Hell hotel โรงแรมนี้ปีศาจจอง

8.6

เขียนโดย FantasyTeam101

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.10 น.

  9 ตอน
  28 วิจารณ์
  13.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) กลัวแล้วครับ!!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
วันนี้....ศุกร์ 13 เดือนตุลาคม วันที่หลายๆ คนคิดว่ามันเป็นวันมหาซวย....แต่สำหรับพ่อของผม มันเป็นวันที่ยิ่งกว่าคำว่า 'มหาซวย' จะบรรยายได้ พูดถึงพ่อของผม เขาเป็นนักปราบมาร ทั้งชีวิตคอยบอกผมอยู่เสมอว่า ผมจะต้องสืบทอดหน้าที่นี้....อะไรกัน ผมไม่อยากเป็นเสียหน่อย ไอ้อาชีพปราบมารที่ไม่รู้จริงแน่ว่ามันทำอะไรได้บ้าง ปราบปีศาจผดุงความสงบสุข? ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าปีศาจมันมีจริงรึเปล่า....
อืม....อีกสองสัปดาห็จะถึงวันเกิดของผมแล้ว นี้เราจะแก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะ แต่สิ่งที่น่าปวดตับยิ่งกว่ารู้ว่าตัวเองจะแก่ขึ้น คือ เมื่อใดที่ผมอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ นั้นคือเวลาที่พ่อจะยกตำแหน่งนั้นให้ผม นั้นเป็นสาเหตุที่ 'มิคาเอล นอร์มอล'ชายหนุ่มอายุสิบเก้าย่างเข้ายี่สิบ มานั่งรอรถไฟขบวนสุดท้ายของวันที่สถานีร้างผู้คนเช่นนี้ เขาก็คือผมเอง........จะเป็นใครได้อีกในเมื่อที่นี้มีเพียงผมคนเดียว ยามอะไรก็ไม่มี แม้แต่แมลงวันสักตัวผมยังไม่เห็นเลย
ตึก....ตึก คงมีแต่เสียงนาฬิกากระมั่งที่ดังอยู่ตอนนี้ มันทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมฟังมันทำงานอยู่เนิ่นนานสลับกับชะเง้อหน้ามองดูรางรถไฟ เมื่อไหร่เจ้ารถไฟขบวนสุดท้ายมันจะมาเนี่ย!! โว้ย!! อย่างนี้ผมก็ถูกจับตัวกลับบ้านกับพอดี
ปู๊นๆ !!!
เสียงจักรรถดังมาแต่ไกล พระเจ้าทรงโปรด! ในที่สุดมันก็มาได้สักที ผมไม่ต้องสืบทอดอะไรบ้าบอนั้นแล้ว เย้!!
ผมกระโดดโลดเต้นเหมือนกับคนบ้า รีบลุกขึ้นจากม้านั่งตัวโทรมมารอรถไฟ ผมชะเง้อมองดูแสงไฟจากเครื่องจักรเบื้องหน้า มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ......นี้แหละจุดเริ่มต้นของผม สู่อิสรภาพ!!!
ในที่สุดมันก็มาจอดอยู่เบื้องหน้าผม ประตูเปิดอ้าต้อนรับผู้โดยสารให้เข้าไป โดยมีพนักงานชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถไฟแต่เขากลับพูดแทรกการกระทำของผมว่า
"แน่ใจรึหนูน้อย ที่จะขึ้นไปบนรถไฟขบวนนี้น่ะ" พนักงานชายคนนั้นพูดและดึงหมวกที่สวมอยู่มาบดบังใบหน้าของตนไว้ ราวกับปิดบังบางสิ่งไว้.....ผมขมวดคิ้วแน่น ทั้งสงสัยในการกระทำกับคำพูดของเขา และหงุดหงิดเล็กน้อยที่เขาเรียกผมเหมือนเด็กๆ นี้ผมจะยี่สิบแล้วนะ!!
ระหว่างที่ลังเลว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นดี ดูพนักงานชายคนนั้นพูดเป็นลางตงิดๆ แต่สายตาของผมดันบังเอิ๊ญบังเอิญ ไปเห็นเงาสะท้อนในกระจกด้านข้าง......พวกคนของพ่อ ผมจำไม่ผิดแน่ พวกเขามาจับตัวผมกลับไป! ไม่! ผมไม่กลับไปที่นั้นเด็ดขาด
"ยังไงก็ต้องขึ้นครับ" ผมหันกลับไปตอบอย่างแน่วแน่
ชายหนุ่มตรงหน้าแน่นิ่งไปราวกับครุ่นคิดบางสิ่ง ก่อนจะถอยทางให้ผมขึ้นรถไฟไป ทันทีที่ตัวผมอยู่ในรถไฟขบวนนี้ ประตูก็ปิดลงทันที ตัวรถออกจากสถานีอย่างรวดเร็ว
ผมหันกลับไปมองคนของพ่อที่กำลังวิ่งตามผมมา แต่พวกเขาก็ต้องหยุดฝีเท้าลงในที่สุด ยังไงซะความเร็วเครื่องจักรกับขาคนมันก็คนละเรื่องกัน.......
ผมหันกลับมา ณ ปัจจุบัน ที่ผมอยู่บนรถไฟนี้ ผมเดินหาที่นั่งเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ารถไฟขบวนสุดท้ายจะไม่ได้ร้างตามความคิดของผม กลับกัน ในขบวนมีคนแน่นจนยากที่จะหาที่พักขา แต่สิ่งแปลกๆ ก็คือ......ทุกคนใส่ชุดแฟนซีกันหมด เป็นอะไรกันรึเปล่า? เอ๊ย! ผมลืมไป นี้ก็ใกล้จะฮาโลวีนแล้วนิ สงสัยจะจัดงานล่วงหน้ากระมั้ง จะว่าไปผมขอนับถือพวกเขาเลยจริงๆ โดยเฉพาะคนที่แต่งเป็นซอมบี้คนนั้น แต่งได้เหมือนจริงมาก ทั้งไขสมองที่ไหลเยื้อมออกมา ผิวหนังอืดเต็มไปด้วยหนอน บรื้อ!! เห็นแล้วสยองคนที่นั่งข้างๆ
ว่าแล้วผมก็เดินไปเดินมาจนในที่สุด.............
ปูน!!
รถไฟที่วิ่ฝแล่นอยู่พลันหยุดชะงัก ผู้คนในชุดแฟนซีลุกออกจากที่ของตนและมุ่งหน้าสู่ประตูทางออก อ้าว! ผมยังไม่ได้นั่งเลยมาถึงอีกสถานีแล้วเหรอ? เร็วจริง
ผมลงจากรถไฟตามผู้คนไป เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าตนอยู่หนใด เห็นคนไหนเดินก็เดินตาม ในทีสุดผมก็ออกมาจากสถานีคับคั้งผู้คนได้เสียที สู่เมืองที่ผมไม่รู้จัก..........
ฟู่!!
เสียงลมพัดปะทะหน้าผม เยื้องหน้าคือเมืองที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ซึ่งถูกประดับด้วยจันทร์เสี้ยวและดาวนับร้อย น่าแปลกที่อากาศหนาว....ถึงนี้จะฤดูใบไม้ร่วงก็เถอะ แต่มันหนาวเกินกว่าที่ควรจะเป็นแล้วนะ ผมนึก...
เมืองถูกแต่งให้เข้ากับเทศกาลฮาโลวีนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลา ผู้คนสวมใส่ชุดแฟนซี เมืองที่ราวกับน้อนไปยุคกลางของอังกฤษ โห! มนุษย์ผู้ใดช่างหัวใสสร้างเมืองฮาโลวีนขึ้นเนี่ย!! ผมคิดทั้งทึ่งปนขนลุกซู่ เพราะเหตุใดไม่รู้.......
ผมเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน คืนนี้จะนอนที่ไหนดีน่า......ว่าแล้วผมจึงเริ่มกวาดสายตาหาที่ซุกหัวนอน แต่ดวงตาต้องหยุดการทำงานของมัน เมื่อผมเห็นขายแก่คนหนึ่งมุ่งหน้ามาทางผม
เมื่อเข้ามาใกล้ใบหน้าของชายเฒ่าคนนั้นจึงปรากฎ ผมขาวยุ่งเหยิง จมูกงุ่ม พร้อมทั้งหมวกใบแหลมและไม้เท้ารูปร่างบิดเบี้ยว คุณตาคนนั้นยื่นบางสิ่งให้ผมก่อนจะพูดว่า
"ถ้าเกิดไม่มีที่ไปล่ะก็ โรงแรมนี้อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งของเจ้า" เสียงแหบพร่าถูกเอ่ยขึ้นจากปากของชายชราเบื้องหน้า ผมรับสิ่งที่อยู่ในมือของเขามา มันเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้ ผมจึงคลี่มันออก อ๋อ! ที่แท้ก็แผนท่ไปโรงแรมนี้เอง ว่าแต่โรงแรมนั้นชื่ออะไรราคาคืนละเท่าไหร่ไม่เห็นบอกเลยแฮะ แต่ยังไงซะคืนนี้ก็มีที่ให้นอนล่ะน่า......
"คุณตา........" ผมเงยหน้าขึ้นจากแผนที่ในมือ กะว่าจะกล่าวคำขอบคุณ แต่สิ่งที่ผมพบเป็นเพียงความว่างเปล่า ผมหันซ้ายหันขวาหาชายชราแต่ก็ไม่พบ.... "ขอบคุณครับ" ผมพึมพัมเบาๆ กับตนเองก่อนจะก้มลงศึกษาแผนที่นี้ต่อ
"เอ....เลี้ยวซ้ายไปจากนี้ แล้วเดินตรงไปอีกสิบก้าว เลี้ยวขวาตรงหัวมุมถนน จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กๆ นั้นคือทางลัด..." คุณตาบอกทางลัดให้ด้วย!! ผมรักตาที่สุดเลยครับ!
ผมเดินไปตามทางที่บอก มันนำผมไปที่แห่งหนึ่ง ผมเงยหน้าจากกระดาษในมือ เบื้องหน้าคือ.....คฤหาสน์ผีสิง? จะบอกยังไงดีล่ะครับ มันเป็นคฤหาสน์หลังโตที่ถูกย้อมให้กลายเป็นสีดำทมิฬ ด้านบนมีสัตว์ปีกสีดำบินวนไปมาและหลุมศพล้อมรอบตัวคฤหาสน์....ถ้าไม่ให้เรียกว่าคฤหาสน์ผีสิงแล้วจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
ผมกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ยอมรับจากใจจริงว่า
'ตอนนี้ผมกลัวแล้วครับ! พี่ไมเคิลพาผมออกไปจากที่นี้ที!!" ผมภาวนาในใจ แต่เมื่อผมหันไปข้างๆ เพื่อหาที่ซุกหัวนอนใหม่ ก็พบกับ.......โอ้โห! มันเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้เนี่ย โลกนี้ข่างไม่ยุติธรรม อีกฟากหนึ่งของถนนคือคฤหาสน์สีขาวสะอาดตา หรูหราแวววาวด้วยสีทอง ประดัยด้วยรูปปั้นวิจิตรงดงาม ราวกับสวรรค์......กับนรก...
สวรรค์! ข้ามาแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปครับ ผมไม่อยากอยู่หน้านรกนั้นนาน เมื่อมาอยู่เบื้องหน้าสวรรค์แล้ว...ผมสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าผมไม่มีวาสนาที่จะเข้าไปแน่นอน....ผมจึงโกยอเวกลับมาหน้าประตูนรกนั้น เอา! อยู่ก็อยู่! สภาพทางการเงินยิ่งติดขัดอยู่ ผมเดินไปที่ประตูกรงที่เปิดกว้างรับลูกค้า...
รอบๆ ด้านในนั้นถูกตกแต่งในคอนเซปคฤหาสน์ร้างไร้คนเยื้องย่างมานับศตวรรษ พรมสีแดงเลือดหมูถูกวางเป็นทางให้แขก ผมว่าถ้าทำความสะอาดดีๆ ล่ะก็ มิคาเอล นอร์มอล คนนี้เอาหัวเป็นประกันเลยว่าราคาของคฤหาสน์หลังนี้แพงสูงทะลุฟ้าแน่นอน
"ยินดีต้อนรับสู่เฮลล์โฮเทลค่ะ จะมาค้างกี่คืนคะ?" เสียงหวานแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นถูกเอ่ยขึ้น ผมจึงหันไปมองที่มาของเสียง พบกับหญิงสาวสวยสดคนหนึ่ง เธอแต่งกายด้วยชุดสีเขียวแล้วห่ม.....เออ มันเรียกว่าอะไรนะ ใช่! สไบ เครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งของประเทศบนโลกนี้ เชื่อได้เลยว่ามีชาวอังกฤษน้อยคนนักที่จะรู้จักมัน ผมคนหนึ่งนั้นแหละที่รู้......
แต่.....ทำไมรู้สึกเย็น เย็นยะเยือก...ความรู้สึกนี้มัน!! ใช่! ต้องใช่แน่! ปีศาจ!! ผมจำได้ดี ทุกคร้งที่พ่อกลับมาจากบ้านหลังจากที่บอกว่าตัวเองไปปราบมาร ผมจะรู้สีกถึงความเย็นที่แผ่ซ่าน ถึงแม้อากาศจะร้อนสักกี่องศาแต่ก็สามารถรู้สึกได้....ไอปีศาจ......
ลองมาทบทวนอีกที.....พ่อของผมบอกว่าทุกๆ ศุกร์สิบสามประตูระหว่างโลกปีศาจจะเปิดออก....วันนี้ วันที่ศุกร์สิบสาม ตุลาคม....รถไฟขบวนสุดท้ายของวัน.....คำพูดของพนักงานบนรถไฟ....ผู้คนในชุดแฟนซี....อากาศที่หนาวเกินไป มันใช่เลยครับพี่น้อง! ผมได้ท้าทายอำนาจที่ไม่สามารถสัมผัสได้เสียแล้ว........ที่นี้มันโลกปีศาจชัดๆ หม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!!!!
"เออ ไม่ดีกว่าครับ" ผมยิ่มแห้งๆ ให้นางตานีตรงหน้า ผมต้องออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด! เคยได้ยินมาว่าหลังจากเวลาตีห้าประตูจะปิด แล้วต้องรอให้ประตูเปิดใหม่อีกครั้ง ตายแล้วๆ !! นี้มันกี่โมงแล้ว!
"ไม่ได้นะคะ ผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างคุณจะเดินคนเดียวตอนนี้ไม่ได้ค่ะ" เสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา เธอ....นางจิ้งจอก!! หญิงสาวผู้มาใหม่พร้อมกับหางส้มฟูๆ ยักษ์ด้านหลังทั้งเก้า เข้ามาแทรกกลางระหว่างนางตานีและผม
"ผมดูแลตัวเองได้ครับ ไม่ต้องห่วงหรอก" ว่าแล้วผมจึงหันหลังและเดินยากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่มิวายยังโดนหางนุ่มฟูรั้งตัวไว้
"ข้าไม่ยอมเด็ดขาด สวัสดิภาพของลูกค้าคือความสุขของเรา คุณเข้ามาที่โรงแรมนี้ก็ถือเป็นลูกค้าของเราแล้ว"
จะเอายังไงต่อดีล่ะ.....ถ้าไม่รีบกลับไปที่สถานีรถไฟผมก็จะต้องติดอยู่ที่นี้....แต่ถ้าผมขัดขืนนางจิ้งจอกตนนี้...คงถูกเชือดทิ้งตรงนี้....
"ก็ได้ครับ" อย่างน้อยก็ยังเยื้อเวลาถูกฆ่ากินตับ....แต่ผมเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลนักปราบมารเชียวนะ! แค่หนึ่งคืนเอง จะเป็นอะไรไป! (รู้สึกภูมิใจใจสายเลือดของตัวเองก็วันนี้แหละ)
"ได้ค่ะ จะเอาห้องแบบไหนคะ?" จิ้งจอกสาวคลายหางที่รัดตัวผมไว้ลงก่อนจะพูดด้วยเสียงเสนาะหู
"ห้อง....ห้องไหนก็ได้ครับ"
"งั้นเชิญทางนี้เลยนะคะ เดี๋ยวเราจะมีบริการขนกระเป๋าให้" บริการขนกระเป๋า? อ๋อ! ไอ้ที่ว่าแบกกระเป๋าขึ้นไปที่ห้องพักแทนเราใช่ไหม
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ได้ยินว่าต้องให้ทิปด้วยนิ" ยิ่งผมเงินน้อยๆ อยู่ ประหยัดทุกวิถีทางน่าจะดีกว่า อีกอย่างหนึ่ง ของที่ติดมาจากบ้านก็ไม่ได้มาก น้ำหนักเป้บนหลังจึงไม่ทำร้ายสุขภาพไหล่มากนัก
"ชิ! คนอะไรงกชะมัด" รู้สึกว่าได้ยินใครพูดนะ หรือผมหูฝาดไปเอง?
"นี้ค่ะกุญแจห้อง ถ้าเกิดคุณต้องการอะไร ติดต่อข้าๆ ได้เสมอ ซู เพ่ยเพ่ย ยินดีให้บริการค่ะ" จิ้งจอกสาวโค้งตัวอย่างน้อบน้อม ผมว่าไปจากที่นี้เร็วๆ ดีกว่า รู้สึกความหายนะจะจ่อหลังยังไงชอบกล
ผมก้มมองหมายเลขห้อง มันถูกสลักไว้ว่า 305 คือห้องนอนของผมในคืนนี้ หนีออกจากบ้านคืนแรก...พ่อจะว่ายังไงบ้างน้อ...ที่ลูกชายตัวเองหนีออกมา เฮ้อ....ผมถอนหายใจครั้งหนึ่งด้วยความเหนื่อยจากการหนีการไล่ล่าพาตัวกลับบ้าน (?)
ถึงแล้ว!! ห้อง 305 ผมรีบไขกุญแจและเปิดประตูอย่างรวดเร็ว อยากอาบน้ำเต็มแก่แล้ว...
"โห! หรู.........หรูแบบปีศาจ" ผมจะขยายความให้หน่อย ว่าหรูแบบปีศาจนั้นมันเป็นเยี่ยงไร
ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยโทนแดงดำ โคมไฟระยาอย่างสวยถูกห้อยลงมาจากเพดาน ผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดหมูและดำสลับกันที่.......ขาดวิ่นและเละคราบเลือด กับเตียงเสาราคาระดับราชาสีทมิฬ โดยรวมขนาดของห้องแล้ว........หรูแบบปีศาจ อาจทำให้มนุษย์ผวาอีกนาน แต่ที่ผมผวาคือ......ราคามันคืนละเท่าไหร่เนี่ย....ว่าแล้วจึงตบกระเป๋าตังค์ตัวเองและค้นพบความจริงอันน่าโหดร้ายที่มันแฟบแบน......
เอา! เข้ามาแล้ว ขึ้นมาแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่! ช่างประไร! เหตุการณ์มันเกิดก็เกิดมาแล้ว (ไม่กล้าไปขอเปลี่ยนห้องมากกว่า) แค่คืนเดียวเองมิคาเอล......ผมท่องในใจและตรงดิ่งสู่ห้องน้ำที่หรูแบบปีศาจไม่แพ้กัน อาบน้ำแล้วนอนเร็วๆ ดีกว่าเรา
ซู่!
อย่างน้อยในโลกปีศาจนี้ก็ยังมีเครื่องปรับน้ำอุ่น ถือเป็นโชคดีของมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ ครับ
"จะรับแชมพูหรือผ้าขนหนูดีคะ?" จู่ๆ ก็มีมือขาวๆ โปร่งๆ ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามาในมือซีดนั้นมีขวดแชมพูและผ้าขนหนูสีเลือดอยู่
"แว้ก!!!" จะไม่ตกใจได้ยังไงครับ! ใครก็ไม่รู้มาโผล่ตอนเราอาบน้ำล่อนจ้อนเปลือยกายอยู่ ใครก็ต้องตกใจสิ!! ด้วยความมือไวรวมกับความตกใจสุดขีด ผมจึงคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวไว้ ก่อนจะวิ่งออกจากตรงๆ นั้นโดยเร็ว! ราวกับจะส่งตัวเองไปวิ่งมาราธอนทีมชาติยังไงอย่างงั้น!!
โรงแรมนี้มันบ้าไปแล้ว! ผมต้องออกจากที่นี้ให้เร็วที่สุด! ว่าแล้วผมจึงวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อหาทางออก แล้ว....ประตูมันอยู่หลีบไหนเนี่ย!!!
นั้นไง!! อาจจะใช่ก็ได้ ว่าแล้วผมจึงเปิดประตูบานใกล้ตัวแล้วพุ่งไปแบบไม่ต้องมีอะไรให้เสียอีกต่อไปแล้ว สู่อิสรภาพ!!
"ว้าก!!" ผมต้องสติแตกอีกครั้ง เมื่อตรงหน้าผมคือลูกตาเป็นๆ ที่ยังกลอกไปกลอกมาในเมือกเขียวใส...วิ่งอีกรอบสิครับพี่น้อง!! แต่คราวนี้วิ่งแบบไม่มองทาง เหมือนกับคนบ้า ใช่! ผมอาจจะกลายเป็นบ้าแล้วก็ได้!!
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" เสียงหวานดังขึ้น ก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงบางสิ่งที่รัดตัวผมไว้และกระชากผมไปที่ไหนสักแห่ง
"คุณเจ้าของคะ จะทำยังไงกับเจ้านี้ดีล่ะ?"
"อืม.....แล้วค่าเสียหายเป็นไง"
".........."
".........."
บทสนทนาดำเนินต่อไป เพียงแต่ตอนนี้ผมฟังอะไรไม่ค่อยได้ความแล้ว ไม่เอาแล้ว! ผมกลัวแล้วครับ! ใครก็ได้ช่วยหนูมิออกไปที!!
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา