Tsundere ซึนอย่างนี้รักตายล่ะ!
เขียนโดย HaRUnA
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.23 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ความบังเอิญนำมาพบกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันเวลาแห่งการเปิดเทอมใกล้เข้ามาทุกที เด็กหนุ่มที่มีเส้นผมสีน้ำเงินเข้มกับดวงตาตาสีน้ำตาลอ่อน อาสุมะ ยูจิ กำลังนั่งบ่นพึมพัมอยู่คนเดียวอยู่ภายในห้องนอนของตนเองในยามเช้าของวันจันทร์ และในปีนี้เขาก็จะได้ขึ้นเป็นนักเรียน ม.ปลายชั้นปีที่2จึงทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล เพราะตั้งแต่ปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิมา ก็ไม่ได้ออกจากบ้านบ่อยมากนักส่วนใหญ่จะอยู่แต่ภายในบ้าน ถึงนานๆครั้งจะออกไปทีก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่จะ เล่นเกมส์ ดูทีวี หรือไม่ก็อ่านหนังสือซะมากกว่า จึงแทบจะไม่ค่อยมีเวลาที่ได้ออกจากบ้านเลย
(อย่างนี้เขาเรียกว่าโรค “นิคิโคโมริ” รึปล่าวนะ)
ยูจิคิดในใจ แต่ก็ต้องไปโรงเรียนตั้งแต่อาทิตย์หน้าอยู่ดีเขาจึงไม่คิดอะไรมาก
ก๊อก! ก๊อก!
“พี่คะ ได้เวลากินข้าวเช้าแล้วนะคะ รีบลงมาข้างล่างด้วยล่ะ”
ซากุระ น้องสาวของยูจิ เดินขึ้นมาเคาะประตูหน้าห้อง เพื่อเรียกให้ไปกินข้าวเช้า จากนั้นก็มีเสียงวิ่งลงบันไปชั้นล่าง ห้องของยูจิอยู่ที่ชั้นสองของบ้านและห้องของซากุระก็อยู่ข้างๆกันแต่เธอมักจะมาปลุกเขาเสมอ ยูจิจึงรีบเปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นชุดไปรเวททันทีแล้วเปิดประตูออกไปเพื่อลงไปชั้นล่าง
ระหว่างที่กินข้าวเช้าอยู่นั้น ซากุระก็ถามยูจิขึ้นมา
“วันนี้ไปเดินข้างนอกกันไหมคะพี่? จะได้ซื้อของทำอาหารเย็นเข้ามาด้วย”
เธอถามยูจิเกี่ยวกับความเห็นของการออกไปซื้อของข้างนอกด้วยกันในวันนี้ ซากุระนั้นมีเส้นผมสีดำสลวยซึ่งเธอรวบผมและผูกทรงหางหน้าเอาไว้ สีตาของเธอเป็นสีแดงดั่งทับทิมดูมีประกายแวววาว ซึ่งซากุระนั้นอายุห่างจากยูจิประมาณสองปีและยังเป็นน้องสาวแท้ๆของยูจิเพียงคนเดียว ทั้งสองจึงสนิทและรักกันมาก เวลาซากุระจะทำอะไรก็มักจะถามความเห็นของยูจิก่อนทุกครั้ง
ยูจิลังเลกับคำถามที่น้องสาวถามมาเล็กน้อย ก่อนที่จะถามกลับไปว่า....
“แล้วใครจะอยู่เฝ้าบ้านล่ะ?”
เนื่องจากพ่อและแม่ของยูจิและซากุระ ต้องไปทำงานต่างประเทศจึงทำให้อยู่ที่บ้านกันแค่สองคนตามลำพัง คนที่มีหน้าที่ทำอาหารคือยูจิส่วนคนทำความสะอาดบ้านและซักผ้าคือซากุระ แต่อาหารเช้าส่วนใหญ่คนทำคือซากุระ เพราะยูจิตื่นสายเป็นประจำ
“งั้นพี่อยู่เฝ้าบ้านละกัน เพราะยังไงพี่ก็ไม่อยากออกจากบ้านอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“........”
“เอาเถอะหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ช่วยเขียนรายการของที่ต้องซื้อมาให้หน่อยก็แล้วกัน”
“อือ... ก็เอาตามนั้นละกัน”
ถูกต้องตามนั้น เพราะยูจิไม่ค่อยออกไปข้างนอกเท่าไหล่นัก จึงทำให้ซากุระรู้ความคิดที่ยูจิจะตอบก่อนทุกครั้ง เพราะอยู่ด้วยกันเพียงลำพังมานานจึงทำให้ทั้งสองเข้าใจความคิดของกันและกัน
เมื่อทั้งสองกินข้าวเช้าและเก็บโต๊ะทำความสะอาดเสร็จแล้ว ซากุระก็เตรียมตัวที่จะออกจากไปซื้อของ
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ เฝ้าบ้านให้ดีๆล่ะ”
“รู้แล้วน่า ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
“ค่าาาาาาาา____”
หลังจากที่ส่งซากุระออกไปข้างนอกแล้ว ยูจิก็กลับมาในบ้านและนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนปกติ แต่พอผ่านไปได้ซักพักยูจินึกขึ้นมาได้ว่าลืมเขียนชื่อวัตถุดิบบางรายการที่ต้องซื้อเพื่อเอามาทำอาหารเย็นให้กับซากุระก่อนที่เธอจะออกไป ยูจิจึงปิดทีวี แล้ววิ่งออกจากบ้านเพื่อที่จะไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ
เมื่อไปถึงยูจิก็เดินหาของที่ต้องใช้ทำอาหารและเดินดูของอื่นๆไปด้วยอยู่ซักพักและหลังจากที่ได้ของที่ต้องการแล้วยูจิจึงเดินออกจากร้านสะดวกซื้อแล้วเดินกลับบ้านทันที ถึงจะใช้เวลากับการเลือกซื้อของนานไปหน่อยจนเวลาเกือบจะบ่ายโมง แต่ยูจิคิดว่าคงกลับถึงบ้านก่อนซากุระแน่นอนเพราะจากร้านสะดวกซื้อกับบ้านห่างกันไม่มากนัก ดูเหมือนไกลสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับยูจิแล้วถือว่าใกล้พอสมควร ถ้าเทียบกับทางที่ซากุระไปแล้ว มันห่างจากบ้านมากพอสมควร และในระหว่างเดินกลับบ้านยูจิก็คิดอะไรในใจไปพลาง
(วันนี้ทำแกงกระหรี่ดีกว่า เป็นของชอบของซากุระซะด้วย แต่เธอคงรู้แล้วล่ะมั้ง เล่นเขียนวัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับทำแกงกระหรี่เอาไว้ซะขนาดนั้นเลยนิ หึหึหวังว่าเธอคงจะยังไม่รู้นะ......)
ผลัก! ตุบ!
“ว้าย!!!”
ระหว่างที่ยูจิกำลังเดินเพลินๆอยู่ ก็เดินชนกับใครบางคนเข้าจนล้มลงกับพื้น จากเสียงร้องรู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิง
“โอ้ย! เจ็บๆ เป็นอะไรรึปล่าวครับ?”
“ม..ไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร ยูจิก็ยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับก้มตัวลงไปยื่นมือไปหาหญิงสาวคนนั้น เธอมีเส้นผมสีบานเย็น ไว้ผมทรงทวินเทลที่ปล่อยผมด้านหลังลงมา กับดวงตาสีฟ้าใสที่ทำให้ดูมีเสน่มากๆ
“ยื่นมือมาสิครับ เดี๋ยวจะช่วยพยุงตัว......อึก!”
จู่ๆเสียงของยูจิก็ขาดหายไปกลางคัน แถมยังหน้าแดงก่ำและพึมพำอะไรเบาๆออกมาด้วยเสียงกระตุกกระตัก จนทำให้หญิงสาวเกิดความสงสัย
“เป็นอะไรรึเหรอคะ?”
“ล.....ล.....ลาย....”
“ลาย?”
“ล....ล....ลายทางสีขาวตัดชมพู”
“ลายทางสีขาวตัด....”
หญิงสาวหยุดพูดกลางคันจากนั้นก็หน้าแดงก่ำจนถึงใบหูด้วยความอาย เพราะลายทางสีขาวตัดชมพูที่ยูจิพูดถึงนั้นเมื่อกี้นั้นคือลายกางเกงในของเธอนั่นเอง เพราะเธอล้มลงอยู่กับพื้นจึงทำให้กระโปรงเปิดขึ้นมา และยูจิที่ก้มลงมาจะช่วยเลยเห็นเข้าเต็มๆ เธอจึงรีบเอามือมาปิดทันที พอยูจิรู้สึกตัวอีกที ก็รีบกระโดดถอยหลังทันทีและรีบแก้ตัวเป็นการใหญ่ แต่ก็สายไปซะแล้ว
“ม....ไม่ใช่นะ ไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่ได้เห็นจริงๆ!”
“ชั้นไม่เชื่อ! นายต้องเห็นมันแน่ๆก็เพราะนายพูดว่าลายทางสี....”
“….สี?”
“หนวกหู! หนวกหู! ลืมสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินไปเลยนะ อีตาโรคจิต!”
เธอรีบยืนขึ้นและมองหน้ายูจิด้วยความอายและความโกรธ ร่างสั่นเทาเหมือนลูกหมาตกน้ำ จากนั้นเธอก็กำหมัดขึ้นมาพร้อมกับปล่อยรังสีอมหิตออกมา
“ถ้านายไม่ยอมลืม ฉันจะทำให้นายลืมเอง!”
“เห้ย!เดี๋ยว เดี๋ยว ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยนะ!!”
“หลับไปซะ อีตาโรคจิต!!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!”
ไม่ทันขาดคำกำปั้นก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของยูจิด้วยความรวดเร็วจนเขาหลบไม่ทันและโดนเข้าอย่างจัง ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาด้วยความไวแสง จนทำให้ยูจิล้มลงไปนอนกับพื้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะอีตาโรคจิต ถ้าเจอกันคราวหน้าคงไม่จบแค่โดนต่อยแน่!”
เธอตะโกนออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เขินอาย จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไป
ยูจิพยุงตัวขึ้นอีกครั้ง และใช้มือจับหน้าบริเวณที่โดนต่อยและร้อง อุ้ย! ออกมา สงสัยจะเจ็บจริงๆ จากนั้นเขาก็ทำใจให้ร่มก่อนที่จะหยิบถุงและของที่กระจัดกระจายตามพื้นจนหมด ไข่แตก2-3 ฟอง คงไม่มีปัญหาอะไรมากกับการทำอาหาร จากนั้นจึงเริ่มเดินกลับบ้านพร้อมกับเอามือปิดหน้าตรงที่โดนต่อยเอาไว้เพราะความเจ็บ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พอเปิดประตูก็พบว่า ซากุระยืนรออยู่ตรงหน้าประตูพอดีและแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์เอามากๆ สงสัยจะโกรธที่จู่ๆก็ออกไปข้างนอกโดยไม่บอกก่อน
“พี่ออกไปไหนมา? ทำไมไม่โทรบอกหนูก่อนล่ะ แถมไม่ล็อคประตูบ้านอีก ถ้าโจรขึ้นบ้านจะทำยังไง!?”
“โทษทีๆ ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาก่อนพี่เลยไม่ได้โทรไปบอก”
(จริงๆจะถึงตั้งนานแล้วล่ะ ถ้าไม่ไปเจอยัยนั่นซะก่อนอะนะ)
“อย่างน้อยก็ล็อคประตูบ้านก่อนสิ ให้ตายเถอะพี่นี่ล่ะก็”
ซากุระยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับเทศใส่ยูจิเป็นการใหญ่อีกซักพักก่อนที่จะสังเกตเห็นรอยฟกช้ำตรงหน้า
“แล้วหน้าของพี่ไปโดนอะไรมาน่ะ? บวมเชียว”
“อ๋อแผลนี้น่ะเหรอ พอดีระหว่างเดินกลับบ้านมีลูกบอลลอยมาใส่หน้าพี่ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีไรมากหลอก”
(จริงๆแล้วโดนผู้หญิงต่อยมาตากหาก)
“ลูกบอลบ้านไหนเขาเล่นกันในซอยแคบๆล่ะ จากทางที่พี่เดินมามันไม่มีสวนสาธารณะหรือสนามฟุตบอลซักหน่อย”
“เอาเถอะน่า เรื่องนั้นช่างมันเถอะเอาไว้ทีหลังรีบเข้าบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวจะทำข้าวหน้าแกงกระหรี่ให้กิน”
ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงท้องร้องออกมา ซากุระหน้าแดงก่ำด้วยความอายเพราะตนเองยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่กลับมาจากการซื้อของแถมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงอีกตากหาก
“หึ! เอางั้นก็ได้คราวนี้จะปล่อยไปก่อนละกัน”
จากนั้นซากุระก็วิ่งเข้าไปชั้นสองของบ้านอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูห้องของตนเองเสียงดัง สงสัยจะอายมากเลยสินะ ยูจิคิดในใจ
เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วยูจิก็ทำแผลที่หน้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มทำอาหารเย็นจนส่งกลิ่นไปทั่วบ้าน ไม่นานซากุระก็เดินลงมาจากชั้นสองสงสัยจะได้กลิ่นแกงกระหรี่ที่ตนเองชอบ ยูจิจึงบอกให้ช่วยจัดโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนที่จะเสริบอาหารขึ้นบนโต๊ะ และนั่งกินกันสองคนเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซากุระไม่พูดอะไรมากเพราะเอาแต่สนใจแกงกระหรี่ที่ตนเองชอบนั่นเอง จากนั้นก็ช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานแล้วไปนั่งบนโซฟาตรงห้องนั่งเล่นและเปิดทีวีดูกันสองพี่น้องเหมือนตามปกติ
ปิ้งปอง! ปิ้งปอง!
จู่ๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องแปลกเพราะตอนนี้เวลาเย็นมากแล้วไม่น่าจะมีใครมาหาในเวลาแบบนี้ ยูจิขอให้ซากุระวิ่งไปดูที่หน้าบ้านว่าใครมา พอซากุระวิ่งไปดูก็ตะโกนกลับมาเสียงดัง
“พี่ค้าาาาา มาที่ประตูหน่อย มีคนมาหา!!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากซากุระ ยูจิจึงลุกจากโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหน้าบ้านทันที
“มีอะไรซากุระ เรียกซะเสียงดังเชียว แล้วใครล่ะที่มาหาในเวลา....”
ยูจิหยุดพูดกลางคันและตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้านตอนนี้ในเวลาแบบนี้ คือหญิงสาวที่มีผมสีบานเย็น ไว้ผมทรงทวินเทล และมีดวงตาสีฟ้าใสเหมือนเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
“ท...ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!?”
พอถูกถามเข้า หญิงสาวก็หน้าแดงขึ้นมา พร้อมตอบกลับมาทันที
“ก็มันช่วยไม่ได้นิ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะมาบ้านอีตาโรคจิตอย่างนายซักหน่อย แต่มันมีเหตุผลที่ต้องมาน่ะสิ!”
“หมายความว่ายังไง?”
ยูจิถามด้วยความสงสัย พร้อมกับเหลือบตามองไปที่ด้านหลังของหญิงสาวคนนั้น และสิ่งที่เห็นคือกระเป๋าใบใหญ่ที่เธอเอามาด้วย (เธอจะย้ายบ้านรึไงกัน)เขาคิดเช่นนั้น จากนั้นจู่ๆเธอก็หน้าแดงมากกว่าเมื่อกี้พร้อมกับบิดตัวไปมา เหมือนอายอะไรบางอย่างก่อนที่จะเริ่มพูด
“ฟ...ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อนี้ให้ดีๆนะ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว”
“….?”
หน้าของเธอแดงก่ำมากกว่าเดิม ก่อนที่จะยกนิ้วชี้หน้าใส่ยูจิและสูดหายใจเข้าไปลึกๆแล้วตะโกนออกมาสุดเสียง คำพูดที่เธอพูดนั้นจะทำให้ชีวิตของยูจิเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ฉ...ฉันยูกิโนะ ฮารุนะ จ....จะต้องเป็นคู่หมั่นให้กับอาสุมะ ยูจิตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและอาศัยอยู่ด้วยกัน จนกว่าจะจบ ม.ปลายและได้แต่งงานกัน!”
***************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ