ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
79) บทที่ ๗๙: อดีตของมณฑาและกาสะลอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๗๙
[บรรยายโดยนางสาวมณฑา วิไลผกามาศ]
อดีตของมณฑาและกาสะลอง
เผลอนึกถึงเรื่องที่แม่เสียชีวิตจนได้
พอลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เผลอหลับตาเพราะคาถาในขณะที่อยู่ในน้ำ ก็พบว่าตนเองอยู่ในเรือนวิไลผกามาศในสมัยที่ฉันยังเยาว์วัย ช่างชวนให้คิดถึงนักแต่เพราะคิดถึงเรื่องในวัยเยาว์นั่นแหละถึงเผลอนึกถึงเรื่องที่แม่ตายไป …ทั้งๆ ที่หวังว่าสักวันหนึ่งพอโตขึ้นไปอาจจะมีบางอย่างเปลี่ยนให้แม่กลับมารักดังเดิม ทว่าเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ เมื่อแม่จากไปก่อน
และคนที่ทำลายความฝันนั้นก็คือซอ
ถึงฉันจะมารู้ภายหลังว่านางทำไปเพื่อฉัน แต่มันก็ไม่ถูกอยู่ดี ไม่รู้ว่าจะเกลียดฤๅรักดีเพราะนางทำเพื่อฉันแต่ทำร้ายผู้ที่มีพระคุณที่ทำให้ฉันเกิดมา
ฉันพยายามเลิกคิดเรื่องนี้พร้อมกับคลี่พัดมาพัดเบาๆ กลับมาคิดเรื่องที่ตนเองกำลังประสบอยู่ ที่นี่คงจะเป็นมิติความฝันกระมัง เพราะพลับพลึง อดีตนายิกาที่เป็นคนก่อเหตุคดีนี้ร่ายคาถาให้ทุกคนหลับซึ่งก็รวมฉันด้วยพอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ในวัยเยาว์ อาคมนี้จะให้อีกฝ่ายหลับไปและเห็นภาพตนเองกับอดีต
‘ท่านแม่ ลูกร้อยมาให้ด้วย’ ฉันละความสนใจจากอย่างอื่นมามองต้นเสียง พบว่าเป็นเด็กหญิงในชุดสมัยรัชกาลที่ ๕ ในมือมีพวงมาลัยที่ร้อยยุ่งเหยิงเล็กน้อย เธอเปิดประตูที่อยู่ถัดจากที่ฉันยืนอยู่มิไกลพร้อมกับรอยยิ้ม …เด็กคนนั้นคือฉันเองแหละ เป็นไปตามที่คิดไว้เลย บุคคลในความฝันย่อมมิเห็นเจ้าของความฝัน ฉันรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะความฝันนี้กำลังฉายอดีตของฉันอยู่ อีกไม่นานเมื่อเด็กคนนั้นเข้าห้องไปแล้วจะต้องเจอ…
ตุบ!
‘ไสหัวออกไป!’ ประตูเปิดค้างจึงได้ยินเสียงชัดเจน …หึๆ ฉันในตอนนั้นก็ใจกล้าดีนะที่อาจหาญบุกรุกพื้นที่หวงห้ามของท่านแม่ ท่านเป็นเช่นนี้เสมอแหละถึงบางครั้งข้าจะนึกตัดพ้อต่อสวรรค์และเกลียดแม่แต่จริงๆ แล้วฉันรักแม่มากเลยล่ะ
…เพราะได้สถานะว่าแม่ ฉันจึงกล้าที่จะรักท่านแม่ แม้ท่านจะมิเคยเหลียวแลก็ตาม
หลังจากนั้นฉันในตอนนั้นก็ร้องไห้พร้อมกับวิ่งออกมาจากห้องแล้วเลี้ยวกลับไปทางเดิม พอลับตาไปแล้วท่านแม่ก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับพวงมาลัยในมือที่หลุดลุ่ยและช้ำ ท่านเอามันไว้แนบอกและหันไปมองทางที่คิดว่าฉันในตอนนั้นจะวิ่งไปพร้อมกับพึมพำด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
‘แม่ขอโทษนะ… มณฑา’ คำนั้นทำให้ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง มิรู้ว่าฉันตาฝาดฤๅไม่ที่สังเกตว่าน้ำตาปริ่มออกจากตาเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทาจนน่าสงสาร ท่านแม่คงจะต้องพยายามอย่างมากที่จะมิให้ร้องไห้ …ตอนนี้ฉันรู้เห็นใจท่านมากและดีใจมากที่ได้รู้ว่าท่านยังคงรักฉัน ความฝันที่หวังมาตลอดแท้จริงมันปรากฏให้เห็นนานแล้ว เพียงแต่มันอยู่ในความรู้สึก ท่านแม่มิแสดงมันออกมา …ความรักที่ฉันเฝ้ารอคอย
จะว่าไป… ท่านทำแบบนี้เพื่ออันใดกัน?
พอนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกโกรธแต่พอคิดว่าไหนๆ ท่านก็จากไปแล้วก็มิอยากขุดคุ้ยขึ้นมาอีก …ตอนนั้นฉันก็เขลาเสียจริง ถูกเพลิงแห่งความแค้นครอบงำจนแผดเผาตนเอง อย่างไรเสียจารุก็บอกคนในเรือนห้ามบอกใครว่าฉันทำร้ายซอรวมทั้งเด็กๆ ด้วย มาสำนึกอีกทีก็ละอายใจตนเองเหมือนกันเป็นถึงนายิกาแต่ทำเรื่องแบบนี้ดูมิดีเลย…
แต่จะมาสำนึกตอนนี้ก็มิทันแล้วล่ะ เอาเถิด ถือเสียว่าเป็นบทเรียนในชีวิตละกัน สำหรับฉันที่เกิดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วก็ใช่ว่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่ บางคนอายุก็กลางคนแล้วยังรู้อะไรกว่าฉันอีกมาก ฉันมิค่อยชอบใจนักกับผู้ใหญ่บางคนที่เห็นความรู้สึกของเด็กๆ มันไร้สาระฤๅเพิกเฉยทั้งๆ ที่ตนเองก็เคยประสบในวัยเยาว์ เพราะฉะนั้นฉันถึงได้พยายามทำตัวให้เหมือนตนเองมิชรา (ทั้งๆ ที่อายุมากกว่าทวดแล้ว) พยายามยอมรับในสิ่งที่เด็กเป็น เด็กอย่างไรก็เด็กผู้ใหญ่บางคนจะชอบดุว่า สอนทั้งๆ ที่มิเข้าใจเด็ก พ่อแม่บางคนทุบตีแทนที่น่าจะค่อยๆ พูดกันดีๆ ด้วยความเข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของลูก เพราะฉะนั้นฉันก็มิแปลกใจเลยนะว่าทำไมถึงชอบมีปัญหากัน ยิ่งเรารุนแรงเด็กก็จะยิ่งมิยอมรับมากขึ้น
คิดไปเรื่อยๆ ดันเผลอเรื่องนี้ได้เสียนี่ เฮ้อ…
พอกล่าวถึงเด็ก (ในที่สุดก็วกเข้าเรื่องเดิมอีก) ฉันก็ชักอยากจะแต่งงานแล้วมีบุตรบ้างนะ ถ้าหากได้แต่งกับกาสะลองจะดีมากเลยล่ะ
บัดเดี๋ยวนะ กาสะลอง… ตายจริง! นี่ฉันลืมนางได้เยี่ยงไรกัน?!
พอนึกถึงกาสะลองก็นึกได้ว่าตนเองอยู่กับนางก่อนที่จะเข้าสู่มิตินี้และกำลังทำภารกิจกันอยู่ ฉันมิรอช้าวิ่งไปเพื่อตามหากาสะลอง
นางหายไปไหน?
ความกังวลและหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจแล้วค่อยๆ แทรกแซงเข้ามา มีมิกี่เรื่องที่จะทำให้ฉันกังวลได้โดยเฉพาะกาสะลอง รองนายิกาของฉันที่ฉันรักยิ่งกว่าอะไรนับตั้งแต่ที่นางเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง ท่านแม่ตายไปและท่านพี่นนทรีย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ …มิอยากเสียนางไปอีกคน
ที่ฉันคิดอยู่อาจจะเกินจริงเพียงแค่มิเห็นกาสะลองอยู่ข้างๆ แต่ถ้าลองมาอยู่ในสถานการณ์ที่เราต้องอยู่คนเดียวในที่มิมีใครอยู่ คนที่เรารักมากที่สุดหายตัวไปอีกในขณะที่มีเหตุการณ์มิดีขึ้นอย่างเช่นคดีที่ฉันทำอยู่จะมิให้กังวลได้อย่างไรล่ะ? เพราะพลับพลึง อดีตนายิกาจะสังหารนางคราใดก็ย่อมใด…
หวังว่าจะมิเป็นอันใดนะ…
ฉันหอบหายใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงประตูบานหนึ่ง น่าแปลกที่ฉันวนกลับมาที่เดิม ทั้งๆ ที่ฉันเป็นเจ้าของเรือนและจำเส้นทางในเรือนได้ โครงสร้างก็มิซับซ้อนนักนี่แล้วไยถึงมาหยุดที่เดิมใด
…สงสัยได้มินานฉันก็หัวเราะในลำคอเบาๆ นั่นสินะ ในเมื่อเป็นมิติความฝันมันจะเป็นเช่นไรก็ย่อมได้ หนทางที่ฉันจะตามหากาสะลองดูท่าว่าจะยากขึ้นแล้วล่ะ ฉันมิขยับไปไหนพักหนึ่งแม้ในใจจะลุกเป็นไฟร้อนรนเพราะเป็นห่วงกาสะลองแต่สถานการณ์ตอนนี้หากบุ่มบ่ามและรุกเข้าย่อมมิดีแน่ หากต่อสู้นี่ยังพอว่าแต่หาเส้นทางออกมันยากจริงๆ
ฉันตัดสินใจจะลองเปิดประตูตรงหน้าออก ก่อนหน้านี้ฉันก็ลองทำแล้วแต่มิพบใครเลยแต่ครานี้ก็มิแน่ดอก เพราะฉันลองร่ายอาคมและวาดยันต์ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป …และฉันก็เบิกตาตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า มิใช่ว่าเห็นนายิกา รองนายิกาฤๅกาสะลองนอนบนหนองเลือดแต่เพราะภายในมันเปลี่ยนไป มิใช่ห้องธรรมดาแต่เป็นภาพไฟกำลังลุกโหม บ้านเรือนที่สร้างจะฟางมีไฟติดอยู่และไหม้ไปเรื่อยๆ ศพนอนเกลื่อน ผู้คนที่ยังมีชีวิตรอดต่างหลีกหนีพร้อมกับคนในครอบครัว ผู้ชายบางคนก็สู้กัน เสียงอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วท่ามกลางไฟที่ลุกโหม มองไปพักหนึ่งก็เริ่มชินแต่ที่ทำให้ข้าตกตะลึงอีกครั้งคือภาพของผู้หญิงประมาณ ๑๐ กว่าคนใช้ดาบตั้งรับและรุกเข้าใส่ทหารโดยที่ไม่มีความหวั่นไหวฉายให้เห็น
และหนึ่งในนั้นก็คือกาสะลอง…
…นี่แต่ก่อนนางเคยต้านศัตรูเยี่ยงนี้ฤ? ทำไมนางมิเคยเล่าให้ฉันฟังบ้างเลยล่ะ?
ในขณะที่คิดด้วยความฉงนกาสะลองในตอนนั้นก็ตวัดดาบฟันทหารทั้งสองนายที่เข้ามาพร้อมกัน จากนั้นนางก็กล่าวด้วยเสียงที่ดุดันดังก้อง
‘แม้นข้าจะเป็นสตรี แต่หากผู้ใดมารุกรานบ้านเกิดข้า ข้าก็จักลุกขึ้นสู้เยี่ยงบุรุษเพื่อปกป้องแผ่นดินได้เช่นกัน!’ คำนั้นทำให้ฉันเสียวสันหลังบอกมิถูก …เหมือนเห็นความยิ่งใหญ่ในตัวของกาสะลอง ความฮึกเหิม อาจหาญเยี่ยงบุรุษที่สู้รบกันเพื่อปกป้องแผ่นดิน
ฉันเห็นกาสะลองแล้วก็นึกขึ้นมาได้ มิติความฝันนี้น่าจะฉายความฝันให้ผู้ที่มีอดีตในความฝันรับรู้ ถ้าเช่นนั้นแล้วกาสะลองจะต้องยู่แถวๆ นี้แน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้เลย ฉันเหลือบมองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงด้านข้างของตนเองถึงได้รู้ว่ากาสะลองอยู่ตรงนี้ ด้วยความดีใจฉันเข้าไปกอดกาสะลองที่ยืนมองอย่างเหม่อลอย นางมิกอดตอบฤๅอะไรแต่ยังคงมองภาพเบื้องหน้าโดยมิมีท่าทีจะละสายตาไปไหน
“กาสะลอง นี่ฉันเอง” ฉันบอกกับกาสะลองในขณะที่ใจหวั่นๆ ว่ากาสะลองเป็นอันใด ไยถึงนิ่งและเหม่อลอยเยี่ยงนี้ ปรกตินางจะต้องหันมาและกอดตอบก่อนจะกล่าวคำว่า ‘ขอประทานโทษด้วยเจ้าค่ะท่านมณฑา เผลอคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะเจ้าค่ะ’ ฉันก็บอกได้มิเต็มปากดอกนะว่านางจะกล่าวเช่นนี้แต่คำพูดจะต้องออกมาประมาณนี้แหละ
“…” กาสะลองหันมามองฉันอย่างเชื่องช้าจนดูคล้ายกับว่านางมิมีชีวิตอยู่ ขณะที่ฉันกำลังดีใจอยู่นั้นนาก้งยื่นมือมาจับข้อมือฉันไว้แล้วหยุดนิ่งมิทำการใดอีก ฉันสงสัยแต่ก็ยิ้มให้นางด้วยความปีติ นางมิเป็นอันใดฉันก็ดีใจมากแล้วล่ะ
กร๊อบ---
“!” ฉันมองมือของเราสองคนและเลื่อนสายตาไปมองกาสะลองที่มิมีสีหน้าใดฉายอยู่ ดวงตาของนางเวิ้งว้างไร้ชีวิตชีวา มือของนางที่จับอยู่บีบข้อมือฉันส่งเสียงกรุบๆ ก่อนจะบิด ฉันอุทานด้วยความเจ็บปวด ความหวาดกลัวเข้ามาในใจ ฉันแทบมิอยากเชื่อว่ากาสะลองจะทำเช่นนี้ แล้วทำไมนางถึงต้องทำด้วย ---ฤๅว่านางจะถูกสะกดจิตอยู่!
“กาสะลอง! ตื่นขึ้นมาสิ นี่ฉันเองนะ มณฑาอย่างไรเล่า ตื่นเสียทีสิกาสะลอง!!” ฉันกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความหวาดกลัว เสียใจที่กาสะลองเป็นเช่นนี้ แม้ฉันจะขัดขืนกาสะลองได้แต่ก็มิอยากทำร้ายนาง กาสะลองชักดาบออกมาก่อนจะเงื้อขึ้นสูงเพื่อจะแทงฉัน
“เจ้า… ทหารรามัญสินะ?”
“กาสะลอง! ตั้งสติดีๆ สิ ตื่นขึ้นมานะ!!!”
ฉัวะ!
กาสะลองฟันลงมา ยังดีที่ฉันถอยหลังได้ก่อนดาบจึงฟันเพียงผ้าแพรที่คาดเฉียงไว้เช่นสไบกับสร้อยไข่มุก ฉันรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่ปกคลุม น่าหวาดผวาจนภาพสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้เป็นเพียงแค่การละเล่นไปเลย …ฉันลังเลว่าจะทำอย่างไรดี หากจะเกลี้ยกล่อมเห็นทีคงจะมิได้ผลก็คงมีแต่ต้องสู้ แต่ฉันมิอยากทำร้ายนางเลย มีใครบ้างล่ะกล้าทำร้ายคนที่ตนเองรัก มันก็คงจะมีอยู่ดอกแต่สำหรับฉันแล้วการทำร้ายคนที่ตนเองรักมันเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ
และนรกที่ฉันกล่าวก็อยู่เบื้องหน้า …คงจะต้องทำร้ายนางจริงๆ เสียแล้วล่ะ ฉันคลี่พัดออกแล้วกล่าวเสียงดัง
“กาสะลอง ฉันขอโทษจริงๆ ที่จะต้องทำร้าย แต่ความมืดบังตาฉันมิเห็นแสงสว่างใดๆ ที่จะส่องนำทางให้เห็นหนทางเลย”
“…”
พอละสายตาจากพัด เผอิญสบกับดวงตาของกาสะลองที่เปลี่ยนเป็นฉายความเกรี้ยวกราด ตอนนี้ฉันรู้สึกสิ้นหวังมาก เมื่อคิดว่าหากสู้กันจนต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปจะทำเช่นไร ถ้าฉันตายแล้วนางได้สติฉันยังยินดีอยู่บ้างแต่หากจนแล้วจนรอดฉันตายไปนางมิได้สติคืนหัวใจฉันคงจะสิ้นหวัง แตกสลายมิมีชิ้นดี ระหว่างที่ฉันนึกร่ำไห้ในใจกาสะลองก็เดินมาสองสามก้าว นางตวัดดาบครั้งหนึ่งก่อนจะพุ่งเข้ามาแล้วฟันเข้ามา ฉันรับดาบด้วยพัดซึ่งมันมิสามารถทะลุเข้ามาได้เพราะนี่เป็นพัดที่ลงอาคมไว้อย่างหนาแน่น ก่อนจะปัดออกและหลบการรุกไล่จากกาสะลองอีกครั้ง
ฉันพยายามมิให้กาสะลองเจ็บ มีบางครั้งที่ฉันจะต้องใช้ท่ามวยป้องกันและโต้กลับบ้างฤๅใช้พัดตี ซึ่งฉันพยายามออมมือในขณะที่ต้องมิให้กาสะลองทำร้ายฉัน
…สำหรับฉันแล้วคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่เรารัก รองลงมาก็คือตัวเราเอง หากเป็นฉันแล้วฉันทำร้ายตนเองยังพอทำใจได้แต่ถ้าทำร้ายคนตนเองรักมันยากที่จะลงมือจริงๆ ฉันรู้สึกว่าตนเองทำบาปที่หนักที่สุดในชีวิต
…จู่ๆ ก็มานึกอีกทีว่าตนเองกับกาสะลองอยู่ในมิติความฝันเลยเผลอคิดไปว่าอาจจะมิมีผลต่อโลกความเป็นจริง แต่นี่เป็นมิติที่ผู้ก่อคดีสร้างขึ้น อย่างไรเสียพลับพลึงก็ใช้อาคมเพื่อทำร้ายพวกเราเหล่านายิกา นั่นหมายความว่าความเจ็บปวดอันเกิดจากการต่อสู้ย่อมส่งผลต่อในโลกความเป็นจริงแน่ ฉันมิรู้ดอกนะว่าพลับพลึงใช้มิติความฝันทำร้ายอย่างไรแต่ที่รู้ๆ ตอนนี้มันทำให้กาสะลองกลายเป็นแบบนี้
สิ่งที่ฉันคิดต่อจากนี้เป็นเพียงการคาดเดา อย่างที่ฉันเคยคิดไว้ มิติความฝันนี้ฉายภาพในอดีต ที่ฉันคาดเดาคือพลับพลึงอาจใช้ภาพอดีตเหล่านั้นสะกดให้ด้านสว่างในใจของเจ้าของอดีตและเผยด้านมืดออกมาเพราะความเคียดแค้น หากเป็นไปตามที่ฉันคิดจริงมันก็คงถูกเสียด้วย เพราะกาสะลองเห็นภาพตอนที่ทหารเข้ารุกรานประเทศ ความรักต่อผู้คนและชาติ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียทำให้ใจของนางลุกเป็นไฟเฉกเช่นกับไฟที่ลุกโหมรอบด้าน แล้ว ณ ตอนนี้ทุกสิ่งในสายตากาสะลองมองว่าเป็นศัตรูและหนึ่งในนั้นก็คือฉัน เสมือนว่าควันสีเทาจากไฟนั้นลอยบดบังความเป็นจริง
สมมติว่าหากฉันจะต้องตายฤๅกาสะลองตายก็อยากพูดสิ่งที่เราสองคนเคยทำร่วมกัน และความผูกพันที่เรามีเยื่อใย …คงจะคิดว่าฉันเศร้าเกินจริงสินะ ---แล้วจะให้ฉันทำเช่นไรเล่า ลองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สิ ก่อนตายคู่รักบางคู่ยังหวนรำลึกถึงอดีตและความรักที่เคยมีให้ต่อกัน …และฉันจะทำเช่นนั้นบ้าง มฤตยูจะมาคราใดก็ย่อมได้ เพราะฉะนั้นแล้วฉันอยากใช้เวลาที่เหลือให้ดีที่สุด
…ถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะมิได้ยินก็ตาม…
“กาสะลอง เธอน่าจะดูฉันว่าฉันเป็นอย่างไร สุดท้ายพอฉันแก้แค้นได้มันก็มิมีอะไรดีขึ้นเลย”
“…”
“ถึงแม้เรื่องของเธอจะเกี่ยวกับศัตรูของชาติในสมัยก่อนแต่เวลามันก็ผ่านมาแล้วนี่”
“…”
“แต่ปัจจุบันนี้ในสมัยรัตนโกสินทร์ บ้านเราก็พัฒนามากกว่าแต่ก่อน สงครามก็มิมีแล้ว”
“…”
“ฉันเองก็ใช่ว่าจะมิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับอดีตของเธอ …แต่ตอนที่ฉันรู้แล้วเราก็ได้ดำรงตำแหน่งนายิกาและรองนายิกา ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าอยากรอดูอนาคตที่อาจจะสวยงามกว่าแต่ก่อน ทว่าลึกๆ แล้วเธอก็ยังจมปรักกับอดีต”
“…” เมื่อครู่ที่กาสะลองทำท่าจะตวัดดาบเข้าที่คอนางก็กลับชะงักไป ดวงตาที่เกรี้ยวกราดเริ่มเปลี่ยนเป็นสั่นคลอน ฉันรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าในดวงตานั้น
“เธอเองก็เคยพูดทำนองเดียวแบบนี้กับฉัน ที่บอกว่า ‘เจ้าผ่านพ้นอดีตมาแล้วก็มิจำเป็นต้องโศกเศร้าอีกต่อไป เพราะฉะนั้นแล้วต่อจากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าแทนท่านแม่และท่านพี่ของเจ้าเอง’ ”
กาสะลองค่อยๆ ลดดาบลง ดวงตาใสเหมือนเป็นสัญญาณว่าอีกมินานที่น้ำตาจะไหลลงมา ดวงตาที่เกรี้ยวกราดสบกับดวงตาของฉันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เวลาผ่านไปมินานมากแต่ในความรู้สึกของฉันมันเนิ่นนานราวกับผ่านไปหลายชั่วยาม จู่ๆ กาสะลองก็ยกมือกุมศีรษะโดยที่สีหน้าแสดงความเจ็บปวด ฉันเห็นภาพนั้นแล้วก็ทรมานแทนนางจนอดมิได้ที่จะเข้าไปประคอง ฉันตัดสินใจทำเช่นนั้นโดยที่กาสะลองมิขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น น้ำตาของนางไหลริน ร่างสั่นเทาไปหมด ฉันกอดนางพร้อมกับลูบหลังไปด้วย
“มันผ่านไปแล้วล่ะ อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน ฉะนั้นแล้วต่อจากนี้เราจะมาพยายามทำให้อนาคตดีขึ้น …ดีไหมกาสะลอง?” กาสะลองค่อยๆ ลดมือที่สั่นเทาลง จากนั้นนางก็กอดฉันแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมากกว่าเดิม
“ทั้งๆ ที่ข้าสัญญากับตนเองไว้แล้วว่าจะมิจมปรักกับอดีต แต่เสียงร่ำไห้และความโหดร้ายเมื่อครานั้นทำให้ข้าบ้าคลั่ง ทำร้ายท่านมณฑาเพราะเพลิงความแค้นจนมันลามไปถึงท่านด้วย ขอประทานโทษด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ายอมรับโทษทุกอย่าง!!” ปากบอกอยากให้ฉันทำโทษ แต่ความรู้สึกที่สื่อผ่านอ้อมกอดจากนางมิได้บอกเลยว่าอยากให้ฉันทำเช่นนั้น ถึงนางจะขอเช่นนั้นจริงๆ ฉันก็ทำมิลงดอก ก่อนหน้านี้ที่ฉันต่อสู้กับกาสะลองใจฉันก็แทบแหลกสลายแล้ว
“เพียงแค่ฉันต่อสู้กับเธอ ฉันก็แทบจะขาดใจตายแล้ว นี่ยังอยากให้ฉันลงโทษอีกฤ? รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอเพียงใด เคยนึกถึงบ้างไหมว่าการที่ฉันรู้สึกเช่นไร ก่อนหน้านี้ที่ฉันต้องทำร้ายเธอฉันก็รู้สึกผิดมากแล้วนะ” ในระหว่างที่กล่าวนั้นน้ำตาของฉันก็ไหลรินลงมาอย่างห้ามมิอยู่ กาสะลองที่สังเกตเห็นปาดน้ำตาให้ฉันทั้งๆ ที่ตนเองก็ร้องไห้เช่นกัน …นี่แหละกาสะลองที่ฉันรัก แม้ยามตนเองเป็นทุกข์ก็จะนึกถึงฉันก่อนเสมอ ฉันถึงรักนางมากอย่างไรล่ะ
“ขอประทานโทษจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านมณฑา” นางเริ่มหยุดร้องไห้ ฉันคิดว่าตอนนี้สิ่งที่นางให้ความสำคัญคือฉัน กระนั้นดวงตาของนางก็ฉายความปวดร้าวเพราะเป็นห่วงและรู้สึกผิดอยู่ดี
“…พอแล้วล่ะ ฉันเองก็มิได้โกรธอะไรเธอมานักดอก แต่ต้องสัญญาณนะว่าห้ามนึกถึงอดีตอีก สิ่งที่เธอจะต้องนึกถึงคือฉันและอนาคตที่เราจะอยู่เคียงข้างกัน” ถึงฉันจะกล่าวดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่บอกว่าให้นึกถึงแต่ฉันก็มิยี่หระ …เพราะฉันรักนางมากอย่างไรถึงมิอยากให้นางนึกถึงสิ่งอื่น อยากให้ใส่ใจฉันคนเดียว
“เจ้าค่ะ ท่านมณฑา” นางกล่าวอย่างหนักแน่นแม้น้ำเสียงจะสั่นเครือเล็กน้อย ระหว่างนั้นรอบข้างก็ปรากฏร้อยร้าวเฉกเช่นกับกระจกยามแตกก่อนที่มันจะแตกกระจายเผยให้เห็นทางเดินในเรือนไทย เราสองคนมองไปรอบๆ ก่อนจะสบตากัน
“ไปกันเถิด”
“เจ้าค่ะ” กาสะลองพยักหน้าให้ก่อนที่เราสองคนจะผละจากกันแล้วเดินไปด้วยตามทางที่มืดสลัว…
ต่อจากนี้จะเจออะไรอีกนะ
..................................................................................................................
สวัสดีค่ะ ช่องนี้จะมาบอกอะไรบางอย่างน่ะค่ะ สำหรับท่านที่ยังแวะมาเข้าชมอาจจะเห็นว่าหนูไม่ค่อยเพิ่มตอนสักเท่าไหร่ จริงๆ แล้วหนูก็ว่างนะแต่ความเกียจคร้านมันเข้ามาค่ะ (สารภาพตามตรง) ช่วงนี้ก็ทำงานอดิเรกอย่างอ่านหนังสือ (นิยาย, การ์ตูน , มีสาระ ฯลฯ) และวาดรูปด้วย แต่จริงๆ แล้วหนูก็ยังคงพยายามจะแต่งต่อนะ ช่วงนี้ก็คิดไอเดียไปด้วยเกี่ยวกับคดีในเรื่องและเรื่องราวในภาคนี้ให้จบยังไง ที่คิดไว้คดีจะจบในอีกไม่ถึง ๑๐ ตอน
แต่เรื่องมันไม่จบง่ายๆ หรอกค่ะ เพราะตัวละครมีมาก ฉะนั้นแล้วเรื่องราวและปมก็จะตามมาอีกอาจทำให้ตอนเพิ่มขึ้นอีก ตอนที่จะจบในภาคนี้หนูบอกได้ไม่แน่ชัด แต่ที่รู้ๆ มันจะต้องเกิน ๑๐๐ ตอน เพราะฉะนั้นแล้วเนื้อเรื่องก็จะจบยากกว่าเดิม และเพราะจบยากและปมมากมันก็จะต้องมีภาคต่อไป (จริงๆ แล้วขนาดภาคนี้ยังแทบไม่มีใครอ่านเลย)
แต่ก็นะ นิยายเรื่องนี้หนูรักมันมาก แม้หนูจะเคยตัดพ้อที่ไม่ค่อยมีใครอ่านก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่หนูจะต้องแต่งจบให้ได้ค่ะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับผู้ที่อ่านเรื่องนี้นะคะ ^^
..................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ