ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  113.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) บทที่ ๑๔: เพื่อน องก์ที่ ๑

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๑๔

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

[ณ ที่โรงเรียนก่อนปิดเทอมกลางภาค] เพื่อน องก์ที่ ๑

                ณ ตอนนี้เหล่านักเรียนกำลังเคร่งเคลียดกับการทำข้อสอบ ศรีรู้สึกถึงความเหนียวตามร่างกายอันเกิดจากเหงื่อ การใส่เสื้อมากกว่าสองชั้นนี่มันทรมานเหลือเกิน… เธอคิดพร้อมกับตวัดปากกาเข่นฆ่าคำตอบที่คาดว่าจะถูก

                เด็กชายตัดผมส่วนบริเวณใกล้หูออกสวมสร้อยสีเงินนามชลจรลอบมองศรีอย่างเป็นห่วง เขาคิดว่าถ้าสามารถช่วยเหลือเธอได้ก็คงดี แต่เขารู้ว่าเด็กหญิงเกลียดการทุจริตลอกข้อสอบหรือใบ้คำตอบมากนั่นจึงทำให้ล้มเลิกความตั้งใจก่อนจะหลบสายตาจากคุณครูที่จับผิดนักเรียนทุจริตอยู่

                เฉาก๊วยที่นั่งข้างๆ กระซิบ “เป็นห่วงศรีเหรอ”

                “…” ชลจรไม่ตอบ เฉาก๊วยยิ้มขันพลางเอ่ย “แค่ข้อสอบเอง ไม่เป็น ‘ไรหรอก”

                “…”

                ชลจรเองก็ไม่คัดค้านเฉาก๊วยเรื่องที่ศรีเคลียดกับข้อสอบแต่เพราะเรื่องเมื่อวานต่างหาก…

                ณ สวนสาธารณะร้าง ที่นี่ไม่มีใครจะมาอีกแล้ว เพราะอุบัติเหตุเมื่อ ๔ สัปดาห์ก่อน ถ้าแค่มีศพก็ไม่ใช่ปัญหาแต่ประเด็นคือหลายคนที่มาบริเวณนี้มักจะบอกกันว่าเห็นหญิงสาวคลานอยู่กับพื้นวนเวียนในสวนสาธารณะด้วยร่างที่เปื้อนเลือด จากนั้นพอลมพัดมาร่างนั้นก็จะหายไป

                ---ก็เป็นเพียงแค่คำบอกเล่า---

                เมื่อวานนี้ชลจรมีความจำเป็นที่จะต้องมาทางนี้ด้วยเพราะว่าเขาเผลอไปเหยียบหางสุนัขไร้เจ้าของเข้า มันไล่เขาจนกระทั่งมาถึงสวนสาธารณะ เด็กชายหอบหายใจอย่างหมดแรง สายตาที่เบลอๆ เห็นภาพเด็กหญิงกำลังเดินบนราวสระน้ำที่ผู้คนมักจะมาให้อาหารไม่ขาดสักวัน

                …ไม่สิ นับแต่นี้จะไม่มีใครให้มันอีกแล้ว

                ชายประโปรงสีน้ำเงินตามเครื่องแบบนักเรียนไหวเบาๆ ดวงตาสีดำสนิทว่างเปล่าไร้ความรู้สึก

                ---หากร่างทรงตัวไม่คงที่ก็จะต้องตก

                เด็กชายนึกถึงเรื่องนี้จึงวิ่งไปกระชากแขนเด็กหญิงให้ลงมา เขาเผลอกอดศรีเพราะกลัวเธอจะตกลงมาเจ็บ พอคิดได้หน้าเขาก็แดง

                ชลจรเขย่าร่างเธอ “ศรี! เธอเป็นอะไรน่ะ”

                “ฉัน…” ดวงตาที่เมื่อกี้หลับไปชั่วหนึ่งลืมขึ้น ศรีดันร่างเขาเบาๆ ก่อนจะจับราวไม่ให้ร่างล้ม เด็กชายกล่าว “เมื่อกี้เธอเดินอยู่บนราวสระน้ำอยู่ ถ้าฉันไม่ดึงเธอลงมาป่านนี้คงตกไปแล้ว”

                “ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน” ศรีเอ่ยอย่างสำนึกผิด เธอเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมตนเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เธอเอ่ยต่อ “ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ตนเองกำลังทำการบ้านอยู่ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกฉัน”

                “เฮ้อ! ช่างเถอะ… เธอไม่เป็น ‘ไรก็ดีแล้วล่ะ”

                “ขอบคุณจ้ะ” เด็กหญิงเกล้ามวยผมกล่าวพลางส่งยิ้มอ่อนหวานแก่เด็กชาย ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมา

                เรื่องแค่นี้มันก็ไม่ลำบากเขาอะไรเพราะศรีเองก็ช่วยเขาหลายครั้งเหมือนกัน

                เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขารักเธอ…

                แต่ไม่ใช่แค่นี้ที่ทำให้รัก

 

                วิชาการงานนี้คุณครูให้งานนักเรียนประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุที่เหลือ เฉาก๊วยหน้ามุ่ยกับการทาก้าวตรงจุดที่มันยากๆ เขาต้องใช้สมาธิอย่างมากแต่แล้วก็มีใครบางคนทำลายมัน

                “เฉาก๊วย! นายยืมกรรไกรไปแล้วไม่คืนน่ะ”

                “อ้าก! อะไรเนี่ย ฉันกำลังมีสมาธิอยู่เลยนะ” เขาว่าพลางโยนอุปกรณ์ลงกับพื้นแล้วนวดศีรษะ ศรีขำคิกคักก่อนจะเอ่ย

                “ให้ฉันช่วยมั้ย?”

                “ไม่ล่ะ ไปทำงานของเธอเถอะ” เฉาก๊วยบอกพร้อมกับหยิบอุปกรณ์มาทำอีกครั้ง เอาล่ะ คราวนี้ใครมากวนอีกจะจับโยนออกนอกหน้าต่างห้องเลยคอยดู… เขาคิดอย่างหงุดหงิด

                ศรีมองเขาแล้วยิ้มในขณะที่กำลังใช้คัตเตอร์กรีดกระดาษลัง แต่เพราะประมาทเกินไปใบมีดเลยกรีดนิ้วของเธอ

                “โอ๊ย!” ศรีร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ของเหลวอุ่นเอ่อจากขอบตา ชลจรเดินจากกลุ่มอื่นมาหาเธอก่อนจะพูด “ไปห้องพยาบาลกันเถอะ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้านะ”

                “อื้อ” ศรีเอ่ยพร้อมกับพยักหน้า

                เมื่อมาถึงห้องพยาบาล ชลจรก็ใส่ยาฆ่าเชื้อให้ศรี ก่อนจะทาบด้วยพาสเตอร์ยามีลายตัวการ์ตูนอยู่ด้วย อันที่จริงเขาก็มีอีกแบบหนึ่งแต่แบบนั้นมันติดแน่นศรีจึงไม่ชอบ เธอเคยบอกเขาอย่างนั้น

                “ขอบคุณจ้ะ” ศรีกล่าวพลางยิ้ม เธอพยายามนั่งให้ห่างจากเขาเพราะมันไม่สะดวกที่จะนั่งกับผู้ชายนัก ชลจรยิ้มตอบ “แค่นี้เล็กน้อย เธอเองก็ช่วยฉันไว้หลายครั้งเหมือนกัน”

                หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเพียงแค่ยิ้มให้ซึ่งกันและกัน

                เด็กชายพันผ้าพันแผลปิดตาขวาไว้กำลังใช้ตาข้างซ้ายมองศรีกับชลจรจากหลังตึกเรียน สอดส่องสายตาเข้าทางหน้าต่างพลางคุยโทรศัพท์ ปลายสายถามเขา

                “ศรีเป็นอย่างไรบ้าง?”

                “สบายดีครับ ถึงตอนนี้เธอบาดเจ็บเพราะเหม่อช่วงกรีดกล่อง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเพื่อนช่วยไว้”

                “งั้นรึ? เฮ้อ… เจ้าลูกคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ปลายสายเอ่ยด้วยความโล่งอก เด็กชายยิ้มบางๆ พลางเอ่ย “งั้นขอตัวก่อนนะครับ หากคุณครูมาเห็นเข้าเดี๋ยวจะโดนยึดเอา”

                “อือ งั้นแค่นี้แล้วกัน”

                ติ๊ด---

                ปลายสายวางไป เขาจึงเก็บโทรศัพท์ก่อนจะเดินจากตรงนี้

 

                “ศรี ขอยืมปากกาหน่อย”

                “จ้ะ” ศรียื่นปากกาให้เพื่อนผู้หญิงนามดอกหญ้า พลางคิดเลขลงสมุด เด็กหญิงคนนั้นยิ้มให้เธอก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณนะ” ศรียิ้มให้เธอก่อนจะคิดเลขต่อ

                เฉาก๊วยมองภาพนั้นก่อนจะยิ้ม เขาดีใจที่เพื่อนรักของตนยิ้มได้อย่างนั้น

                ---แต่เขากลัวเหลือเกิน ว่าจะถูกหักหลังอีก

                ใช่แล้ว หลายต่อหลายครั้งที่เพื่อนของเธอที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมักจะหลอกใช้เธอ บ่อยครั้งที่ชอบเอาเปรียบ เรื่องนั้นเขาจำฝังใจ

                ภาพที่เพื่อนคนหนึ่งของศรีในตอน ป. ๓ ผลักเธอลงสระน้ำในโรงเรียนพร้อมกับหัวเราะเยาะ …โชคร้ายนักที่มันเป็นช่วงลึกแต่ดีที่คุณครูมาเห็น

                คูณครูท่านนั้นถามเพื่อนด้วยเสียงจริงจัง “หนูเป็นคนผลักใช่ไหม?”

                “ไม่ใช่ค่ะ ศรีเค้าจะผลักหนูแต่เสียหลักตกลงไปเองค่ะ” เพื่อนคนนั้นตอบพร้อมกับขยิบตาให้เพื่อนตนซึ่งพวกเธอก็ตอบว่าเป็นความจริง

                คุณครูท่านนั้นจึงทำโทษเธอโดยการให้ศรีทำเวรคนเดียวหนึ่งอาทิตย์พร้อมกับให้เธอไปขอโทษผู้ปกครองของเด็กคนนั้น

                น้ำตาที่เปล่งแสงอย่างเวทนาหยดลงหยดแล้วหยดเล่า เฉาก๊วยที่เห็นภาพตอนนั้นรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ช่วยเธอไว้เพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อแน่นอนเพราะเพื่อนผู้หญิงพวกนั้นมีมากกว่า เขาเป็นส่วนน้อย

                เฉาก๊วยขอโทษเธอจากใจจริง…

                ศรียิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร น้ำเสียงนั้นสั่นจนเฉาก๊วยต้องเช็ดน้ำตาให้เธอ

                ปัญหาที่เธอถูกกลั่นแกล้งใช่ว่าจะน้อย นับว่าบ่อยครั้งมาก ทั้งจากคนในตระกูลที่รังเกียจเธอเพราะได้ยินคำทำนายว่าเธอเป็นอสูรของตระกูล จะนำพาความพินาศมา และเพื่อนๆ ที่รังเกียจเธอเช่นกันเพราะคำทำนายนั่น

                ---ทว่าเฉาก๊วยไม่เชื่อ---

                แค่คำทำนายเพ้อเจ้อนั่นมันหนักหัวตรงไหน? อสูร ปีศาจที่นำพาความพินาศมีแต่พวกคนเลว

                แต่ศรีไม่ใช่

                เขาเชื่ออย่างนั้น การกระทำของเธอไม่ได้บอกว่าเธอเป็นคนเลว ต่อให้ศรีต้องมีรูปกายอัปลักษณ์เขาก็จะไม่รังเกียจเธอ ขอเพียงเด็กหญิงไม่คิดเรื่องชั่วช้าและกระทำตามความคิดนั้นเขาก็จะเชื่อและปกป้องเธอ

                ในฐานะเพื่อน

               

                เหนื่อยเหลือเกิน…

                ศรีรำพึงในใจอย่างท้อแท้ ไม่ใช่เพราะข้อสอบที่คุณครูให้ทำแต่เป็นเพราะความเจ็บปวดในอดีตที่ถาโถมเข้ามาความทรงจำเลือนรางเหมือนหนังกลางแปลงที่ภาพขาดๆ หายๆ เธอกุมอกแน่นพร้อมกับหายใจอย่างทรมานเหมือนคนจมน้ำ มืออีกข้างจับเฮดโฟนไว้ เธอฟังเพลงที่ขับร้องบรรเลงด้วยท่วงทำนองที่เศร้าสร้อย

                ถ้าไม่มีกฎของกรรมมาขีดไว้ละก็เธอก็อยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นๆ จากชีวิตที่โสมมพรรค์นี้ แต่คนเราเลือกที่จะเกิดหรือตายไม่ได้

                เพราะมีกรรมจึงต้องเกิด--- เพื่อที่จะได้ชดใช้

                ---ให้หมดสิ้น---

                ศรีลากแขนไปหยิบปากกากับสมุดทำข้อสอบจากโต๊ะใกล้หัวเตียง เธอพลิกกายก่อนจะลงมือทำ สมองไม่แล่นเลย…

                เธอควงปากกาหมุนไปมา ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิดเผยให้เห็นร่างหญิงวัยกลางคนสวมเสื้อสีอ่อนกับผ้ากันเปื้อน เธอยิ้มให้ศรีก่อนจะเอ่ย

                “เฉาก๊วยโทรฯ มาจ้ะ” เธอคนนั้นคือแม่ของศรี เด็กหญิงถอดเฮดโฟนก่อนจะรับโทรศัพท์จากเธอแล้วกดรับสาย “สวัสดีจ้ะ มีอะไรเหรอ” เธอเอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนแรง พอปลายสายได้ยินแบบนั้นจึงถาม

                “เหนื่อยเหรอ?” ศรีตอบพลางพยายามทำตัวให้ผ่อนคลาย “จ้ะ ---แต่ฉันเหนื่อยใจน่ะ”

                “ไม่เป็นไรนะ ว่าแต่เธอกังวลอะไรอยู่เหรอ?”

                “ขอโทษนะ ฉันบอกไม่ได้หรอก ช่วงนี้ฉันเคลียดน่ะแต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันสบายดี”

                “แน่ใจนะ? ถ้ามีอะไรมาปรึกษาฉันล่ะ” เฉาก๊วยเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพื่อนที่ศรีจะวางใจได้แบบจริงๆ มีไม่กี่คนนักหรอกแต่ที่เธอคุยกับใครดีๆ และให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นห่วงเพราะเธอรักเพื่อน

                ---ถึงบางคนจะเธอจะเกลียดก็เถอะ---

                “อะ แค่นี้นะ แม่เรียกให้ไปล้างชามน่ะ บาย เจอกันพรุ่งนี้”

                “จ้ะ ฝันดีนะ”

                ติ๊ด---

                “…”

                เป็นความเงียบที่สงบนัก ตกเย็นเริ่มมีเสียงนกร้องดัง ศรีลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างให้กว้างกว่าเดิม สายลมพัดหอบเอากลิ่นดอกไม้มาด้วย สีเหลืง  สีส้ม สีแสด สีแดง สีม่วงต่างแบ่งชั้นทาบนภา สุริยะลาเปล่งแสงสีแดงจัดเคลื่อนตัวลง ต้นไม้ที่อยู่ไกลๆ กลายเป็นสีดำเนื่องจากถูกเงาทาบทับ  มันกลายเป็นรูปร่างสีดำ ภาพนั้นไปฟื้นความทรงจำเมื่อตอนเธอไปดูหนังตะลุง

                ไม่…  ไม่นะ อย่ากลับมาสิ ไม่ อย่านะ

                เธอพยายามห้ามมัน แต่จนแล้วจนรอดมันก็ผุดขึ้นมาในหัว

                ความทรงจำอันแสนอบอุ่นนั้นบีบหัวใจเธอ

                รอยยิ้มของเด็กหญิงเกล้าผมต่ำสีดำทำให้เธอมีความสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน อ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นแผดเผาให้หัวใจร้อนรุ่มและเจ็บปวด มันเป็นความสุขที่ทรมานเหลือเกิน…

                เด็กหญิงหลั่งน้ำตาออกมา เธอแทบไม่เชื่อว่าภายหลังความอ่อนโยนของเด็กหญิงจะแฝงไว้ด้วยความโหดร้าย

                เด็กหญิงสังหารย่าของเธอ

                ความจริงนั้นเผยในตอนที่เธอยังอยู่ ป.๒ เมื่อช่วงเทียงวันที่เธอมาเยี่ยมย่าครั้งแรกในชีวิตแต่เมื่อเปิดประตูเธอก็พบกับร่างไร้วิญญาณที่นอนในหนองของเหลวสีแดงที่กระจายกลิ่นคาวน่าสะอิดสะเอียน ศรีทรุดกายร้องไห้อย่างน่าเวทนา ผู้อาวุโสท่านอื่นที่เข้ามาพบภายหลังก็กลั้นหายใจ

                ศรีร้องไห้

                ยังไม่ทันได้คุย ได้พบหน้าก็ต้องจากกันแล้ว…

                ใครเป็นคนทำน่ะ

                ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตา สายตาเห็นใครบางคนกำลังหลบอยู่ใต้เงาบนต้นไม้ ผมสีดำมัดต่ำโผล่ให้เห็น ริมฝีปากวาดเป็นเส้นโค้ง ศรีมองภาพนั้นแบบไม่เชื่อสายตา

                พี่สาวคนนั้น…

                ทำไม……… ล่ะ

                “พี่ทำไปเพราะรักหนูนะ”

                คำพูดนั้นมีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน………

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา