Where are you my Princess? (Yaoi)
10.0
เขียนโดย C_W_C
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.56 น.
25 บท
3 วิจารณ์
34.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ดูหนังกินข้าว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ง่ายมากค่ะของที่คุณเอาไปจากฉันคือ…. รองเท้าแก้วใช่มั้ยคะ!”
“….”
เงียบ~ คำตอบที่เจ้าตัวออกจะมั่นอกมั่นใจเล่นเอาคนอื่นๆอึ้งจนพูดไม่ออก มีแต่น้องสาวที่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่
“5555พี่แพรวคะไม่ใช่นิทานนะ… เห็นมั้ยคะพี่ดันเต้ต้องพิณสิคะตัวจริง”หญิงสาวว่าพรางเบียดแทรกมาบังหน้าพี่ที่กำลังกัดฟันอย่างเจ็บใจ
“ครับงั้นช่วยตอบคำถามทีนะ”
“ค่ะ คำตอบคือ….มือถือใช่มั้ยคะ”คราวนี้เป็นทีแพรวบ้างที่ขยับขึ้นมาหักหน้าน้องสาว
“ดูหนังมากไปแล้วน้องพิณ ไม่ใช่เรื่อง A cinderella storyนะยะ” (เป็ฯหนังเก่าลองไปดูกันนะคะสนุกดี)
พอได้ฟังคำตอบแล้วดันเต้ก็อดขำไม่ได้ ถึงจะคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงตอบไม่ถูกแต่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะออกมารูปแบบนี้“555 ไม่ใช่หรอกครับ มือถือน่ะตัวขัดจังหวะเลยละ”
“คะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“อ่าถึงเราจะทายไม่ถูก แต่ไหนๆก็มาแล้วอยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะคะ”แพรวกล่าวพร้อมกับเดินไปควงแขนของดันเต้อย่างออเซาะ
“นะคะ ดูด้วยกันหลายๆคนสนุกกว่านะคะ”พิณเองก็ไม่น้อยหน้าตรงเข้าไปคว้าแขนอีกข้างมากอดไว้เช่นกัน
“ก็ได้ครับ”ดันต้เพียงยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ ไม่ได้สะบัดมือพวกเธอออก เลยยิ่งทำให้สองสาวได้ใจเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจัดการเดินควงแขนลากร่างหนาไปที่ช่องขายตั๋วทันที นี่คือเหตุผมว่าทำไมพวกเธอถึงเลือกหน้าโรงหนังเป็นจุดนัดพบ
แต่เมื่อเดินโดนลากมาได้ไม่ไกล ดันเต้ก็สังเกตเห็นคนที่เงียบมานานไม่เดินตามมาด้วยจึงหันกลับไปร้องถาม“น้องซีไม่ไปด้วยกันหรอ”
“อ่า คือผมไม่ค่อยอยากดูเท่าไร เดี๋ยวผมรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะครับ”
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะเต้ ซีมันไม่ดูหนังในโรงมานานแล้ว กลัวเสียตัง”ซีไม่เถียงเพราะที่พี่แพรวว่ามาก็ไม่ผิด เขาอยากจะเก็บเงินให้ได้ไวๆ เพราะงั้นอะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นมาก เขาก็ไม่อยากจะเสียเงินจ่ายออกไป ไว้เรื่องไหนอยากดูค่อยไปซื่อแผ่นมาดูก็ได้เสียเงินครั้งเดียวดูได้ตั้งหลายรอบคุ้มกว่ากันเยอะ จะเลือกดูในโรงก็เฉพาะเรื่องที่อยากมากจริงๆเท่านั้นเอง
“ครับ เพราะงั้นไปดูกันสามคนเถอะครับ”
พอได้รับคำตอบแบบนั้นดันเต้ก็มองนิ่งอยู่ที่ร่างบางซักพักก่อนจะยอมโดนสองสาวลากตรงไปที่ขายตั๋วต่ออย่างไม่พูดอะไร
ซีถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายพรางทรุดลงนั่งที่โซฟาที่ถูกจัดเตรียมไว้หน้าโรงหนัง ในหัวก็คิดไปด้วยว่าเขาจะไปทำอะไรดีระหว่างรอทั้งสามคน
“น้องซี”ผ่านไปไม่นานยังไม่ทันที่ซีจะนึกออกว่าจะไปไหน เสียงทุ่มนุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นข้างตัว และเมื่อหันไปมองเต็มตาจึงเห็นว่าร่างสูงอยู่คนเดียว
“ครับ? แล้วพวกพี่ละครับ”
“เข้าห้องน้ำน่ะ…น้องซีไปดูด้วยกันนะ”แล้วมือหนาของพี่ดันเต้ก็ชูตั๋วหนังที่เรียงห้อยติดกันสี่ใบขึ้นมาให้เห็นตรงหน้า ทำเอาซีอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“พี่ซื้อมาแล้ว ซีไม่ดูเสียของแย่”ดันเต้ยังคงส่งยิ้มจางมาให้แบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ดะ..เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้นะครับ”พอหาเสียงตัวเองเจอ มือบางก็ล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายอย่างเร่งรีบเพื่อหากระเป๋าตังถ้าไม่ถูกรุ่นพี่หนุ่มยกมือขึ้นห้ามไว้ซะก่อน
“ไม่ต้องๆ พี่เป็คนนัดพวกซีมาเพราะงั้นพี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเราเอง ไปเถอะหนังจะเข้าแล้วนะ”แล้วดันเต้ก็จับแขนซีลากไปทางเข้าโรงที่พี่สาวทั้งสองของเขายืนรออยู่ทันที
พุธโธ ธัมโม ฆังโฆ ทำไมหนังที่เลือกดูจะต้องเป็นหนังผีด้วย!
ซีไม่ได้เป็นคนขี้กลัว แต่ออกจะเป็นคนขวัญอ่อนนิดๆ สะดุ้งง่ายตกใจง่ายดังนั้นเขาถึงไม่ค่อยอยากดูหนังผีที่ชอบมาให้ลุ้นแล้วก็ทำให้ตกใจ เรื่องผีสางน่ะเขาไม่ได้กลัวมากเท่าไรนักหรอก ถ้าไม่คิดไม่บิวท์อะนะ แต่ตอนนี้มีทั้งหนังคอยบิวท์แถมที่นั่งข้างๆยังว่างอีก! เพราะที่นั่งที่เลือกกันมาคือเกือบริมเลยไม่มีใครนั่งถัดจากเขาเลย หวังว่าจะไม่มีใครหรืออะไรมานั่งเป็นเพื่อนนะ
น่านๆพูดไม่ทันขาดคำมาอีกแล้วไอที่เงียบอยู่ดีๆเสียงก็ดังขึ้นมาพร้อมหน้าผีเนี่ย! เมื่อไรหนังมันจะจบบบบบ!!!
เสียงกรี๊ดกร้าดดังไปทั่วโรง และดูจะดังเป็นพิเศษจากสองสาวที่นั่งอยู่อีกข้างของซี ตอนนี้พี่สาวทั้งสองของเขานั่งประกบซ้ายขวาอยู่ข้างดันเต้ ยามตกใจทั้งสองก็จะเบียดร่างกระเซาะเข้าไปใกล้ชิดหนุ่มลูกครึ่งอย่างออกนอกหน้า ซึ่งตัวดันเต้เองก็ไม่รู้ว่ากลัวจริงๆหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ก็คือ….
ดวงตาคมละจากภาพตรงหน้ามาเหลือบดูคนที่นั่งถัดออกไป ร่างบางสะดุ้งโหยงตัวสั่นก่อนจะสงบลงสลับไปมาแบบนี้อยู่พักใหญ่แล้วโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจากปากซักแอะหรือร้องไม่ออกก็ไม่รู้ อีกทั้งยังคอยผินหน้าหลับตาปี๊แต่ก็ยังคอยเปิดตาข้างนึงมาแอบดู
…ขวัญอ่อนจังนะ
“ดันเต้จะไปไหนหรอคะ”เมื่อเห็นร่างหนาขยับลุกขึ้นแพรวจึงรีบร้องถาม
“ห้องน้ำน่ะครับ”ดันเต้กระซิบตอบพร้อมยิ้มสุภาพก่อนจะขยับตัวเดินออกไปด้านข้างผ่านซีที่หดขาชันเขาขึ้นมาบนเก้าอี้ทั้งสองข้างเพื่อหลบทางให้อีกฝ่ายเดินได้สะดวกจนเมื่อร่างสูงเดินผ่านไปก็ยังไม่เอาลง เขายังกอดเข่าไว้แบบนั้นแล้วเปลี่ยนจากหันหน้าหลบมาซุกเข่าเป็นพักๆแทน
ดวงตาคู่สวยโผล่พ้นหัวเข่าขึ้นมามองจอภาพอย่างลุ้นละทึก เมื่อเสียงดนตรีประกอบเริ่มเงียบลง แต่แล้วซีก็ดันเหลือบไปเห็นที่นั่งด้านข้างที่เคยวางเปล่าบัดนี้กลับปรากฎเงาร่างสีดำมืด!
ซีตกใจสุดขีด สะดุ้งจนตัวโหยงจังหวะเดียวกับที่ผีร้ายพุ่งเข้ามาเต็มจอเรียกเสียงกกรี๊ดกระหึมทั่วโรง ร่างบางเกือบจะกระเด้งตัวขึ้นหากมือหนาของเงานั้นไม่มาฉุดไว้ซะก่อน ซีถูกดึงเข้าไปใกล้จึงสามารถมองเห็นเงาร่างนั้นได้ชัดเจนเป็นใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่คุ้นเคยกำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมสัญญาญมือที่จุ๊อยู่ที่ปาก ซีถึงได้หายใจหายคอได้สะดวก
“ไม่กลับเข้าไปนั่งข้างในหรอครับ”ซีหันไปกระซิบถามเสียงเบา
“เดี๋ยวหนังก็จบแล้ว นั่งตรงนี้ก็ได้”
“อีกตั้งครึ่งเรื่องนะครับ”
“ตรงนี้ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปแทรกรบกวนคนอื่นเขา”แล้วดันเต้ก็หันกลับไปสนใจจอภาพ ซีเลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงจึงหันกลับไปสนใจหนังที่ฉายอยู่บ้าง โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าข้อมือตนยังอยู่ในการกอบกุมของอีกฝ่าย
ซีไม่รู้สึกสะดุ้งหรือตกใจกลัวอีกแล้ว เมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ข้อมือพอเหลือบมองถึงได้เห็นมือหนาใหญ่ของใครบางคนกำลังกำอยู่หลวมๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เขาไม่รู้สึกกลัวเท่าตอนแรก เหมือนการที่มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ซีจึงปล่อยเลยตามเลยไม่ได้เอามือออกปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นจนหนังจบ
ไฟในโรงหนังถูกเปิดให้สว่าง ผู้คนเริ่มลุกทยอยออกจากที่นั่ง รวมถึงแพรวพิณที่หันมาเห็นร่างหนาของดันเต้พึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งข้างน้องชายตน“อ่าวพี่เต้คะ ก็ว่าหายไปไหนทำไมไปนั่งตรงนั้นละคะ”
“ผมไม่อยากกวนพวกคุณน่ะครับ”ว่าแล้วก็ออกเดินนำตรงไปที่ทางออก พอพ้นโรงออกมาพิณรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมาเกาะแขนหนาไว้ทันที
“แหม ไม่เห็นจะกงจะกวนตรงไหนเลย”
“ดูหนังจบแล้ว เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันนะคะ”แพรวเองก็ทำเช่นเดียวกับน้องสาว คว้าแขนอีกข้างมาเกี่ยวไว้แน่น
เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่ตอบรับออกไป ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แล้วเขายังรู้สึกอยากอยู่ใกล้กับเจ้าของข้อมือเล็กบางนั่นอีกซักหน่อย“ครับ ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
ซีเดินตามหลังทั้งสามคนต้อยๆ แต่ก็รู้สึกได้ถึงดวงตาสีอ่อนที่มองกลับมาเป็นพักๆ จนพวกเขามาถึงร้านสเต็กร้านนึง ตามจริงซีไม่อยากจะตามเข้าไปนัก ก็เพราะไม่อยากเสียเงินเกินจำเป็นอีกนั้นละ แต่เอาเถอะนานๆทีละกัน
“ซี” เดินเข้าร้านมายังไม่ทันนั่งก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกมาจากโต๊ะใกล้ๆ
“ไม้?”ซีเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างงุงงงเมื่อบังเอิญมาเจอเพื่อนหนุ่มที่นี่
“มาทำอะไรเนี่ย ไปนั่งด้วยกันสิ”ไม้ชักชวนร่างเล็กอย่างอารมณ์ดี แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อหันไปเห็นร่างหนาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“พี่ดันเต้”ไม้เรียกอีกฝ่ายเสียงเข้มและบรรยากาศที่เริ่มเย็นยะเยือก แต่ยังไม่ทันที่จะมีอะไรเกิดขึ้น เสียงของซีก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“เดี๋ยวผมไปนั่งกับเพื่อนนะครับ”แล้วไม่รอฟังคำอนุญาติจากใครร่างบางก็รีบลากแขนเพื่อนกลับไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆนั่งอยู่ด้วยอีกสามคน แต่เดิมเขาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพี่สาวและพี่ดันเต้อยู่แล้ว บังเอิญมาเจอไม้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ซีหันไปทักเพื่อนคนอื่นๆอย่างยิ้มแย้มก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆไม้ แล้วหยิบเมนูขึ้นดู เหมือนว่าเพื่อนๆเขาก็พึ่งจะเข้าร้านมาได้ไม่นานเหมือนกันถึงแค่เริ่มสั่งอาหาร
ดันเต้นั่งโต๊ะที่เยื้องไปจากพวกซีนิดหน่อยโดยฝั่งตรงข้ามคอยมีสองพี่น้องแพรวพิณนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้บวกกับสายตาสาวๆอีกรอบร้าน ดันเต้ค่อนข้างคุ้นชินกับการรับมืออะไรแบบนี้ จึงสามารถทำตัวไปได้ตามปกติ แต่ที่จะแปลกไปก็คงจะมีแต่สายตาที่ค่อยแต่จะเหลือบมองไปโต๊ะใกล้ๆอยู่ตลอดเวลา…
…กับเพื่อนก็ยิ้มแย้มพูดคุยได้ปกติแท้ๆ ทำไมทีกับเขาถึงไม่ใช่แบบนี้นะ…ดันเต้เผลอคิดไปอย่างไม่รู้ว่ากำลังน้อยใจร่างเล็กอยู่
“ดันเต้ ดันเต้คะ ดันเต้”
“ห๊ะ ครับ”
“คุณหั่นลงไปจนถึงจานแล้วนะคะ หั่นต่อไปแบบนั้นเดี๋ยวก็จานทะลุหรอกคะ”แล้วแพรวก็ปิดท้ายด้วยการหัวเราะเบาๆแบบมีจริต
“นั้นสิครับ” และไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังไม่ชอบใจไปกับท่าทางสนิทสนมของไม้กับซี
เมื่อทั้งหมดอิ่มหน่ำกับอาหารเป็นที่เรียบร้อย ซีก็ขอปลีกตัวจากเพื่อนๆเพื่อมาทำหน้าที่ขับรถเพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีไม้ขอตามไปส่งที่รถด้วย ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าจึงกำลังเดินไปที่ทางออกลานจอดรถโดยพี่สาวทั้งสองของเขายังกอดแขนคนละฝั่งของพี่ดันเต้อยู่เช่นเดิม ส่วนไม้ก็เดินคุยเป็นเพื่อนเขาอยู่ด้านหลัง
ครอบครัวของไม้มีพ่อเป็นเชฟใหญ่ ชายหนุ่มจึงมักมีสูตรอาหารและสูตรขนมมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ซีจึงมักจะคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างถูกคออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเราไปก่อนนะคะพี่ดันเต้ บ๊ายบายนะคะ”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะดันเต้”
เมื่อเดินมาถึงรถสาวๆก็ต้องผละออกจากแขนหนาอย่างแสนเสียดาย แล้วเดินขึ้นรถไป
“สวัสดีครับพี่ดันเต้…ไปนะไม้ บ๊ายบาย”ซีหันไปกล่าวลาทั้งสองก่อนจะเข้าประจำที่ตรงคนขับก่อนจะขับออกไปจึงเหลือทิ้งไว้เพียงไม้และดันเต้ยืนกันอยู่สองคนในลานจอดรถที่เงียบสงบ
“ถ้าพี่สนใจพี่แพรวกับพี่พิณก็อย่ามายุ่งกับซี”จู่ๆไม้ก็พูดขึ้นมาเสียงเข้ม โดยไม่หันมามองคนด้านข้าง เรียกให้ดันเต้ก้มมองคนที่เตี้ยกว่า แต่ก็หน้าตาดีไม่น้อยแบบรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ไม่ได้สนใจพี่สาวของซี และซีเองก็เหมือนน้องชายพี่คนหนึ่ง จะให้ไม่ยุ่งเกี่ยวคงไม่ได้”หนุ่มลูกครึ่งตอบกลับเสียงเรียบ ใบหน้าที่เคยปรากฎรอยยิ้มจางอยู่เป็นนิจบัดนี้กลับเรียบนิ่ง แล้วร่างสูงก็หันเดินกลับออกไป
ไม้กำมือทั้งสองแน่น พร้อมกับเข่นขี้ยวเคี้ยวฟันพึมพำออกมาซึ่งดันเต้เองก็ได้ยินชัดเจน“ผมก็ขอให้เป็นแค่น้องชายเถอะ!”
“….”
เงียบ~ คำตอบที่เจ้าตัวออกจะมั่นอกมั่นใจเล่นเอาคนอื่นๆอึ้งจนพูดไม่ออก มีแต่น้องสาวที่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่
“5555พี่แพรวคะไม่ใช่นิทานนะ… เห็นมั้ยคะพี่ดันเต้ต้องพิณสิคะตัวจริง”หญิงสาวว่าพรางเบียดแทรกมาบังหน้าพี่ที่กำลังกัดฟันอย่างเจ็บใจ
“ครับงั้นช่วยตอบคำถามทีนะ”
“ค่ะ คำตอบคือ….มือถือใช่มั้ยคะ”คราวนี้เป็นทีแพรวบ้างที่ขยับขึ้นมาหักหน้าน้องสาว
“ดูหนังมากไปแล้วน้องพิณ ไม่ใช่เรื่อง A cinderella storyนะยะ” (เป็ฯหนังเก่าลองไปดูกันนะคะสนุกดี)
พอได้ฟังคำตอบแล้วดันเต้ก็อดขำไม่ได้ ถึงจะคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงตอบไม่ถูกแต่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะออกมารูปแบบนี้“555 ไม่ใช่หรอกครับ มือถือน่ะตัวขัดจังหวะเลยละ”
“คะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“อ่าถึงเราจะทายไม่ถูก แต่ไหนๆก็มาแล้วอยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะคะ”แพรวกล่าวพร้อมกับเดินไปควงแขนของดันเต้อย่างออเซาะ
“นะคะ ดูด้วยกันหลายๆคนสนุกกว่านะคะ”พิณเองก็ไม่น้อยหน้าตรงเข้าไปคว้าแขนอีกข้างมากอดไว้เช่นกัน
“ก็ได้ครับ”ดันต้เพียงยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ ไม่ได้สะบัดมือพวกเธอออก เลยยิ่งทำให้สองสาวได้ใจเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจัดการเดินควงแขนลากร่างหนาไปที่ช่องขายตั๋วทันที นี่คือเหตุผมว่าทำไมพวกเธอถึงเลือกหน้าโรงหนังเป็นจุดนัดพบ
แต่เมื่อเดินโดนลากมาได้ไม่ไกล ดันเต้ก็สังเกตเห็นคนที่เงียบมานานไม่เดินตามมาด้วยจึงหันกลับไปร้องถาม“น้องซีไม่ไปด้วยกันหรอ”
“อ่า คือผมไม่ค่อยอยากดูเท่าไร เดี๋ยวผมรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะครับ”
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะเต้ ซีมันไม่ดูหนังในโรงมานานแล้ว กลัวเสียตัง”ซีไม่เถียงเพราะที่พี่แพรวว่ามาก็ไม่ผิด เขาอยากจะเก็บเงินให้ได้ไวๆ เพราะงั้นอะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นมาก เขาก็ไม่อยากจะเสียเงินจ่ายออกไป ไว้เรื่องไหนอยากดูค่อยไปซื่อแผ่นมาดูก็ได้เสียเงินครั้งเดียวดูได้ตั้งหลายรอบคุ้มกว่ากันเยอะ จะเลือกดูในโรงก็เฉพาะเรื่องที่อยากมากจริงๆเท่านั้นเอง
“ครับ เพราะงั้นไปดูกันสามคนเถอะครับ”
พอได้รับคำตอบแบบนั้นดันเต้ก็มองนิ่งอยู่ที่ร่างบางซักพักก่อนจะยอมโดนสองสาวลากตรงไปที่ขายตั๋วต่ออย่างไม่พูดอะไร
ซีถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายพรางทรุดลงนั่งที่โซฟาที่ถูกจัดเตรียมไว้หน้าโรงหนัง ในหัวก็คิดไปด้วยว่าเขาจะไปทำอะไรดีระหว่างรอทั้งสามคน
“น้องซี”ผ่านไปไม่นานยังไม่ทันที่ซีจะนึกออกว่าจะไปไหน เสียงทุ่มนุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นข้างตัว และเมื่อหันไปมองเต็มตาจึงเห็นว่าร่างสูงอยู่คนเดียว
“ครับ? แล้วพวกพี่ละครับ”
“เข้าห้องน้ำน่ะ…น้องซีไปดูด้วยกันนะ”แล้วมือหนาของพี่ดันเต้ก็ชูตั๋วหนังที่เรียงห้อยติดกันสี่ใบขึ้นมาให้เห็นตรงหน้า ทำเอาซีอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“พี่ซื้อมาแล้ว ซีไม่ดูเสียของแย่”ดันเต้ยังคงส่งยิ้มจางมาให้แบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ดะ..เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้นะครับ”พอหาเสียงตัวเองเจอ มือบางก็ล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายอย่างเร่งรีบเพื่อหากระเป๋าตังถ้าไม่ถูกรุ่นพี่หนุ่มยกมือขึ้นห้ามไว้ซะก่อน
“ไม่ต้องๆ พี่เป็คนนัดพวกซีมาเพราะงั้นพี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเราเอง ไปเถอะหนังจะเข้าแล้วนะ”แล้วดันเต้ก็จับแขนซีลากไปทางเข้าโรงที่พี่สาวทั้งสองของเขายืนรออยู่ทันที
พุธโธ ธัมโม ฆังโฆ ทำไมหนังที่เลือกดูจะต้องเป็นหนังผีด้วย!
ซีไม่ได้เป็นคนขี้กลัว แต่ออกจะเป็นคนขวัญอ่อนนิดๆ สะดุ้งง่ายตกใจง่ายดังนั้นเขาถึงไม่ค่อยอยากดูหนังผีที่ชอบมาให้ลุ้นแล้วก็ทำให้ตกใจ เรื่องผีสางน่ะเขาไม่ได้กลัวมากเท่าไรนักหรอก ถ้าไม่คิดไม่บิวท์อะนะ แต่ตอนนี้มีทั้งหนังคอยบิวท์แถมที่นั่งข้างๆยังว่างอีก! เพราะที่นั่งที่เลือกกันมาคือเกือบริมเลยไม่มีใครนั่งถัดจากเขาเลย หวังว่าจะไม่มีใครหรืออะไรมานั่งเป็นเพื่อนนะ
น่านๆพูดไม่ทันขาดคำมาอีกแล้วไอที่เงียบอยู่ดีๆเสียงก็ดังขึ้นมาพร้อมหน้าผีเนี่ย! เมื่อไรหนังมันจะจบบบบบ!!!
เสียงกรี๊ดกร้าดดังไปทั่วโรง และดูจะดังเป็นพิเศษจากสองสาวที่นั่งอยู่อีกข้างของซี ตอนนี้พี่สาวทั้งสองของเขานั่งประกบซ้ายขวาอยู่ข้างดันเต้ ยามตกใจทั้งสองก็จะเบียดร่างกระเซาะเข้าไปใกล้ชิดหนุ่มลูกครึ่งอย่างออกนอกหน้า ซึ่งตัวดันเต้เองก็ไม่รู้ว่ากลัวจริงๆหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ก็คือ….
ดวงตาคมละจากภาพตรงหน้ามาเหลือบดูคนที่นั่งถัดออกไป ร่างบางสะดุ้งโหยงตัวสั่นก่อนจะสงบลงสลับไปมาแบบนี้อยู่พักใหญ่แล้วโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจากปากซักแอะหรือร้องไม่ออกก็ไม่รู้ อีกทั้งยังคอยผินหน้าหลับตาปี๊แต่ก็ยังคอยเปิดตาข้างนึงมาแอบดู
…ขวัญอ่อนจังนะ
“ดันเต้จะไปไหนหรอคะ”เมื่อเห็นร่างหนาขยับลุกขึ้นแพรวจึงรีบร้องถาม
“ห้องน้ำน่ะครับ”ดันเต้กระซิบตอบพร้อมยิ้มสุภาพก่อนจะขยับตัวเดินออกไปด้านข้างผ่านซีที่หดขาชันเขาขึ้นมาบนเก้าอี้ทั้งสองข้างเพื่อหลบทางให้อีกฝ่ายเดินได้สะดวกจนเมื่อร่างสูงเดินผ่านไปก็ยังไม่เอาลง เขายังกอดเข่าไว้แบบนั้นแล้วเปลี่ยนจากหันหน้าหลบมาซุกเข่าเป็นพักๆแทน
ดวงตาคู่สวยโผล่พ้นหัวเข่าขึ้นมามองจอภาพอย่างลุ้นละทึก เมื่อเสียงดนตรีประกอบเริ่มเงียบลง แต่แล้วซีก็ดันเหลือบไปเห็นที่นั่งด้านข้างที่เคยวางเปล่าบัดนี้กลับปรากฎเงาร่างสีดำมืด!
ซีตกใจสุดขีด สะดุ้งจนตัวโหยงจังหวะเดียวกับที่ผีร้ายพุ่งเข้ามาเต็มจอเรียกเสียงกกรี๊ดกระหึมทั่วโรง ร่างบางเกือบจะกระเด้งตัวขึ้นหากมือหนาของเงานั้นไม่มาฉุดไว้ซะก่อน ซีถูกดึงเข้าไปใกล้จึงสามารถมองเห็นเงาร่างนั้นได้ชัดเจนเป็นใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่คุ้นเคยกำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมสัญญาญมือที่จุ๊อยู่ที่ปาก ซีถึงได้หายใจหายคอได้สะดวก
“ไม่กลับเข้าไปนั่งข้างในหรอครับ”ซีหันไปกระซิบถามเสียงเบา
“เดี๋ยวหนังก็จบแล้ว นั่งตรงนี้ก็ได้”
“อีกตั้งครึ่งเรื่องนะครับ”
“ตรงนี้ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปแทรกรบกวนคนอื่นเขา”แล้วดันเต้ก็หันกลับไปสนใจจอภาพ ซีเลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงจึงหันกลับไปสนใจหนังที่ฉายอยู่บ้าง โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าข้อมือตนยังอยู่ในการกอบกุมของอีกฝ่าย
ซีไม่รู้สึกสะดุ้งหรือตกใจกลัวอีกแล้ว เมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ข้อมือพอเหลือบมองถึงได้เห็นมือหนาใหญ่ของใครบางคนกำลังกำอยู่หลวมๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เขาไม่รู้สึกกลัวเท่าตอนแรก เหมือนการที่มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ซีจึงปล่อยเลยตามเลยไม่ได้เอามือออกปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นจนหนังจบ
ไฟในโรงหนังถูกเปิดให้สว่าง ผู้คนเริ่มลุกทยอยออกจากที่นั่ง รวมถึงแพรวพิณที่หันมาเห็นร่างหนาของดันเต้พึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งข้างน้องชายตน“อ่าวพี่เต้คะ ก็ว่าหายไปไหนทำไมไปนั่งตรงนั้นละคะ”
“ผมไม่อยากกวนพวกคุณน่ะครับ”ว่าแล้วก็ออกเดินนำตรงไปที่ทางออก พอพ้นโรงออกมาพิณรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมาเกาะแขนหนาไว้ทันที
“แหม ไม่เห็นจะกงจะกวนตรงไหนเลย”
“ดูหนังจบแล้ว เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันนะคะ”แพรวเองก็ทำเช่นเดียวกับน้องสาว คว้าแขนอีกข้างมาเกี่ยวไว้แน่น
เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่ตอบรับออกไป ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แล้วเขายังรู้สึกอยากอยู่ใกล้กับเจ้าของข้อมือเล็กบางนั่นอีกซักหน่อย“ครับ ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
ซีเดินตามหลังทั้งสามคนต้อยๆ แต่ก็รู้สึกได้ถึงดวงตาสีอ่อนที่มองกลับมาเป็นพักๆ จนพวกเขามาถึงร้านสเต็กร้านนึง ตามจริงซีไม่อยากจะตามเข้าไปนัก ก็เพราะไม่อยากเสียเงินเกินจำเป็นอีกนั้นละ แต่เอาเถอะนานๆทีละกัน
“ซี” เดินเข้าร้านมายังไม่ทันนั่งก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกมาจากโต๊ะใกล้ๆ
“ไม้?”ซีเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างงุงงงเมื่อบังเอิญมาเจอเพื่อนหนุ่มที่นี่
“มาทำอะไรเนี่ย ไปนั่งด้วยกันสิ”ไม้ชักชวนร่างเล็กอย่างอารมณ์ดี แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อหันไปเห็นร่างหนาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“พี่ดันเต้”ไม้เรียกอีกฝ่ายเสียงเข้มและบรรยากาศที่เริ่มเย็นยะเยือก แต่ยังไม่ทันที่จะมีอะไรเกิดขึ้น เสียงของซีก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“เดี๋ยวผมไปนั่งกับเพื่อนนะครับ”แล้วไม่รอฟังคำอนุญาติจากใครร่างบางก็รีบลากแขนเพื่อนกลับไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆนั่งอยู่ด้วยอีกสามคน แต่เดิมเขาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพี่สาวและพี่ดันเต้อยู่แล้ว บังเอิญมาเจอไม้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ซีหันไปทักเพื่อนคนอื่นๆอย่างยิ้มแย้มก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆไม้ แล้วหยิบเมนูขึ้นดู เหมือนว่าเพื่อนๆเขาก็พึ่งจะเข้าร้านมาได้ไม่นานเหมือนกันถึงแค่เริ่มสั่งอาหาร
ดันเต้นั่งโต๊ะที่เยื้องไปจากพวกซีนิดหน่อยโดยฝั่งตรงข้ามคอยมีสองพี่น้องแพรวพิณนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้บวกกับสายตาสาวๆอีกรอบร้าน ดันเต้ค่อนข้างคุ้นชินกับการรับมืออะไรแบบนี้ จึงสามารถทำตัวไปได้ตามปกติ แต่ที่จะแปลกไปก็คงจะมีแต่สายตาที่ค่อยแต่จะเหลือบมองไปโต๊ะใกล้ๆอยู่ตลอดเวลา…
…กับเพื่อนก็ยิ้มแย้มพูดคุยได้ปกติแท้ๆ ทำไมทีกับเขาถึงไม่ใช่แบบนี้นะ…ดันเต้เผลอคิดไปอย่างไม่รู้ว่ากำลังน้อยใจร่างเล็กอยู่
“ดันเต้ ดันเต้คะ ดันเต้”
“ห๊ะ ครับ”
“คุณหั่นลงไปจนถึงจานแล้วนะคะ หั่นต่อไปแบบนั้นเดี๋ยวก็จานทะลุหรอกคะ”แล้วแพรวก็ปิดท้ายด้วยการหัวเราะเบาๆแบบมีจริต
“นั้นสิครับ” และไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังไม่ชอบใจไปกับท่าทางสนิทสนมของไม้กับซี
เมื่อทั้งหมดอิ่มหน่ำกับอาหารเป็นที่เรียบร้อย ซีก็ขอปลีกตัวจากเพื่อนๆเพื่อมาทำหน้าที่ขับรถเพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีไม้ขอตามไปส่งที่รถด้วย ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าจึงกำลังเดินไปที่ทางออกลานจอดรถโดยพี่สาวทั้งสองของเขายังกอดแขนคนละฝั่งของพี่ดันเต้อยู่เช่นเดิม ส่วนไม้ก็เดินคุยเป็นเพื่อนเขาอยู่ด้านหลัง
ครอบครัวของไม้มีพ่อเป็นเชฟใหญ่ ชายหนุ่มจึงมักมีสูตรอาหารและสูตรขนมมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ซีจึงมักจะคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างถูกคออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเราไปก่อนนะคะพี่ดันเต้ บ๊ายบายนะคะ”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะดันเต้”
เมื่อเดินมาถึงรถสาวๆก็ต้องผละออกจากแขนหนาอย่างแสนเสียดาย แล้วเดินขึ้นรถไป
“สวัสดีครับพี่ดันเต้…ไปนะไม้ บ๊ายบาย”ซีหันไปกล่าวลาทั้งสองก่อนจะเข้าประจำที่ตรงคนขับก่อนจะขับออกไปจึงเหลือทิ้งไว้เพียงไม้และดันเต้ยืนกันอยู่สองคนในลานจอดรถที่เงียบสงบ
“ถ้าพี่สนใจพี่แพรวกับพี่พิณก็อย่ามายุ่งกับซี”จู่ๆไม้ก็พูดขึ้นมาเสียงเข้ม โดยไม่หันมามองคนด้านข้าง เรียกให้ดันเต้ก้มมองคนที่เตี้ยกว่า แต่ก็หน้าตาดีไม่น้อยแบบรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ไม่ได้สนใจพี่สาวของซี และซีเองก็เหมือนน้องชายพี่คนหนึ่ง จะให้ไม่ยุ่งเกี่ยวคงไม่ได้”หนุ่มลูกครึ่งตอบกลับเสียงเรียบ ใบหน้าที่เคยปรากฎรอยยิ้มจางอยู่เป็นนิจบัดนี้กลับเรียบนิ่ง แล้วร่างสูงก็หันเดินกลับออกไป
ไม้กำมือทั้งสองแน่น พร้อมกับเข่นขี้ยวเคี้ยวฟันพึมพำออกมาซึ่งดันเต้เองก็ได้ยินชัดเจน“ผมก็ขอให้เป็นแค่น้องชายเถอะ!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ