[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) Chapter 29 : บาดเจ็บ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมแยกจากพี่ลุกซ์หลังเลิกงานเพื่อพาเพื่อนๆ ไปกินขนมที่ร้านของเอก ส่วนพี่ลุกซ์เห็นว่ามีงานต้องเคลียร์ต่อก็เลยยังไม่กลับ
ผมพาเพื่อนๆ มาที่ร้านขนมไทยของเอกโดยมีพี่พลอยตามมาด้วยเพราะผมชวนเอง ไอ้พัดกับไอ้ตุลสนิทกับพี่พลอยได้อย่างรวดเร็วครับ พี่พลอยน่ารักเพื่อนผมก็เลยคุยด้วยอย่างสนุกสนาน
“เอก” ผมเปิดเข้าไปในร้านพลางตะโกนเรียกเอกที่กำลังจะเดินไปหลังร้านเอาไว้ เอกหันมามองก่อนจะยิ้มกว้างแล้วทำหน้างงเมื่อเห็นเพื่อนๆ ของผม “วันนี้พาเพื่อนมากินขนม” ผมบอก
“สวัสดีครับ” เอกทักทาย
“ไอ้หล่อๆ นี่ชื่อพัดส่วนไอ้สูงนี่ชื่อตุล พวกมึง นี่เอก” ผมแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“เห็นไอ้เปอร์เล่าให้ฟังว่าคุณเอกทำขนมอร่อยมากก็เลยต้องมาชิมซักหน่อย” ไอ้ตุลพูด
“ครับ เชิญนั่งก่อนเลยครับ วันนี้มีเมนูแนะนำหลายอย่างเลย” เอกบอกพลางเหลือบไปมองพี่พลอยนิดๆ แล้วหันมายิ้มให้กับเพื่อนๆ ของผมเหมือนเดิม
“เอาทุกอย่างเลยได้ไหม? น่าอร่อยทั้งนั้นเลย” ไอ้พัดเดินไปส่องดูที่ตู้ขนมก่อนจะทำตาเยิ้มๆ เหมือนเด็กกำลังขออะไรซักอย่าง น่าร้ากกกก
“ใจเย็นมึง ค่อยๆ กินก็ได้” ผมว่า
“ฮ่าๆ ตอนแรกเปอร์ก็เป็นแบบนี้แหละครับ อยากกินทุกอย่าง” เอกว่า ผมหัวเราะนิดๆ เพราะมันจริงอย่างที่เอกว่า
พวกเราคุยอะไรกันนิดหน่อยก่อนจะสั่งขนมมากิน ไอ้สองตัวนี่ก็ชมไม่ขาดปากว่าขนมร้านนี้อร่อยมาก ถึงกับเอามาเขียนรีวิวอย่างเมามันกันเลยทีเดียว ช่วงนี้ไอ้พัดมันชอบรีวิวนั่นรีวิวนี่ครับเพราะมันไปกินและใช้สิ่งของหลายๆ อย่างจากหลายๆ ที่ อะไรที่ดีมากๆ มันก็จะรีวิวและไอ้ตุลก็จะชอบฝากซื้อตลอด
หลังจากกินเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันไปเพราะต่างคนก็ต่างมีคนมารับ หมายถึงไอ้ตุลกับไอ้พัดน่ะครับ เดี๋ยวนี้มีสารถีไปรับไปส่งถึงที่ ส่วนพี่พลอย เห็นว่าจะอยู่ต่อเพราะเอกรั้งเอาไว้ เห็นคู่นี้แล้วเขิน พี่พลอยดูเหมือนไม่สนใจ เอกก็แม่งทำเป็นไม่สนใจแต่อยากให้เขาอยู่ด้วย โถๆ น่ารักไปไหนเนี่ย
RRRRRRRRRRR
ขณะที่ผมกำลังจอดรถโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมรีบจอดให้เสร็จแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเบอร์ แค่เห็นชื่อผมก็ใจหายแล้วครับ ไม่รู้ว่าเขาโทรมาทำไม หรือจะโทรมาทวงสัญญากันแน่นะ?
เอาไงดีวะ!? พี่จักรโทรมาแบบนี้ผมซวยแน่ จะรับหรือไม่รับดีว้า?
RRRRRRRRRRRR
โทรศัพท์ผมก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องทำให้ผมต้องหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องมากดโทรหาพี่ลุกซ์ทันที อย่างน้อยขอความเห็นจากพี่ลุกซ์ก่อนน่าจะดีกว่า
[ว่า?] พี่ลุกซ์รับสาย
“พี่จักรโทรมา” ผมบอกด้วยน้ำเสียงลนลาน
[ว่าไงนะ?] พี่ลุกซ์ขึ้นเสียงทำเอาผมตกใจ
“ทำไงดี? รับไหม?” ผมถามอย่างเกรงๆ กลัวพี่จักรอ่ะ ถ้าพี่มันทำได้ถึงขนาดระเบิดรถพี่ลุกซ์ล่ะก็แล้วผมจะเหลือเหรอ
[ไม่ต้อง อย่าเพิ่งรับ เดี๋ยวกูไปหา] พี่ลุกซ์พูดแล้วตัดสายไปอย่างเร่งรีบทำให้ผมห้ามพี่มันไม่ทัน จะมาที่บ้านผมได้ยังไง? เดี๋ยวพ่อกับไอ้ป้องก็ระเบิดลงหรอก
ตายๆ เรื่องพี่จักรยังไม่เคลียร์นี่จะมีเรื่องพ่อกับไอ้ป้องอีกเหรอ? นอกจากพ่อกับไอ้ป้องแล้ว ผมว่าแม่จะต้องปั้นปึ่งใส่พี่ลุกซ์แน่ ถึงปากจะบอกว่าให้อภัยแต่ใจก็คงไม่อยากจะยอมรับหรอก
ผมออกไปยืนกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านเพื่อรอเบรกไม่ให้พี่ลุกซ์เข้าไปในบ้านจะได้ไม่มีปัญหากับครอบครัวของผม แต่สงสัยจะคิดผิดไปหน่อยเพราะพอออกไปผมก็ไปเจอกับพี่จักรเข้าอย่างจังงัง ผมเปลี่ยนความคิดทันที ตอนนี้ผมอยากให้พี่ลุกซ์มาเร็วๆ จัง
“อะ...อ้าว พี่จักร มาได้ไงครับเนี่ย?” ผมแสร้งถามออกไปเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ทำไมเปอร์ไม่รับโทรศัพท์พี่ล่ะ” พี่จักรไม่ตอบคำถามผมแต่ถามกลับ สีหน้าของพี่มันดูจิตๆ ยังไงก็ไม่รู้
“เอ่อ...ผมขับรถอยู่น่ะครับ อ่า...วันนี้ผมต้องขอโทษพี่จักรจริงๆ นะครับที่ไม่ได้นัดมากินข้าวตามสัญญา พอดีพวกไอ้พัดมันมาหาน่ะครับ” ผมบอกไปเพื่อไม่ให้พี่จักรรู้ตัว ถ้าพี่จักรรู้ว่าผมรู้เรื่องแล้วผมตายอนาถแน่ ผมว่าพี่จักรต้องจัดการผมอย่างไม่ลังเลชัวร์ป้าบ
“ไม่เป็นไร ที่พี่มาเพราะพี่มีเรื่องจะคุยกับเปอร์” พี่จักรพูดก่อนจะก้มหน้าทำหน้าเศร้าซะผมใจหาย อ๊าก! ไม่ได้ สงสารไม่ได้! พี่จักรมันมาตอแหลใส่นะเฟร้ย!!
“ระ...เรื่องอะไรเหรอครับ?” ผมถาม
“ตอนนี้...เปอร์ยังคบกับลุกซ์อยู่ใช่ไหม? คือพี่อยากถามให้แน่ใจก่อนจะเล่าเรื่องนี้ให้เปอร์ฟัง” เอาแล้วไง พี่ลุกซ์ไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีกเนี่ย? พอเป็นเรื่องของพี่ลุกซ์ผมชักจะอยากฟังซะแล้วล่ะ
“ครับ” ผมพยักหน้า
“ให้พี่...เข้าไปในบ้านก่อนได้ไหม?” พี่จักรพูดพลางส่องเข้าไปในบ้าน ผมจึงพาพี่จักรเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ที่สวนหน้าบ้าน ไม่อยากให้พี่จักรเข้าไปลึกมากกว่านี้
“มีอะไรจะคุยเหรอครับ?” ผมพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ ใจเริ่มนึกโมโหพี่ลุกซ์ขึ้นมาตงิดๆ ก็เลยทำเป็นขรึมซะงั้น ผมกลัวคำพูดจากปากของพี่จักรแต่ก็อยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พี่รู้นะว่าเรื่องที่พี่จะพูดมันอาจจะทำให้เปอร์เสียใจ แต่พี่ทนเก็บมันเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เปอร์ เปอร์...เปอร์เลิกกับลุกซ์ได้ไหม?” ผมเงิบไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พี่จักรหน้าด้านมากอ่ะ มาขอกันแบบนี้เลยเหรอ? เฮ้ย นี่มันอะไรวะ?
“ทำไมครับ?” ผมพยายามข่มใจไม่ให้โกรธแล้วถามออกไป
“เปอร์อาจจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้พี่ไปอเมริกา ไปเจอกับลุกซ์ที่บาร์ พี่สารภาพไปว่าพี่รักเขา เขาก็คงเมาๆ ด้วยแหละเลย...” ผมเม้มปากฟังอย่างใจเย็น ยิ่งพี่จักรเล่าไปด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนผมยิ่งอยากจะลุกขึ้นไปตะบันหน้าเขาซักหมัด มาพูดเรื่องอะไรให้ผมฟัง? แล้วจะมาบอกทำไม!?!
“เลยอะไรครับ?” ผมกำมือแน่นแล้วถามออกไปอย่างใจเย็น
“เรามีอะไรกันน่ะเปอร์ เปอร์ก็รู้นะว่าพี่เป็นรุกมาโดยตลอด แต่พี่ยอมให้แค่คนเดียวคือลุกซ์ พี่รักเขามากเปอร์ และพี่ก็รู้ว่าเปอร์คงรักลุกซ์ไม่ต่างจากพี่ พี่ก็เลยอยากให้เปอร์เลิก เพราะถ้าเปอร์ยังคบต่อไปไม่รู้ว่าลุกซ์จะนอกใจเปอร์อีกไหม” พี่จักรพยายามพูดโน้มน้าวใจผมเต็มที่ ทั้งๆ ที่ผมก็รู้ว่าเรื่องที่พี่จักรเล่ามันเป็นเรื่องโกหกแต่ทำไมใจผมถึงเจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้สิ แค่คิดว่าพี่ลุกซ์ไปมีอะไรกับคนอื่นในระหว่างที่เรากำลังห่างกันผมยิ่งเจ็บปวด อีกอย่าง พี่จักรกล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าผมรักพี่ลุกซ์ไม่ต่างจากพี่จักร มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยต่างหาก
“พี่จักรพูดเองไม่ใช่เหรอครับว่าตอนที่พี่มีอะไรกันคือตอนที่พี่ลุกซ์เมา พี่ลุกซ์คงไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ พยายามไม่แสดงความรู้สึก สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกตอนนี้คือเจ็บปวด ถ้าผมแสดงมันออกไปพี่จักรก็คงจะได้ใจและสรรหาคำพูดมาโกหกหลอกลวง
“แล้วถ้าเขาเมาจนไปมีอะไรกับคนอื่นมาอีกล่ะเปอร์? เปอร์ไม่เสียใจบ้างเลยเหรอ?” พี่จักรถาม
“ก็ไม่นี่ครับ เฉยๆ นะ ผมน่ะรู้จักนิสัยของพี่ลุกซ์ดีครับ ทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้” ผมพูดโกหก ผมเฉยไม่ได้หรอก ถ้าพี่ลุกซ์ทำอะไรแบบนั้นล่ะก็ผมก็คงจะหนีล่ะมั้ง ไม่ทนคบต่อไปหรอก และเรื่องที่พี่จักรเล่ามา บอกตรงๆ ว่าไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อซะทีเดียว พี่ลุกซ์ไม่เล่าเรื่องพี่จักรให้ผมฟังอย่างละเอียด ไม่แน่ว่าพี่ลุกซ์อาจจะกำลังเลี่ยงที่จะเล่าอะไรบางอย่างไป แต่ผมก็พยายามหลอกตัวเองว่าผมเชื่อใจเพราะพี่มันเคยบอกว่าไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยซักครั้ง
“เปอร์คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?” พี่จักรถาม สีหน้าพี่จักรเริ่มเปลี่ยนไปจนผมไม่อยากจะคุยด้วย หน้าพี่มันเริ่มโกรธแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวเข้าบ้านก่อนนะครับ” ผมยิ้มนิดๆ เป็นการส่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ความรู้สึกเย็นๆ ที่หลังทำให้ผมไม่ไว้ใจว่าผมหันหลังให้พี่จักรแบบนี้มันจะดีแล้วจริงๆ ด้วยสัญชาตญาณผมจึงรีบหันไปมองพี่จักรและนั่นก็ทำให้ผมเห็นว่าพี่จักรกำลังกำมีดไว้ในมือแล้วจ้วงแทงมาที่ผม โชคดีจริงๆ ที่ผมกระโดดหลบทัน
“เปอร์เลือกทางนี้เองนะ” พี่จักรทำหน้าจิตๆ ก่อนจะเลียคมมีดนิดๆ ผมรีบตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้ทันที ใจก็อยากจะตะโกนให้คนในบ้านออกมาช่วยอีกใจก็ภาวนาให้พี่ลุกซ์รีบมา แต่ตอนนี้พี่จักรกำลังบ้า ถ้าคนที่ผมรักทุกคนต้องมาถูกลูกหลงไปด้วยคนที่จะเสียใจที่สุดก็คงจะเป็นผมเองเพราะฉะนั้นผมยอมเจ็บตัวคนเดียวดีกว่า
เอาวะ! ลองงัดศิลปะป้องกันตัวที่เคยเรียนมาใช้หน่อยก็แล้วกัน
“พี่จักร! พี่บ้าไปแล้วหรือไง!?!” ผมตะคอกถามพลางทำมือเพื่อให้พี่จักรสงบ ถ้าจำเป็นผมก็ต้องสู้ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเจรจามากกว่า
“ใช่สิ กูบ้า! ถ้าไม่ใช่เพราะมึง ชีวิตกูคงไม่เป็นแบบนี้! ถ้าไม่มีมึง! ลุกซ์ก็คงรักกูแล้ว!!” พี่จักรกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ไม่ดังนัก และคิดว่าคงไม่ดังพอให้คนในบ้านได้ยินด้วย
“พี่เลยคิดจะฆ่าผมงั้นเหรอ?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างตกใจ คนกำลังบ้า จะไปหาเหตุผลดีๆ จากเขาก็คงไม่ได้ อย่างตอนที่พี่ลุกซ์บ้า พี่มันไม่มีเหตุผลเลยซักนิดเดียว
“ใช่! กูจะฆ่ามึงที่เป็นเสี้ยนหนามความรักของกู!!” จบประโยคพี่จักรก็กระชับมีดแล้วพุ่งมาแทงที่ตัวของผมแต่ผมกระโดดหลบไปทางด้านข้างแล้วเตะที่ข้อมือของพี่มันเพื่อให้มีดหลุด แต่พี่มันจับมีดด้วยสองมือทำให้มีดยังคงอยู่ที่เดิมแต่คนจับก็ดูจะเจ็บไม่น้อย
สลัดผักเอ๊ย! คนบ้าท่าทางจะแรงเยอะซะด้วย
วืด!
ผมหลบอีกครั้งเมื่อพี่จักรพุ่งเข้ามาหาผมอย่างบ้าคลั่ง ผมหลบซ้ายขวาเพื่อหลอกให้พี่มันงงแล้วเตะไปที่ข้อมืออีกรอบ คราวนี้มือพี่มันอ่อนจนมีดกระเด็นออกไปและตัวพี่มันที่ได้รับแรงกระแทกก็ล้มไปกองบนพื้น จังหวะที่ผมกำลังจะเข้าไปซ้ำ พี่จักรก็หยิบก้อนหินอันเท่ากำปั้นขึ้นมาแล้วทุบเข้าที่หัวของผมจนผมทรุดและมึนงง
เลือดที่ออกมาจากแผลที่หัวไหลเข้าตาจนผมลืมตาไม่ขึ้น ประกอบกับอาการมึนงงและเจ็บอย่างหนักทำให้ผมลุกขึ้นไปป้องกันตัวเองไม่ไหว ขณะที่กำลังจะตั้งสติได้อีกรอบผมก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการถูกกรีดเนื้อสดๆ เสียแล้ว
ฉึก!
พี่จักรเอามีดมาเฉือนที่แผ่นหลังผมเป็นแนวขวางก่อนจะผลักผมให้ล้มลงไปนอนหงายแล้วจ้วงแทงลงมาที่ท้องด้วยแรงอันมหาศาลจนผมประคองสติเอาไว้ไม่อยู่ มันเจ็บจนทนไม่ไหว เจ็บจนร้องไม่ออก และเจ็บ...จนอยากจะตายเสียให้ได้
พ่อครับ...ผมเสียใจจังที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับพ่อ
แม่ครับ...ผมยังไม่ได้กอดแม่เลย
พี่ถัง...กูยังไม่ได้ตอบแทนที่มึงยอมมาเป็นพี่ชายคนงี่เง่าอย่างกูเลยว่ะ
เพื่อน...กูยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้คุยกับพวกมึงเลย อยากเจอ อยากคุย อยากเล่นด้วยกันอีก
ป้อง...พี่ยังไม่ได้ง้อแกเลยว่ะ
.
.
.
พี่ลุกซ์...ผมยังไม่ได้ยอมรับพี่เต็ม 100% เลยนะครับ
...ไม่รู้ว่าทำไมหน้าของคนที่ผมรักทุกคนถึงได้ประเดประดังเข้ามาในหัวอย่างไม่ขาดสาย ตอนนี้ผมมองอะไรไม่เห็นก็จริงแต่หน้าของคนเหล่านั้นเด่นชัดในมโนสำนึก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสูญเสียโอกาสในการมีชีวิตอยู่ เสียใจที่ยังทำอะไรได้ไม่เต็มที่เลยซักอย่าง ยังดูแลบุพการีได้ไม่เต็มที่ ยังไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำเลย
เอ...หรือว่าอาการแบบนี้เป็นอาการของคนกำลังจะตายนะ? พี่ลุกซ์จะเคยรู้สึกแบบนี้บ้างหรือเปล่า?
อา...ผมไม่ไหวแล้วล่ะ มันเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ผมอยากหลุดพ้นจากอาการเจ็บนี้ ทำยังไงก็ได้ให้ผมหายเจ็บ ขอร้องล่ะ ช่วยผมที ผมเจ็บ...เจ็บ...เจ็บ...
ให้ผมตายก็ได้...
หลังจากที่เปอร์หมดสติไปเพราะอาการช็อคจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ได้รับ จักรก็ทิ้งมีดลงด้วยอาการตกใจและหลอนประสาท เขาเริ่มรู้สึกกลัวความผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป ยิ่งเห็นเปอร์นอนแน่นิ่งเขายิ่งกลัวว่าเปอร์จะตาย คำว่าฆาตกรไหลเข้ามาในหัวของจักรจนเขาเพ้อออกมาไม่หยุด
“ไม่...ไม่...ไม่...ไม่! ฉันไม่ใช่ฆาตกร ไอ้เปอร์มันตายเอง ไม่!!” จักรยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาแนบหน้า เอามือขยำผมของตัวเองด้วยท่าทางเหมือนคนจิตไม่ปกติ
ก่อนหน้าที่จะมาหาเปอร์ จักรได้เสพยาเสพติดไปจำนวนหนึ่ง เขาเสพยามาเป็นเวลาพอสมควรแล้วเพราะรู้สึกเครียดจัดจนเกือบจะฆ่าตัวตาย ตอนที่ไปเจอลุกซ์ที่อเมริกาแล้วถูกปฏิเสธรักมาจักรก็เริ่มเสพอ่อนๆ จนร่างกายขาดยาไม่ได้ทำให้ต้องเสพเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่จักรกำลังตะโกนอย่างบ้าคลั่ง คนที่อยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงเอะอะเลยวิ่งออกมาดู เป็นจังหวะเดียวกับที่ลุกซ์จอดรถแล้ววิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์พอดี ทุกคนต่างตกใจและตะลึงงันกับภาพที่เห็น เหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่มีใครตั้งตัวทำให้ไม่มีใครสามารถเตรียมตัวรับได้ทันแม้แต่คนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้านก็ตาม
“เปอร์...เปอร์...” ลุกซ์ที่เห็นร่างโปร่งบางนอนนิ่งจมกองเลือดถึงกับเข่าอ่อน เขาวิ่งมายืนอยู่ข้างร่างของเปอร์ก่อนจะทรุดลงแล้วรวบเอาร่างแน่นิ่งนั้นมากอดเอาไว้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ
“มึงทำพี่กูทำไม!?! ไอ้เหี้ย! กูจะฆ่ามึง!!” ป้องที่ช็อคกับภาพที่เห็นรีบเข้าไปตะบันหน้าจักรทั้งน้ำตา เขาต่อยหน้าจักรซ้ำๆ ย้ำๆ อย่างหยุดไม่อยู่ด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ส่วนแม่เปอร์ในตอนนี้เป็นลมล้มพับไปโดยมีพ่อของเปอร์ช่วยพยุงทั้งๆ ที่ตัวเองก็แทบยืนไม่อยู่และพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงร้องไห้โดยที่ไม่สะอื้น
ชัชเป็นคนที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดจึงรีบโทรเรียกรถพยาบาลและตำรวจให้มาช่วย
“เปอร์ อย่าเป็นอะไรไปนะ ตื่นสิ ตื่น” ลุกซ์ประคองเปอร์มานอนบนตักก่อนจะลูบใบหน้าสีซีดเบาๆ ตอนนี้ลุกซ์รู้สึกจุกจนทำอะไรไม่ถูก ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนกำลังจะหลั่งน้ำตาแต่มันไม่ได้ไหลออกมา ถึงจะไม่เห็นน้ำตาจากภายนอกแต่ภายในของลุกซ์กำลังร่ำร้องอย่างเสียใจที่ต้องมาเห็นคนรักในสภาพแบบนี้ “เปอร์ตื่นสิเปอร์ ห้ามเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งกูแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลยนะมึง” ลุกซ์ซบหน้าแนบลงบนกลุ่มผมสีดำขลับและนุ่มสลวยพลางเพ้อออกมาแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้เรียกยังไงก็คงไม่มีปาฏิหาริย์ให้เปอร์ตื่นขึ้นมาพูดกับเขาตอนนี้
“พี่เปอร์ ฮือ! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร!?” ป้องที่ผละออกมาจากจักรแล้วรีบวิ่งมาหาเปอร์ก่อนจะจับมือข้างหนึ่งของเปอร์มากุมเอาไว้ทั้งน้ำตา ลุกซ์อยากจะพูดกับป้องและบอกในสิ่งที่เด็กหนุ่มสงสัยเหลือเกินแต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาไม่มีแก่ใจจะพูดเรื่องอะไรทั้งนั้น
เพียงไม่นานรถพยาบาลก็มารับเปอร์ไปโดยมีลุกซ์นั่งไปด้วย ส่วนพ่อกับแม่ของเปอร์และป้องให้ชัชพาขับรถตามไป จักรในสภาพไร้สติก็อยู่ในการควบคุมของตำรวจเพื่อสืบสวนคดีต่อไปตามขั้นตอน
ร่างสูงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดเดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินอย่างอยู่ไม่สุข ตอนนี้ไม่มีใครมีแก่ใจจะโทรไปบอกข่าวของคนใกล้ตัวเลยซักนิดทำให้ไม่มีใครอื่นรู้ว่าเปอร์กำลังอาการสาหัส อาการของแต่ละคนตอนนี้มีทั้งสลด หดหู่ กระวนกระวาย และกลัว ต่างคนก็ต่างจมอยู่กับตัวเองจนไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาแม้แต่คำเดียว
“ผมขอโทษ...” ในที่สุดลุกซ์ก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบและนั่นก็ทำให้ทุกคนเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง
“ถ้าแกไม่เข้ามายุ่งกับลูกชายของฉัน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” ปราชญ์กัดฟันพูดเหมือนกำลังข่มอารมณ์ แท้จริงข่มน้ำตาแห่งความเสียใจไม่ให้ไหลลงมาต่างหาก
“เลิกกันไปก็ดีแล้วแท้ๆ เราก็เตือนพี่เปอร์แล้วว่าอย่ากลับไป อยู่กับคนอย่างคุณ พี่เปอร์ไม่มีทางมีความสุขหรอก” ป้องบีบมือตัวเองแน่นอย่างเจ็บใจ น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลลงมาไม่ขาด สายตาที่จ้องมองลุกซ์ก็ดุดันชนิดที่อยากจะเข้าไปบีบคอให้ตายคามือ
“ขอร้องเถอะนะ อย่ามายุ่งกับเปอร์อีกเลย ตั้งแต่เปอร์เจอกับเธอ ชีวิตของเปอร์ก็เจอกับความเจ็บปวดทรมานมาหลายรูปแบบ ถ้ารักเปอร์จริงๆ ก็หยุดเถอะนะ” นภาที่กำลังนั่งพิงสามีอยู่พูดเสียงกลั้วสะอื้น สรรพนามที่ห่างเหินของคนที่ตัวเองเคยเรียกว่าแม่ยายทำให้ลุกซ์ถึงกับจุกจนไปไม่เป็น
“ผมขอโทษ ต่อจากนี้ไปผมจะดูแลเปอร์ให้ดีกว่านี้...” ลุกซ์ยืนก้มหน้ากำมือแน่นอย่างเจ็บปวด เขาไม่อยากจะปล่อยคนที่ตัวเองรักไปอีกแล้ว เขารู้ซึ้งถึงความทรมานในการใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากคนที่ชื่อว่าเปอร์แล้วจริงๆ เขาไม่อยากอยู่โดยไม่มีเปอร์อยู่ข้างๆ
“พอเถอะ แกสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลูกชายของฉันเจ็บปวดมากี่ครั้งแล้ว แกได้รับโอกาสมากี่ครั้งแล้ว? ต่อให้แกมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเปอร์ได้แต่ศัตรูของแกมีอยู่รอบด้าน อยู่ด้วยกันไปโดยที่ต้องระแวงไปวันๆ วัน จะมีความสุขได้ยังไง? โอกาสของแกหมดแล้ว” ปราชญ์พูดออกมาอย่างเจ็บใจที่ใจอ่อนยอมให้โอกาสคนคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเปอร์ต้องเผชิญกับอะไรบ้างถ้ามีลุกซ์เป็นคู่ชีวิต
“พ่อครับ แม่ครับ ผมขอร้อง ให้ผมได้ดูแลเปอร์อีกเถอะนะครับ แลกกับอะไรผมก็ยอม” ลุกซ์คุกเข่าลงตรงหน้าปราชญ์กับนภาแล้วพนมมือไหว้อย่างอ้อนวอน ศักดิ์ศรีของเขาตอนนี้สำคัญไม่เท่าคนรักที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในห้องฉุกเฉินหรอก
“สิ่งที่แกต้องแลกกับชีวิตลูกชายของฉันก็คือชีวิตแกเองนั่นแหละ ไปจากชีวิตเปอร์ซะ นั่นคือทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เปอร์ปลอดภัยและมีความสุข” ปราชญ์ยังยืนยันคำเดิมเพราะเป็นห่วงเปอร์เหลือเกิน ลูกชายคนนี้ของเขาเจ็บมาเยอะเพราะผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่ได้ทำกับมือแต่เป็นเหตุให้เปอร์ต้องเจ็บตัวและใจอยู่ร่ำไป ถึงจะรักกันแต่คงไม่ไหวจริงๆ เสียแล้ว
ยังไม่ทันที่ลุกซ์จะได้อ้อนวอนร้องขอโอกาส พยาบาลก็วิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วถามหาคนที่มีเลือดกรุ๊ป AB negative เพราะเปอร์เสียเลือดมากและเลือดในคลังก็ไม่มีเลยเนื่องจากเลือดกรุ๊ปนี้หาได้ยากมาก เปอร์เองก็ได้ไปขึ้นทะเบียนคนกรุ๊ปเลือดหายากเพื่อที่จะสามารถเรียกตัวไปให้เลือดได้เมื่อยามจำเป็น
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเปอร์ต้องการเลือดต่างก็ตกใจและใจหายเพราะต่างก็รู้ตัวว่าไม่สามารถให้เลือดเปอร์ได้ หากเปอร์ได้รับเลือด Rh+ เข้าไปเปอร์จะต้องเสียชีวิตแน่เนื่องจากคนเลือด Rh- สามารถรับเลือด Rh+ ได้แค่ครั้งเดียวซึ่งตอนที่คลอด เปอร์ก็ได้รับเลือดของนภาที่เป็นหมู่ Rh+ ปนเข้าไปแล้วทำให้ตอนนี้เปอร์ต้องรับเพียงเลือดที่เป็นลบเท่านั้น
“ผมครับ ผมเลือดกรุ๊ป A negative” ลุกซ์พูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นและมีความหวังในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเปอร์จะรอดและเรื่องที่จะสามารถซื้อใจพ่อตาแม่ยายได้อีกครั้ง
“ไปตรวจเลยค่ะ” พยาบาลพยักหน้าก่อนจะรีบพาลุกซ์ไปตรวจเลือดทันที
“ดีจังเลยค่ะคุณ” นภาร้องไห้อีกครั้งอย่างดีใจที่เปอร์มีโอกาสจะรอด ทุกคนต่างก็ลุ้นให้ลุกซ์สามารถให้เลือดเปอร์ได้เพราะไม่อย่างนั้นคงแย่มากแน่ๆ
“เปอร์ มึงไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” หลังจากเปอร์ถูกย้ายไปที่ห้องไอซียูหลังจากผ่าตัดเสร็จ ลุกซ์ก็รีบเข้าเยี่ยมโดยไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงแล้วกุมมือเปอร์เอาไว้แน่น ตอนนี้ครอบครัวเปอร์ยอมให้ลุกซ์เข้าเยี่ยมได้ แต่ถ้าเปอร์ฟื้นเมื่อไหร่ลุกซ์จะต้องไม่โผล่หน้ามาหาเปอร์อีก
ลุกซ์นั่งกุมมือเปอร์ไม่ยอมปล่อย ทั้งยังหอมมือเปอร์ย้ำอยู่หลายครั้ง ภายในใจก็บีบอัดอย่างเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เขาอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเปอร์อยู่ด้วยแต่ถ้าดันทุรังก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวเปอร์ต้องเจ็บปวด ไม่แน่ว่าเปอร์อาจจะต้องเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้ซึ่งนั่นเขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาก็เลยยอมรับเงื่อนไขของพ่อกับแม่เปอร์อย่างไม่เต็มใจ
“แต่บางทีกูก็ไม่อยากให้มึงฟื้นเลย กูกลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน” ลุกซ์ซบหน้าลงบนมือของเปอร์พลางพูดออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธครอบครัวของเปอร์ที่กีดกัน แต่กลับโกรธตัวเองที่เป็นเป้าหมายของหลายๆ คน ไม่ว่าจะคนที่รักหรือเกลียดก็ตามก็เลยทำให้เปอร์เดือดร้อนไปด้วย
ลุกซ์นั่งจับมือเปอร์ไปอย่างนั้นโดยไม่ลุกไม่ไปและไม่ทำอะไรแม้แต่ทานข้าวจนคนใกล้ตัวเกรงว่าลุกซ์จะซูบตามเปอร์ไป ลุกซ์เป็นเสาหลักของคนในครอบครัวและคนในบริษัท ถ้าลุกซ์แย่ทุกคนก็ต้องแย่ไปด้วย ข้อนั้นลุกซ์รู้ดีแต่เขาไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น เขาเป็นห่วงเปอร์มากเหลือเกิน
ช่วงนี้ไรต์ต้องขอโทษจริงๆ นะคะเพราะไรต์ยุ่งมากจริงๆ
ต้องดูแลน้องๆ ในคณะในกิจกรรมเชียร์และต้องทำงานวันวิทยาศาสตร์ด้วยเลยไม่มีเวลาเลย
แต่จะพยายามมาอัพน้า ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ เนาะๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ