[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  237.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) Chapter 15 : เฮียลุกซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 15 : เฮียลุกซ์


 

“ผะ...ผะ...ผี!!” พี่ตรีชี้ไปที่พี่ลุกซ์ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดขีด

“ฮะ!?!” ผม เอกและพี่ลุกซ์อุทานออกมาแทบจะพร้อมกันเมื่อได้เห็นท่าทางของพี่ตรี

“พี่ ใครเป็นผี?” เอกจับมือพี่ตรีกำลังชี้หน้าพี่ลุกซ์ให้กลับมาอยู่ข้างลำตัวก่อนจะขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“ก็คุณลุกซ์...คุณลุกซ์ตายแล้ว” พี่ตรีหันไปมองหน้าเอกพลางตอบก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างตกใจ

“ผมตาย? ตอนไหน?” พี่ลุกซ์ชี้หน้าตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วงงๆ หน้าพี่มันเหมือนกำลังจะสื่อออกมาว่า นี่กูตายตอนไหน เลยแฮะ

ขณะที่ทุกคนกำลังทำหน้างงผมก็ได้แต่ถอนใจอย่างปลงตก  ผมเคยบอกพี่ตรีไปนี่นาว่าพี่ลุกซ์ตกเครื่องบินตาย  ไม่คิดว่าพี่ลุกซ์จะโผล่มาที่นี่อีกผมเลยพูดอะไรไปโดยไม่คิด

“กะ...ก็น้องเปอร์บอกว่าคุณลุกซ์ตกเครื่องบินเสียชีวิต  แล้ว...แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” พี่ตรีถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“งั้นเหรอครับ?” พี่ลุกซ์เหลือบตามามองผมนิดๆ ก่อนจะหลบตา “สงสัยเปอร์เขาคงโกรธผมมากมั้งครับ  โกรธขนาดที่อยากจะให้ผมตาย...ไปจากชีวิต” พี่ลุกซ์เหลือบตามามองผมอีกครั้งก่อนจะหันไปมองพี่ตรี

“จริงเหรอคะ? เมื่อก่อนเห็นสนิทกันดี  เป็นพี่น้องกันอย่าโกรธกันเลยนะคะ” พี่ตรีหันมาพยักหน้าใส่ผมกับพี่ลุกซ์

“พี่น้อง? เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันหรอกครับ” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะบอก

“อ้าว เหรอคะ? นึกว่าเป็นพี่น้องกัน  เห็นสนิทกัน กอดคอกัน หยอกล้อกันตลอดเลยนี่นา  น้องเปอร์ชอบงอนคุณลุกซ์จนคุณลุกซ์ต้องสั่งขนมไปง้อบ่อยๆ พี่ก็เลยคิดว่าเป็นพี่น้องกัน” พี่ตรีพูดออกมาหน้าซื่อๆ จนผมชะงักไป  อดีตที่หอมหวาน...นึกถึงมันทีไรผมปวดหัวใจทุกที

“ทุกวันนี้ผมก็กำลังง้อเขาอยู่ครับ  แต่ดูเหมือนใจจะแข็งมากกว่าเดิมทีเดียว  ง้อเท่าไหร่ก็ไม่หาย  ใช่ไหมเปอร์?” พี่ลุกซ์มองหน้าผมอย่างมีความหมายแต่ผมก็รีบหลบตา  ผมไม่เคยเอาชนะสายตาเขาได้เลย  ผมแพ้ทางเขาตลอดเพราะฉะนั้นผมจะไม่สบตาที่จริงจังของเขาเด็ดขาดเพราะผมมักจะใจอ่อน

“อุต๊ะ! ประธาน!” พี่พลอยที่เดินออกมาจากหลังร้านอุทานออกมาเมื่อเห็นพี่ลุกซ์

“เปอร์ ใช้ไม่ได้เลยนะเรา  ไปงอนพี่เขาแบบนั้นได้ยังไง? ทะเลาะกันไม่ดีหรอกนะ  รีบๆ คืนดีกันเลย  ดูซิ คุณลุกซ์เจ็บขาแต่ยังอุตส่าห์มาซื้อขนมให้  เปอร์ไปดูแลหน่อยสิ” พี่ตรีเอ็ดผมเบาๆ ก่อนจะดึงแขนผมแล้วออกแรงลากผมให้ไปยืนข้างๆ พี่ลุกซ์โดยที่ผมไม่เต็มใจซักนิด

“เขามีคนดูแลเยอะแล้วครับ  ไม่จำเป็นต้องให้ผมดูหรอก” ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์แต่พี่ตรีก็ดันผมกลับมายืนที่เดิม

“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ  เปอร์...ช่วยพยุงหน่อยสิ” พี่ลุกซ์หันมาบอกผม

“ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย?” ผมทำหน้าตึงอย่างไม่ชอบใจ

“งั้นเดี๋ยวผมช่วยพยุงพี่ลุกซ์ไปที่รถให้เองนะครับ” เอกอาสาก่อนจะเดินมายืนแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ลุกซ์

“ไอ้เอก มานี่เลย  แกจะไปยุ่งกับเขาทำไมวะ?” พี่ตรีขมวดคิ้วก่อนจะเดินมาลากเอกให้กลับไปอยู่หลังเคาน์เตอร์เหมือนเดิม

“ใช่ พี่ว่าเปอร์ไปกับประธานเถอะนะ” พี่พลอยพยักหน้าเชียร์ก่อนจะเหลือบตามองเอกอย่างไม่ชอบใจ

“แต่ว่า...”

“เปอร์ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่ไปกว่านี้  พี่ตรีกับลูกค้าในร้านตกใจกันหมดแล้ว” พี่ลุกซ์ดึงแขนผมให้ขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ เหมือนกระซิบขู่

“ผมออกไปกับคุณก็ได้  แต่ออกไปแล้วต่างคนต่างแยก” ผมกัดฟันพูดกับเขาเบาๆ

“แต่เปอร์ยังเรียนทำขนมอยู่นะครับ” ขณะที่ผมกำลังจะหันไปบอกลาคนอื่นๆ เอกก็พูดขึ้นผมจึงพยักหน้ารับ

“เอก!” พี่พลอยจับแขนเอกก่อนจะบีบซะแน่น

“เปอร์ไปดูแลคุณลุกซ์เถอะนะ  ขาเจ็บแบบนั้นคงเดินเหินลำบาก” พี่ตรีตบไหล่เอกซะแรงก่อนจะหันมายิ้มให้ผมกับพี่ลุกซ์

แกร๊ก!

“โอ๊ย!” ผมหันไปมองพี่ลุกซ์อย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นกระทบพื้น  เมื่อเห็นว่าไม้ค้ำพี่มันลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ด้วยจิตใจที่ยังเป็นคนดีของผมอยู่ทำให้ผมรีบไปช่วยพยุงเขา  พอรู้ตัวผมก็แทบจะปล่อยเขาให้ล้มเพราะไม่อยากใกล้ชิดแต่ดูจากสายตาของทุกคนแล้วถ้าผมปล่อยพี่ลุกซ์ตอนนี้ผมคงเป็นคนที่ชั่วมากในสายตาพวกเขา

“เป็นห่วงใช่ไหม?” พี่ลุกซ์กระซิบถามพลางระบายยิ้มออกมานิดๆ

“สมเพชต่างหาก” ผมสวนกลับทันที

“งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนละกันนะครับ” พี่ลุกซ์หันไปมองคนอื่นๆ ก่อนจะแอบเนียนเกาะเอวผมเอาไว้ซะแน่น

“โอเคค่า เดี๋ยวพี่ช่วยถือไม้เท้าไปให้นะ อิ๊ๆ” พี่พลอยยิ้มร่าเริงก่อนจะเดินมาหยิบไม้ค้ำเพื่อถือมาส่งที่รถ

“โอ๊ย เจ็บจังเลย” พี่ลุกซ์แกล้งทำเป็นเดินไม่ไหวก่อนจะเอาหน้ามาซบที่หัวผมด้วย 

ฮึ่ม! ผมอยากปล่อยไอ้บ้านี่ให้ล้มลงไปขาหักตายที่พื้นจริงๆ

“เปอร์กับประธานน่ารักจัง คึๆ คุณคนขับรถ ขับรถไปส่งสองคนนี้ดีๆ นะค้า  ไปล่ะนะ” พี่พลอยกระดี๊กระด๊าเอาไม้ค้ำไปไว้ที่กระโปรงหลังก่อนจะเดินมาเคาะกระจกบอกคนขับรถอย่างอารมณ์ดี  พี่ตรีที่เดินออกมาส่งหน้าร้านก็โบกมือบ๊ายบายใหญ่เลย  ผมที่คิดว่าจะแยกจากพี่ลุกซ์เดินมาถึงหน้าร้านแล้วก็เลยจำเป็นต้องขึ้นรถไปกับพี่ลุกซ์ด้วย

 

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับผม  คุณสัญญาแล้วด้วย  แต่นี่คุณกำลังผิดสัญญา” ผมนั่งตัวตรงในรถก่อนจะพูดออกมาเสียงเข้ม  ส่วนพี่ลุกซ์ก็เอาแต่เอนตัวมาซบผมแล้วก็ลูบเอวผมเล่นเบาๆ

“มีโอกาสใกล้ชิดกับมึงกูก็ต้องคว้าเอาไว้สิ  ดีนะที่พี่ตรีกับคุณพลอยเขาเชียร์กู” พี่ลุกซ์พูดเสียงรื่นเริงพลางเอาถุงใส่ขนมมาวางบนตักผม “ซื้อมาให้แล้วก็กินหน่อย  เสียดายของ  แต่ถึงมึงจะทิ้งไปทุกครั้งที่กูให้ก็เถอะ กูก็จะซื้อให้มึงเรื่อยๆ แค่นิดเดียวก็ให้กูได้ดูแลมึงหน่อยนะ” พี่ลุกซ์ขอร้อง  แต่ผมไม่ฟัง

“ขอโทษนะครับน้าอ้วน  รบกวนจอดแถวๆ นี้ได้ไหมครับ?” ผมไม่สนใจพี่ลุกซ์ก่อนจะชะโงกไปบอกน้าอ้วนที่เป็นคนขับรถประจำบ้านพี่ลุกซ์

“แต่ว่า...” น้าอ้วนมองผมกับพี่ลุกซ์ผ่านกระจกหลังด้วยสายตาเลิ่กลั่ก

“ไม่ต้องจอดหรอก  ไปส่งไอ้เปอร์ที่บ้าน” พี่ลุกซ์ยืดตัวขึ้นดีๆ ก่อนจะสั่งน้าอ้วน

“ครับ” น้าอ้วนพยักหน้ารับ

“เปอร์ ขอร้องล่ะนะ  ไม่ต้องพูดดีๆ หรือทำท่าทางดีๆ กับกูก็ได้  แต่ของที่กูซื้อให้ กูอยากให้มึงกินนะ  ตอนนี้มึงผอมมากจริงๆ กูเป็นห่วง” ผมนิ่งพลางเม้มปาก  อย่ามาใจดีและอ่อนโยนกับผมในเวลาแบบนี้ได้ไหม  อยู่ด้วยกันตามลำพังทีไรใจผมพลันจะอ่อนลงทุกที

“ทำไมคุณต้องเป็นห่วงผมด้วย?” ผมหลบตาพลางถาม

“ก็กูรักมึง” คำตอบที่ตอบออกมาแทบจะทันทีที่ได้ยินคำถามทำเอาผมชะงัก  ใจเจ้ากรรมมันเต้นรัวจนผมต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์

“แต่ผมไม่ได้รักคุณ” ผมพูดทั้งๆ ที่หันหน้าหนีจากเขา

“โกหก” พี่ลุกซ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำให้ลมหายใจเขารดที่หลังหูของผม

“ไม่ได้โกหก”

“หันหน้ามาบอกดีๆ สิ  หันหน้าหนีแบบนี้กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงไม่ได้รักกู” พี่ลุกซ์พูดเบาๆ ข้างใบหูของผมทำเอาผมรู้สึกร้อนผ่าวๆ ตรงบริเวณที่สัมผัสลมหายใจ

“ผมไม่ได้รัก...อุ๊บ!” ผมที่อารมณ์ขึ้นตามคำยุหันไปหวังจะบอกไม่ได้รักแต่ยังพูดไม่ทันจบปากผมก็ถูกปิดซะก่อน

ผมนิ่งไปนิดก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงเพราะความอ่อนโยนที่ส่งผ่านริมฝีปากมามันทำให้เผลอไผล  ริมฝีปากนิ่มและอุ่นเม้มกลีบปากด้านล่างของผมอย่างแผ่วเบาก่อนที่ลิ้นร้อนจะค่อยๆ แทรกเข้ามาในโพรงปาก  ผมเผยอปากขึ้นนิดหน่อยเพื่อให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาได้อย่างสะดวก  เมื่อกอบโกยเอาความหวานไปจนหนำใจ พี่ลุกซ์ก็ผละออกไปแล้วยิ้มออกมาบางๆ

“ต่อให้มึงพูดว่าไม่รักกูหรือเกลียดกูกี่ร้อยกี่พันครั้ง  กูก็ยังยืนยันคำเดิมว่ากูรักมึง  เมื่อก่อนกูปากแข็งไปหน่อยที่ไม่ค่อยบอก  แต่ต่อจากนี้ไปกูจะบอกรักมึงทุกวัน  บอกจนมึงเอียนเลยแหละ” พูดพลางใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา

“คุณมันคนเลว  ชอบทำร้ายจิตใจผมแล้วก็มาปลอบทีหลัง  มีอะไรก็ไม่เคยบอกผมซักอย่าง  ผมไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม  เวลาที่คุณมีปัญหาคุณไม่เคยให้ผมได้ช่วยแบ่งเบา  เพราะฉะนั้น...ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าคุณจะมีเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิต  ผมก็จะไม่ขอรับรู้มันอีก  คุณทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาที่ผมมีต่อคุณทิ้งด้วยมือของคุณเอง” ผมใช้มือดันอกเขาออกไปก่อนจะพูดออกมาเสียงสั่นเครือ  ทันทีที่ผมพูดจบรถก็จอดที่หน้าบ้านผมพอดี  ผมรีบเปิดประตูลงจากรถก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไปโดยไม่ทักทายใคร

ขอร้องล่ะ  เข้มแข็งหน่อยนะหัวใจ  อย่าร้องไห้ออกมาตอนนี้เลย

 

หลังจากที่ร่างโปร่งบางลงจากรถไปแล้ว ลุกซ์ก็นั่งอึ้งอยู่บนรถกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง  เขาถอนหายใจก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงด้วยท่าทางเหนื่อยๆ

“พยศเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ” อ้วน คนขับรถประจำบ้านลุกซ์พูดขึ้นพลางมองหน้าเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง

“ดื้อกว่าเมื่อก่อนอีก  ผมคงต้องให้เวลามันจัดการกับความรู้สึกของตัวเองซักพัก  แต่คงไม่นานหรอกเพราะยิ่งนานศัตรูหัวใจยิ่งเยอะ  เอ้อ น้าอ้วน  ไปส่งผมที่อู่แถวชานเมืองหน่อย แล้วน้ากลับบ้านไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปส่ง” ลุกซ์บอกก่อนจะถอดสูทกับเสื้อเชิ้ตออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวข้างใน

อู่ที่ลุกซ์จะไปเป็นที่รวมตัวของคนที่ภักดีต่อลุกซ์  ทั้งคนที่เคยแข่งรถแพ้ ต่อสู้แพ้ รุ่นน้องหรือแม้กระทั่งรุ่นพี่ต่างก็ศรัทธาในตัวลุกซ์จนยอมที่จะขอติดตามในฐานะลูกน้อง  คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่อู่คือพวกที่ชอบรถทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์  บางคนก็เป็นเด็กเหลือขอที่เคยมีเรื่องกับลุกซ์  ลุกซ์สงสารจึงให้ทำงานที่อู่เพื่อประทังชีวิต

 

เมื่อลุกซ์ไปถึงอู่ทุกคนที่อยู่ประจำที่อู่ต่างก็กรูเข้ามาช่วยประคองลุกซ์เพราะรู้ว่าลุกซ์บาดเจ็บ  ลุกซ์มองลูกน้องตัวเองก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ พลางยิ้มนิดๆ

“ไม่ต้องดูแลกูขนาดนั้นก็ได้เว้ย  กูไม่ได้เป็นง่อย” ลุกซ์บอกเมื่อลูกน้องจัดที่นั่งให้แล้วหาน้ำหาท่ามาให้ดื่มพร้อมกับพัดวีให้เนื่องจากลุกซ์ไม่เข้าไปนั่งพักในสำนักงานแต่มานั่งดูคนที่อู่ช่วยกันแต่งรถ

“มึงจะมาทำไมไม่บอกก่อนวะ  พวกเด็กๆ อยากเจอมึงนะเนี่ย” ชิต ที่เคยเป็นศัตรูคู่แค้นกับลุกซ์และเปอร์พูดขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ  หลังจากที่โดนลุกซ์สั่งสอน ชิตก็เลยกลายเป็นลูกน้องลุกซ์ไปโดยปริยายและมาช่วยคุมที่อู่ด้วยเพราะชิตเคยเปิดอู่มาก่อนแต่ไปไม่รอด  พอมาอยู่ฝ่ายลุกซ์ชิตก็เลยได้มาประจำอยู่ที่อู่นี้

“ถ้าพวกมันรู้ว่ากูมาพวกมันต้องโดดเรียนพิเศษมาหากูน่ะสิวะ” ลุกซ์บอกเพราะรู้จักพวกรุ่นน้องของลุกซ์ดี  ลูกน้องลุกซ์บางคนอาจจะไม่เคยรู้จักหรือเป็นศัตรูกับลุกซ์มาก่อนแต่มีคนรู้จักชักชวนให้มารู้จักกับลุกซ์ทำให้พวกนั้นกลายมาเป็นลูกน้องลุกซ์ไปโดยปริยาย

“อ้าวพี่ชิต  ทำไมวันนี้ครึกครื้นกันจังครับ” จู่ๆ ก็มีคนที่ลุกซ์ไม่คุ้นเดินเข้ามาทักชิตที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกซ์ด้วยสีหน้าหม่นๆ  เมื่อมีคนไม่รู้จักเข้ามาหาแบบนี้ลุกซ์ก็เลยยกมือขึ้นบอกให้พวกเด็กๆ ที่กำลังพัดวีให้พวกเขาอยู่หยุดแล้วมองคนคนนั้นอย่างสังเกต

“มึงเป็นอะไรวะชัย? สีหน้าดูไม่ดีเลย” ชิตมองหน้าลุกซ์นิดๆ เมื่อเห็นว่าลุกซ์ไม่ว่าอะไรที่ชัยไม่ยกมือไหว้ลุกซ์เหมือนคนอื่นๆ ชิตจึงถามขึ้น

“ผมตกงานว่ะพี่  ขนาดคิดว่าทำงานในบริษัทเล็กๆ แล้วจะไม่โดนไล่ออกนะเนี่ย  เฮ้อ  ว่าแต่เฮียลุกซ์เขาเป็นประธานบริษัทใหญ่เลยใช่ไหม? ผมอยากไปทำงานกับเขาจัง” ชัยเดินไปนั่งที่แคร่เล็กๆ ก่อนจะบ่นอุบอิบทำให้ทุกคนในอู่พร้อมใจกับหันไปมองหน้าลุกซ์  เมื่อลุกซ์ส่ายหน้าไปมาทุกคนเลยไม่กล้าพูดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างชิตคือเฮียลุกซ์ที่ชัยพูดถึง  ชัยเองก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากเพราะมัวแต่เครียดที่ตัวเองตกงาน

“มึงจะไปทำงานอะไรในบริษัทใหญ่ๆ แบบนั้น?” ชิตเหลือบตาไปมองลุกซ์นิดๆ ก่อนจะหันไปถามชัย

“ผมเป็นนักบัญชี  ผมทำบัญชีได้นะ” ชัยพูด

“อู่นี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องมีนักบัญชี  ไม่งั้นกูคงจ้างมึงมาทำงานแล้วแหละ  แต่เงินมันไม่ดีอะนะ” ชิตบอก

“พี่ ถ้าผมเจอเฮียนะ  ผมจะกราบตีนเลยเอ้า  ผมโคตรอยากเจอคนที่พวกพี่เคารพฉิบหายเลยว่ะ” ชัยพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชิตและนั่นทำให้ชัยสังเกตเห็นลุกซ์อย่างชัดๆ  แต่ตอนนี้ลุกซ์ใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงสแล็คทำให้ชัยไม่คิดว่าลุกซ์จะรวยแต่กำลังคิดว่าเป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊ง  มันไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีคนหล่อหน้าตาดีอยู่ที่อู่เถื่อนๆ แบบนี้เพราะคนที่ศรัทธาในตัวลุกซ์ส่วนมากก็เป็นผู้รากมากดีกันทั้งนั้น

“มึงจะกราบตีนเลยเหรอวะ? มึงยังไม่เคยรู้จักหมอนั่นเลยนะเว้ย ทำไมถึงกล้ากราบวะ?” ชิตทำท่าอึ้งๆ ไม่คิดว่าแค่ชื่อลุกซ์ก็มีอิทธิพลขนาดนี้

“ไม่รู้ล่ะ  ผมรู้สึกว่าเขามีอำนาจ  ขนาดคนเก่งๆ อย่างพวกพี่ยังศรัทธา ผมเองก็อยากเข้าแก๊งด้วย  ถ้าเจอนะ ผมจะขอเข้าแก๊งโดยไม่มีข้อกังขาเลยพี่” ชัยพูดออกมาอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง  ลุกซ์มองหน้าชัยก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้วกระดิกเท้ายิกๆ คนในอู่เองก็ต่างกลั้นขำที่ชัยพูดออกมาโดยไม่รู้ว่าลุกซ์อยู่ตรงนี้

“เฮีย บอกได้ยังอ่ะว่าเฮียนั่งอยู่ตรงนี้?” เด็กวัยมหาลัยที่เป็นรุ่นน้องคณะเดียวกันกับลุกซ์คนหนึ่งกระซิบถามลุกซ์อย่างตื่นเต้นปนขำ

“เอาดิ” ลุกซ์พยักหน้าโดยที่ยังกระดิกเท้าอยู่อย่างนั้น

“พวกเรา  ปูทางนิดนึง” เด็กรุ่นน้องคนเดิมยืดตัวขึ้นก่อนจะพูดทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ลุกซ์ต่างก็รีบมาปัดฝุ่นบริเวณที่ลุกซ์วางเท้าอยู่  ชัยนิ่งไปนิดหน่อยอย่างงงงวยทำให้ชิตต้องเฉลยก่อนจะชัยจะงงไปมากกว่านี้

“ไอ้ชัย เฮียลุกซ์ของพวกกู...คือไอ้หมอนี่ว่ะ ฮ่าๆ” ชิตตบไหล่ลุกซ์ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนในอู่  ชัยมองลุกซ์ตาค้างเพราะคิดว่าเฮียลุกซ์ต้องรุ่นราวคราวเดียวกับชิตที่อายุเกือบจะขึ้นเลขสี่แล้ว  ไม่คิดว่าคนที่มีลูกน้องเยอะแบบนี้จะอายุน้อยแถมยังหล่อเหลาขนาดนี้

“พี่ชัย เมื่อกี้บอกจะกราบตีนเฮียนะ” เสียงเด็กในอู่พูดเตือนชัยที่กำลังอึ้งทำให้ชัยได้สติก่อนจะคลานเข่าไปหาลุกซ์เพื่อกราบเท้า

“อะๆ ไม่ต้องๆ กูไม่ชอบให้คนอายุมากกว่ามากราบตีน” ลุกซ์รีบหยุดชัยที่กำลังจะก้มลงกราบเอาไว้ “อยากได้งานใช่ไหม? เอานี่ไป  ไปซื้ออะไรมากินซะ  เดี๋ยววันนี้กูอยู่กันข้าวเย็นด้วย  อยากกินอะไรก็ซื้อมา  เหล้าด้วย อย่าลืม” ลุกซ์ควักเงินไปยัดใส่มือชัยประมาณห้าพันบาทเพื่อใช้ให้ชัยไปซื้ออาหารและเครื่องดื่มมาทานกันในเวลาอาหารเย็น และหลังจากนั้นค่อยคุยกันเรื่องงานของชัย

“เฮียกินเหล้าแบบไหนครับ?” ชัยถามเพราะกลัวว่าถ้าซื้อมาไม่ถูกใจ ลุกซ์จะอาละวาด

“กูกินแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น  สมัยมหาลัยกูกินแม้กระทั่งเหล้าขาว ฮึๆ” ลุกซ์บอกเพราะไม่เรื่องมาก  แต่ถ้าเป็นช่วงที่เขาอยากกินเหล้าดีๆ เขาจะเลือกเหล้านานยิ่งกว่าเลือกอะไหล่รถเสียอีก

“เอารถกูไปใช้ก่อนก็ได้ไอ้ชัย  แล้วก็ซื้อของมาให้ถูกใจเฮียมึงด้วยล่ะ  ไม่งั้นเดี๋ยวอดได้งาน” ชิตพูดทำให้ชัยถึงกับหน้าหมองเพราะไม่เคยรู้ว่าลุกซ์ชอบกินอะไร

“มึงอย่าไปขู่มันสิวะไอ้ชิต  กูกินอะไรก็ได้ยกเว้น...ไข่” ลุกซ์ชะงักไปนิดเมื่อพูดถึงอาหารที่เขากินไม่ได้เพราะนั่นมันทำให้เขาคิดถึงเปอร์ขึ้นมา  เมื่อก่อนเปอร์เคยทำไข่ให้เขากินโดยที่ไม่รู้ว่าเขาแพ้แต่พอรู้ เปอร์ก็เลิกทำและตอนนี้ลุกซ์เองก็ไม่แน่ใจว่าหากมีโอกาสที่เปอร์จะต้องทำอาหารให้เขาอีกเปอร์อาจจะทำไข่ให้เขากินก็ได้  แน่นอนว่าถ้าเปอร์สั่งให้กินลุกซ์ก็คงกินอย่างแน่นอน

“คระ...ครับ” ชัยพยักหน้ารับก่อนจะรับกุญแจรถจากชิตมาแล้วขับรถออกไปซื้ออาหารที่ร้านอร่อยที่เขารู้จัก

“ดีใจอ่ะเฮีย  นานๆ ทีเฮียจะมาหาพวกเรา” เด็กม.ปลายที่บ้านฐานะร่ำรวยแต่เขาศรัทธาในตัวลุกซ์จึงมาขลุกอยู่ที่นี่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

“ที่จริงกูมีเรื่องจะมาขอร้องพวกมึง” ลุกซ์หน้าเครียดก่อนจะบอกออกมาทำให้พวกที่ยิ้มๆ อยู่เริ่มซีเรียสขึ้นมาด้วย

“ไอ้บิ๊ก พาเพื่อนไปเคลียร์ห้องประชุมไป” ชิตหันไปบอกเด็กในอู่คนหนึ่งให้ไปทำความสะอาดโกดังเล็กๆ ข้างหลังอู่ที่มักจะใช้เป็นที่ประชุมเมื่อมีเรื่อง

“ครับ  รอแป๊บนะครับเฮีย” บิ๊กรับคำก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นของพวกเขาจะรีบวิ่งไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย

ลุกซ์เม้มปากขมวดคิ้วพลางกำลังนึกถึงเรื่องที่ตนจะขอให้พวกลูกน้องช่วย  แน่นอนว่าเรื่องที่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศัตรูที่กำลังปองร้ายเขาและเปอร์ในช่วงนี้  ศัตรูที่ว่าเป็นศัตรูเก่าที่ลุกซ์ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแต่พอเวลาผ่านไปศัตรูคนนี้กลับสร้างปัญหาให้ลุกซ์อย่างใหญ่หลวง  เขาจำเป็นต้องจัดการอย่างเด็ดขาด

 

ผมเดินถือถุงขนมเข้าไปในห้องนอนของตัวเองก่อนจะเปิดมันออก  เฮ้อ เขายังจำรายละเอียดของผมได้เสมอ  จำได้ว่าผมชอบอะไร  จำได้ว่าต้องง้อผมยังไง  แต่ตอนนี้ผมแค่อยากได้ความเชื่อมั่นกันและกันก็เท่านั้น  ถ้าเขาให้ไม่ได้ผมก็ไม่อยากได้อะไรจากเขาอีก

ก๊อกๆ

“พี่เปอร์ พี่เอกมาหา” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่เสียงไอ้ป้องจะดังขึ้น  ผมวางถุงขนมลงก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู

“เอกเหรอ? อืม ป่ะ ลงไปด้วยกัน” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะเดินนำลงไปข้างล่าง

 

ผมพาเอกมานั่งคุยธุระที่โซฟาในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่มีใครเข้ามาฟังด้วย  จากที่ผมสังเกตสีหน้าของเอกเขาคงมีเรื่องเครียดมาปรึกษาผมล่ะมั้ง  รู้สึกแปลกๆ นะที่คนนิสัยร่าเริงอย่างเขาจะมีท่าทางเครียดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

“ถามจริงๆ นะเปอร์  คือ...เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมหรอกแต่ผมเห็นท่าทางเปอร์แล้วผมลำบากใจแทน  เปอร์น่ะ...ไม่อยากให้พี่ลุกซ์มายุ่งเกี่ยวด้วยแล้วใช่ไหม?” ลุกซ์ถามออกมาเสียงจริงจัง  ผมที่นั่งก้มหน้าอยู่เหลือบตามองเขานิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงพนัก

“ครับ ผมไม่อยากให้เขามายุ่งกับผมอีก” ผมบอกออกไปตามที่สมองสั่ง  สมองมันสั่งให้ผมพูดออกไปแบบนี้จริงๆ  ปกติผมมักจะแพ้ใจตัวเอง ใจอยากทำอะไรก็ทำเสมอแต่ตอนนี้สมองผมมันกำลังควบคุมหัวใจอยู่

“อยากให้ผมช่วยไหม?” เอกถามพลางมองตาผมก่อนจะหลบวูบไป  ผมจ้องเอกนิ่งๆ อย่างดูอาการ  คำพูดของพี่พลอยแว้บเข้ามาในหัว  ผมได้แค่ขอว่าเอกคงไม่ได้ชอบผมอย่างที่พี่พลอยสันนิษฐาน

“ช่วยยังไง?” ผมถามและยังดูท่าทางเอกต่อไป  เอกเหลือบตามองผมก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนไม่กล้ามองแถมหน้าเขายังแดงมากด้วย

“ให้ผมแกล้งเป็นแฟนไหม?” เอกจิกกางเกงตัวเองแน่นแล้วหลับหูหลับตาพูดออกมา  ผมถอนหายใจพลางกรอกตามองเพดานโดยไม่ได้พูดอะไร  เอกเองก็หลับตาปี๋อย่างลุ้นๆ

“ไม่ดีหรอกเอก  เราเป็นเพื่อนกันนะ  ให้แกล้งเป็นแฟนกับเพื่อนผมทำไม่ได้” ผมพูดดักคอเอกเพื่อให้เขารู้ว่าผมคิดกับเขาแค่เพื่อนเท่านั้น

“เอ่อ...เพื่อน...สินะ? แล้ว...มีโอกาส...เอิ่ม...” เอกเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าถามออกมา

“จริงๆ แล้วผมไม่อยากมีใคร  ไม่อยากใช้ใครเป็นเครื่องมือ  เมื่อก่อนผมเคยใช้คนคนหนึ่งเป็นเครื่องมือในการหนีจากผู้ชายคนนั้นแต่สุดท้ายผมก็ทำให้เขาเจ็บปวดเพราะผมหนีไปไหนไม่ได้  ตอนนี้ผมว่าผมอยู่คนเดียวดีกว่า  สบายใจกว่าเยอะ  ต่อให้ผู้ชายคนนั้นมาตามรังควานแต่ผมไม่สนใจซะอย่างก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ” ผมบอก  ถ้าเอกคิดกับผมในแบบนั้นจริงๆ ผมก็ควรต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ผมชอบเอกนะแต่ชอบแบบเพื่อนเพราะเขาเป็นคนดีและน่ารักมาก  ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้ของเราเปลี่ยนไป

“งั้นเหรอ? อื้ม ดีแล้วแหละ  แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ บอกผมได้นะ  ผมยินดีช่วย” เอกยิ้มกว้างผมจึงพยักหน้ายิ้มๆ

“แล้วนี่เป็นไงบ้างครับ? พี่พลอยได้อยู่ทำขนมต่อไหม?” ผมถามถึงพี่พลอยที่คอยมากันท่าเอกให้

“กลับไปแล้วล่ะครับ  พอเปอร์กับพี่ลุกซ์ไปด้วยกันเจ๊คนนั้นก็เดินสะบัดก้นกลับไปเลย  ตอนแรกก็ทำตัวน่ารักอยู่หรอก  แต่หลังๆ มาไม่รู้เป็นอะไร ชิ!” พอพูดถึงพี่พลอย เอกก็มีท่าทางหัวเสียขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆ พี่พลอยเขาน่ารักนะครับ  ไม่แน่ เขาอาจจะถูกชะตากับเอกมากก็ได้” ผมหัวเราะนิดๆ ก่อนจะพูดออกมา

“โอย ไม่มีทางอ่ะ  ผมเข้ากับเจ๊คนนั้นไม่ได้แน่นอน  เฮอะ พูดแล้วเซ็ง ผมกลับคอนโดดีกว่า” เอกบ่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนผมจึงลุกขึ้นตามเพื่อจะเดินไปส่งเอกที่หน้าบ้าน

เอกเดินไปคร่อมบิ๊กไบค์ของตัวเองก่อนจะใส่หมวกกันน็อคแล้วขับออกไป  จะว่าไปเอกก็เท่ไม่หยอกเหมือนกันนะเพียงแต่ผมไม่ได้ชอบเขาในเชิงแบบนั้น  เป็นเพื่อนกันต่อไปดีที่สุดแล้ว  ถ้าเอกจะมีแฟน ผมว่า...พี่พลอยก็เหมาะนะ ฮึๆ

คราวหน้า ผมจับคู่นี้ให้ป๊ะกันซะเลยดีไหมเนี่ย ฮ่าๆ

 

++++++++++++++++++++++++++
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา