ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  113.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

47) บทที่ ๔๗: อารมณ์ที่ชักนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               บทที่ ๔๗               

[บรรยายโดยผู้ประพันต์]

อารมณ์ที่ชักนำ

                กาสะลองเดินพร้อมกับอุ้มมณฑามาถึงห้องของเจ้าตัว ก่อนจะใช้พลังวิญญาณเปิดประตู นางเดินเข้าไปก่อนจะค่อยๆ วางมณฑาลง เมื่อมณฑาทำท่าจะหนีนางก็รีบจับข้อมือแล้วกดอีกฝ่ายลงไปกับเตียงก่อนจะจูบอย่างดูดดื่ม ริมฝีปากนุ่มร้อนผ่าวทำให้กาสะลองแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้จนอาจจะเผลอกระชากเสื้อของมณฑาขาดแล้วกลืนกินร่างเย้ายวนนั่นจนหมด

                กาสะลองเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบที่ข้างหูมณฑาที่หน้าเป็นสีแดงมากกว่าเดิม

                “ถอดเสื้อสิ” คราวนี้นางไม่มีหางเสื้อ จนมณฑานึกแปลกใจ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จะยอมเสียไปทั้งตัวหรืออดกลั้นอารมณ์ไว้แต่งงานก่อน

                “เธอ… จะมิทิ้งฉันไปจริงๆ ฤ?”

ข้ารักท่านมากนักเจ้าคะ” กล่าวจบนางก็ขบหูมณฑาเบาๆ สร้างความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกให้แก่เจ้าตัว มณฑาดันร่างของกาสะลองเบาๆ ก่อนจะถอดเสื้อลูกไม้แล้วพับไปไว้บนโต๊ะด้านข้างเตียง

                ร่างเปลือยเปล่าเผยให้เห็นทั้งหมด ไม่มีอะไรมาปิดบังทั้งสิ้น ทรวดทรงหน้าอก ส่วนเว้าโค้งช่างดูเย้ายวนนัก กาสะลองจูบมณฑาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบบนเนินอกแล้วไล้ลงมา มืออีกข้างก็เคล้นคลึงหน้าอกนุ่มนวลไปด้วย มณฑาเผลอร้องครางออกมา มือเผลอไปโอบร่างของกาสะลองเพื่อให้ช่วยตนพยุงตัว

                “กะ กาสะลอง…”

                “มีเรื่องอันใดฤๅเจ้าคะ?” ปากถามแต่ใจยังคงจดจ่อกับร่างเปลือยเปล่า ความร้อนในตัวมณฑาทำให้อารมณ์ของนางมีมากกว่าเดิม มณฑาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ย

                “เธอ พร้อมใช่ไหมที่จะ อะ อ๊ะ!” มณฑาเอ่ยขาดคำไปไม่ทันอะไรกาสะลองก็ไล้เลียหน้าอกอย่างกระหาย ใบหน้าของหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าขึ้นสีแดงมากกว่าเดิม ร่างกายร้อนไปหมด

                “คิก… ท่านในตอนนี้น่ากินเสียจนข้าควบคุมอารมณ์แทบมิอยู่เลยนะเจ้าคะ” กาสะลองเอ่ยด้วยความขบขันและต้องการ

                “จะยั่วฉันไปอีกเมื่อไหร่กัน รีบใส่มาบัดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

                “หึๆ เจ้าค่ะ…”

                ระหว่างนั้นมณฑาก็จัดการถอดโจงกระเบนไปด้วย นางปลดเข็มขัดก่อนจะจังแจงผ้า กาสะลองจ้องนางไม่วางตา ขาอ่อนเผยให้เห็นชัด ขาข้างหนึ่งที่ยกขึ้นของมณฑาปดปิดส่วนลับไว้ กาสะลองรีบเข้าไปลูบต้นขาก่อนจะบรรจบจูบเบาๆ แล้วขบกัดไปด้วย มณฑาร้องครางออกมา กาสะลองเงยหน้ามองนายตนสักพักก่อนจะแยกขามณฑาออกแล้วค่อยๆ เข้าไปใกล้ช่องทางลับนั่นแล้วสอดลิ้นเข้าไป มณฑาสะดุ้งแล้วร้องครางเสียงดังกว่าเดิมอีกครั้ง

                “อ๊า……!”

                กาสะลองไลเลียผิวหนังอ่อนนุ่มในช่องงทางนั้นที่เริ่มชื้นแฉะ มณฑากระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิมเพราะเริ่มไม่มีแรง

                กาสะลองถอนลิ้นออกมาก่อนจะใช้นิ้วสอดเข้าไป มณฑาสะดุ้งอีกครั้ง ความเจ็บปวดเล็กน้อยเข้ามาแทนที่ กาสะลองค่อยๆ สอดเข้าไปลึกๆ และลึกเข้าไปอีก มณฑาเผอลหลั่งน้ำตาออกมาเพราะความรู้สึกที่ดีมากและเจ็บในเวลาเดียวกัน

                “ท่านมณฑา…” กาสะลองเงยหน้ามองด้วยความเป็นห่วง มณฑาส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอ่ย

                “ทำต่อเถิดกาสะลอง ฉัน… ฉันมิไหวแล้ว”

                “เจ้าค่ะ” กาสะลองยิ้มเมื่อเห็นว่านายตนไม่เป็นอะไร นางค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว

                กาสะลองลูบไล้ต้นขาของมณฑาไปด้วย ก่อนจะเลื่อนไปเกาะกุมหน้าอกไว้แล้วเคล้นคลึง ชักพาอารมณ์ของหญิงสาวใต้ร่างให้ว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม หยอกล้อยอดอกสีระเรื่อด้วยปลายนิ้ว มณฑาเผลอเกร็งร่างขึ้นมาทว่าเมื่อกาสะลองทำแบบนั้นไปสักพักนางก็ผ่อนคลายร่าง

                “อื้อ… อ๊ะ อ๊า” มณฑาร้องครางเมื่อกาสะลองเปลี่ยนจากมือมาเป็นลิ้น นางดูดดื่มยอดอกแล้วขบกัดเบาๆ มณฑาหลั่งน้ำตามากกว่าเดิม ทว่ากาสะลองไม่ได้สนใจเพราะรู้ดีว่ามณฑาเป็นเช่นนั้นเพราะอารมณ์ของตน

                กาสะลองค่อยๆ จูบหญิงสาวใต้ร่างแล้วสอดลิ้นเข้าไป หยอกล้อกับลิ้นร้อนผ่าวและผิวผนังภายใน มณฑาตวัดลิ้นรับ น้ำตาเริ่มหยุดไหล ลืมความเจ็บปวดที่อยู่เบื้องล่าง

                “หืม?”

                กาสะลองเลิกคิ้วอย่างฉงนเมื่อรู้สึกถึงของเหลวอุ่นเกือบร้อนในช่องล่าง มณฑานิ่งไปสักพักเมื่อนึกได้ว่าตนมีอารมณ์จนถึงฝั่งเลยเผลอหลั่งน้ำนั่นออกมา กาสะลองกลั้นขำกับใบหน้านั้นก่อนจะจูบมณฑาอีกครั้งพลางถอดนิ้วออกเพื่อให้อีกฝ่ายลืมความเจ็บปวด มณฑารู้สึกว่าช่องทางเบื้องล่างโล่งขึ้นและมีของเหลวอยู่ภายในนั้น กาสะลองมองของเหลวสีเหมือนน้ำนมด้วยความกระหายที่ไหลจากช่องทางลับหยดสู่ผ้าปูเตียง

                “ย่ะ อย่าขำนะ”

                “มิขำดอกเจ้าค่ะ อารมณ์ถึงฝั่งเร็วนะเจ้าคะท่านมณฑา” ปากบอกว่าไม่ขำแต่ตอนนี้กาสะลองอยากขำออกมาดังๆ คราวนี้มณฑาหน้าแดงเพราะความอาย นางเอ่ยอย่างโมโห

                “แล้วใครกันล่ะทำให้ฉันเป็นเช่นนี้ รู้ก็รู้ว่านี่มันครั้งแรกสำหรับฉัน อารมณ์ก็ย่อมต้องไวอยู่แล้วนี่!”

                “ฮ่ะๆๆ อย่างอนสิเจ้าคะ ข้าเข้าใจ …ผ่อนคลายนะเจ้าคะ”

                มณฑาปิดปากเงียบอีกครั้ง กาสะลองสอดลิ้นเข้าไปแล้วไล้เลียลิ้มรสน้ำสีน้ำนมนั่นอย่างกระหายก่อนจะถอนลิ้นแล้วจูบมณฑาอีกครั้ง นางสอดลิ้นแล้วหยอดน้ำสีขาวนั่นให้เจ้าของลิ้มรสบ้างจนมันล้นออกมาไหลภายนอก เมื่อถอนจูบออกน้ำจากปากและน้ำจากช่องทางเบื้องล่างก็ไหลยืดเป็นเส้นน้ำใสๆ

                “กา… กาสะลอง” เสียงของมณฑาแหบพร่า กาสะลองจูบมณฑาอีกครั้งนางโอบกอดมณฑาซึ่งอีกฝ่ายก็เขยิบแขนมาโอบรอบคอตน กาสะลองถอนจูบก่อนจะเลื่อนไปจูบแก้มและกระซิบเบาๆ ข้างหูมณฑา

                “ข้ารักท่าน”

 

                ศรีนอนพักร่างกายยามเนื่องจากไม่สบายในขณะที่เพื่อนๆ เล่นกัน

                จะว่าไปเพื่อนที่มาจากต่างประเทศหายไปไหนกันนะ

                เธอสงสัย เพราะไม่ค่อยเห็นเด็กๆ จากประเทศอื่นเลย ศรีคาดว่าคงจะมีธุระ เพราะตอนนั้นเพื่อนหนึ่งในนั้นก็เคยบอกว่าถูกส่งตัวมาสืบคดีผู้ลักมีด ศรีมองเพื่อนๆ ที่หยอกล้อและเล่นไปมา เผลอนึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับเพื่อนๆ สมัยก่อนที่เคยทรยศเธอ …อย่างน้อยตอนนี้เพื่อนๆ ที่มิติผกายก็ไม่ได้รังเกียจเธอ อาจเพราะว่าพวกเขาคุ้นชินกับอมนุษย์และไสยศาสตร์ การที่ศรีเป็นครึ่งยักษ์เลยไม่กลัว

                “ศรี เป็นอย่างไรบ้าง” ยุพินที่เผลอหันมาเห็นเธอก็อดจะถามไม่ได้ ศรียิ้มแล้วส่ายหน้า  แป้งมันที่เห็นยุพินหยุดเล่นก็มองอีกฝ่าย

                เธอเจ็บที่ยุพินพยายามจะครอบครองศรี ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ แต่ทำไมล่ะ ยุพินถึงต้องทำแบบนั้น

                ไม่สิ

                เธอเองก็เหมือนกัน พยายามจะครองคนที่รักคนที่เป็นคนเดียวกับเพื่อน

                แป้งมันฉงน เพราะเหตุใดเธอถึงรักศรี ไม่เคยรู้จัก แต่เพียงได้เห็นใบหน้าครั้นตอนที่เธอเดินผ่านมาแถวที่ศรีนั่งอยู่ก็ตกหลุมรักเด็กหญิงผมยาวถึงสะโพกสีดำ …หรือว่านี่จะไม่ใช่รัก เพียงแค่ความชอบ หรือความหลงกันนะ?

                จู่ๆ ภาพในหัวก็ผุดขึ้นมา เธอเห็นภาพหญิงสาวแต่งกายแบบสมัยก่อนทำร้ายร่างกายกัน ด้านข้างนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนมองอย่างเหม่อลอย

                “!” แป้งมันสะดุ้งเมื่อขนมชั้นเข้ามาตบไหล่ เธอหันไปมองเขาซึ่งเจ้าตัวก็เลิกคิ้วอย่างฉงนสักพักเขาก็ถาม

                “เป็นอะไรฤ?”

                “เปล่า ไม่มีอะไร” แป้งมันหลบหน้าแล้วมองไปทางเด็กหญิงสองคนอีกครั้ง ขนมชั้นมองตามพลางคิดไปด้วยว่าเธอเป็นอะไร ดวงตาสีส้มสะดุดกับภาพที่ยุพินลูบแก้มศรี …เขาเข้าใจแล้ว

                “ตัดใจเสียเถิด ถ้าเจ้ามิอยากให้คำว่าเพื่อนเป็นเพียงแค่ลมปาก” ขนมชั้นเอ่ยเบาๆ เพราะกลัวเพื่อนคนอื่นโดยเฉพาะยุพินจะได้ยินเข้า แป้งมันหลุบตา เธอกำกระโปรงแน่นพยายามสะกดอารมณ์ก่อนจะตัดสินใจยืนขึ้นแล้วออกจากห้องไป

                “…” ขนมชั้นมองตามร่างนั้นไปจนพ้นสายตาก่อนจะหันไปมองยุพินอีกครั้ง

                ยุพิน… แป้งมัน…

 

                กลีบเย้าเดินด้วยความว่องไวจนดอกเข็มตามแทบไม่ทันในทางที่แคบๆ เพราะต้นไม้ที่ปลูกไว้มาก ดอกเข็มสูดอากาศเข้าไปก่อนจะถามกลีบเย้า

                “นี่ กลีบเย้า รอข้าด้วยสิจะรีบไปทำไมเนี่ย?”

                “ไม่ต้องพูดเลย” กลีบเย้ากล่าวแทนคำตอบแต่สักพักเธอก็หยุดก่อนจะกุมมือดอกเข็มแล้วจูงเดินต่อไป ดอกเข็มมองเด็กหญิงเผ่าเย้าด้วยความฉงนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าเดี๋ยวไปถึงก็คงจะรู้เอง

                “?” เมื่อมาถึงดอกเข็มก็เบิกตาด้วยความคาดไม่ถึง เธอมองไปรอบๆ บริเวณที่เธอกับกลีบเย้าอยู่ แผ่นทรงกลมที่เขียนเป็นเป้านั้นมีลูกธนูปัก บางครั้งก็อยู่วงนอกบางครั้งก็อยู่วงใน ดอกเข็มหันไปมองกลีบเย้าก่อนจะถาม

                “นี่มัน… เจ้าไปซ้อมยิงธนูเมื่อใดกัน?”

                “ก็นะ มันเป็นมานานแล้วล่ะ …อย่าถามมากเลย มาช่วยข้าหน่อยสิ” ดอกเข็มพยักหน้า กลีบเย้าส่งลูกบอลเล็กประมาณฝ่ามือให้ อีกฝ่ายรับมาแล้วมาอย่างสงสัย

                “วางไว้บนหัว ข้าจะลองฝึกความแม่นยำในการยิง” กลีบเย้าเอ่ยก่อนจะตั้งท่ายิงธนู ดอกเข็มเดินให้ออกห่างพอควรก่อนจะวางลูกบอลบนศีรษะเธอพยายามทรงตัวไม่ให้ลูกบอลตก เมื่อมันอยู่นิ่งกลีบเย้าก็เล็งเป้า

                หนึ่ง… สอง… สาม… ยิง!

                ฉึก!

                ลูกธนูยิงเข้าไปที่ลูกบอล ดอกเข้มใจหายวาบเพราะรู้สึกเหมือนมันจะแทงเข้าที่หน้าผากเธอ เธอไม่ได้เป็นสายเลือดอมตะ เพียงแค่สามารถอยู่ได้หลายร้อยปีและไม่ชราด้วยก็เท่านั้นเอง แต่ยังดีนะที่กลีบเย้ายิงแม่นมิเช่นนั้นเธอเสียชีวิตแน่

                “อึก…”

                ดอกเข็มยืนนิ่งไม่กล้าขยับ กลีบเย้าเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าจริงจัง ดอกเข็มอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดกลีบเย้าหมดรักเธอแล้วคิดจะสังหารด้วยวิธีนี้เธอก็ไม่รอดแน่ …แต่จะกล่าวให้ถูกคือไม่กล้าทำร้ายจนตนเองต้องพ่ายแพ้ ทว่าไม่ใช่เธอคิดมากไปเอง กลีบเย้าลูบไล้ใบหน้าเธอก่อนดึงใบหน้าดอกเข็มเข้ามาใกล้ๆ แล้วจูบแก้ม เด็กหญิงเผ่าไทแสกเบิกตาครู่หนึ่งก่อนจะผ่อนคลาย กลีบเย้าถอนริมฝีปากก่อนจะถาม

                “ข้าพาเจ้ามาที่นี่มิใช่ว่าอยากซ้อมยิงธนู แต่ข้าอยากอยู่กับเจ้าตามลำพัง” ดอกเข็มจ้องกลีบเย้าซึ่งเจ้าตัวก็จ้องกลับเช่นกัน ดวงตาโหยหากลีบเย้าทำให้ดอกเข็มใจเสีย เธอรีบกอดกลีบเย้าก่อนจะลูบหลังเธอเบาๆ

                “น้อยใจที่ข้ามิค่อยมีเวลาให้เจ้าใช่ฤๅไม่?”

                “รู้ตัวก็ดี ยายคนใจร้าย รู้ก็รู้ว่าข้ารู้สึกเช่นไร” กลีบเย้าตัดพ้อ ดอกเข็มซบร่างบางก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

                “ข้าขอโทษ… อย่างอนเลยนะคนดีของข้า โอ๋ๆ”

                “ฮึ!” กลีบเย้าเบือนหน้าหนี เธอซบต้นคอดอกเข็มด้วยความคิดถึง ริมฝีปากบางเผยเอ่ยเบาๆ

                “อยู่อย่างนี้… ไปนานๆ นะ” ดอกเข็มมองเด็กหญิงเผ่าเย้า สักพักเธอก็ยิ้มพลางพยักหน้าแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม

 

                เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งมาถึงกลางคืน มณฑาลืมตาปรือแต่ยังลืมไม่เต็ม นางมองกาสะลองที่นอนกอดเธอข้างๆ

                “เช้าแล้วฤ” มณฑาพึมพำ นางเข้าใจว่าตอนนี้เป็นตอนเช้าเพราะปรกตินางจะนอนแล้วก็ตื่นในตอนเช้า ทว่าวันนี้ไม่เหมือนกัน

                “หืม? อย่าบอกนะว่าตะวันทับตา[1]” นางคิดเมื่อรู้สึกว่าดวงตาตนเองไม่ขึ้นและอ่อนเพลีย นางมองเห็นว่าท้องฟ้ายังมีพระจันทร์สว่างด้วยแสงอ่อนโยนชัดอยู่

                “เฮ้อ! ฉันทำงานหนักมาตลอดพอปล่อยตามตัวสบายเช่นนี้เลยหลับยาวสินะ แย่จริงๆ เลยเรา” มณฑาพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากกาสะลองแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ

 

               

 

[1] ตะวันทับตา เป็นคำที่คนสมัยก่อนเรียกใช้การนอนในช่วงหัวค่ำที่ส่งผลให้เรานอนแล้วไม่อยากตื่นหรือตื่นแล้วก็อาจสับสนวัน เวลา บางคนตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น จะลืมตาก็ลืมไม่ค่อยขึ้น จึงเป็นคำออกกุศลโลบายไม่ให้นอนเร็วเกินไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา