเลย” ฮาลบอก
ฮาลเป็นชายหนุ่มอายุสิบแปดปี ผมสีทองเข้มยาวประบ่า ร่างสูงโปร่งไม่อ้วนไม่ผอมพอมีกล้ามเนื้อ เขามีใบหน้าเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งเป็นสัน ตาสีน้ำตาลอมเขียว จัดว่า หล่อเหลามากเลยทีเดียว และที่สำคัญ เขารู้สึกชอบโจนนี่เอามากๆ เจคอบรู้สึกในข้อนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่โจนนี่ออกมาจากหิน
ฮาลปีนจากที่นั่งคนขับมานั่งข้างเจคอบ โจนนี่นั่งเบาะหลังกับทริเวียส
“เฮ้ โจนนี่ยังเป็นมารีอยู่ใช่ไหม” ฮาลกระซิบถาม เจคอบหน้าแดงทันที
“นายพูดอะไรน่ะ” เจคอบกระซิบตอบหน้าแดงฉ่า ฮาลอมยิ้ม
“นายอยู่กระโจมเดียวกันมาหลายวันติดๆ จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ฮาลว่า “และนายก็รู้ว่าฉันชอบผู้หญิงผมทอง”
“ก็รู้แหละ แต่ที่ฉันแปลกใจคือ นายชอบผู้หญิงแก่ก็ไม่บอก ยัยนี่อายุสามพันสิบหกปีเชียวนะ” เจคอบแซว
“ฉันอายุสิบแปดไม่ใช่สามพันสิบหก” โจนนี่ได้ยิน ฮาลแปลกใจที่เธอพูดโซลันฉอดๆ
“ฉันเอาบล๊อกก้าฟินฉีดให้เธอน่ะ” ทริเวียสบอก
“แอบกระซิบไม่ได้เสียแล้ว ” ฮาลหัวเราะ “ว้า รู้หมดเลยว่าคุยอะไร”
โจนนี่หัวเราะ
“เธออายุสิบแปดแล้วเหรอ” เจคอบสงสัย
“ทำไม ฉันดูไม่เหมือนเหรอ” โจนนี่สงสัย
“เธอแก่กว่าหมอนี่น่ะ” ฮาลบอก
“จริงเหรอ” โจนนี่ถาม
“เจคอบอายุสิบหก” ฮาลว่า
“สิบเจ็ดแล้ว” เจคอบสวน
“ฮาล เข้าเขตเมืองแล้ว” ทริเวียสว่า “เตรียมตัวร่อนลงสู่ระดับบินต่ำ”
เขตเมืองหลวงแบ่งเป็นเมืองรอบนอก ที่เป็นเมืองเก่าที่อยู่อาศัยตั้งแต่ครั้งโบราณ กับเขตเมืองชั้นในที่สร้างบนฐานที่ราบสูงที่ถมทับจากกองขยะโบราณสูงร้อยเมตร ด้านตะวันตกหันหน้าออกทะเล เมืองใต้ดินที่สร้างใต้ฐานรากนี้ เป็นเมืองของชาวลูนที่อยู่ในเมืองหลวง อายุกว่าห้าร้อยปีแล้ว ที่พวกเขาสร้างใต้ฐานรากของเมืองหลวงรอบในเพื่อให้คล้ายคลึงกับที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษบนลูนที่สร้างเมืองใต้ดิน
บ้านของทริเวียส เป็นคฤหาสน์สร้างในย่านที่พักอาศัยของคนรวย มีขนาดหกห้องนอนสร้างยื่นออกมาจากหน้าผา หันหน้าออกทะเล มีลานจอดอากาศยาน ด้านบน
“ขอต้อนรับกลับค่ะ” ดรอยสีทองรีบวิ่งมาต้อนรับ
“ทางการติดต่อกลับมา พรุ่งนี้ท่านมีตารางประชุมประจำปีเวลาสิบโมง” ดรอยรีบแจ้งทันที
“เห็นไหม นี่ไง งานมารอ” ทริเวียสหันมาบอกเด็กๆ
บ้านของทริเวียสกว้างขวางโอ่โถงกว่าบ้านของทั้งฮาลและเจคอบมาก แต่ฮาลดูไม่ตื่นเต้นอะไรเพราะเขาเคยมาที่นี่บ่อยๆ เขาลงนั่งกลางบ้านที่เป็นหลุมฟูกที่นั่ง และหยิบขนมที่วางไว้ต้อนรับขึ้นใส่ปากอย่างเคยชิน
พอพ้นทางเดินเข้ามา เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีหลุมโซฟาล้อมเตาผิงเอาไว้ ตรงที่ฮาลนั่งนั่นแหละ เลยไปมีบันไดขึ้นชั้นสองและทางเดินแยกสองทาง ทางหนึ่งเป็นห้องโถงเล็กๆอีกห้องที่มี มุมเตรียมอาหารและห้องเก็บดรอย อีกทางเป็นฝั่งห้องนอน ซึ่งมีอยู่สี่ห้อง ห้องทุกห้องติดหน้าต่างที่เห็นวิวทะเลไกลสุดตา
ดรอยสีทองพาเจคอบกับโจนนี่ไปยังห้องพักของตน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน
“ให้พักผ่อนสักครู่ เดี๋ยวฉันจะพาไปขึ้นทะเบียนเข้าเมือง” ทริเวียสบอกเจคอบและโจนนี่ แล้วเขาก็เดินหายขึ้นชั้นสองไป
ก่อนเดินเข้าห้องโจนนี่แอบกระซิบถามเจคอบว่า
“มารี ที่ฮาลหมายถึงนี่แปลว่าอะไร”
เจคอบไม่ตอบ เขาอมยิ้มแล้วเปิดประตูเข้าห้องไป
to be continue….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ