The Ugly Girl ฉันขี้เหร่หรือนายเท่เกิน...?
เขียนโดย Kreota
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.01 น.
แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2561 02.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) คนนี้แหละ...แฟน(?)ฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[3 :: คนนี้แหละ...แฟน(?)ฉัน]
“เห็นไหมว่าสิ่งที่มิวทำมันร้ายแรงขนาดไหน มันทำให้ใครกี่คนที่ต้องเสียใจ ทำให้ใครกี่คนที่ต้องเจ็บปวดบ้าง เราบอกมิวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าโทรมา อย่าส่งข่อความมา อย่ามาวุ่ยวายกับชีวิตเราอีกแต่มิวก็ไม่เคยฟังเราเลย ไหนมิวอกว่ารักเรานักหนาไม่ใช่หรอ? แล้วไงล่ะ! มิวต้องการเห็นคนที่มิวรักต้องมีสภาพแบบนี้งั้นหรอ!” ฉันไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะพูด แต่ฉันต้องกัดฟันพูดเพื่อให้เรื่องนี้มันจบลงสักที!
“ถ้ามิวรักใครจริงๆ ล่ะก็ มิวไม่มีทางยอมให้คนที่มิวรักเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้หรอก...ลองกลับไปคิดดูดีๆ ว่าสิ่งที่มิวทำมันถูกต้องรึเปล่า! และถ้าเกิดยังมีจิตสำนึกระลึกได้กับความผิดของตัวเองก็รีบขอโทษพะแพงซะ แล้วก็อย่ามายุ่งกับเราสักที...เราขอล่ะ...” ฉันพูดแล้วเดินหลบเข้ามาในห้องทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของมิวที่ดังตามมา
ไม่น่าเชื่อ...ว่าฉันจะรักคนแบบนี้ลง!
เรื่องจบลงเมื่อพะแพงและมิวยอมกลับไป มิกกิพาฉันออกมากินข้าวเย็นที่โรงแรมของครอบครัวพี่มาร์ช ฉันเลยนึกเสียใจที่ไม่ยอมแต่งตัวให้มันดีๆ เพราะที่นี่มันหรูหราไม่เข้ากับสารรูปฉันตอนนี้เลย #_#
“อาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะ ลองชิมดูสิ ^^” มิกกิตักอาหารใส่จานให้ฉัน ฉันก้มลงมองมันแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกหิวเลยนะ อาหารบนโต๊ะก็มีแต่น่ากิน (และแพง) ทั้งนั้นเลย T.T
“เฮ้อ...ไอ้มิวนะไอ้มิว ไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลย ดูเผินๆ เหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร ที่ไหนได้...” พี่มาร์ชพูดไปส่ายหน้าไป
“พี่รู้จักมิวด้วยหรอคะ”
“ก็เรียนมัธยมอยู่โรงเรียนเดียวกัน แถมอยู่ชมรมเดียวกับพี่ทำไมจะไม่รู้จักล่ะน้ำปิง”
“พอเข้ามหา’ลัยก็ยังมาเป็นน้องในคณะอีก โลกกลมดีไหมล่ะ” พี่ยศพูดเสริม
“คนขี้เหร่ๆ อย่างเธอเนี่ย ไม่น่าจะมีเรื่องชู้สาวแบบนี้เลยนะ” ส่วนนี่ไม่ต้องบอกคงจะรู้กันนะคะว่าใครเป็นคนพูด -*-! แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อปากต่อคำกับเขาฉันเลยเขี่ยข้าวเล่นโดยไม่สนใจคนพูด
“ขี้เหร่ที่ไหนคะพี่ปาร์ก สมัยเรียนมัธยมน้ำปิงเนี่ยเป็นคนที่ผู้ชายอยากเข้ามาจีบมากที่สุดในกลุ่มเลยนะ แต่มันโลกส่วนตัวสูงเกินไปหน่อย เขาเลยไม่กล้าเข้ามาคุย ^_^”
“นี่! พูดมากเกินไปแล้ว -_-//” ฉันหันไปค้อนยัยมิกกิที่เอาเรื่องไร้สาระมาเล่า
“พี่ก็ว่างั้นนะ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนตอนนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงยังไงไม่รู้ แค่แต่งตัวนิดหน่อยคงสวยเจิดแน่ ^^” พี่มาร์ชพูดแล้วยิ้มให้ฉัน ทำไมรู้ล่ะ? ฉันแสดงท่าทางรังเกียจตัวเองชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ -_-? ปกติอยู่ที่บ้านถ้าไม่มีเวลาจริงๆ อย่างน้อยฉันต้องเขียนคิ้วก่อนถึงจะออกจากบ้านได้ แต่เพราะฉันไปเรียนที่คณะนั้นฉันเลยต้องแอ๊บเป็นเด็กดี หน้าจืด แต่งหน้าไม่เป็น อยู่ในกฎระเบียบ สภาพเลยออกมาเป็นยัยเพิ้งอย่างที่พี่ๆ เขาเห็น ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ตัวตนของฉันเลย Y_Y
“เห๊อะ! ถ้าสวยกว่านี้ได้โดยไม่ศัลยกรรมล่ะก็ ฉันจะยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิงเลย!” พี่ปาร์กพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเยาะฉัน ส่วนมิกกิกับพี่ยศที่เคยเห็นสภาพที่โสภาของฉันมาก่อนถึงกับสำลักออกมาพร้อมกัน
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ -_+” ฉันมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นต่อขึ้นมาทันที เขาจะรู้ไหมว่าหน้าฉันตอนไม่แต่งหน้ากับตอนแต่งหน้าจัดเต็มเนี่ยแตกต่างกันมากขนาดไหน -_+!
“เฮ้ยไอ้ปาร์ก! แกอย่าพูดอะไรพล่อยๆ ดิวะ” พี่ยศเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนตัวเองหลังจากที่หยุดสำลักแล้ว
“ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆ...ฉันพูดจริง!”
“โอเคค่ะ ทุกคนบนโต๊ะนี้เป็นพยานนะคะ” ฉันยิ้มเยาะกลับไปให้ใบหน้าเย่อหยิ่งที่กำลังจ้องฉันตอบอย่างไม่วางตา ฉันจะทำให้หงายหลังเลยคอยดู...ชอบดูถูกคนไม่สวยนัก ฉันจะทำให้รู้ว่า ‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง’ มันมีอยู่จริง! -_+
“เอ่อ...ก่อนสงครามจะเริ่ม ฉันว่าพาน้ำปิงไปเลี้ยงอำลาดีกว่า ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้วนี่ ^^” พี่มาร์ชพูดขึ้นหลังจากที่ฉันกับพี่ปาร์เกต์จ้องหน้ากันอยู่นานแล้ว
ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับกำหนดการใหม่ พวกเขาพาฉันขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรมที่ถูกดัดแปลงเป็นปาร์ตี้ขนาดเล็ก ดูๆ ไปมีแต่พวกไฮโซทั้งนั้นเลยอ่ะ แล้วดูสภาพฉันสิทั้งโซมทั้งเพิ้ง มิน่ายัยมิกกิถึงจับฉันใส่เดรสซะดิบดี แถมจะแต่งหน้าให้ฉันด้วยแต่ตอนนั้นฉันปฏิเสธเพราะมันกำลังเฮิร์ทไม่มีอารมณ์แต่งหน้า ฆ่าตัวตายชัดๆ ยัยน้ำปิง T_T;
“มิกกิ แกเอากระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วยรึเปล่า” ฉันกระซิบมิกกิที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะฉันทนกับสายตาเหยียดหยันของคนที่เดินผ่านไปมาไม่ไหวแล้ว U.U
“เอามาสิ ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องเปลี่ยนใจ ^^” มิกกิยิ้มแล้วยื่นกระเป๋าไข่มุกหนักๆ มาให้ฉัน กระเป๋าเสริมความงามประจำตัวมิกกินั่นเอง ^O^
“มิกกิ เห็นพี่ปาร์กไหม?” อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถามหาพี่ปาร์เกต์อย่างสนิทสนม โห...ยัยนี่สวยมากอ่ะ หน้าอย่างกับนักร้องเกาหลีเลย +o+
“พี่ปาร์กไปเข้าห้องน้ำ”
“หรอ” ยัยคนนั้นพูดแล้วนั่งลงข้างมิกกิโดยไม่ขออนุญาตสักคำ -_-
“ยัยนี่ใครอ่ะ เข้ามาในปาร์ตี้ของพี่มาร์ชได้ไง” ยัยคนนั้นชี้มาที่ฉันเหมือนเจอกองอุนจิกองหนึ่งที่ยัยมิกกิอึทิ้งไว้ =_=;
ฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่ายัยนี่สวย -_+!
“เพื่อนฉันเอง มีปัญหาอะไรหรอ -*-?”
“เปล่า แค่ถามดู”
“นี่พลอย ฉันว่าเธอรีบลุกไปเถอะ ถ้าเกิดพี่ปาร์กมาเจอเธอตอนนี้ล่ะก็ งานพี่มาร์ชพังแน่” มิกกิบอก เอ๋...ชื่อพลอยเนี่ย รู้สึกคุ้นๆ นะ -_-*
ฟุบ!
พูดไม่ทันขาดคำพี่ปาร์เกต์ก็กลับมาที่โต๊ะ แต่แทนที่จะไปนั่งเก้าอี้ของตัวเองเขากลับเดินมานั่งข้างๆ ฉันพร้อมกับยกแขนมาพาดรอบคอฉัน อะไรกันเนี่ย O///O ดูท่าเหมือนงานจะเข้า! แบบนี้ฉันจะหาโอกาสไปแต่งหน้าได้ยังไง
“พี่ปาร์ก ทำอะไรน่ะ!!” ยัยพลอยลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวและชี้หน้าฉัน เอาเข้าไป! คิดดูสิว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนบนโลกที่โดนชี้หน้าด่าหลายๆ ครั้งต่อวันเหมือนฉันบ้าง -_-;;
“อะไร?...ก็นี่มันแฟนฉัน ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ”
“ห๊ะ! O_o!!” ฉันกับมิกกิริ้งออกมาพร้อมกัน ทุกอย่างบนดาดฟ้าเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ใครก็ได้ช่วยบอกฉันที นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน TOT
“ยัยเพิ้งบ้านนอกเนี่ยนะคะพี่ปาร์ก!!”
เอ๊ะ! เมื่อกี๊ยัยพลอยว่าไงนะ! ‘ยัยเพิ้งบ้านนอก’ งั้นเร๊อะ -_+!
“สนิทกับฉันนักหรอถึงเรียกฉันว่าปาร์กน่ะ!” พี่ปาร์เกต์ถามกลับห้วนๆ รู้สึกคุ้นๆ ไหมประโยคนี้ -_-?
“พี่ปาร์ก!!” ยัยพลอยกระทืบส้นส้นสูงลงกับพื้นอย่างแรงและกำหมัดแน่นอย่างขัดใจ ฉันกลัวว่าจะโดนจับบันทึกกินส์เนสบุ๊คว่าเป็นผู้หญิงที่โดนตบบ่อยที่สุดในโลก ฉันเลยคิดว่าสารภาพความจริงให้ยัยพลอยรู้ไปเลยดีกว่าว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ปาร์เกต์ แต่ฉันดันเหลือบไปเห็นมิวกำลังยืนมองมาที่ฉัน ฉันเลยล้มเลิกความคิดที่จะบอกความจริงนั้นไปก่อน ขอเล่นตามน้ำไปก่อนแล้วกันนะ
“ไปคว้ายัยอัปลักษณ์นี่มาจากไหนคะพี่ปาร์ก ทำไมตาต่ำขนาดนี้ล่ะ!” ยัยพลอยยังไม่ลดละที่จะสรรหาคำมาเปรียบเปรยกับหนังหน้าโซมๆ ของฉัน เอาเข้าไป! คำก็ ‘ยัยเพิ้งบ้านนอก’ สองคำก็ ‘ยัยอัปลักษณ์’ ฉันชักจะทนฟังไม่ไหวแล้วนะยัยพลอย!
“หุบปากเลยนะพลอย! กล้าว่าเพื่อนฉันแบบนี้ได้ไง!!” มิกกิลุกพรวดจากที่นั่งชี้หน้ายัยพลอยอย่างเอาเรื่อง ดูเหมือนว่าฉันจะมีคนเดือดแทนฉันแล้วเลยทนนั่งสงบเสงี่ยมต่อไป ทั้งเจ้าภาพและผู้ร่วมงานต่างมายืนมุงดูพวกเราทะเลาะกันเต็มไปหมด เพลงที่เปิดกระหึ่มเทียบเท่าคอนเสิร์ตย่อมๆ ก็เงียบไปแล้ว
“มิกกิ!” พี่มาร์ชกับพี่ยศมาห้ามมิกกิเอาไว้ เพราะแทยจะพุ่งเข้าไปขย้ำยัยพลอยอยู่แล้ว
“ฉันแค่อยากลองคบกับคนหน้าตาไม่ดีแต่จริงใจดูบ้าง ฉันว่ามันดีกว่าคบกับคนสวยแต่ใจโลเลเป็นไหนๆ” พี่ปาร์เกต์พูดทำเอาฉันเคลิ้มไปด้วยเลยอ่ะ *O* แต่ไม่นะยัยน้ำปิง! พี่เขาแค่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือแก้แค้นยัยพลอยเท่านั้นเองห้ามเคลิ้มเชียวนะ! >///<!
“เมื่อกี๊พี่ว่ายังไงนะครับ พี่คบกับน้ำปิงหรอ?” มิวเข้ามาถามท่าทางตกใจและโกรธมาก จะมาโกรธอะไรล่ะมิว นายไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันสักหน่อย!!
“มาคุยกันหน่อย!” มิวเข้ามาแยกฉันออกจากพี่ปาร์เกต์อย่างรวดเร็วโดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว ฉันถูกลากออกมาที่บันไดหนีไฟโดยมีคนอื่นๆ วิ่งตามมาติดๆ
แกร็ก!
“ล็อคประตูทำไมมิว!”
“เราขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ แต่เราอยากคุยกับปิงให้รู้เรื่อง”
“เราว่าเรารู้เรื่องทุกอย่างดีแล้วนะ”
“ยัง! ถ้าเกิดรู้เรื่องทุกอย่างดีแล้ว ปิงไม่ทำประชดเราแบบนี้แน่”
อะไรนะ!...ประชดหรอ? ฉันเนี่ยนะประชดนาย!!
“ประชดอะไร?”
“ก็ที่ไปคบกับพี่ปาร์เกต์ไง รู้รึเปล่าว่าพี่เขาเป็นคนยังไง มีผู้หญิงตั้งมากมายอยากได้เขาและถ้าน้ำปิงอยู่ใกล้พี่ปาร์เกต์น้ำปิงจะตกอยู่ในอันตราย”
“อันตรายแล้วไง...มันเกี่ยวกับมิวตรงไหนหรอ?”
“เกี่ยวสิ! ก็น้ำปิงคือคนที่มิวระ...”
“พอ! ไม่ต้องพูดอะไรแล้วมิว มันสายไปแล้วที่จะมาพูดแบบกับเรา มิวควรจะไปดูแลพะแพงให้ดีๆ มากกว่าจะทำอะไรแบบนี้”
“แต่มิวไม่ได้รักแพง”
“แล้วไปคบกับเขาทำไม! ไปคุยกับเขาทำไม! ไปให้ความหวังเขาทำไม!!” ฉันพ่นคำถามออกไปรัวๆ โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ตอบคำถามเหล่านั้น
“...เรื่องของเรามันจบตั้งแต่มีคนอื่นมาแทรกแล้วล่ะมิว ไม่สิ! ระหว่างเราไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยต่างหาก เพราะฉะนั้นเราอยากให้มิวลองทำความเข้าใจความรู้สึกตัวเองซะใหม่ว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ไม่ใช่ว่าจะมาพูดคำว่า ‘รัก’ พร่ำเพรื่อแบบนี้...ลองคิดดูดีๆ ว่าที่กำลังทำอยู่เนี่ย ที่จริงแล้วแค่เสียดายเราหรือแค่รู้สึกผิดที่ตอนนั้นไม่แคร์เรา ไม่สนใจเรากันแน่”
“น้ำปิง...”
“มีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่มีเราจะออกไปแล้วนะ”
“เดี๋ยว!” มิวรั้งต้นแขนฉันไว้ ฉันเลยหันกลับไป
“ปิงแน่ใจแล้วหรอที่จะคบกับพี่ปาร์เกต์น่ะ”
“ใช่...”
“ทั้งที่พี่เขายังไม่ลืมพลอยน่ะนะ ปิงจะทนได้หรอ?...อย่างมากเราว่าพี่เขาแค่ใช้ปิงเป็นเครื่องมือแก้แค้นพลอยเท่านั้นแหละ”
“ขนาดพะแพงยังทนได้เลย...ทำไมฉันจะทนไม่ได้” ฉันเหน็บมิวทันทีที่มีโอกาส -_+
“น้ำปิง...”
“พูดจบรึยัง?” ฉันถามห้วนๆ ฉันรู้เรื่องนี้ดี...ฉันรู้ดีว่าตัวเองมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในเกมของพี่ปาร์เกต์เท่านั้น
“น้ำปิง ฟังกันบ้างเถอะ ผู้หญิงของพี่ปาร์เกต์น่ากลัวทุกคนเลยนะ เรากลัวปิงจะลำบากและเสียใจทีหลัง”
“ในเมื่อพี่เขาเลือกเราแล้ว ถึงเราจะต้องลำบากที่ต้องสู้รบกับผู้หญิงมากมายหรือว่าจะเป็นเครื่องมือเพื่อลืมคนที่ชื่อพลอยนั่นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอก เราว่ามิวเอาเวลาไปห่วงตัวเองดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อไป”
“พาแฟนพี่ออกมาแบบนี้ มันเสียมารยาทนะมิว” พี่ปาร์เกต์พูดขึ้นทันทีที่ฉันเปิดประตูออกไป คนเกือบทั้งงานมายืนอออยู่ด้านหลังของพี่ปาร์เกต์พร้อมกับแอบซุบซิบกันภายในกลุ่ม พี่ปาร์เกต์เข้ามาลากฉันออกมาจากตรงนั้นและตรงไปที่ลิฟต์
“พี่จะพาฉันไปไหน?” ฉันร้องถามระหว่างทาง แต่เขาก็ไม่ยอมปริปากบอกฉันสักคำ
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ ก่อนจะมีแรงผลักเบาๆ ที่ไหล่
“เข้าไป” พี่ปาร์เกต์บอกห้วนๆ ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่น่ามองแต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียติฉันบ้างเพราะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงนะ ผลักมาซะแรง =_=
“พูดได้ดีนี่ ‘ในเมื่อพี่เขาเลือกเราแล้ว ถึงเราจะต้องลำบากที่ต้องสู้รบกับผู้หญิงมากมายหรือว่าจะเป็นเครื่องมือเพื่อลืมคนที่ชื่อพลอยนั่นก็ไม่เป็นไร’ ฮ่าๆๆ น้ำเน่าชะมัด”
นี่แอบฟังฉันตลอดเลยหรอเนี่ย -///-
“พอดีฉันอ่านนิยายมาเยอะน่ะค่ะ เลยเอามาใช้”
“เธอนี่แปลกเน๊อะ โดนขนาดนี้ผู้หญิงปกติเขาร้องไห้ฟูมฟายสติแตกไปแล้ว แต่นี่เห็นร้องไห้แค่ตอนอยู่คอนโด” พี่ปาร์เกต์หันมาตั้งข้อสังเกต
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันร้องไห้มามากพอแล้วค่ะ”
และเพราะอะไรไม่รู้ทำให้พี่เขาเงียบไปไม่ถาม ไม่คุย ไม่เยาะเย้ยอะไรอีก จนกระทั่งมาถึงโรงรถ พี่เขาพาฉันมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง แต่มันคือที่ไหนนั้นฉันก็ไม่รู้ แต่งงตัวเองมากกว่าที่กลายเป็นผู้หญิงใจง่าย ยอมมากับผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ สองต่อสองทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแบบนี้ ถ้าพ่อกับแม่รู้มีหวังตัดฉันออกจากกองมรดกแหงๆ =_=
“ถึงเธอจะบอกว่าร้องไห้มาพอแล้ว แต่ฉันว่าน้ำตาเธอยังออกไม่หมดนะ...ร้องออกมาเถอะ” พี่ปาร์เกต์พูดแล้วลงจากรถไป ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่ในรถที่เงียบสนิทนี้เพียงลำพัง
ฉันนี่มันโกหกไม่เก่งเลยสินะ ขนาดคนที่เพิ่งรู้จักกันยังรู้เลยว่าฉันคิดอะไรอยู่...ที่เรื่องมันบานปลายจนถึงตอนนี้ก็คงเพราะตัวฉันเองที่มันใจอ่อนและโกหกใครต่อใครว่าไม่เป็นไร...ใช่ ฉันยังลืมมิวไม่ได้ เพราะมิวคือรักครั้งแรกของฉัน
ฉันปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาอย่างอิสระ ฉันไม่อยากฝืนหรือเก็บกดมันไว้อีกต่อไปแล้วเพราะมันจะยิ่งทำให้ฉันเหนื่อยมากขึ้น ทำไมฉันอ่อนแอแบบนี้นะ ทำไมฉันต้องร้องไห้กับเรื่องเดิมซ้ำๆ แบบนี้ด้วย พอได้แล้วน้ำปิง...พอสักที!!
ครืดๆๆ
โทรศัพท์ในกระเป๋าลูกปัดของมิกกิที่ฉันถือติดมือมาสั่นเบาๆ บนตัก ฉันค้นหามันสักพักก็เจอโทรศัพท์สีขาวที่คุ้นตาของมิกกิ มันโชว์เบอร์ของพี่ยศอยู่บนจอ
“ฮัลโหล” ฉันกดรับสายด้วยเสียงที่แหบพร่าจากการร้องไห้อย่างหนัก
[นี่แกร้องไห้หรอน้ำปิง!...ตอนนี้แกอยู่ไหนเนี่ย!] เสียงมิกกิดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงฟังดูร้อนรนอย่างชัดเจน ฉันขอโทษนะมิกกิที่ทำให้แกต้องเป็นห่วงเสมอ T^T
“พี่ปาร์เกต์พาฉันมาที่สวนสาธารณะที่ไหนก็ไม่รู้” ฉันกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อหาสัญลักษณ์ที่พอจะบอกได้ แต่ที่นี่มืดมาก มีแค่แสงจากเสาไฟข้างทาง 2-3 ดวงเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง (นอกนั้นเสียอ่ะ =_=) แล้วพี่ปาร์เกต์ไปไหนซะแล้วล่ะ อย่าบอกนะว่าทิ้งฉันไว้ที่นี่ ฉันขับรถไม่เป็นนะ T^T
[แกร้องไห้ทำไม! หรือว่า...พี่เขาทำอะไรแก!!]
ดูความคิดมัน -_-;
“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร”
[แล้วแกร้องไห้ทำไมล่ะ...เฮ้ย! มิวเอาคืนมานะ!!...] อยู่ๆ ปลายสายก็มีเสียงกึกกักๆ ก่นอจะมีเสียงมิวดังจากปลายสายแทน
[ปิง! ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ปลอดภัยดีใช่ไหม!...]
แกร็ก!
ระหว่างที่มิวกำลังพ่นคำถามใส่ฉันอยู่ ประตูรถฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยพี่ปาร์เกต์
“นอนลงสิ”
“ห๊ะ!” เขาจะบ้าไปแล้วหรอ อยู่ๆ มาบอกให้นอนลง? นี่คิดจะทำมิดีมิร้ายฉันใช่ไหมเนี่ย >_<!!
***********************************************
อัพเดตแล้วจ้าาาาา ^O^
ฝากติดตามด้วนนะคะ
***********************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ