[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  237.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) Chapter 28 : รวมก๊วน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 28 : รวมก๊วน


 

เรานั่งเงียบกันจนมาถึงบ้านของพี่ลุกซ์  พอน้องไลลาเห็นผม น้องก็กระโดดเข้ามากอดคอผมซะแน่นอย่างคิดถึง ผมเองก็กอดน้องเหมือนกัน  คิดถึงสุดๆ  ยิ่งโตยิ่งสวยนะเด็กคนนี้  ถ้าไม่ได้พี่ผมคงเอาน้องนี่แหละ ฮ่าๆ

ปกติถ้าผมกับน้องไลลาใกล้ชิดกันแบบนี้พี่ลุกซ์ต้องมาแยกออกนะครับแต่คราวนี้ไม่ทำเพราะอุ้มลูกอยู่  ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าพี่ลุกซ์มีโมเม้นต์แบบนี้ด้วย  เหมือนพ่อจริงๆ นั่นแหละ  เมื่อก่อนไม่ชอบเด็กแท้ๆ  จำได้ว่าทะเลาะกับไอ้ป้องเป็นบ้าเป็นหลังจนเด็กมันร้องไห้จะเป็นจะตาย  แอบน้อยใจนิดๆ อยู่เหมือนกันนะเพราะยังไงพี่ลุกซ์ก็เป็นพ่อแท้ๆ ของน้องปิง  จะรักมากมันก็ไม่แปลกอะไร  เฮ้อ  ถ้าผมมีมดลูกก็คงดี เอ๊ะ! ไม่มีดีกว่า  ถ้ามีผมคงคลอดลูกไม่ไหวหรอก  ตายพอดี หื่นอย่างพี่ลุกซ์น่ะ

ทักทายน้องไลลากับน้องปิงเสร็จผมก็เข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ครับ  ดูพวกท่านดีใจมากๆ เลยที่ผมกลับมาคืนดีกับพี่ลุกซ์  คุณแม่ถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว  แทบจะรับขวัญผมด้วยรถป้ายแดงซักคันแต่ผมรีบเบรกเอาไว้เพราะไม่อยากได้  แค่รถที่พี่ถังให้มาก็พอแล้วล่ะครับ  ช่วงนี้ผมปลง ใช้ชีวิตตามที่พอมีครับ

“อย่าทะเลาะกันอีกนะลูก  ไม่เอาแล้วนะรู้ไหม” คุณแม่ลูบหน้าลูบตาผมด้วยความรักขณะที่ผมกำลังนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่นั่งอยู่บนโซฟา

“ต้องบอกพี่ลุกซ์แล้วล่ะครับว่าอย่าหาเรื่องมาให้ผมเครียด ฮ่าๆ” ผมหัวเราะนิดๆ พลางพูดอย่างไม่จริงจังนัก

“พ่อดีใจมากนะเปอร์  คนแก่ที่รู้ทุกอย่างแต่พูดอะไรไม่ได้นี่มันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเลยล่ะ  ก่อนหน้านี้ที่พ่อเจอเปอร์ที่บริษัท รู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงเปอร์มากแค่ไหนที่เห็นเปอร์ซูบไปขนาดนั้น” คุณพ่อพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“ใช่แล้วล่ะลูก  ตอนที่พ่อเขามาเล่าให้แม่ฟังว่าเปอร์เป็นยังไงบ้างแม่ร้องไห้เลยนะ  ในใจก็คิดว่าทำไมลูกชายของแม่ถึงเป็นคนเลวร้ายได้ขนาดนี้” คุณแม่พูด ไม่วายกัดที่ลุกซ์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ คุณพ่อโดยมีน้องปิงนั่งหลับอยู่บนตัก

“แม่ครับ  จะเข้าข้างลูกซักครั้งก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ” พี่ลุกซ์พูดลอยๆ

“แล้วนี่ไปคุยกับพ่อแม่เราหรือยังล่ะ?” คุณพ่อถาม

“ยังเลยครับ  พ่อโกรธพี่ลุกซ์มาก  ผมคิดว่าคราวนี้ท่าทางจะยาก” ผมทำหน้าแหยๆ เมื่อนึกถึงพ่อ  ถึงพ่อจะบอกว่ายอมให้ผมกลับไปคืนดีกับพี่ลุกซ์ก็เถอะ แต่ก่อนที่พ่อจะยอมรับพี่ลุกซ์ต้องเละแน่  ผมขอเวลาให้ผมกับพี่ลุกซ์ทำใจก่อนซักสามสี่วันละกัน หรือไม่ก็ให้จบเรื่องพี่จักรไปก่อน

“พ่อกับแม่ไม่ขอยุ่งเรื่องนี้นะ  พ่อคิดว่าถ้าพ่อกับแม่ไปพูดให้ คุณปราชญ์กับคุณนภาคงเกรงใจและยอมรับฟังง่ายๆ  แต่พ่ออยากให้ตาลุกซ์ไปพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าต่อจากนี้จะไม่ทำให้เปอร์เสียใจอีกด้วยตัวเอง  ถึงจะยากและต้องใช้เวลาก็ต้องพยายามนะ  ลูกผู้ชาย ทำอะไรผิดก็ต้องกล้ายอมรับ” คุณพ่อพูดกับผมในช่วงแรกๆ ก่อนจะหันไปพูดเหมือนจะสอนพี่ลุกซ์

“ผมรู้น่า ต่อให้โดนเตะโดนต่อยก็จะไม่ร้องซักแอะเลยคอยดู” พี่ลุกซ์ว่า

“ถ้าเขาไม่เตะไม่ต่อย แต่ไม่พูดด้วยล่ะ? แกจะทำยังไงลุกซ์?” คุณพ่อถามออกมาทำให้ผมนิ่งไปนิดเพราะคิดตาม  พอหันไปมองก็พบว่าพี่ลุกซ์เองก็นิ่งไปเช่นกัน  เออว่ะ ถ้าพ่อผมนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาล่ะ  ถ้าแบบนั้นจะเข้าหายากกว่าการลุกขึ้นมาโวยวายซะอีก  ถ้าพ่อเป็นแบบนั้นล่ะก็น่ากลัวนะ

“ถ้าแม่ไม่พูดกับพ่อ  พ่อจะทำยังไง?” พี่ลุกซ์คิดไปซักพักก่อนจะถามคุณพ่ออย่างต้องการคำตอบ

“แม่แกเป็นแบบนั้นบ่อยจะตาย  ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงปล่อยให้ไม่พูดต่อไปแบบนั้นล่ะมั้ง  แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงจะเข้าไปกอดแล้วขอโทษดีๆ ล่ะนะ ฮึๆ” คุณพ่อพูดพลางเอนตัวไปกระแซะคุณแม่เบาๆ พลางยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกล  อ่า...เขินจัง  มาจีบกันต่อหน้าลูกๆ หลานๆ แบบนี้ไม่กลัวลูกหลานอิจฉาหรือไงนะ ฮ่าๆ  แต่ก็นะ เห็นคุณพ่อเป็นแบบนี้แล้วนึกถึงพี่ลุกซ์ตอนแก่เลยแฮะ  เหมือนได้มองพี่ลุกซ์ในอนาคตยังไงก็ไม่รู้  หน้าเหมือนกันซะด้วยสิ ฮ่าๆ

“พ่อจะให้ผมเข้าไปกอดไปหอมพ่อไอ้เปอร์เหรอ? ขนลุกตาย” พี่ลุกซ์กรอกตาขึ้นลงก่อนจะทำท่าขยะแขยงเสียเต็มประดา  ผมคิดตามก็หยึยๆ เหมือนกันครับ ฮ่าๆ

“แกต้องคิดวิธีง้อพ่อตาแกด้วยตัวเองแล้วล่ะ  ไม่มีใครช่วยแกได้หรอกลุกซ์” คุณพ่อพูด

“เปอร์” พี่ลุกซ์หันมามองหน้าผมอย่างขอความช่วยเหลือ

“ไม่ช่วย” ผมแสยะปากแล้วส่ายหน้าไปมาทันที  ผมเองก็คิดเหมือนกันนะครับว่าถ้าให้พี่ลุกซ์พิสูจน์ตัวเองด้วยตัวเอง พ่อผมจะยอมรับง่ายกว่าการที่มีคนช่วยหนุนหลัง  ถ้าผมช่วยพูดพ่อก็ต้องใจอ่อนอยู่แล้วล่ะเพราะพ่อพูดเสมอว่าความสุขของพ่อคือการได้เห็นลูกมีความสุข

พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อยผมก็ต้องขอตัวกลับเพราะกลัวพ่อกับแม่เป็นห่วงเนื่องจากผมไม่ได้โทรไปบอกไว้ก่อนว่าจะกลับช้า  พี่ลุกซ์ก็เลยต้องไปส่งผมอย่างไม่เต็มใจนักเพราะเขาอยากจะให้ผมอยู่ที่บ้านต่อ

 

กลับเข้ามาในบ้านก็ต้องมาเจอสายตาดุดันจากพ่อ  ผมพอจะรู้หรอกนะว่าที่เมื่อวานผมหายไปโดยให้พี่ถังโทรมาโกหกจะตบตาพ่อไม่ได้แต่ผมอยากอยู่กับพี่ลุกซ์หลังจากที่เราไม่ได้ติดต่อกันมานานแถมยังต้องมาผิดใจกันด้วยเรื่องที่แทบจะสะบั้นความสัมพันธ์ของเราอีกต่างหากนี่นา

“พ่อ” ผมเรียกพ่อเสียงอ่อนเมื่อพ่อกอดอกไม่หันกลับมามองหน้าผมหลังจากมองมาอย่างดุๆ แล้วหันหน้าหนีไป

“พี่เปอร์ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วล่ะครับ  ทุกคนรู้หมดแล้วแหละว่าพี่กลับไปคืนดีกับคนคนนั้นแล้ว  ทำไมพี่ไม่เข็ดเลยล่ะพี่เปอร์!?!” ไอ้ป้องที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมาพูดกับผมด้วยอารมณ์โมโห  อ่า...ทั้งพ่อทั้งน้องเลยแฮะ

“ป้อง มาหาพี่ตรงนี้ก่อนมา” ผมกวักมือเรียกเจ้าป้องให้เข้ามาหาซึ่งหมอนั่นก็ชักสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินเข้ามาหาผมอย่างไม่อิดออด

หมับ

ผมกอดไอ้ป้องเอาไว้เพื่อให้หมอนั่นใจเย็นลง  ที่โมโหก็เพราะรักและเป็นห่วงผมมาก  ไอ้ป้องอยู่กับผมตลอดตอนที่ผมเจ็บปวด  มันรู้ว่ามันทรมานมากแค่ไหนทำให้มันมีอคติกับพี่ลุกซ์มาก

“ป้อง ป้องก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับเขา” ผมพูดเสียงเบากับเจ้าป้อง

“ผมรู้ ผมรู้ว่าพี่รักหมอนั่น  แต่เขาทำร้ายพี่มากนะ  พี่รู้ไหมว่าผมรู้สึกแย่มากแค่ไหนตอนที่เห็นพี่เสียใจ  ผมพยายามเรียนเทควันโดให้เก่งเพื่อที่จะเอามาปกป้องพี่  ไม่ต้องไปง้อให้เขามาปกป้องหรอก” ไอ้ป้องผละออกจากผมแล้วตะคอกใส่ด้วยท่าทางเจ็บปวด  มันห่วงผมมาก ผมรู้  ห่วงมากจนไม่อยากให้ผมกลับไปเจ็บอีก  แต่ผมจะไม่กลับไปเจ็บอีก  ต่อไปนี้ผมจะมีความสุขแล้ว

“พี่อดทนมามากป้อง  แต่พี่ลุกซ์เขาก็อดทนและพยายามมากเหมือนกัน  พี่ไม่ได้เจ็บคนเดียวหรอก  เขาก็เจ็บด้วย  เขาทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อพี่  แต่แค่ทำผิดวิธีเท่านั้นเอง” ผมจับไหล่ไอ้ป้องไว้แล้วมองหน้ามันอย่างขอร้อง  ผมอยากให้มันเลิกอคติกับพี่ลุกซ์ อยากให้กลับไปเป็นน้องที่น่ารักของพี่ลุกซ์เหมือนเดิม

“อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์เปอร์  ตอนนี้พ่อกับน้องยังรับไม่ได้  แกไม่ต้องมาพูดปกป้องมันหรอก” พ่อผมพูดขึ้นบ้าง  ไอ้ป้องทำหน้านิ่งแล้วเดินไปยืนข้างหลังพ่อผมพลางมองผมด้วยสายตานิ่งสนิท  ไอ้นี่ชักจะโหดมากขึ้นไปทุกวัน  ซึมซับนิสัยพี่ลุกซ์ไปหรือเปล่าเนี่ย

“ไหนพ่อบอกว่าพ่อโอเคถ้าผมจะกลับไปคบกับเขาล่ะครับ?” ผมถามเสียงอ่อน

“ใช่ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้  จะให้ฉันยอมรับทั้งๆ ที่มันยังไม่ทำให้ฉันเห็นเลยว่ามันรักแกจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง  ต่อให้มันมาคุกเข่าขอขมาตรงนี้ฉันก็ไม่มีวันยอมง่ายๆ  มันยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้ฉันยอมรับ  ขึ้นห้องไปพักเถอะป้อง” พ่อพูดก่อนจะตบหลังไอ้ป้องเบาๆ เพื่อให้ไอ้ป้องกลับขึ้นห้อง  ไอ้ป้องเดินขึ้นไปก่อนที่พ่อจะเดินตามขึ้นไป  ผมมองก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ขอโทษด้วยนะน้องเปอร์ ที่ลูกพี่มันก้าวร้าวด้วยแบบนั้น” พี่ชัชที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เดินเข้ามาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนอบน้อม  ผมไม่ชอบเลย พี่ชัชเอาแต่เกรงใจผมอยู่เรื่อย  ผมบอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน  ผมนับถือพี่ชัชเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  ไอ้ป้องก็น้องชายผม  ที่สำคัญผมรู้ว่าหมอนั่นเป็นห่วงผมมากก็เลยโกรธจนลืมตัว” ผมบอกยิ้มๆ

“น้องเปอร์ดีกับพี่และลูกมาก  พี่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงจริงๆ  ขอบคุณมากนะ” พี่ชัชพูดพลางทำท่าจะไหว้แต่ผมรีบรับมือพี่ชัชเอาไว้

“พี่ชัช ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องตอบแทนอะไร  แค่พี่ยอมอยู่กับพวกเราที่นี่ในเวลาที่ลำบากผมก็ซึ้งใจจะแย่อยู่แล้ว  ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ  ผมเคารพและนับถือพี่  อย่าเกรงใจผมอีกเลยนะ” ผมลูบหลังมือพี่ชัชยิ้มๆ

“ครับ ส่วนเรื่องคุณลุกซ์ก็สู้ๆ นะ  ถึงพี่จะโกรธที่คุณลุกซ์ทำน้องเปอร์เสียใจแต่พี่ก็เข้าใจว่าคุณลุกซ์รักน้องเปอร์มาก” พี่ชัชยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนที่พวกเราจะผละมือออกจากกัน

“ขอบคุณนะครับ  ดีนะครับเนี่ยที่พี่ชัชไม่โกรธผมไปด้วย” ผมขำนิดๆ เพราะมีแค่แม่กับพี่ชัชนี่แหละที่ไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันไปมากกว่านี้โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นผมจึงเดินแยกออกไปคุยโทรศัพท์  มันเป็นโทรศัพท์ที่ผมอยากจะรับมากเลยครับ

 

“ฮัลโหลเพื่อน” ผมรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ  คนที่โทรมาก็คือไอ้พัดครับ  นี่มันกลับจากต่างประเทศแล้วเหรอเนี่ย?

[ไงมึง? อยู่ไหน?] ไอ้พัดถาม

“อยู่บ้าน  แล้วมึงล่ะ?” ผมถามกลับบ้าง

[กูเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อกี้น่ะ  อยากเจอมึงมากเลย  ก่อนหน้านี้คุยกับไอ้ตุล มันเล่าเรื่องมึงกับพี่ลุกซ์ให้ฟัง  ตอนนี้มึงโอเคนะ?] ไอ้พัดถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“โอเคสิ คืนดีกันแล้ว” ผมบอกพลางยิ้มนิดๆ

[เฮ้ย คืนดีกันแล้วเหรอ? จากที่ฟังมากูว่าสิ่งที่พี่ลุกซ์ทำมันเลวร้ายมากเลยนะ  ถึงกูจะรู้เหตุผลก็เถอะเพราะไอ้ตุลมันอยู่กับพี่กีร์เลยรู้เกือบทุกเรื่อง  แม่ง มึงใจอ่อนตลอดเลย] ไอ้พัดบ่นอย่างไม่ได้ดั่งใจที่ผมยอมคืนดีกับพี่ลุกซ์ง่ายๆ

“ถ้ามึงเป็นกูมึงก็คงยอม  เหยียบไว้นะมึง ที่กูยอมเพราะพี่ลุกซ์ร้องไห้น่ะสิ คุกเข่าขอคืนดีด้วย” ผมบอก  ใจหนึ่งก็ปวดหนึบๆ นะครับที่ต้องเห็นน้ำตาของพี่ลุกซ์ แต่อีกใจก็ภูมิใจที่ทำให้คนแข็งกระด้างอย่างพี่ลุกซ์อ่อนแอได้ขนาดนี้

[เฮ้ย คนอย่างพี่ลุกซ์น่ะนะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย] ไอ้พัดพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเหมือนกับมันสงสารพี่ลุกซ์มากทั้งๆ ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่ชอบใจที่ผมยอม  น้ำตาคนชั่วนี่มันมีผลต่อจิตใจคนจริงๆ

“แล้วว่ามึงจะมาหากูไหม? มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย” ผมถาม  อยากเจอมันมากเลยครับ  ไม่ได้เจอมันมานานมาก  ตั้งหลายเดือนแน่ะ

[เดี๋ยวกลับบ้านก่อน  แล้วจะไปหาที่บริษัทพรุ่งนี้] ไอ้พัดบอก  สงสัยจะไปดูที่ทางของบริษัทที่จะสมัครงานล่ะมั้ง  ถ้าไอ้พัดมาทำงานที่เดียวกันกับผมก็คงจะสนุกไม่น้อย  ไปเป็นลูกน้องพี่ลัน ไปเป็นรุ่นน้องไอ้ไอ  ฮ่าๆ คิดแล้วก็ตื่นเต้น

“โอเคได้ อย่าลืมของฝากนะมึง” ผมบอกพลางหัวเราะนิดๆ

[เออ ได้ๆ ไปละๆ กระเป๋ามาละ] ไอ้พัดบอกรีบๆ ก่อนจะรีบวางเพราะได้ยินเสียงไอ้วิทตะโกนเร่งให้ไปช่วยกันขนกระเป๋า  ไอ้พวกนี้ก็ยังดูรักกันดีแฮะ  ไอ้พัดดูดุๆ เหมือนจะไม่สนใจไอ้วิทแต่จริงๆ แล้วคนที่คุมทุกอย่างจริงๆ ดันเป็นไอ้วิทเด็กเฉิ่มซะได้ ฮ่าๆ น่ารักดีครับคู่นี้

ผมมองโทรศัพท์ยิ้มๆ ก่อนจะขึ้นห้องไปอาบน้ำนอน  พรุ่งนี้ผมจะได้เจอทั้งคนรักและเพื่อนรักเลย  ตื่นเต้นแฮะ  ผมจะพาเพื่อนของผมไปรู้จักกับพี่พลอยและเอกด้วย  ฮ้า รู้สึกดีจัง

 

45% left


 
++++++++++++++++++++++++++++

ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมเข้ามาทุกทีแล้ว  อาจจะหายไปนานกว่าเดิมเน้อ อิๆ
อย่าเพิ่งทิ้งกันก่อนน้า ฮ่าๆๆๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา