อาเรเมตาเรีย - ปฐมกาลหายนะ
เขียนโดย SFWitch
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557 22.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ชายชรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ#14 ชายชรา
เจคอบและโจนนี่ นั่งจิบชาเงียบๆ ล้อมหน้าเตาผิงกลางห้อง ชายชราเดินไปเดินมา
แล้วลงนั่งตรงข้ามพวกเขา เจคอบเล่าเรื่องแม่ของเขา เรื่องของฟรองซัวร์ และโจนนี่ให้ทริเวียสฟัง ทริเวียสผู้ชาญฉลาด ประมวลข้อมูลที่ได้รับอย่างรวดเร็ว
“ทางการคิดว่าผู้ชายจากมาร์สคนนั้น คือ สายลับจากลูน” ทริเวียสกล่าว
“ท่านรู้เรื่องนี้เหรอครับ” เจคอบถาม
“ด้วยประสบการณ์ ฉันเดาเอา เขาชื่ออะไรนะ”
“ฟรองซัวร์” โจนนี่ตอบ “เขาเป็นพี่ชายของฉันค่ะ” เธอพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส
“สาวน้อย เธอคงต้องฝึกภาษาโซลแล้วนะ แต่ไม่เป็นไร ฉันมีตัวช่วย” ทริเวียสตอบเธอด้วยภาษาที่เธอรู้จัก เขาลุกขึ้นไปหยิบกล่องโลหะข้างในมีหลอดใสที่บรรจุน้ำยา อย่างข้างใน
“อะไรคะ” โจนนี่ถาม
“เธอถอดหูฟังออกก่อน”
ทริเวียสหยิบปืนฉีดยาออกมาจากกล่อง เขากดหลอดใส่เข้าประกบด้านท้ายของปืน
“นิ่งๆนะ”
“จะทำอะไรคะ” โจนนี่รู้สึกหวาดๆ
“นี่คือ บล๊อกก้าฟิน ตัวนำสารสื่อประสาท ส่งผ่านข้อมูลภาษาโซลไปยังสมองส่วนที่ควบคุม การใช้ภาษาโดยตรง คนเมื่อสามพันปีก่อนอาจจะต้องฝึกภาษาที่ไม่รู้จักเป็นปีๆ แต่นี่ ห้าวินาที”
ทริเวียสกดปลายปืนฉีดยาที่ท้ายทอยของโจนนี่ แรงกดทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย โจนนี่รู้สึกร้อนวูบที่หัว ขณะที่น้ำยาซึมไปยังส่วนบล็อกก้า แอเรีย ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ในการประมวลคำของภาษาในการพูด ยาตัวนี้จะเข้าไปเพิ่มข้อมูลการใช้ภาษาโซลให้กับโจนนี่
“เธอฟังรู้เรื่องไหม” ทริเวียสถามด้วยภาษาโซล เธอประหลาดใจมาก แม้คำดูแปลก แต่เธอกลับเข้าใจความหมายของคำที่ชายชราพูด
“ค่ะ” เธอพยักหน้า เธอสบตาเจคอบแล้วอมยิ้ม เจคอบยอ้มตอบแล้วลดตาลงมองชาในแก้ว เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดก็อดใจหายไม่ได้ เขาดูมีสติและทำใจได้เร็วกว่าที่ทริเวียสคิด แต่ที่เขาดูเงียบเพราะยังช็อกกับเรื่องที่เกิดอยู่ ทริเวียสเก็บกล่องเครื่องมือแล้วกลับมานั่งที่เดิม
“เธอเป็นชาวลูนเหรอ” ทริเวียสหันมาถามโจนนี่
“เปล่าค่ะ” “อย่างที่บอก ฉันมาจาก ดาวอังคาร”
“งั้นทางการก็ไม่รู้ว่าเธอมีตัวตน” ทริเวียสว่า
“ฉันหนีมาตอนสงคราม สมาพันธ์มูนกับจักรวรรดิดาวอังคาร” โจนนี่บอก
“สงครามนั่นมันนานมากแล้วนะ”
“เธอหลงมิติมาสามพันปีครับ” เจคอบเสริม
ทริเวียสเงี่ยหูไปยังฮอลโลเกรมที่ย่อเป็นช่องเล็กๆ เขาขยายเป็นจอใหญ่ เป็นรายงานข่าวด่วนช่องภายในของหอคอย เป็นภาพข่าวของห้องที่มีเลือดกระเซ็นไปทั่ว กรอบเล็กๆเป็นรูปแม่ของเจคอบ กับฟรองซัวร์ ผู้สื่อขาวรายงานว่า
“เหตุการณ์นองเลือด ของเจ้าหน้าที่ระดับ 8 ฟาร่าฟาลูเนตต์ และ ชายหนุ่มลึกลับซึ่งคาดว่าเป็น บุคคลที่ทางการต้องการตัวในฐานะสายลับชาวลูนนั้น อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้ความสัมพันธ์ระหว่างโซลและลูนย่ำแย่ และมองว่าเป็นการจัดฉาก สร้างสถานการณ์ของกลุ่มกบฎต่อต้านดิซที่ต้องการปิดปากฟาร่าและชายชาวลูน มีรายงานว่าหลัง การสังหารโหด บุตรชายคนเดียวของฟาร่า เจคอบ ได้หายตัวอย่างลึกลับ ทั้งนี้ ทางการออกมา ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ และการลอบสังหารดังกล่าวยังไม่มีผู้อ้างความรับผิดชอบ ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะนำมารายงาน... ”
“แม่ของเธอ ฉันเสียใจด้วย” ทริเวียสกล่าว “ช่วงที่อากาศอบอุ่นฉันจะอยู่บนยอดหอคอย แต่อีกห้าวัน ฉันจะกลับไปเมืองหลวง พวกเธออยู่ที่นี่ก่อน ระหว่างนี้ฉันจะเตรียมทุกอย่าง แล้วพาพวกเธอไปเมืองหลวงด้วยกัน”
“คุณมีแผนว่าอย่างไร” เจคอบถาม
“แหม เรื่องมันเกิดฉุกละหุกแบบนี้ ฉันเองก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน” ทริเวียสว่า
“ผม ตั้งใจจะไปสมัครโซลเฮย่าอยู่แล้ว” เจคอบบอก “ผมอายุ17 แล้ว ยังสมัครได้อยู่ใช่ไหม”
“ฉันช่วยเธอให้สมหวังในเรื่องนี้ได้ เจคอบ” ทริเวียสพูด เขาตบเข่าลุกขึ้น “ตามมาสิ ฉันจะพาไปกระโจมของพวกเธอ”
ทริเวียสเดินนำทั้งสองไปยังกระโจมข้างๆ กระโจมใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแปดเมตร เขาดีดนิ้ว ไฟกลางห้องก็จุดให้ความอบอุ่น มีส่วนห้องนอนแยกหนึ่งห้อง
“ส่วนนี้เป็นห้องนอน ฟูกสำรองพับอยู่ในหีบที่มุมห้อง น้ำอาหารบางส่วนในตู้นี้ พวกเธอคงไม่ว่า อะไรนะห้องพักอาจจะแออัดไปสักหน่อย” ทริเวียสบอก “พรุ่งนี้ ฉันจะให้ฮาลเอาเสื้อผ้า อาหารและแผ่นกระจกข้อมูลขึ้นมาให้”
“คุณอยู่บนหอคอยนี้คนเดียวเหรอครับ” เจคอบถาม
“ใช่ หอคอยนี้มีฉันแค่คนเดียว หอคอยอื่นๆ ก็คงมีคนอยู่เช่นกัน พักผ่อนซะ ฉันจะไปนอนแล้วเหมือนกัน”
ทริเวียสเดินออกจากกระโจมไป ทิ้งเจคอบกับโจนนี่ไว้ตามลำพัง เจคอบเดินไปที่หิบตรงมุมห้อง เขาหยิบฟูกที่พับไว้ออกมา เมื่อกางออกก็เป็นที่นอน ในหีบมีหมอนผ้าห่มที่พับไว้ เมื่อตบเบาๆ มันก็ฟูขึ้นรูป โจนนี่เดินเลี้ยวไปยังส่วนของห้องนอน
“ฉันเสียใจเรื่องแม่ของเธอนะ” โจนนี่พูดเบาๆ
เจคอบถอดรองเท้าวางปลายที่นอน และลงนอนห่มผ้าหันหน้าเข้าผนังไป โจนนี่ก็ไม่พูดอะไรอีก เธอเดินเข้าในส่วนห้องนอนที่มีฟูกปูไว้ แม้ว่าจะข่มตาลงอย่างยากลำบาก ไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าอยู่แล้ว แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งคู่ก็หลับสนิทลงในเวลาไม่นาน
ฮาลมาหาตอนเช้ามืดก่อนการล่านิมส์ พร้อมกับของใช้จำเป็น อาหารเสื้อผ้า กระจกข้อมูล และกลับลงไปก่อนที่เจคอบจะตื่น ทริเวียสปลุกทั้งสองขึ้นมากินอาหารเช้า อากาศหนาวเย็นลงมาก ช่วงเวลาแห่งความอุดมสมบูรณ์กำลังจะจากไป ความหนาวเย็นเข้าคืบคลานมาแทนที่
“ฉันบอกฮาลไม่ให้ขึ้นมาบนนี้ จนกว่าฉันจะไปเมืองหลวง” ทริเวียสบอกทั้งสอง ขณะเดินนำไปยังเรือนกระจก
หลังมื้อเช้า ทริเวียสแกะถุงเพาะเห็ดลงถาดในตู้กระจก ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นๆ มีถาดเพาะโปรตีน และเพาะสาหร่าย มีตู้แบบนี้อยู่หลายสิบตู้ เพียงพอสำหรับเป็นอาหารได้หลายวัน แสงแดงที่ส่องผ่านทำให้เจคอบพบว่าพื้นของยอดหอคอยนั้น ปกคลุมไปด้วยมอส แซมด้วยหญ้าที่ขึ้นมาเอง สมัยนี้ไม่มีนกที่ไหนบินสูงเท่าหอคอย เมล็ดพืชเหล่านี้ ทริเวียสคงหามาปลูกเอง ส่วนที่เพาะในเรือนกระจกก็เพื่อเป็นอาหาร นำมูลที่ได้จากห้องน้ำมาสกัดเป็นปุ๋ยเลี้ยงพืชพรรณบนยอดหอคอย น้ำก็รีไซเคิลมาใช้ ส่วนหนึ่งก็ได้จากเครื่องกลั่นเอชทูโอที่กลั่นได้น้ำบริสุทธิ์มาก พลังงานก็ได้จากแผงโซล่าที่ติดตั้งไว้ยอดกระโจมทุกหลัง เจคอบไม่แปลกใจว่า ชายชราสามารถดำรงชีพบนนี้ได้เป็นเดือนๆ โดยไม่ต้องติดต่อกับโลกเบื้องล่างเลย เจคอบเดินสำรวจเรือนกระจก เขาสังเกตเห็นผ้าใบสีเทาคลุมบางอย่างเอาไว้ เดาว่า น่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ ระหว่างที่เขาเดินสำรวจ โจนนี่ช่วยทริเวียสเทเมล็ดลงถาดเพาะ
บ่ายๆ ทริเวียสจะขับสกู๊ตเตอร์ไปทำธุระทิ้งทั้งสองไว้บนหอคอยและกลับมาตอนเย็นๆ
ในค่ำของวันที่สามนับจากวันที่หนีขึ้นมา ทั้งสามนั่งพักในกระโจมหลังใหญ่ อิ่มกับมื้อค่ำ นั่งดูข่าวและรายการที่ถ่ายทอด ผู้สื่อข่าวรายงานผลการสืบสวนคดีการตายของเจ้าหน้าที่ระดับ 8 แม่ของเจคอบ ฟาร่า ว่าเป็นฝีมือของชาวดิซเลือดแท้หัวรุนแรง ที่เกลียดลูนเข้าไส้และเข้าใจว่า ฟรองซัวร์คือสายลับชาวลูน ภาพข่าวเป็นชายหน้าตาดุดัน คอยตะโกนว่าลูนจงพินาศ ลูนจงพินาศ ทางการจับชายผู้นั้นลงท่อแช่แข็ง เพื่อเป็นการลงโทษ เขาจะถูกแช่แข็งจนตาย
“จบลงเสียที” ทริเวียสประสานมือขึ้นแนบอกอย่างยินดี เจคอบและโจนนี่โล่งอก แต่ความกังวลของเจคอบคือ เขาอาจไม่สามารถลงไปงานศพของมารดาตนเองได้ แต่ก็เอ่ยความประสงค์ไปเผื่อจะเป็นไปได้
“งั้นผมก็กลับบ้านได้แล้วสิ” เจคอบว่า
“ฉันเกรงว่า บ้านของเธอจะถูกส่งมอบให้ครอบครัวอื่นที่ลงทะเบียนเอาไว้เสียแล้ว หลังจากเจ้าบ้านตายทั้งหมด และเธอก็หายตัวเกินสามวัน บ้านจะตกเป็นของทางการทันที” ทริเวียสบอก เจคอบเดาคำตอบของทริเวียสเอาไว้แล้ว เขาจึงหลบตาลง ไม่มีอะไรให้ผิดหวังมากไปกว่านี้
“แต่เราก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด ใช่ไหม” โจนนี่สงสัย
“เปล่า พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองหลวง และพวกเธอจะไปกับฉัน” ทริเวียสพูด “ฮาลจะไปด้วยกับเรา”
“ผมขอถามละลาบละล้วงหน่อยนะ” เจคอบว่า “คุณรู้จักฮาลได้ยังไง”
“ฮาลเป็นเหลนของฉันเอง” ทริเวียสบอก “สมัยก่อนฉันรับอุปการะเด็กไว้คนหนึ่ง ซึ่งก็คือปู่ของ ฮาล”
“งั้น คุณก็ไม่ใช่ญาติแท้ๆของฮาลสินะ” โจนนี่ว่า
“ทางจีโนมละก็ใช่ แต่ถ้าทางกฎหมาย ฮาลก็ถือเป็นทายาทของฉัน และในบรรดาหลานๆเหลนๆ ก็มีแต่ฮาลนี่แหละ ที่เข้าหาฉันมากที่สุด”
เจคอบหายข้อสงสัยในข้อนี้ และเริ่มวางใจชายชราที่นั่งตรงหน้ามากขึ้น
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องทำอีกมาก ฮาลจะมารับตอนเจ็ดโมงหลังมื้อเช้า” ชายชราลุกขั้นแล้วเดินหายเข้าม่านกันห้องพัก เจคอบและโจนนี่ก็พากันเดินออกไปยังกระโจม ที่พักของตน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ