ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  115.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) บทที่ ๑๘: ความทรงจำเมื่อครั้นทั้งสองคนพบกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๑๘

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

ความทรงจำเมื่อครั้นทั้งสองพบกัน

                กลางคืน

                แสงไฟสว่างท่ามกลางความมืดที่กลืนกินทุกสิ่ง เหล่านักเรียนในเขตกรุงเทพฯ ต่างทักทายผู้คนที่มาเยือนให้ซื้อของร้านตน ศรีมองภาพนั้นอย่างตื่นเต้น การจัดร้านเหมือนกับงานวัดแต่บรรยากาศดูอบอุ่นและสดใสมากกว่างานในห้างสรรพสินค้า

                ว่าแต่เฉาก๊วยกับขนมชั้นหายไปไหนนะ

                เธอนึกได้เมื่อไม่เห็นเพื่อนชายคนสนิทและเพื่อนใหม่ของเธอ ศรีถามเพื่อนๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลย

                ธันนะถูกลูกสุนักตัวหนึ่งวิ่งไล่ ดวงตาใสซื่อของมันบอกว่าอยากให้เขาอุ้ม ศรีมองพลางอมยิ้ม เพื่อนๆ เกือบทุกคนกระจัดกระจายไปซื้ออาหารทาน ยุพินสะกิดเธอแล้วยืนหมึกเสียบไม้ให้

                “กินไหม? อร่อยนะ” 

                “ขอบคุณนะ แต่ฉันยังไม่ค่อยหิวน่ะ”

                “นะๆ เดี๋ยวหินขึ้นมาจะได้ใส่ปากเลยไง” ยุพินยื่นมาใกล้กว่าเดิม ศรียิ้มแห้งแล้วโบกมือปฏิเสธ แววไพรยื่นลูกมะพร้าวให้

                “ถ้าไม่กินหมึกก็ดื่มน้ำมะพร้าวหน่อยดีไหม จะได้สดชื่น”  แววไพรยิ้มแฉ่ง คราวนี้ศรีเหงื่อตกเพราะต้องปฏิเสธติดต่อกัน

                “ขอบคุณนะ แต่ยังน่ะ”

                “ศรีกินนี่สิ”

                “ร้านนี้อร่อยนะ”

                “ฯลฯ…”

                เพื่อนผู้หญิงที่ศรีเพิ่งรู้จักต่างยื่นอาหารให้แล้วชวนไปร้านนู้นร้านนี้จนเธอเริ่มมึน พงสณะที่กำลังยืนรอคิวหน้าร้านขายเนื้อไก่อบมองยิ้มๆ อย่างน้อยตอนนี้ศรีก็มีเพื่อนใหม่แล้วเขาเองก็หายห่วง พงสณะที่ซื้อไก่อบแล้วก็วิ่งมาหาเธอก่อนจะยื่นถุงให้

                “ศรีจ๋า… ฉันซื้อมาให้ไว้กินเป็นอาหารค่ำนะ”

                “ที่โรงแรมก็มีบริการเสิร์ฟนี่” ศรีเอ่ยอย่างฉงน พงสณะหัวเราะเบาๆ พลางจับมือเธอแล้วจูงไปเดินที่อื่น ศรีเดินตามไปพลางถามอย่างเคือง

                “นายจะทำอะไรน่ะ!”

                “ไปหาที่กินน่ะสิ ฉันซื้อข้าวสวยมากินด้วยนะ!”

                สีหน้าเขาดูร่าเริง เขาคิดว่าการที่เธอมาที่นี่ทำให้เขาและเธอได้อยู่ด้วยกันมากกว่าเดิม …สัมผัสอบอุ่นจากมือพงสณะทำให้เธอใจเต้นแปลกๆ ไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาวแต่เป็นความรู้สึกที่ประโลมใจให้เด็กหญิงเกล้ามวยผมคนนี้หายเหงา ศรีไม่ได้เกลียดพงสณะแค่รู้สึกไม่ชอบหน้าเขา เพียงแต่บางครั้งเขาจะอยู่เคียงข้างยามที่เธอเจ็บ

                พอนึกได้เช่นนั้นน้ำตาก็ซึม ท่ามกลางแสงไฟจากร้านและเสียงพูดคุยของผู้คนเหมือนมีเพียงทั้งสองที่เดินอยู่ หูอื้อไปหมด… ได้ยินแต่คำหยอกล้อในวันวานที่กวนประสาทแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรัก............

                ภาพของทั้งสองตราตรึงในดวงตาของเด็กชายสวมเสื้อกล้าม ……บาดตาบาดใจเหลือเกิน รู้สึกเจ็บในอก

                ธันนะวิ่งไปในขณะที่ตนนึกบางอย่างได้… เกี่ยวกับศรี ภาพเด็กหญิงเกล้ามวยผมวัยอนุบาลเข้าสู่ประถมผุดขึ้นมา รอยยิ้มที่สดใสนั้นทำให้เขามีความสุขมาก

                ในวันนั้น… เมื่อครั้นธันนะอยู่ ป.๑ ส่วนเธออยู่ในวัยอนุบาล ศรีมาซื้อของที่กรุงเทพในมิติสามัญ แต่แล้วเธอก็หลงทางกับพ่อแม่ เสียงสะอื้นร้องไห้ดังติดขัดกับคำเรียกหาพ่อแม่ เธอร้องไม่หยุด ผู้อื่นในบริเวณนั้นต่างมองแต่ก็ไม่มีใครสนใจ

                ขณะนั้นธันนะก็วิ่งหนีสุนัขที่เขาเผลอไปเหยียบหาง เขานั่งคุกเข่าหน้าร้านขายของแล้วเอากล่องกระดาษมาคลอบร่าง สุนัขมองไปรอบๆ ไม่เจอเขาจึงล้มเลิกก่อนจะจากไป ธันนะเอากล่องออกพบร่างเด็กหญิงเดินพลางร้องไห้อย่างเวทนา ธันนะสงสารเธอแต่ไม่รู้จะปลอบอย่างไรจึงสละขนมที่ซื้อมาด้วยเงินเพียงน้อยนิด

                ไม่ใช่ว่าเขามีฐานะแย่แต่เพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่ที่จะทำงานหาเงินให้ เงินที่ใช้อยู่ทุกวันมาจากใครก็ไม่ทราบ มันมาพร้อมกับขนมที่ส่งทางไปรษณีย์ ทีแรกเขาสงสัยแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะถึงยังไงก็ไม่รู้ที่มาที่ไปอยู่แล้ว ธันนะใช้เงินนั้นมาเลี้ยงตนเองและน้องชายแท้ๆ ของเขา ลำบากพอควรเลยล่ะ การให้เด็กที่เพิ่งพ้นวัยอนุบาลมาเลี้ยงเด็กอนุบาลมันใช่เรื่องที่ไหนกัน

                ศรีเงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตานองหน้า ธันนะใช่ว่าจะเป็นเด็กอ่อนโยนภายนอกแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง ความรู้สึกเป็นห่วงของเขาเธอรับรู้ได้ผ่านแววตาเขามอง ศรียิ้มแล้วเอ่ยว่า

                “ขอบคุณค่ะ” ก่อนจะรับมันไว้ เธอไม่ได้แกะทาน เมื่อเป็นเช่นนั้นธันนะจึงถามว่า

                “ทำไมไม่กินล่ะ” เธอตอบ “หนูเสียใจเลยกินไม่ลงค่ะ”

                หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกมีเพียงธันนะที่ลูบศีรษะเธอแล้วจูงมือไปเดินเล่น ศรีไม่คัดค้านเพราะไม่มีกระจิตกระใจจะทำ

                ทั้งสองเดินมาที่สะพาน มันเป็นสะพานเดียวกับตอนที่ธันนะและศรีไปก่อนจะมามิติผกาย ธันนะยืนสักพักแล้วนั่งตรงขอบสะพานตรงช่องระหว่างไม้ราวแล้วห้อยขาลงมา ศรีเกือบจะทำตามแต่เขาก็ห้ามไว้ เธอจึงได้เพียงแต่นั่งเงียบๆ

                เป็นช่วงเวลาที่เนิ่นนานแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ถึงแม้ธันนะจะไม่ได้เอ่ยอะไรแต่เขาก็ลูบศีรษะเด็กหญิงเพื่อให้เธอหายเศร้า ศรีรู้สึกว่าเด็กชายคนนี้ไว้ใจได้จึงเขยิบกายไปซบไหล่เขา ธันนะดุให้เธอห่างแต่เมื่อเด็กหญิงทำท่าจะร้องไห้เขาก็เลยต้องจำใจให้ซบไหล่ จากนั้นเด็กหญิงก็เอ่ยเบาๆ

                “ดอกคูนสวยจังเลยค่ะ” รอยยิ้มงดงามปรากฏบนใบหน้าอ่อนๆ ธันนะมองอย่างหลงใหล สติเริ่มหลุดลอย เขาดึงสติกลับมา ก่อนจะตอบรับคำนั้นอย่างไม่ใส่ใจ

                “อืม ก็สวยดีนะ” ทั้งสองมองต้นราชพฤกษ์อย่างเหม่อลอย เด็กหญิงมองแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกที่ดีมากแบบพูดไม่ถูก ธันนะมองเธอด้วยหางตาแล้วทำเป็นไม่สนใจ

                ศรีเผลอหลับไป ธันนะมองใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นอย่างเป็นห่วง เขาจับเธอให้นอนตักตนเอง …หลายนาทีผ่านไป ธันนะก็ชักจะเริ่มง่วงนอน เขาอุ้มเด็กหญิงให้ขี่หลังตนก่อนจะก้าวเดิน ที่สะพานไม่ค่อยมีใครมานักเพราะข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับคู่รักที่มากระโดดฆ่าตัวตาย ถึงกระนั้นนานๆ ทีที่นี่ก็มีผู้คนมาบ้างแต่ก็ไม่ถึงสี่คนสักที ธันนึกถึงเรื่องนั้นแล้วคิดว่าดีแล้ว เพราะมันจะได้เป็นสถานทีพักผ่อนของเขาคนเดียว

                เมื่อกลับมาถึงบ้านธันนะก็วางเด็กหญิงนอนบนเก้าอี้ยาวทำจากไม้แล้วหาหมอนมาให้เธอหนุน ระหว่างนั้นเด็กชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทางหลังบ้าน เขาเห็นว่าธันนะพาเด็กผู้หญิงมาด้วยก็สงสัย

                “พี่ธันนะครับ พี่พาใครมาด้วยน่ะ?”

                “ยายเด็กหลงทางน่ะ ช่างเถอะ แกไปเล่นไกลๆ หน่อยละกันเดี๋ยวมันตื่น” ธันนะกล่าวพร้อมกับใช้มือปัดๆ ไล่เด็กชาย ผู้เป็นน้องเห็นว่าพี่ชายให้ความสำคัญกับคนอื่นกว่าจึงเกิดอาการน้อยใจ เขาตัดพ้อ

                “ฮึ่ม! ผมจะไม่ไหนทั้งนั้น จะกวนให้มันตื่นเลย ---นี่แกน่ะ ตื่นสิ--- ตื่น ตื่นๆๆๆๆๆ!!”

                “หุบปากเลยนะโว้ย!” ธันนะเอามือปิดปากน้องชายไว้ ทว่าเสียงก็ยังเล็ดลอดออกมาเบาๆ เด็กหญิงลืมตาครึ่งๆ แล้วเปิดเต็ม เธอทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นว่าข้างๆ เธอมีเด็กชายสองคนมองอยู่

                “ตื่นแล้ว! นี่แกน่ะ ออกจากบ้านฉันเลยนะ ที่นี่เป็นที่ของฉันกับพี่ชาย ไปสิๆ!!”

                “ถ้าแกไม่หุบปากฉันจะลดเงิน!”

                ธันนะขู่น้องชายที่ยังคงกล่าวไล่ศรี เด็กหญิงหลั่งน้ำตาออกมาแล้วร้องในที่สุด ธันนะมองเธอก่อนจะหันไปเอาศีรษะของน้องชายกระแทกกับกำแพงแล้วเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนเด็กชายเริ่มมึน เป็นเช่นนั้นแล้วธันนะก็เลยเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ศรี เธอกอดเขาอย่างโหยหา ความอบอุ่นครอบคลุมเธอจนอยากจะกอดไปนานๆ

                ธันนะไม่รู้จะปลอบอย่างไรจึงใช้มือข้างหนึ่งโอบแล้วอีกข้างลูบศีรษะเด็กหญิง

                ......เขารู้สึกดีมากที่ได้กอดเธอ น้องชายของเขามองด้วยความอิจฉา คืนนี้เขาจะต้องอ้อนให้พี่ชายตนกอดเขาให้ได้

                สักพักเธอก็หลับ ช่วงนั้นธันนะกำลังคิดว่าเขาจะหาพ่อแม่เธอยังไงดี จู่ๆน้องชายก็สะกิดแขนเขาแล้วเอ่ย

                “พี่ให้ยายนี่มาอยู่ทำไมอะ ไม่รู้ล่ะคืนนี้กอดผมด้วยนะครับ” พูดจบก็ขึ้นมาบนเก้าอี้แล้วกอดธันนะไว้แน่นๆ เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอ่ย

                “เออ ถ้าแกสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ไม่แกล้งนางเด็กนี่อีกน่ะนะ”

                “ครับ! ผมสัญญา”

                หลังจากนั้นเขาก็อ่านหนังสือวรรณคดีไปเรื่อยๆ สักพักก็เบื่อเขาจึงออกจากบ้านโดยไม่บอกน้องชายที่หลับไปอีกคน

                ธันนะเดินไปเรื่อยๆ สวนทางกับหญิงและชายวัยกลางคนที่ถือของพะรุงพะรัง บทสนทนาของทั้งสองทำให้ธันนะตะลึง

                “พี่ ศรีหายไปนานมากเลยนะคะ ป่านนี้ลูกจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”

                “ไปแจ้งตำรวจเลยดีกว่า ขืนรอให้เจอแบบนี้ถ้าเกิดลูกเราโดนลักพาตัวไปมันจะยิ่งแย่”

                “ค่ะ”

                คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เสียงสะอื้นของหญิงกลางคนทำให้เขาจุกในอก ธันนะเห็นว่าโอกาสมาถึงแล้วเลยรีบไปหาพวกเขาแล้วเอ่ย

                “ผมรู้ครับว่าลูกคุณอยู่ไหน”

                “แล้วลูกป้าอยู่ไหนจ๊ะ ขอร้องล่ะพาป้าไปหาที”

                หญิงกลางคนทิ้งของที่ถือเขย่าร่างเขา เด็กชายคิดว่าตนคิดผิดที่บอกทั้งสอง เขาไม่อยากจากเด็กหญิงหลงทางไปเลย ความรู้สึกบางอย่างมันเชื่อมพวกเขาไว้ แต่กระนั้นเขาจะเห็นแก่ตัวให้เธออยู่กับเขาไม่ได้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันยั้งเขาไว้ ธันนะพยักหน้าแล้วเดิน ทั้งสองตามธันนะจนมาถึงที่บ้านเขา

                “ศรี!”

                 หญิงคนนั้นหลั่งน้ำตาด้วยความห่วงหาลูกตน เธอพุ่งตัวไปพยุงร่างศรีขึ้นมาแล้วกอด ชายคนนั้นเข้ามากอดด้วย เด็กหญิงลืมตาขึ้นมาเห็นพ่อแม่ตนกอดก็อยากจะร้องไห้ …เธอคิดถึงทั้งสองท่านมาก การอยู่ตัวคนเดียวช่างอ้างว้างนัก

                ธันนะมองทั้งสามคนอย่างยินดีแต่ก็เจ็บใจที่เขาช่วยเด็กหญิงคนนี้ไว้ หากไม่เจอเธอเขาอาจจะไม่เจ็บก็ได้……

                น้องชายของธันนะตื่นขึ้นมาพอดีเห็นพี่ชายตนแอบร้องไห้ ธันนะกลั้นเสียงไว้แล้วพยายามห้ามน้ำตา น้องชายเห็นพี่ตนร้องไห้ก็อดที่จะร้องตามไม่ได้ เขาอยากเห็นพี่มีความสุขเมื่อนั้นเขาก็จะสุขตามไปด้วย

                หญิงและชายกลางคนขอบคุณธันนะก่อนจะยื่นเงินให้ตรงหน้าประตู เด็กชายส่ายหน้าแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะบอกว่าเขามีเงินใช้พอแล้ว ….........สำหรับเขาแล้วถ้าชีวิตนี้ไม่ได้อยู่กับคนที่ตนรักอย่างพ่อแม่แล้วล่ะก็ชีวิตนี้ถ้ามีเงินเยอะก็ไม่มีความหมาย

                หาความสุขไม่เจอ

                ศรีและพ่อแม่ของเธอจากไปแล้ว ก่อนจากเธอมองเขาด้วยความเสียใจ เธอเองก็ไม่อยากจากเขา ทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรให้กันแต่สื่อสารผ่านแววตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา

               

                กลางคืน

                ธันนะอาบน้ำแล้วเข้านอนพร้อมกับน้องชาย เขานอนหันหลังให้ เมื่อน้องชายเห็นพี่มีท่าทางซึมๆ จึงแกล้งเรียกร้องความสนใจด้วยการใช้หมอนตีธันนะ

                “ทำอะไรของแกเนี่ย!” ธันนะโวยวาย น้องชายมองหน้าเขาแล้วเอ่ยอย่างเหงาๆ “พี่สัญญาแล้วไงว่าจะกอด ผมอุตสาห์หลับเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองแล้วนะ!”

                “หา?”

                “ไม่ต้องเลย” น้องชายเอ่ยแล้วทำท่าจะกอดพี่ชายแต่จู่ๆ ธันนะก็พลิกกายกอดเขา น้องชายซุกหน้ากับหน้าอกอุ่นๆ นั้นแล้วกอดแน่นกว่าเดิม

                แม้เด็กหญิงจะจากไปแต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้องชายที่น่ารักอยู่ด้วย เพียงเท่านี้ความเหงาและความเจ็บปวดก็บรรเทาลงแล้ว

                ค่ำคืนของสองพี่น้องเต็มไปด้วยความว้าเหว่ ขอมีเพียงใครสักคนรักเราและเป็นห่วงก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว......

                ทั้งสองคิดอย่างนั้นก่อนจะเข้าสู่นิทรา มือที่กอดให้กันและกันนั้นไม่ห่างจากกันจนกว่ารุ่งอรุณจะมาเยือน

                ตลอดไป…………………………………

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา