Hell hotel โรงแรมนี้ปีศาจจอง
8.6
เขียนโดย FantasyTeam101
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.10 น.
9 ตอน
28 วิจารณ์
13.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) นิทานของอิลเดียส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เอาสามคำเลยครับว่า ไม่ น่า รอด ก็แม้ คุณลองมาเป็นผมมั้งสิแล้วคุณจะได้รู้สึก มนุษย์ตัวกระจิดกับค้างคาวโรคจิตพลังช้าง จ้างคนโง่มาบวกลบคูณหารกัน ผมว่าเขาคงเดาถูกว่าใครแพ้ใครชนะ
เอาว่ะ ในเมื่อจะตายแล้ว ขอตายอย่างสมเกียรติที่ไม่รู้ว่ามีรึเปล่าให้เต็มที่แล้วกัน “คุณอิลเดียส ถ้าจะกินเลือดผม ขอตรงแขนนะครับ “ มิคาเอลขอบอกว่า ไม่น่าพูดเลย ปากพาซวย ตาย ตาย
“ห๊ะ เห้ยนายว่าอะไรนะ” ไอ้ค้างคาวขมวดคิ้ว ผิวที่ซีดกว่าคนปกติ หัวทองที่น่าจะไปย้อมผมมา ไอ้คุณค้างคาวหยุดเขยิบเข้าหา ดูเหมือนมันจะตกใจเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไป เดี๋ยวดิ นี่หรือว่าผมผมจะตาฝาดเป็นไปไม่ได้ ผมต้องกล่าวอีกที
“ก็คุณบอกใครผมช่วยนี่”
“ช่วย อันที่ฉันบอกให้ช่วยอ่ะ หมายถึง---“ อิลเดียสยังพูดไม่จบ เขาค่อยๆล้วงมือไปในใต้เตียงและหยิบบางอย่างออกมา แล้วยื่นให้ผมดู มันเป็นกระดาษเก่าๆที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้แบบไก่เขี่ย และเย็บมุมแบบรีบๆ
ผมรับมันมาแล้วพลิกไปพลิกมา พยายามอ่านตัวหนังสือมั่วๆนี่ให้ออก ถ้าผมยังสายตาดีอยู่ มันเขียนไว้ว่า
หนูมิหมวกแดง
“อะไรครับเนี่ย” สำหรับผม ผมคิดว่าน่าจะเป็น หนังงสือห่วยๆที่เขาโยนทิ้งนะ แล้วเอาให้ผมดูทำไหม
“ก็หนังสือนิทานไง” คุณอิลเดียสตอบ โชว์รอยยิ้มยิงฟันขาวอย่างไม่คิดจะปิดและค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนแค่ผมยืดเท้าไปก็ถึงตัวเขาแล้ว
“แล้วเอาให้ผมทำไม” ไอ้ค้างคาวไม่ตอบมันแค่ยิ้มแปลกๆแล้วชิงหนังสือไปจากมือผม แล้วพลิกหน้าไปมาเร็วๆ
“ ก็ ให้นายมาช่วยอ่านให้ฟังหน่อยไง” ห๊ะ นี่ผมหูไม่ฝาดใช่ไหม ไอ้ค้างคาวโรคจิตเนี่ยนะอยากจะไปฟังนิทานจากผม
“นี่ อย่าทำหน้าเหมือนไก่ตาแตกอย่างนั้นสิ ฉันบอกจะฟังนิทานไง “ ให้ตายสิมิมิมิ หูไม่ฝาดด้วย มิคาเอลดีใจ
“หรือจะให้ฉันเปลี่ยนมาเป็นอย่างอื่น---“ ไม่รอช้ามิคาเอลคนนี้รีบชิหนังสือนิทานมาที่มือตนทันที เอาว่ะ สู้ๆ
“ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากเลยครับ คุณอิลเดียส ผมจะตั้งใจอ่านนิทานเรื่องนี้อย่างดีเลยครับ”
เมื่อคุณอิลเดียสยอมถอยห่างออกไปพอสมควรและยอมเกลื้อนกลิ้งอยู่บนที่นอน ปล่อยให้มิคาเอลที่คดตัวเหมือนจะกลายเป็นลูกบอลอยู่แล้วได้ยืดขาและค่อยๆพลิกหน้านิทานหน้าแรกที่เป็นเพียงกระดาษเปล่าเพื่ออ่านตัวหนังสืออีกหน้าหนึ่ง
“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเด็กชายที่ชอบใส่หมวกสีแดง และเดินป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านว่า ตัวเองใส่หมวกสีแดง ทุกคนจึงเรียกเขาว่า หนูมิหมวกแดง หนูมิหมวกแดงอาศัยอยู่กับคุณน้าเพ่ยเพ่ยที่บ้านใกล้ชานป่า ทุกๆวันหนูมิจะเดินไปเยี่ยมคุณยายเฟรันที่กระท่อมในป่ากับน้าทุกวัน แต่อยู่มาวันหนึ่งคุณน้าเพ่ยเพ่ยไม่สบายเป็นโรคขนติดคอฉับพลัน หนูมิจึงต้องเดิ นไปบ้านคุณยายเพียงคนเดียว น้าเพ่ยเพ่ย(ซึ่งกระเสือกกระสนลุกจากที่นอน) มาจัดตะกร้าให้เขา ใส่แอปเปิ้ลไปสามลูกเท่านั้น แล้ว นางก็กระชับกับหนูมิว่า “อย่า ลืมเก็บลูกวอลนัทมาให้ด้วยยย และอย่าไว้ใจหมาป่าเด็ดขาด!!” ในขณะที่หนูมิเดินไปบ้านคุณยายเพียงลำพังนั้นก็มีคนคนนึงกำลังแอบมองเขาอยู่…คนคนนั้นก็คือ เซเลน่า นักล่าผู้ชายตัวฉกาจที่ดันเตะตากับหมวกของหนูมิเข้าตอนกินชู้คนสุดท้ายเสร็จ เธอเลียปากแผล็บแล้วก็คิดแผนการร้ายในหัว ส่วนหนูมินั่นในขณะที่เดินชมวิวไปกินแอปเปิ้ลไปนั้นเขาก็ชำเลืองเห็นร่าใหญ่ที่มีขนปุกปุยแถวพุ่มไม้ข้าหน้า มิรู้ได้ทันทีว่านั้นคือหมาป่า มิรีบควานหาอาวุธรอบตัวแล้วเขาก็เจอใช่แล้ว แอปเปิ้ล ชาล์ว หมมาป่าสู้ชีวิตกำลัหาเห็ดไปเลี้ยงน้องๆทั้งสิบกว่าคน เขาก็สังเกตเห็นหมวกแดงเลยคิดจะไปดูสักหน่อย แล้วทันใดแอปเปิ้ลขนาดใหญ่ก็อุกปากเขาด้วยความเร็วแสง
ชาล์วกลิ้งไปมาเพราะขาดอากาศหายใจ หนูมิได้โอกาส เขาจึงรีบวิ่งไปให้ไกลๆ แล้วทันใดเขาก็โดนร่างๆหนึ่งขวางทางอยู่ และคนคนนั้นคือ เซเลน่ารีบผลักมิลงพื้นและเตรียมเผด็จศึก ทันใดก็มีลูกธนูแทงเข้าที่หัวใจยัยโรคจิตตายคาที่
และ อัศวินคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นใด อิลเดียส นายพรานที่เก่งที่สุดในปฐพีอย่างเค้านั้นเอง อิลเดียสกระโดดออกจากที่ซ่อนแล้วพามิคาเอลเข้าป่าอย่างปลอดภัย(มั้ง) แต่ หนูมิพึ่งคิดได้ว่าลืมของอย่างหนึ่ง ลูกวอลนัทล่ะ!!”
“เป็นไงๆ ฉันแต่งเรื่องนี้เพื่อนายเลยนะ” หลังจากอ่านจบคุณอิลเดียสดูดีใจมาก เขายิ้มกว้างรอคำตอบ
ถ้าผมไม่ใช่มนุษย์ผู้เสี่ยงโดนกินเลือด ผมจะขอบอกว่า มันบ้ามากกกก ตัวละครแต่ละตัวถึงว่าล่ะชื่อมันคุ้นๆ คุณอิลเดียสแต่งประชดสุดๆ เอาล่ะ ผมคงจะบอกว่า
“สนุกดีครับ” เอ้า ก็แม้ ผมไม่มีพลังนื่ ถ้าผมพูดอะไรไปมีหวังโดนกินเลือดหมดตัวแน่ เพราะฉะนั้นง่ายๆดีกว่า
“ดีเลย ฉันยังมีอีกเยอะเลยนะที่แต่งให้นายนะ”คุณอิลเดียสรีบค้นของใต้เตียงแล้วหยิบมาให้ผมดู มันเยอะจริงๆครับ และแต่ละเล่มจะมีแต่
มิพันเซล มิเรลล่า มิไวท์ มิ มิมิ จะบ้าตายยยยยยยยย
“เป็นไงล่ะ ฉันเก่งใช่เปล่า” คุณอิลเดียสยืดอกอย่างภาคภูมิในขณะที่ผมอยากจะกระโดดออกจากหน้าต่างตรงนั้นเลย
“คุณอิฃลเดียส ชอบนิทานมากหรือครับ”
“ชอบสิ ก็ตั้งแต่เด็ก ฉันไม่เคย….ได้ฟังเลยนิ” พอพูดตรงนี้ไอ้ค้างคาวมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อยแค่นิดเดียวนะครับ
“ทำไมล่ะครับ” ถ้าผมรู้ว่าสีหน้าของคุณอิลเดียสจะแย่ลงผมขอถอนคำพูด เราทั้งสองไม่พูดอะไรปล่อยให้ความเงียบครอบงำ จนกระทั่งค้างคาวเป็นคนเริ่มพูด
“ก็ แม้ พ่อฉันก็ไม่ว่าง แม่ฉันก็ไม่อยู่แล้ว ใครจะมาสนใจไอ้เด็กหัวเน่าอย่างฉันล่ะ”
“แต่พ่อคุณรักคุณมากนะครับ” คุณอิลเดียสหยุดไปสักพัก เขาไม่พูดะไรและผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
“ถึงผมจะไม่รู้เรื่องปีศาจอะไรเลยนะ แต่ผมคิดว่า คุณอิลเดียสโชคดีมากที่มีพ่อที่รักคุณ ถึงแม้เขาจะไม่มีเวลาให้คุณก็ตาม แต่ก็ทำให้คุณได้มาอยู่เป็นลูกค้าของที่นี่ ถ้าคุณเบื่อชีวิตคุณมากผมก็ขอบอกเลยว่ามีคนลำบากกว่าคุณเยอะเลยครับ คุณนะสบายที่สุดเลยครับรู้มั้ย”
_____________________50%___________________
จะมาลงวันพุธนะคะ
เอาว่ะ ในเมื่อจะตายแล้ว ขอตายอย่างสมเกียรติที่ไม่รู้ว่ามีรึเปล่าให้เต็มที่แล้วกัน “คุณอิลเดียส ถ้าจะกินเลือดผม ขอตรงแขนนะครับ “ มิคาเอลขอบอกว่า ไม่น่าพูดเลย ปากพาซวย ตาย ตาย
“ห๊ะ เห้ยนายว่าอะไรนะ” ไอ้ค้างคาวขมวดคิ้ว ผิวที่ซีดกว่าคนปกติ หัวทองที่น่าจะไปย้อมผมมา ไอ้คุณค้างคาวหยุดเขยิบเข้าหา ดูเหมือนมันจะตกใจเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไป เดี๋ยวดิ นี่หรือว่าผมผมจะตาฝาดเป็นไปไม่ได้ ผมต้องกล่าวอีกที
“ก็คุณบอกใครผมช่วยนี่”
“ช่วย อันที่ฉันบอกให้ช่วยอ่ะ หมายถึง---“ อิลเดียสยังพูดไม่จบ เขาค่อยๆล้วงมือไปในใต้เตียงและหยิบบางอย่างออกมา แล้วยื่นให้ผมดู มันเป็นกระดาษเก่าๆที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้แบบไก่เขี่ย และเย็บมุมแบบรีบๆ
ผมรับมันมาแล้วพลิกไปพลิกมา พยายามอ่านตัวหนังสือมั่วๆนี่ให้ออก ถ้าผมยังสายตาดีอยู่ มันเขียนไว้ว่า
หนูมิหมวกแดง
“อะไรครับเนี่ย” สำหรับผม ผมคิดว่าน่าจะเป็น หนังงสือห่วยๆที่เขาโยนทิ้งนะ แล้วเอาให้ผมดูทำไหม
“ก็หนังสือนิทานไง” คุณอิลเดียสตอบ โชว์รอยยิ้มยิงฟันขาวอย่างไม่คิดจะปิดและค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนแค่ผมยืดเท้าไปก็ถึงตัวเขาแล้ว
“แล้วเอาให้ผมทำไม” ไอ้ค้างคาวไม่ตอบมันแค่ยิ้มแปลกๆแล้วชิงหนังสือไปจากมือผม แล้วพลิกหน้าไปมาเร็วๆ
“ ก็ ให้นายมาช่วยอ่านให้ฟังหน่อยไง” ห๊ะ นี่ผมหูไม่ฝาดใช่ไหม ไอ้ค้างคาวโรคจิตเนี่ยนะอยากจะไปฟังนิทานจากผม
“นี่ อย่าทำหน้าเหมือนไก่ตาแตกอย่างนั้นสิ ฉันบอกจะฟังนิทานไง “ ให้ตายสิมิมิมิ หูไม่ฝาดด้วย มิคาเอลดีใจ
“หรือจะให้ฉันเปลี่ยนมาเป็นอย่างอื่น---“ ไม่รอช้ามิคาเอลคนนี้รีบชิหนังสือนิทานมาที่มือตนทันที เอาว่ะ สู้ๆ
“ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากเลยครับ คุณอิลเดียส ผมจะตั้งใจอ่านนิทานเรื่องนี้อย่างดีเลยครับ”
เมื่อคุณอิลเดียสยอมถอยห่างออกไปพอสมควรและยอมเกลื้อนกลิ้งอยู่บนที่นอน ปล่อยให้มิคาเอลที่คดตัวเหมือนจะกลายเป็นลูกบอลอยู่แล้วได้ยืดขาและค่อยๆพลิกหน้านิทานหน้าแรกที่เป็นเพียงกระดาษเปล่าเพื่ออ่านตัวหนังสืออีกหน้าหนึ่ง
“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเด็กชายที่ชอบใส่หมวกสีแดง และเดินป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านว่า ตัวเองใส่หมวกสีแดง ทุกคนจึงเรียกเขาว่า หนูมิหมวกแดง หนูมิหมวกแดงอาศัยอยู่กับคุณน้าเพ่ยเพ่ยที่บ้านใกล้ชานป่า ทุกๆวันหนูมิจะเดินไปเยี่ยมคุณยายเฟรันที่กระท่อมในป่ากับน้าทุกวัน แต่อยู่มาวันหนึ่งคุณน้าเพ่ยเพ่ยไม่สบายเป็นโรคขนติดคอฉับพลัน หนูมิจึงต้องเดิ นไปบ้านคุณยายเพียงคนเดียว น้าเพ่ยเพ่ย(ซึ่งกระเสือกกระสนลุกจากที่นอน) มาจัดตะกร้าให้เขา ใส่แอปเปิ้ลไปสามลูกเท่านั้น แล้ว นางก็กระชับกับหนูมิว่า “อย่า ลืมเก็บลูกวอลนัทมาให้ด้วยยย และอย่าไว้ใจหมาป่าเด็ดขาด!!” ในขณะที่หนูมิเดินไปบ้านคุณยายเพียงลำพังนั้นก็มีคนคนนึงกำลังแอบมองเขาอยู่…คนคนนั้นก็คือ เซเลน่า นักล่าผู้ชายตัวฉกาจที่ดันเตะตากับหมวกของหนูมิเข้าตอนกินชู้คนสุดท้ายเสร็จ เธอเลียปากแผล็บแล้วก็คิดแผนการร้ายในหัว ส่วนหนูมินั่นในขณะที่เดินชมวิวไปกินแอปเปิ้ลไปนั้นเขาก็ชำเลืองเห็นร่าใหญ่ที่มีขนปุกปุยแถวพุ่มไม้ข้าหน้า มิรู้ได้ทันทีว่านั้นคือหมาป่า มิรีบควานหาอาวุธรอบตัวแล้วเขาก็เจอใช่แล้ว แอปเปิ้ล ชาล์ว หมมาป่าสู้ชีวิตกำลัหาเห็ดไปเลี้ยงน้องๆทั้งสิบกว่าคน เขาก็สังเกตเห็นหมวกแดงเลยคิดจะไปดูสักหน่อย แล้วทันใดแอปเปิ้ลขนาดใหญ่ก็อุกปากเขาด้วยความเร็วแสง
ชาล์วกลิ้งไปมาเพราะขาดอากาศหายใจ หนูมิได้โอกาส เขาจึงรีบวิ่งไปให้ไกลๆ แล้วทันใดเขาก็โดนร่างๆหนึ่งขวางทางอยู่ และคนคนนั้นคือ เซเลน่ารีบผลักมิลงพื้นและเตรียมเผด็จศึก ทันใดก็มีลูกธนูแทงเข้าที่หัวใจยัยโรคจิตตายคาที่
และ อัศวินคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นใด อิลเดียส นายพรานที่เก่งที่สุดในปฐพีอย่างเค้านั้นเอง อิลเดียสกระโดดออกจากที่ซ่อนแล้วพามิคาเอลเข้าป่าอย่างปลอดภัย(มั้ง) แต่ หนูมิพึ่งคิดได้ว่าลืมของอย่างหนึ่ง ลูกวอลนัทล่ะ!!”
“เป็นไงๆ ฉันแต่งเรื่องนี้เพื่อนายเลยนะ” หลังจากอ่านจบคุณอิลเดียสดูดีใจมาก เขายิ้มกว้างรอคำตอบ
ถ้าผมไม่ใช่มนุษย์ผู้เสี่ยงโดนกินเลือด ผมจะขอบอกว่า มันบ้ามากกกก ตัวละครแต่ละตัวถึงว่าล่ะชื่อมันคุ้นๆ คุณอิลเดียสแต่งประชดสุดๆ เอาล่ะ ผมคงจะบอกว่า
“สนุกดีครับ” เอ้า ก็แม้ ผมไม่มีพลังนื่ ถ้าผมพูดอะไรไปมีหวังโดนกินเลือดหมดตัวแน่ เพราะฉะนั้นง่ายๆดีกว่า
“ดีเลย ฉันยังมีอีกเยอะเลยนะที่แต่งให้นายนะ”คุณอิลเดียสรีบค้นของใต้เตียงแล้วหยิบมาให้ผมดู มันเยอะจริงๆครับ และแต่ละเล่มจะมีแต่
มิพันเซล มิเรลล่า มิไวท์ มิ มิมิ จะบ้าตายยยยยยยยย
“เป็นไงล่ะ ฉันเก่งใช่เปล่า” คุณอิลเดียสยืดอกอย่างภาคภูมิในขณะที่ผมอยากจะกระโดดออกจากหน้าต่างตรงนั้นเลย
“คุณอิฃลเดียส ชอบนิทานมากหรือครับ”
“ชอบสิ ก็ตั้งแต่เด็ก ฉันไม่เคย….ได้ฟังเลยนิ” พอพูดตรงนี้ไอ้ค้างคาวมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อยแค่นิดเดียวนะครับ
“ทำไมล่ะครับ” ถ้าผมรู้ว่าสีหน้าของคุณอิลเดียสจะแย่ลงผมขอถอนคำพูด เราทั้งสองไม่พูดอะไรปล่อยให้ความเงียบครอบงำ จนกระทั่งค้างคาวเป็นคนเริ่มพูด
“ก็ แม้ พ่อฉันก็ไม่ว่าง แม่ฉันก็ไม่อยู่แล้ว ใครจะมาสนใจไอ้เด็กหัวเน่าอย่างฉันล่ะ”
“แต่พ่อคุณรักคุณมากนะครับ” คุณอิลเดียสหยุดไปสักพัก เขาไม่พูดะไรและผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
“ถึงผมจะไม่รู้เรื่องปีศาจอะไรเลยนะ แต่ผมคิดว่า คุณอิลเดียสโชคดีมากที่มีพ่อที่รักคุณ ถึงแม้เขาจะไม่มีเวลาให้คุณก็ตาม แต่ก็ทำให้คุณได้มาอยู่เป็นลูกค้าของที่นี่ ถ้าคุณเบื่อชีวิตคุณมากผมก็ขอบอกเลยว่ามีคนลำบากกว่าคุณเยอะเลยครับ คุณนะสบายที่สุดเลยครับรู้มั้ย”
_____________________50%___________________
จะมาลงวันพุธนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ