พิศสวาทในหลุมรัก
-
เขียนโดย dreamon
วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.00 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
9,510 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 21.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปีศาจสาวพยักหน้าให้เด็กหญิงตัวน้อยให้เดินไร้ความรู้สึกเข้าไปหาปีศาจสาวใช้มือผลักหัวของเด็กน้อยให้เอียงไปทางด้านข้างก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียแตะหาตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ ก่อนจะอ้าปากลงประกบดูดเส้นเลือดบริเวณนั้นให้ลอยตัวขึ้นมา
แต่ก่อนที่ปีศาจสาวจะได้ใช้เขี้ยวเจาะลงไปชายหนุ่มที่มองอยู่ก่อนก็ถามลอยๆขึ้นว่า
“คุณเล่าความลับ ของคุณตั้งมากมายให้ผมฟังไม่กลัวผมเอาไปเปิดเผยหรือเล่าต่อหรือ หรือบางที ผมอาจเป็นพวกนักล่าค่าหัวแวมไพร์ก็ได้นะ”
ปีศาจสาวหงายหน้าขึ้นตะเบ็งเสียงหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนตอบเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“นักล่าค่าหัวเหรอ มันเป็นแค่เรื่องเล่าที่รัก คุณคงได้ยินได้ฟังเรื่องตลกที่เขาเล่ามาละสิ
อีกอย่างคุณก็เป็นแวมไพร์เหมือนฉัน แวมไพร์ล่าแวมไพร์เหรอตลกน่า แล้วเรื่องที่ฉันเล่าก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ฉันจะเล่าให้แวมไพร์ที่นานๆครั้งเจอฟังประจำเวลาที่เราหลับนอนกัน”
“พวกเขาไม่สนใจลงทุนกับคุณเหรอ”
“ไม่ พวกเขาผ่านมาแล้วผ่านไปสนุกกันแล้วเดินทางต่อ พวกคล่ำครึ่น่ะ”
“ผมว่าพวกเขาเคารพกฎมากกว่า”
“คุณพูดถึงกฎมาหลายครั้งแล้วนะ คุณคงเป็นพวกรักกฎอย่างแรงเลยไม่เป็นไรฉันไม่ถือคุณไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นส่วนของฉันก็สนุกกันได้ ถ้าคุณเป็นนักล่าจริงอย่าลืมบอกความรู้สึกของคุณตอนเสียบฉันจนมิดด้ามด้วยว่า คุณซาบซ่านแค่ไหน”
พรางทำสุ่มเสียงยั่วยวน และ สีหน้าซาบซ่านตามไปด้วย
“ก่อนผมจะทำกับคุณแบบนั้นผมถามอีกอย่าง สุดท้าย คุณเอาเด็กพวกนี้มายังไงแล้วนำออกนอกประเทศได้ไงตั้งหลายปีแบบไม่มีใครสงสัยเด็กหาย”
“ใดๆ ในโลกที่รัก ขอเพียงมีเงินเท่านั้นล่ะจะยุโรปเอเชียก็เหมือนกันหมดล่ะอยากได้หลักฐานด้านไหนล่ะ ลูกบุญธรรม ส่งเสียเรียนต่อหรือลักลอบขนส่งทางเรือเพียงแต่ว่าส่งทางลับเยอะกว่ามากฉันทำงานนี้มาตั้งหกสิบปีเชียวนะ ฉันก็มีเครือข่ายของฉันบ้างล่ะ”
“เคลียร์! แน่นอนชัดที่สุดในสามโลก”
“ว่าแต่ตอนนี้ฉันคงต้องจิบเครื่องดื่มบ้างแล้วล่ะ และฉันขอทำแบบทุกครั้งนะ แล้วคุณจะชอบเหมือนกับพวกที่ฉันส่งเด็กๆออกไปให้บ่อยๆ”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันห้ามปราม แวมไพร์สาวโบกมือเบาๆเด็กๆขยับตัวทันที
ก่อนจะมองหน้ากันไปมาอย่างงง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามก่อนจะหันมามองผู้ใหญ่แปลกหน้าที่คนหนึ่งเปลือยหมดตัวยืนอยู่ตรงหน้า อีกคนก็ถูกล็อกติดกับโซ่ที่โยงติดกันเพดาน นั่งคุกเข่าเปลือยอกอยู่บนเตียง เด็กที่แวมไพร์สาวจับตัวอยู่เอี้ยวตัวกลับมาถาม ด้วยทีท่าตื่นกลัวว่า
“พวกหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
แทนคำตอบแวมไพร์สาวก็อ้าปากกว้างขึ้น ปล่อยเขี้ยวไหลเลื่อนออกมาเหยียดยาวเล็บมือที่อยู่บนนิ้วเรียวก็พลอยยืดยาวออกมาด้วย ดวงตาก็ส่องแสงเรืองรองขึ้นทันทีการดิ้นรนเพื่อหนีออกจากกรงเล็บ และเสียงกรีดร้อง ดังระงมไปทั้งห้องผสมกับเสียงร้องไห้ขอให้ปล่อย สร้างรอยพึงพอใจให้ปรากฏขึ้นใบหน้าของแวมไพร์สาว
“ปล่อยหนู…ฮือ หนูกลัว…หนูอยากกลับบ้าน ฮือ ฮือ”
เด็กๆ ที่ไม่ได้ถูกจับตัวไว้กอดกันร้องไห้วิ่งไปซุกตัวที่มุมห้องอย่างเสียขวัญและไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน ตัวสั่นงันงกน้ำตาไหลพรากๆลงเป็นทางทั้งสะอึกสะอื้นแม่หนูน้อยขืนตัวออกหวังวิ่งไปหาเพื่อน ทั้งมืออีกข้างยังถูกยึดไว้ด้วยมือของปีศาจสาว มืออีกข้าง
กวักเรียกเพื่อนให้มาช่วย ทั้งกรีดร้อง ปีศาจสาวกระตุกเบาๆแต่ด้วยเป็นแรงของแวมไพร์ทำให้เธอถลากลับเข้ามาในอ้อมแขน แล้วก้มลงจะใช้เขี้ยวปักลงลำคอเล็กๆนั่นแต่ก่อนที่หล่อนจะสมหวัง เสียงโซ่ที่ลอยตัดอากาศมากระแทกหัวของแวมไพร์สาวจนเกิดเสียงดังสนั่น จนเจ้าหล่อนกระเด็นลอยไปกระแทกผนังห้อง แต่นั่นมันเพียงแค่ทำให้แวมไพร์สาว มึนแค่นั่นเอง
ที่จริงเขาก็ไม่อยากทำแบบนี้ให้เด็กๆเห็น แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นเด็กที่ไร้เดียงคงไม่แคล้วเป็นของเล่นที่โอชะของปีศาจโรคจิตชั่วร้ายอย่างแคทเธอรีน เขาจึงกระชากโซ่ออกมาแล้วเหวี่ยงส่วนที่หลุดจากเพดานมาหยุดการกระทำที่เขาขยะแขยง นั้นอย่างเร็วเขาดึงโซ่ให้หลุดออกมาทั้งสองข้างแล้วกระโดดลงจากเตียงพุ่งเข้าไปหา แวมไพร์
สาวที่โดนโซ่ฟาดจนกะโหลกยุบ มึนอยู่ชั่วครู่ก่อนหายทันก่อนแวมไพร์หนุ่มจะพุ่งเข้าถึง ทำให้แวมไพร์สาวพลิกตัวกระโดดขึ้นเกาะที่เพดานดวงตาเรืองรองด้วยความโกรธเกรี้ยวแยกเขี้ยวขู่คำราม
“ทำไม”
ปีศาจสาวแยกเขี้ยวถามด้วยแรงอารมณ์ แล้วค่อยๆ ไต่ลงจากเพดานมายืนบนพื้นห้องนอนเดินวนไปมาด้วยท่าทางระมัดระวัง
“ถ้าคุณไม่พอใจให้ฉันกินพวกมันตอนตื่น คุณก็แค่บอกฉันๆ จะทำให้พวกมันลืมแล้ว”
“ทำไม”
“ผมอาจจะเป็นเรื่องเล่าเขาที่เล่ามาก็ได้”
เขาตอบแล้วยืนมองตอบแวมไพร์สาวด้วยท่าทีเยือกเย็นและระมัดระวังเด็กๆยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า กระจุกตัวกอดกันร้องไห้อยู่มุมห้องอย่างเสียขวัญแวมไพร์หนุ่มยังทำอะไรตอนนี้ไม่ถนัด เพราะตัวร้ายยังยืนอยู่ตรงหน้าเขาเดินเบี่ยงไปทางเด็กๆที่นั่งกอดกันอยู่เพื่อกั้นเด็กๆให้อยู่ด้านหลังเขา
“นักล่าแวมไพร์เหรอ! เป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยมีอยู่จริง”
แวมไพร์หนุ่มยืดตัวขึ้น แยกขาออกยกมือทั้งสองข้างที่ยังติดด้วยโซ่ผายออกด้านข้าง
“ฉัน แมทแมคธิวเซอร์รีแวน และเพราะฉันไม่มีตัวตนทุกคนจึงไม่รู้จักฉันในฐานะนักล่าฉันเพราะฉันเป็นเพียงหนุ่มนักท่องราตรี โชกโชนไร้แก่นสาร ฉันเป็นนักล่ามานานก่อนเธอเกิดสักร้อยปีมั้ง แต่ใครจะสน ก็ฉันมันแค่นักเที่ยวนักดื่มธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคงเป็นเครื่องดื่ม เธอเดาไม่ถูกหรอกที่รักว่าอะไร
“ไม่ว่าแวมไพร์หน้าไหน มันก็ต้องดื่มเลือด”
ปีศาจสาวสวนด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง
“ก็ถูก แต่เลือดอะไรล่ะ…ไม่ต้องเดาให้วุ่นวายหรอก‘เลือดแวมไพร์ต่างหาก’แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับเลือดเธอฉันขอผ่าน ฉันกินไม่ลงหรอกมันน่าจะสกปรกมากจนกลิ่นมันแทบโชยออกมาแตะจมูกฉันเลย”
“ถึงแม้แกจะอยากจะลิ้มลองแกก็ไม่สิทธิ์ และทำไม่ได้ด้วย”
พูดจบแวมไพร์สาวก็กระโดดพุ่งตรงเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว กะใช้กรงเล็บกระชากลำคอชายหนุ่มที่ระวังตัวอยู่แล้ว เขาพลิกตัวหลบไปด้านข้างก่อนจะสะบัดโซ่ขึ้นไปตวัดเกี่ยวกับลำคอของแวมไพร์สาวแล้วกระตุกให้กระเด็นลอยกลับมา
เขาใช้มือตบลงไปที่กระเป๋ากางเกงยีนต์ข้างซ้ายที่ถูกออกแบบมาพิเศษเพื่อเก็บมีดเงินขนาดเล็กจำนวนหลายเล่มให้โผล่ออกมา และมีดก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะแค่เพียงกดลงไปที่ปุ่มเล็กๆ ที่ท้ายด้าม ปลายของมีดจะดีดพุ่งตัวออกมาอีกเขาดึงมีดออกมาแล้วกดด้ามมีด ยกมีดขึ้นตวัดรับร่างแวมไพร์สาว
ร่างแวมไพร์สาวกระตุกเกร็งสั่นเคลิ้มเพราะความเจ็บปวด เพราะมีดปักกรีดไปลากตรงไปตำแหน่งหัวใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะบิดใบตัดขั้วหัวใจเขาก็เอ่ยบอกแวมไพร์สาวว่า
“ความรู้สึกของฉันตอนเสียบเธอมิดด้ามเนี่ยโคตรสะใจเลยว่ะ”
……………………………………………………………………………
แต่ก่อนที่ปีศาจสาวจะได้ใช้เขี้ยวเจาะลงไปชายหนุ่มที่มองอยู่ก่อนก็ถามลอยๆขึ้นว่า
“คุณเล่าความลับ ของคุณตั้งมากมายให้ผมฟังไม่กลัวผมเอาไปเปิดเผยหรือเล่าต่อหรือ หรือบางที ผมอาจเป็นพวกนักล่าค่าหัวแวมไพร์ก็ได้นะ”
ปีศาจสาวหงายหน้าขึ้นตะเบ็งเสียงหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนตอบเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“นักล่าค่าหัวเหรอ มันเป็นแค่เรื่องเล่าที่รัก คุณคงได้ยินได้ฟังเรื่องตลกที่เขาเล่ามาละสิ
อีกอย่างคุณก็เป็นแวมไพร์เหมือนฉัน แวมไพร์ล่าแวมไพร์เหรอตลกน่า แล้วเรื่องที่ฉันเล่าก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ฉันจะเล่าให้แวมไพร์ที่นานๆครั้งเจอฟังประจำเวลาที่เราหลับนอนกัน”
“พวกเขาไม่สนใจลงทุนกับคุณเหรอ”
“ไม่ พวกเขาผ่านมาแล้วผ่านไปสนุกกันแล้วเดินทางต่อ พวกคล่ำครึ่น่ะ”
“ผมว่าพวกเขาเคารพกฎมากกว่า”
“คุณพูดถึงกฎมาหลายครั้งแล้วนะ คุณคงเป็นพวกรักกฎอย่างแรงเลยไม่เป็นไรฉันไม่ถือคุณไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นส่วนของฉันก็สนุกกันได้ ถ้าคุณเป็นนักล่าจริงอย่าลืมบอกความรู้สึกของคุณตอนเสียบฉันจนมิดด้ามด้วยว่า คุณซาบซ่านแค่ไหน”
พรางทำสุ่มเสียงยั่วยวน และ สีหน้าซาบซ่านตามไปด้วย
“ก่อนผมจะทำกับคุณแบบนั้นผมถามอีกอย่าง สุดท้าย คุณเอาเด็กพวกนี้มายังไงแล้วนำออกนอกประเทศได้ไงตั้งหลายปีแบบไม่มีใครสงสัยเด็กหาย”
“ใดๆ ในโลกที่รัก ขอเพียงมีเงินเท่านั้นล่ะจะยุโรปเอเชียก็เหมือนกันหมดล่ะอยากได้หลักฐานด้านไหนล่ะ ลูกบุญธรรม ส่งเสียเรียนต่อหรือลักลอบขนส่งทางเรือเพียงแต่ว่าส่งทางลับเยอะกว่ามากฉันทำงานนี้มาตั้งหกสิบปีเชียวนะ ฉันก็มีเครือข่ายของฉันบ้างล่ะ”
“เคลียร์! แน่นอนชัดที่สุดในสามโลก”
“ว่าแต่ตอนนี้ฉันคงต้องจิบเครื่องดื่มบ้างแล้วล่ะ และฉันขอทำแบบทุกครั้งนะ แล้วคุณจะชอบเหมือนกับพวกที่ฉันส่งเด็กๆออกไปให้บ่อยๆ”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันห้ามปราม แวมไพร์สาวโบกมือเบาๆเด็กๆขยับตัวทันที
ก่อนจะมองหน้ากันไปมาอย่างงง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามก่อนจะหันมามองผู้ใหญ่แปลกหน้าที่คนหนึ่งเปลือยหมดตัวยืนอยู่ตรงหน้า อีกคนก็ถูกล็อกติดกับโซ่ที่โยงติดกันเพดาน นั่งคุกเข่าเปลือยอกอยู่บนเตียง เด็กที่แวมไพร์สาวจับตัวอยู่เอี้ยวตัวกลับมาถาม ด้วยทีท่าตื่นกลัวว่า
“พวกหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
แทนคำตอบแวมไพร์สาวก็อ้าปากกว้างขึ้น ปล่อยเขี้ยวไหลเลื่อนออกมาเหยียดยาวเล็บมือที่อยู่บนนิ้วเรียวก็พลอยยืดยาวออกมาด้วย ดวงตาก็ส่องแสงเรืองรองขึ้นทันทีการดิ้นรนเพื่อหนีออกจากกรงเล็บ และเสียงกรีดร้อง ดังระงมไปทั้งห้องผสมกับเสียงร้องไห้ขอให้ปล่อย สร้างรอยพึงพอใจให้ปรากฏขึ้นใบหน้าของแวมไพร์สาว
“ปล่อยหนู…ฮือ หนูกลัว…หนูอยากกลับบ้าน ฮือ ฮือ”
เด็กๆ ที่ไม่ได้ถูกจับตัวไว้กอดกันร้องไห้วิ่งไปซุกตัวที่มุมห้องอย่างเสียขวัญและไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน ตัวสั่นงันงกน้ำตาไหลพรากๆลงเป็นทางทั้งสะอึกสะอื้นแม่หนูน้อยขืนตัวออกหวังวิ่งไปหาเพื่อน ทั้งมืออีกข้างยังถูกยึดไว้ด้วยมือของปีศาจสาว มืออีกข้าง
กวักเรียกเพื่อนให้มาช่วย ทั้งกรีดร้อง ปีศาจสาวกระตุกเบาๆแต่ด้วยเป็นแรงของแวมไพร์ทำให้เธอถลากลับเข้ามาในอ้อมแขน แล้วก้มลงจะใช้เขี้ยวปักลงลำคอเล็กๆนั่นแต่ก่อนที่หล่อนจะสมหวัง เสียงโซ่ที่ลอยตัดอากาศมากระแทกหัวของแวมไพร์สาวจนเกิดเสียงดังสนั่น จนเจ้าหล่อนกระเด็นลอยไปกระแทกผนังห้อง แต่นั่นมันเพียงแค่ทำให้แวมไพร์สาว มึนแค่นั่นเอง
ที่จริงเขาก็ไม่อยากทำแบบนี้ให้เด็กๆเห็น แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นเด็กที่ไร้เดียงคงไม่แคล้วเป็นของเล่นที่โอชะของปีศาจโรคจิตชั่วร้ายอย่างแคทเธอรีน เขาจึงกระชากโซ่ออกมาแล้วเหวี่ยงส่วนที่หลุดจากเพดานมาหยุดการกระทำที่เขาขยะแขยง นั้นอย่างเร็วเขาดึงโซ่ให้หลุดออกมาทั้งสองข้างแล้วกระโดดลงจากเตียงพุ่งเข้าไปหา แวมไพร์
สาวที่โดนโซ่ฟาดจนกะโหลกยุบ มึนอยู่ชั่วครู่ก่อนหายทันก่อนแวมไพร์หนุ่มจะพุ่งเข้าถึง ทำให้แวมไพร์สาวพลิกตัวกระโดดขึ้นเกาะที่เพดานดวงตาเรืองรองด้วยความโกรธเกรี้ยวแยกเขี้ยวขู่คำราม
“ทำไม”
ปีศาจสาวแยกเขี้ยวถามด้วยแรงอารมณ์ แล้วค่อยๆ ไต่ลงจากเพดานมายืนบนพื้นห้องนอนเดินวนไปมาด้วยท่าทางระมัดระวัง
“ถ้าคุณไม่พอใจให้ฉันกินพวกมันตอนตื่น คุณก็แค่บอกฉันๆ จะทำให้พวกมันลืมแล้ว”
“ทำไม”
“ผมอาจจะเป็นเรื่องเล่าเขาที่เล่ามาก็ได้”
เขาตอบแล้วยืนมองตอบแวมไพร์สาวด้วยท่าทีเยือกเย็นและระมัดระวังเด็กๆยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า กระจุกตัวกอดกันร้องไห้อยู่มุมห้องอย่างเสียขวัญแวมไพร์หนุ่มยังทำอะไรตอนนี้ไม่ถนัด เพราะตัวร้ายยังยืนอยู่ตรงหน้าเขาเดินเบี่ยงไปทางเด็กๆที่นั่งกอดกันอยู่เพื่อกั้นเด็กๆให้อยู่ด้านหลังเขา
“นักล่าแวมไพร์เหรอ! เป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยมีอยู่จริง”
แวมไพร์หนุ่มยืดตัวขึ้น แยกขาออกยกมือทั้งสองข้างที่ยังติดด้วยโซ่ผายออกด้านข้าง
“ฉัน แมทแมคธิวเซอร์รีแวน และเพราะฉันไม่มีตัวตนทุกคนจึงไม่รู้จักฉันในฐานะนักล่าฉันเพราะฉันเป็นเพียงหนุ่มนักท่องราตรี โชกโชนไร้แก่นสาร ฉันเป็นนักล่ามานานก่อนเธอเกิดสักร้อยปีมั้ง แต่ใครจะสน ก็ฉันมันแค่นักเที่ยวนักดื่มธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคงเป็นเครื่องดื่ม เธอเดาไม่ถูกหรอกที่รักว่าอะไร
“ไม่ว่าแวมไพร์หน้าไหน มันก็ต้องดื่มเลือด”
ปีศาจสาวสวนด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง
“ก็ถูก แต่เลือดอะไรล่ะ…ไม่ต้องเดาให้วุ่นวายหรอก‘เลือดแวมไพร์ต่างหาก’แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับเลือดเธอฉันขอผ่าน ฉันกินไม่ลงหรอกมันน่าจะสกปรกมากจนกลิ่นมันแทบโชยออกมาแตะจมูกฉันเลย”
“ถึงแม้แกจะอยากจะลิ้มลองแกก็ไม่สิทธิ์ และทำไม่ได้ด้วย”
พูดจบแวมไพร์สาวก็กระโดดพุ่งตรงเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว กะใช้กรงเล็บกระชากลำคอชายหนุ่มที่ระวังตัวอยู่แล้ว เขาพลิกตัวหลบไปด้านข้างก่อนจะสะบัดโซ่ขึ้นไปตวัดเกี่ยวกับลำคอของแวมไพร์สาวแล้วกระตุกให้กระเด็นลอยกลับมา
เขาใช้มือตบลงไปที่กระเป๋ากางเกงยีนต์ข้างซ้ายที่ถูกออกแบบมาพิเศษเพื่อเก็บมีดเงินขนาดเล็กจำนวนหลายเล่มให้โผล่ออกมา และมีดก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะแค่เพียงกดลงไปที่ปุ่มเล็กๆ ที่ท้ายด้าม ปลายของมีดจะดีดพุ่งตัวออกมาอีกเขาดึงมีดออกมาแล้วกดด้ามมีด ยกมีดขึ้นตวัดรับร่างแวมไพร์สาว
ร่างแวมไพร์สาวกระตุกเกร็งสั่นเคลิ้มเพราะความเจ็บปวด เพราะมีดปักกรีดไปลากตรงไปตำแหน่งหัวใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะบิดใบตัดขั้วหัวใจเขาก็เอ่ยบอกแวมไพร์สาวว่า
“ความรู้สึกของฉันตอนเสียบเธอมิดด้ามเนี่ยโคตรสะใจเลยว่ะ”
……………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ