โฉมงามกับเจ้าชายอสูร yaoi

-

เขียนโดย บันนี่โจแจ็ค

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.31 น.

  4 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร yaoi 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 

เจ้าหน้าที่นำทางอัลเบิร์ตเดินลัดเลาะัมาถึงตึกค่อนข้างใหม่   ส่งเขารวมพลกับกลุ่มผู้ผ่านคัดเลือก   พวกเขาทั้งหญิงและชายสวมเครื่องแบบบอกบรรดาศักดิ์   ต่างผ่อนอิริยบถบนโซฟาหนานุ่มยาวใหญ่รอพิธีแต่งตั้ง  ทานของว่างซึ่งจัดเตรียมไว้ในห้องข้างๆและทำความรู้จักกัน   หลายคยสนิทสนมคุ้นเคยกันภายในเวลาอันรวดเร็ว  แต่ส่วนมากรู้จักกันดีอยู่แล้วในแวดวงสังคมชั้นสูง   บางคนให้ความสนใจอัลเบิร์ตที่เพิ่งเข้ามา  ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติเซียนปราบ   เขาเลยถูกซักด้วยความอยากรู้อยากเห็น  บรรยากาศตื่นเต้นกับอนาคตโดยเฉพาะพิธีรับตำแหน่งอันจะเกิดขึ้นเมื่อก้าวออกจากห้อง รอพิธิคัดเลือกสิ้นสุด   ฝ่ายสามัญชนมาสมทบบ้างแล้ว กลุ่มสนทนาตอนนี้แบ่งแยกออกชัดเจน  จะมีสองสามคนไม่ถือตัวแวะมาชวนสนทนายกตัวอย่างเช่นเจ้าชายเบนจามินแห่งครู๊กซ์    นายอัลโด จากเรดเฮดแมนฮิลคือคนที่อัลเบิร์ตคุยด้วยเยอะที่สุด  ก่อนที่วงสนทนาจะขยายกว้างเรื่องดาบ

"  ผมออกแรงดึงแทบตายแน่ะ  เอาเข้าจริงผมทำใจแล้วว่าต้องผิดหวัง  "

"  ฉันดึงนิดเดียวก็ออกล่ะ  หูอื้อเลย  แสงสีฟ้าเต็มไปหมดประทับใจมากตอนนี้แสงยังติดตาอยู่เลย  "

"  ฉันก็ประทับใจ  เกิดมาเพิ่งเคยเห็นดาบวิเศษ  แถมมันสำแดงความวิเศษกับฉันด้วย  ฉันเห็นคนตัวยักษ์ดึงกันหน้าดำหน้าแดง  ฮ่าๆฮ่า  ไหงฉันดึงแป๊ปเดียวก็ออก  "

"  ครอบครัวผมต้องดีใจมากแน่ๆพวกเขาไม่ได้มาดูหรอกแถมยังบ่นอีกต่างหากเพราะเสียดายค่าเดินทาง  แต่ละปีคนผ่านไม่ถึงร้อย  ยังไงก็เชื่อว่าผมไม่ผ่าน  ค่าเดินทางผมเก็บสะสมเอง  บ้านผมอยู่ใกลมากเดินทางข้ามหกเมือง  คิดดุสิ  ผมติดตราเป็นเซียนปราบสำเร็จแล้วไปเคาะประตูบ้าน แม่ผมตากผ้าอยู่คงกรี๊ดแตกเลยล่ะ  "    ทุกคนหัวเราะขันกับคำพูดของเขา

"  ผมสงสัยว่าทำไมเราจึงมีแสงคนละสีกันนะ  ทั้งที่มันออกมาจากดาบเล่มเดียวกัน  "

"  ผมคิดว่าเพราะพลังของเราไม่เท่ากัน  "    ส่วนมากพยักน้าเห็นด้วยกับความคิด

"  แต่ฉันเคยเห็นเซียนปราบต่อสู้กับปิศาจ  พวกเค้าไม่มีออร่าออกเลยนะ  ทั้งที่พวกเค้ามีพลังเยอะกว่าเรา  "

"  ใช่ พี่ชายผมสองคนเป็นเซียนปราบ  เวลาใช้พลังร่ายมนต์ไม่มีแสงแบบพวกเราล่ะ  "    อัลเบิร์ตเอ่ย

"  พี่นายเป็นเซียนปราบ   เค้าพูดเรื่องดาบว่าไงบ้าง  "

"  .....เขาบอกแค่ว่าวิธีคัดเลือกแต่ละปีไม่เหมือนกัน  แต่ก่อนโหดขนาดมีคนตายแต่เลโอนาร์ทปิดข่าวเลยไม่เคยให้นักข่าวเขียนข่าวเกี่ยวกับวิธีคัดเลือก  แต่ญาติพี่น้องคนที่ตายเอาไปบอกคนในเมือง  ทำให้คนไม่กล้ามาคัดเลือก  เดี๋ยวนี้อัตราการตายลดลงรีเปล่าไม่แน่ใจ  "    นายเจมส์  ฮาวาร์ตบอกมาจริงๆ

บางคนกระพริบตาปริบ  งงกับข้อมูลใหม่ และกำ้กึ่งว่าพูดเล่นรึพูดจริง  สาวผมทองกับสาวผมแดงหันมาหัวเราะคิก    เกิดการไล่ลำดับใครเข้ามาก่อนหลังภายในกลุ่ม  ถามกันเองหาคนตายในพิธีซะงั้น   พอดีเด็กสาวคนล่าสุดปรากฏกายขึ้นในห้อง  ทั้งกลุ่มพุ่งความสนใจที่เธอ หนึ่งคนถาม  รายล้อมด้วยคนอยากรู้อยากเห็น   เธอสายหน้างงปนตกใจ   ที่ถูกต้อนรับด้วยคำถามว่าข้างนอกมีใครตายไปบ้างรึยัง

"  ไม่มีค่ะ!!  "    ถอนใจกันทำไมเหรอ

"  แสงออกมาจากดาบใช่ใหม  เพราะมันเป็นดาบวิเศษ  เราสัมผัสมัน  มันสัมผัสเรา  จึงเรียกว่าดาบคัดเลือก  "   สาวเจ้าวิเคราะห์ต่อ  "  ถ้าเรามีคุณสมบัติอะไรก็ตามที่สมควาเป็นเซียนปราบมันจึงหลุดออกมา  รึพวกนายมีความเห้นว่าอย่างไรกันบ้าง  "    เป็นการเดาที่ตรงกับใจหลายคนซึ่งส่งเสียงในลำคอเออออ    "  นายคิดว่าไง  "     เธอหันมาทางอัลเบิร์ต

"  ผมเห็นแสงออกจากตัวเรานะครับไม่ใช่ดาบ  ดาบต่างหากสะท้อนแสงจากตัวผม  "

"  ทายกันได้ใกล้เคียง  "    บุรุษหนุ่มสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่เอ่ย   ตราบนเครื่องแบบบอกยศสูงกว่าเจ้าหน้าที่ในพิธีและคนมาส่ง   เขามากับเด็กหนุ่มสามคน  ช่วยเฉลยกลไกดาบเมื่่อมีผู้สนใจกระตือรือร้นอยากทราบ  

"  ดาบจะถูกชักออกโดยพลังจิต  ลำพังพลังกายเพียงอย่างเดียวมิอาจดึงขึ้นได้  เมื่อพวกคุณรีดเร้นรวบรวมพลังทุกชนิดในร่างกายทุ่มลงไปและจิตเอาชนะด้วยเจตนาจูงใจใดก็ตามเพื่อดึงมันขึ้น   อำนาจจิตที่แฝงเร้นจักแก่กล้า  หากคนผู้ไร้ซึ่งพลังจิตเข้าเป็นเซียนปราบ  เขาก็ไม่อาจร่ายคาถาได้สัมฤทธิ์ผล  เลโอนาร์ทยังลงเวทย์เพิ่มนำ้หนักสำหรับชายผู้มีเรียวแรงเกินมนุษย์  เช่นที่พวกคุณเห็นชายร่างสูงหนาใหญ่โตเพียงใดยังไม่อาจสามารถ  พวกคุณจึงเหนือมนุษย์  ออร่าเหล่านั้นเกิดจากกิตคุณเอง  ต่อไปพวกคุณเก่งขึ้นจะรู้จักเรียนรู้ปิดซ่อนจิตเหมือนรุ่นพี่  เมือ่ใจพวกคุณเต็มไปด้วยความลับ....." เขากวาดตารอบห้อง   ทุกคนล้วนหยุดฟังตั้งแต่เห็นการมาของเขา  บุรุษหนุ่มประกาศให้ผู้ผ่านการคัดเลือกเดินตามเขาไปเพื่อเข้าพิธีรับตำแหน่งเดินขึ้นบันได  ผ่านหุ่นเหล็กตามจุดต่างๆตลอดโถงทางเดินพาเหลียวค้าง  ยิ่งขนลุกเพราะพิจดูละเอียดเเล้วมันคือเหล็กล้วนๆปราศจากคนควบคุมด้านในแต่สาบานว่า  พวกมันเบือนหัวมองตามคณะ   คนในคณะยื่นมือลองแตะมัน

"  เฮ้ย!!  "    หุ่นเหล็กฉวยหมับ  คณะหยุดเดินหันมามอง   เจ้าชายกระเสือกกระสนดึงมือออก  เตะต่อยพัลวันลืมว่าเป็นเหล็ก  หุ่นเหล็กปล่อยมือ  ถีบเจ้าชายลอยกระแทกผนัง  ผู้หญิงกรี๊ด  เจ้าชายผู้ซุกซนลว่งลงกุมท้องร้องโอย   ใครสองคนวิ่งเข้าไปช่วยพยุง  ตำแหน่งที่รา่งเจ้าชายกระเด็นตกฟ้องความแรงลูกถีบอย่างดี!!     ผู้นำทางเอ่ย

"  ระหว่างทาง   อย่ายุ่งกับทหารเลโอนาร์ทดีกว่านะ  "  เฮือก!! ไม่ต้องเตือนก็รู้....  แต่บอกไวกว่านี้จะดีกว่านะ

 ผู้นำทางหยุดหน้าประตูบานใหญ่  หุ่นเหล็กร่ายักษ์อารักขาประตูซ้ายขวา  เขากำชับเรื่องอย่าลืมทำความเคารพพ่อมดเลโอนาร์ท  ก่อนจะโค้งศีรษะให้หุ่นรึอะไรก็ตามที  ประตูเลื่อนเปิดตัวเอง  พวกเขาแบ่งเป็นสองแถวเดินยำ่่พรมเข้าไปอย่างเป็นระเบียบมาหยุดลงเบื้องหน้าบัลลังค์เตี้ย  ทำความเคารพเกือบพร้อมเพรียงต่อบุรุษผู้ประทับบนนั้น   พ่อมดเลโอนาร์ท....   บุรุษหัวโล้นเกลี้ยง  ร่างหนาใหญ่กำยำ  ดูคล้ายยอดนักรบมากกว่าผู้เป็นเอกในเวทมนตร์ปีนี้ได้มาหกสิบเจ็ดคน  พ่อมดเลโอนาร์ทใช้สายตาสำรวจคร่า่วๆ  ดวงหน้าตกประหม่า  ดวงหน้านิ่งเฉย  ดวงหน้าเฝ้ารอ  จะมีเพชรแท้เม็ดแกร่งซ่อนอยู่กี่ดวง

"  เข้ามาใกล้ๆข้าสิ  "    คนหน้าสุดก้าวเข้ามา  ขาสั่นนิดๆ    "  บอกชื่อเจ้ามา  เจ้าคือคนของข้าเเล้ว  "

"  หม่อมชั้น  บิลเลียม  คาเพนเตอร์  จากเมืองแองเจอร์สัน  พะยะค่ะ  "

"  บิลเลียม  คาเพนเตอร์  เจ้าจะยอมสาบานด้วยหัวใจว่าจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เซียนปราบที่ข้าจะมอบให้รึไม่  "

"  กระหม่อมสาบานพะยะค่ะ  "  เลโอนาร์ทหยิบเข็มขัดประดับตราเซียนปราบส่งให้วิลเลียม  ผู้นำทางเลี่ยงออกไปยืนด้านซ้ายแต่แรกกระซิบแนะนำสั้นๆให้วิลเลียมสวมมัน  วิลเลียมสวมมันเก้ๆกังๆเนื่องจากตกประหม่า  เสร็จแล้ว  ฝ่ามือเลโอนาร์ทเลื่อนประทับอกซ้า้ยวิลเลียม  ประกายสีขาวล้อมแขนพ่อมด  บิลเลียมกรีดร้อง  ร่างสั่นระรัวล่วงทรุดลงกองแทบพื้นทันทีที่เลโอนาร์ทดึงมือกลับ

"  เจ้าเป็นเซียนปราบโดยสมบูรณ์ตั้งแต่บัดนี้เป้นต้นไป  บิลเลียม  คาเพนเตอร์  " ผู้ผ่านคัดเลือกตกใจกันถ้วนหน้า  บิลเลียมลงมายืนหอบนิดหน่อย  สิริรวมแล้วยังมีชีวิตอยู่  เพียงแต่เจ็บปวดเล็กน้อยรึแค่ตกใจกันแน่จึงร้องโหยหวนตัวสั่นราวถูกไฟดูด  ใหนขอลงอหน่อยซิ  ผู้นำทางเรียกคนต่อไป

"  หม่อมชั้นเจ้าหญิงโซเฟีย  จากเมืองแบลคอาวน์เพคะ  "    "  หม่อมชั้นสาบานเพคะ  "กรี๊ดดดดดดดด  "  คนถัดไป

"  กระหม่อมเจ้าชายวานูบี  เบเบดูดู  จากเมืองเบเบดูดู  พระเจ้าค่ะ  "    "  กระหม่อมสาบานพระเจ้าค่ะ  ""  อ๊ากกกกกกกกกกก  "    คนต่อไป

"  กระหม่อม  อัลโด  คอเนอร์  จากเมืองเร้ดเฮดแมนอิลพะยะค่ะ  "    "  กระหม่อมสาบานพะยะค่ะ  ""  อ๊าาาาาาาาาาาาาา  "    คิวถัดไป

"  หม่อมชั้นเจ้าชายเบนจามิน  จากเมืองครู๊กซ์พะยะค่ะ  "    "  หม่อมชั้นสาบานพะยะค่ะ  ""  อั่กกกก  อั่กกกก  อั่กกกก  "    คิวต่อไป

"  กระหม่อม  อัลเบิร์ต  ฮาร์วาร์ต  จากเมืองเซาท์สตาร์พะยะค่ะ  "    อัลเบิร์ตประสานสายตาสง่าผ่าเผยและหลุบลงตามมารยาทยามรับเข็มขััด ตาไล่จากลำคอหนา  ประโยคของแอลผุดกลางมโน

"  ปีศาจสีตัวนั่นยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อเข้าไปโค่นจอมเวทย์เลโอนาร์ท  แต่ถึงแม้จะหลุดเข้าทัพเซียนไปได้ก็ฆ่าเลโอนาร์ทไม่สำเร็จหรอก  เพราะเลโอนาร์ทเป็นอมตะ  "    ลำตัวหนากำยำ  หากต้องศาตราวุธในระยะประชั้นชิดก็คงจะไม่ตายสินะ  อัลเบิร์ตละสายตาจากท้องพ่อมด  สวมเข็มขัด

"  อัลเบิร์ต  ฮาร์วาร์ต  เจ้าจะยอมสาบานดว้ยหัวใจของเจ้าว่าเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เซียนปราบซึ่งข้าจะแต่งตั้งให้รึไม่  "  ณ จุดๆนี้  จะทำเท่ห์ต่อต้า้น  ตะโกนปฎิเสธ  พุ่งโบกใส่หัวเหม่ง  ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปโดนคาถาไล่หลังจนถลาล้มลง  คลานกระเสือกกระสนพ้นห้องไปจบชีวิตสวยงามใต้บาทาไอ้หุ่นเหล็ก   คงจะไม่ใช่สำหรับผู้ดึงดาบแทบเป็นแทบตายด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน  มันจึงต้องเอื้อนเอ่ยตามพิธี

"  กระหม่อมสาบานพะยะค่ะ  "   เพื่อให้มือซ้ายเจ้าเหม่งวางบนบ่า  มือขวาแนบลงอกข้างซ้าย  จากนั้นก็  อั่กก  อั่กก  อั่กก  โยกย้ายส่ายร่างราวสนุกสนานเต็มที่ไม่น้อยหน้าใคร  อั่กก อั่กกก  อั่กก 

แอล ฮาวาร์ต ฉุดแขนอัลเบิร์ต  เขาชะงักฝีเท้าตามแรงดึงกับเสียงเรียกชื่อ  แอลอมยิ้ม  มองเข็มขัดประดับเด่นหราอวดตราเอี่ยมอ่องเส้นที่สามของตระกูล  

"  พี่ดีใจด้วย  สมหวังแล้วนะ  "   มรกตคู่เรียวจริงใจใสซื่อ   อัลเบิร์ตตวัดแขนโอบกอดพี่ชายผู้มายืนดักรอหน้าท้องพระโรง  พวกเขาหัวเราะเดินกลับเกวียนซึ่งจอดริมกำแพง  เจมส์นั่งเล่นรอ  เห้นเขาทั้งคู่เดินใกล้เข้า  อ้าปากค้างทันทีที่สายตาโฟกัสเส้นใหม่พาดที่เอวอัลเบิร์ต

"  เฮ้ย !! ตกลงแกผ่านเรอะ  "

"  ครับ  "    อัลเบิร์ตยิ้มแฉ่ง  แต่แอลหน้าจ๋อย    

"  บ้าชะมัดเลยแอล  ถ้ารู้ว่ามันจะได้  ฉันไม่ปล่อยให้มาหรอก  ดันได้เฉย !! "    เจมส์อาละวาด

"  โธ่ อย่างน้อย น้องเรามีพลังจิตเหมือนพวกเราเลยนะ  "    แอลปลอบใจเจมส์ตามความรู้สึก  ทำไงได้ล่ะ  เจมส์หน้าบึ้ง  หลุดความในใจทีละประโยค  บ่นหึ่งๆ

"  ได้มันมาชั้นก็ดีใจ  หวังว่าจะมาช่วยดูแลสมบัติ  มันจะได้ใช้แทนให้คุ้มกับท่พวกเราเอาชีวิตไปเสี่ยงกว่าจะได้มันมาตอนพวกเราเป็นอะไรไป  ไอ้บ้านี่เกิดจะมาเป็นเซียนปราบอีกคน  แล้วสมบัติล่ะ  เงินทอง คฤหาสน์ คุณพ่อบ้านกับแม่บ้านใครจะดูแล  "    โห  นึกว่าห่วงเรา  อัลเบิร์ตนึกในใจ  ที่แท้ก็ห่วงสมบัติ

"  เอาน่าเจมส์  คุณลุงสั่งไว้เขามีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง  "    แอลเตือน  ที่เจมส์ได้แต่สบถออกมา  

"  บ้าชะมัด  แล้วเขาทำอะไรแกบา้งล่ะเลโอนาร์ทน่ะ  "    อัลเบิร์ตเล่าให้ฟังคร่าวๆ  สองพี่น้องนิ่งอึ้ง

"  นั่นล่ะ  เขาดูดหัวใจนายไปแล้วอย่างที่เล่าแต่แรก  ทีนีแกจะไม่มีหัวใจให้ใครอีกนอกจากเลโอนาร์ทกับปีศาจที่มันเดินว่อนกันอยู่ข้างนอก  ราชาพวกมันจะกลับมา  ถ้าแกไม่เจ๋งจริงหนีภารกิจเลโอนาร์ทจะกำจัดแก  สมนำ้หน้า  ที่นี้แกก็ไม่มีหัวใจให้สาวที่ใหนแล้ว  "

"  ใครว่าครับ  หัวใจของผมมอบให้เค้าตั้งแต่แรกพบ  ทีนี้รา่งกายจะได้ตามไปดุแลหัวใจเสียที  "   อัลเบิร์ตอมยิ้มนิดๆสีหน้าอ่อนโยน    สองพี่น้องอึ้งสนิท   จับเค้าลางๆจนได้บทสรุป

"  นี่แกอย่าบอกนะว่า  แรงจูงใจคือหลงรักสาวในนี้น่ะ  "    เจมส์ชี้ทััพเซียน  อ้าปากหวอ  น้องชายก้มหน้าลงกระนั้นก็ซ่อนผิวซับสีเลือดไม่มิด  อาการเท่ากับยอมรับกลายๆ  เจมส์กับแอลเงียบกริบ  พี่ใหญ่หมุนตัวปีนขึึึึึึึึึึึึ้นเกวียน  ตามด้วยพี่รองแอล  นายช้างเท้าหลัง    

"  ไร้สาระ  "  

เกวียนเทียมม้าควบปุเลงกลับ  เจมส์ไม่คุยกับน้องชายคนสุดท้องเลย  แอลกางหนังสือพิมพ์ที่เจมส์ซื้อติดไม้ติดมือกลับมา   เหลือบไปเห็นภาพครึึึ่งหน้าหลัง  เจ้าคนขี้บ่นเริ่มบ่น

"  ยังจับเจ้าหญิงแอนดันไม่ได้อีก  กับแค่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนเดียว  "

"  เธออาจจะเก่ง  "    แอลพลิกหนังสือพิมพ์ควำ่ลงดู

"  ชั่วร้ายต่างหาก  สมุนปิศาจในคราบมนุษย์  เกิดเป็นมนุษย์ดีๆไม่ชอบ  ซ่องสุมเป็นลิ่วล้อราชาปิศาจ  "

"  ใหนครับ  "    อัลเบิร์ตเอนตัวชิดเเอล  ขอดูรายละเอียดข่าวประกาศจับเจ้าหญฺงแอนดันเต้บ้าง  เบียดไปเบียดมา  แอลลดหนังสือพิมพ์ลง  ดันอัลเบิร์ตที่แทบจะกองหนุนตักรอมร่อ  เขายอมเอนกลับมานั่งดีๆ

"  แอลมีแฟนรึยังคร้าบ  "  ตาระยับพราว  เท่านั้นล่ะคนที่เงียบไปกรรโชกถาม

"  แกถามทำไม  "    อัลเบิร์ตไม่ตอบ  ยังมองแอลซึ่งลอบยักคิ้วให้ก่อนหายไปหายเข้าไปหลังหนังสือพิมพ์ตามเดิม   กิริยาที่เล็ดลอดเข้าตาเจมส์

"  นี่แกอยา่บอกนะว่า เซียนปราบที่แกหลงรักคือแอลน่ะ  "    เจมส์ขยับพรวดดึงแอลมากอดไว้  "  ห้ามนาเฟ้ยแอลแฟนฉัน  ถ้าแกจีบแอลแกตายแน่  "    คำประกาศพร้อมคาดโทษเสร็จสรรพ  อัลเบิร์ตอ้าปาก

"  แอลคือพี่ชายคนที่สองของผมไม่ใช่หรือครับ  "

"  ที่ใหนล่ะ  แอลใช้ฮาร์วาตเพราะแต่งเข้าต่างหาก  จำไว้ซะเจ้าบ้า  "    แอลเหนี่ยวแขนเจมส์  ระบายยิ้ม

"  อัลเบิร์ตเค้ารู้แต่แรกแล้วล่ะ  "    ชายผู้ตกข่าวขมวดคิ้วฉับ    "  ห๊ะ  "

"  ตั้งแต่ฉันเดินสะดุดขาเก้าอี้คืนนั้น  ต่อดว้ยหัวกระแทกโต๊ะ  "    แอลเฉลยราบเรียบ   เจมส์แปลกใจจริงอยู่ทว่าก็ัรับได้ที่ความรับแตกก่อนแต่แรก  ก็ในเมื่อแอลยังไม่เป็นเดือดเป็นร้อนทั้งๆที่เป็นคนขอให้ปิดเรื่องนี้   เจมส์เสียอีกกลับสบายใจ

"  รู้ก็ดีแล้ว  "    เขาทอดร่า่งอิงแอบแอล    

"  อ่านหนังสือพิมพ์ต่อเถอะแอล  ห้ามแอบมองนาเฟ้ย  "    แอลยิ้มเขิน   แต่ก็ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นบัง  ขาเหยียดยาวสองคู่ทอดเคียงกัน  ครึ่งบนทั้งคู่หายไปในหนังสือพิมพ์  อ่านหนังสือพิมพ์ดังจ๊วบจุ๊บ  ปล่อยอัลเบิร์ตเผชิญหน้ากับเจ้าหญิงแอนดันสิงเต็มปกหลัง  ตาสีฟ้าของเธอสบกับอัลเบิร์ต เรือนผมยาวขับดวงหน้าหวานยิ่งขึ้น  อัลเบิร์ตเปล่าสนใจเธอ  กำลังตะแคงหูฟังเสียงจุ๊บจ๊วบ ก่อนจะเบือนหน้ามองทิวทัศน์นอกเกวียนอย่างสบายอารมณ์

คฤหาสน์ฮาร์วาร์ต  นายเจมส์ผู้ปกครองสูงสุดนั่งจิบนำชายามบ่ายในซุ้มริมสวนเงียบๆ   อัลเบิร์ตกำลังเล่นกับนิกสุนัขประจำบ้าน   นิกยืนสองข้าใส่อัลเบิร์ต   เทียบส่วนสูงเท่าพุงเด็กหนุ่ม   อีกสองวันอัลเบิร์ตต้องย้ายเข้าทัพเซียนเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยมอเปล่าและอาวุธ   ประสานพลังจิตเข้ากับทุกท่วงท่า   ใช้พลังจิตคู่คาถาเวทย์   จะไม่ได้กลับทัพเซียนพักใหญ่จนกว่าเขาพร้อมออกภาคสนามรับภารกิจจึงจะมีอิสระอิสระออกจากทัพเซียน   แว่บเถลไถลที่อื่นเหทือนจเมส์กับแอล  พอหอมปากหหอมคอแล้วค่อยกลับทัพดังเดิม   อัลเบิร์ตเป็นลูกของพี่ชายพ่อเขา   เขาทั้งสองเพิ่งได้เจออัลเบิร์ตเมื่อสัปดาห์ก่อน   เด็กหนุ่มผมบรอนซ์  ตาสีฟ้า  มาตัวเปล่ากับจดหมายฝากฝังจากคุณลุงซึ่งทำงานที่เมืองมิราฌ   รูปการณ์บอกว่าคุณลุงคงจะหาชีวิตไม่แล้ว   ช่วงแรกอัลเบิร์ตเศร้าซึมน่าเห็นใจ   พออยู่ไปซักพัก  เจมส์ลงความเห็นว่าอัลเบิร์ตนั้นแท้จริงเป็นเด้กที่กวนประสาทคนนึง  ไม่ใช่เพราะเห็นเขาเป็นผู้ปกครองซึ่งมีอายุมากกว่าสองปี   แอลอายุห่างแค่ปีเดียวเลยไม่เคารพ   เพราะอัลเบิร์ตเคารพเชื่อฟังพวกเขาเจมส์จึงมองออกว่า   เด็กนี่กวนประสาทโดยเนื้อแท้แต่มีชั้นเชิงจึงไม่ได้ถูกมองว่าปีนเกลียว   แรกๆเจมส์สงสารอัลเบิร์ต   พูดดีๆด้วยซึ่งผิดวิสัยเขา  เราสองคนเป็นห่วงสุขภาพใจอัลเบิร์ต   เสร็จภารกิจไม่กลับทัพเซียนแต่จะมาค้างที่บ้านไม่ต้องการทิ้งอัลเบิร์ตผู้เพิ่งเผชิญจากการสูญเสียไว้ตามลำพังในคฤหาสน์หลังโต   แม้จะนอนคนละห้อง   ใช่    แอลแคร์เด็กคนนี้มากขนาดขอความร่วมมือพ่อบ้านและสาวใช้ทุกคนให้ช่วยปกปิดความสัมพันธ์แท้จริงของเราต่ออัลเบิร์ต  และแยกห้องนอนไม่ให้เขาร่วมห้อง   กลัวอัลเบิร์ตระแคะระคาย   ช่วงนั้นฝนชอบตกกลางคืนและฟ้าก็ผ่าแล่บเข้ามาทางกระจกหน้าต่างสว่างที  เห็นซอกตู้ในเงาตะคุ่มที  ถึงจะปิดม่านเสียงก็ดังอยู่ดี   บางคืนฝนไตกนิกจะหอนตอนกลางดึกโดยไม่มีสาเหตุ   แอลมัวแต่พะวงอัลเบิร์ตที่เพิ่งเสียพ่อจนลืมกระมังว่าเขาเพิ่งเสียลุงไปเช่นกันจึงปล่อยเขานอนคนเดียวทั้งที่เราไม่เคยแยกกันนอน   บางคืนเขาแอบย่องผ่านประตูห้องนอนอัลเบิร์ตไปเคาะห้องแอล   แอลก็ห้าม   เกรงว่าตอนเขาเปิดประตูออกมาอัลเบิร์ตจะบังเอิญเห็นซักครั้ง  จะหายตัวไปห้องแอล   แอลก็ห้าม   เนื่องจากการหายตัวจะเกิดเสียงในอากาศ   เด็กอัลเบิร์ตใช่ย่อยเสียที่ใหน  วันแรกที่เอาจดหมายมาให้เขาทั้งสองก็หายหัวจ้อย   ไปเจออีกทีเป็นเด็กคอกมังกรเสียอย่างนั้น   เขาตามกลับมาผ่าจะเป็นเซียนปราบ   ทั้งที่พ่อหมอนั่นเกลียดเซียนปราบมาก   ทรัพย์สมบัติตระกูลฮาร์วาร์ตมีท่วมท้นให้อยู่สุขสบายไม่สนใจ   คืนแรกที่เจมส์เรียกอัลเบิร์ตว่าไอ้เด็กบ้านนอก...

นอกเรื่อง 

แอลกำลังหาของกินในครัวเล็กแหล่งเก็บขนม  หลังจากเข้านอนซักพัก  เจมส์เพิ่งกลับมาจากหาเพื่อน  เขาตามเสียงกุกกักเข้ามาดู  เรายืนพิงเคานเตอร์กินขนใพลางสนทนากันเรื่องเพี่อน  ไม่ได้ติดไฟ  เพราะเราเพลินกับช่วงเวลาที่เหมือนเรามีแค่กันและกัน   อาศัยแสงจันทร์ลางๆเห็นหน้ากันพอ  เจมส์โน้มหาแก้มเงาขาวผ่อง  จุมพิตหน้าผากนั่นด้วย

"  คิดถึง  "    พึมพัม

"  คิดถึงทำไม  อยู่ด้วยกันตลอด  "  กระซิบ

"  ต้องส่งแอลเข้านอนเเล้ว  ตั้งแต่อัลเบิร์ตมากินข้าวก็ไม่อิ่ม  "    คนตัดพ้อซุกไซ้ซอกคอ   แอลเกร็งตัว  ขยุ้มใหล่เขา

"  ไม่อิ่มก็ไปกินสิ  "    แอลไล่

"  ให้กินจริงนะ  "    ตาวาวพราว

"  หมายถึงข้าวไม่ใช่อย่างอื่น  "    ปากประกบปิดปาก   อุตส่าห์เบือนออกปากยังตามกระซิบเคลียแก้ม    

"  กินแอลอิ่มกว่า  "

"  ง่วงนอน....  ราตรีสวัสดิ์ "    แอลจูบลาปลายคางสี่เหลี่ยม  ขืนตัวผละจากวงแขน

"  โธ่  อัลเบิร์ตหลับไปแล้วมั้ง  "    เจมส์ช้อนมือแอลแนบจุมพิตอาวรณ์   แอลเลิกดันเปลี่ยนเป็นโอบกอดแน่น  มือหยาบรูดเสื้อขึ้นซุกไซ้กล้ามท้อง   ปลดกางเกงแอลลงกองตรงตาตุ่ม   บริวารเรือนหลังไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว   ฝูงแกะในฝันอัลเบิร์ตวิ่งเล่นกันอิสระเสรี  เลิกกระโดดข้ามรั้วที่ละตัวให้เด็กมันนอนนับ  เด็กหนุ่มคล้อยสู่ห้วงนิทราแสนสุข.....

ลูกบิดบิดแกร่กก..

คู่รักสะดุ้งเฮือก!!

เจมส์ฉุดแอล  ขาแอลเกี่ยวเก้าอี้สะดุดล้มคลานรีบมุดเข้าใต้โต๊ะอาหารทันทีที่ประตูเปิดออก

เสียงหาวหวอด   โชคดีที่ชายผ้าปูโต๊ะยาวจรดพื้นอำพราง   โต๊ะแคบสำหรับชายวัยรุ่นสองคน   ร่างเปลือยท่อนล่างเบียดเกย  ซึ่งมันเป็นเรื่องไหวสะท้านสำหรับทั้งสอง   แอลสะท้านเพราะลืมกางเกงไว้ข้างนอก  สะท้านว่าเจ้าของเท้าเปลือยคืออัลเบิร์ต  และสะท้านเพราะถูกลวนลาม  เจมส์สะท้านเพราะแอลเบียดแน่นเกิน   ยากอดใจ  และทั้งสองสะท้านตรงกันคือหากอัลเบิร์ตเปิดไฟจะพบกางเกงปริศนาหล่นอยู่   เสียงนำไหลก่อกแก่ก   เท้าเปล่าหันหลังขวับเดินข้ามกองผ้าด้วยความบังเอิญ   เจมส์อาศัยจังหวะเลื้อยแขนดึงกางเกงเข้ามา  ดำเนินการหาเศษหาเลยต่อไป อัลเบิร์ตหมุนเท้าออกจากห้องไป   เจมส์ได้ใจ  ใช้นิ้วกับลิ้นปลาหมึกรุกลำยิ่งขึ้น  แอลดิ้นหนีจนหัวกระแทกโต๊ะ  คลานออกมา  กระซิบแรงๆ

"  นี่  พอได้แล้ว  ประตูปิดไม่สนิท  "    ซัดคนลามกซักผลั่วะ 

"  ไอ้เด็กบ้านนอกขึ้นไปแล้ว  "    พูดระดับเสียงปกติ   อุ้มแอลนั่งตัก  แกล้งขัดขวางไม่ให้สวมกางเกงสำเร็จ

"  หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะหื่น  ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย  "

"  อัลเบิร์ตไม่รู้หรอก  ไม่ได้ติดไฟ  "

"  ................."

"  แอลอยากปกปิดไม่ให้หมอนั่นรู้ต้องเจอแบบนี้  ว่าไปก็สนุกดีเหมือนกัน  "

"  .................  "

"  มันต้องมีกันบ้างนิดหน่อยน่า  ก็มันคิดถึง  "    ยิ้มโชว์ฟันขาวตัดเงามืด  แอลใจอ่อน  ยอมถูกปล่อยโดนจับโยกเสมือนกล่อมเด็ก   

"  เจมส์อยากให้อัลเบิร์ตรังเกียจเราเหรอ  "

"  เฮ้ย !! ใครจะอยาก  เดี๋ยวหนีไปล้างคอกมังกรล่ะยุ่ง  "

"  เป็นพี่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี  "

"  แหงล่ะ  ให้มารู้ได้ไงว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย  "

"  แคร์เหมือนกันเหรอ  "

"  ก็ใช่  แต่ไม่เห่อเหมือนใครบางคนหรอก  "    ขมวดคิ้วเหลือกตา  ผลักหัวทองหอมแชมพูเบาๆ 

"  ตอนนี้อยู่เป็นเพื่อนอัลเบิร์ตก่อน  พอส่งเข้าโรงเรียนจะได้มีเพื่อน  ไม่เหงา  แล้วเราค่อยกลับทัพเซียน...  ที่นี้  "    มรกตคู่เรียวเจ้าของร่างอุ่นบนตักอธิบายอย่างเว้าวอนให้เห็นใจ

 "  ทีนี้....  "    เจมส์ทวนคำตากรุ้มกริ่ม 

ทีนี้  อัลเบิร์ตเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอันดับต่อไป  หมันตัวจากหลังประตูแง้มๆเพื่อขึ้นห้องนอน   โธ่   ผมนึกว่าแมวหลบผมจนชนเก้าอี้   กะจะดักจับมาเล่นเสียหน่อย   แอลกับเจมส์หารู้ไม่   ความลับไม่เป็นความลับเสียแล้ว         

*******

บอกแล้วเด็กคนนี้มันกวนโอ๊ย  สุดท้ายมันก็รู้จนได้เพราะมันแอบฟังหลังประตู  ไอ้เด็กบ้า  แล้วก็เฉยปล่อยเขาเก๊กกับมันเสียนาน  เพราะว่าความจริงแล้วเมืองมิราฌบ้านนอกจริงนี่นา   ดีที่คืนนั้นไม่ออกสเต็ปรุนแรง  ถึงมันจะแอบฟังก็ไม่เห็นหรอก  ฮ่า  ฮ่า  เราทั้งคู่นั่งบนพื้นตอนจึ๋ยจึ๋ยกันและโต๊ะบังอย่  แต่ก็ดีที่มันรู้จะได้หอมแก้มแอลได้เวลาที่อยาก  จับมือไม่ต้องปิดบังต่อไป  อะแฮ่ม...  ก็ดีที่มันเข้าใจไม่รังเกียจ     อัลเบิร์ตจะเป็นซียนปราบ  ขอดูฝีมือติดตัวหน่อย   อืมม์  ดาบละกัน   เด็กผู้ชายทุกเมืองใครๆก็เป็นดาบกันทั้งนั้น   เจมส์กำมือยืดออกแตะรอยสักที่ท้องแขนเพ่งจิตร่ายคาถาเบิกดาบ   ดาบเด้งจากรอยสักออกมาสองเล่ม  แอลเดินย้อนเฉียดมาอีกรอบ  เลิกคิ้ว  เจมส์ลุกขึ้นฉวยดาบ  แอลกระจ่างทันทีที่เห็นดาบคู่

"  อยู่ดูฝีมือเจ้านั่นด้วยกันสิ  "   ชวนสีหน้านิ่ง   บ่ายหน้าหาเจ้าเด็กที่นั่งเล่นกับนิก   แอลกอดอกพิงโต๊ะรอดู   พักรายการจัดเตรียมของเข้าทัพซึ่งอัลเบิร์ตรวบรวมเองเกือบครบแล้วไว้ก่อน

"  อัลเบิร์ต  "   หันมา เจมส์ส่งดาบให้

"  ครับ  "    งงแต่ก็รับมา  อัลเบิร์ตเข้าใจทันที 

"  ขอดูฝืดาบหน่อยสิ  "  สองเด็กหนุ่มตั้งท่าเตรียมประจัน   หนุ่มรุ่นพี่ร่างบทต่อสู้พื้นฐานขึ้นในหัว   หนุ่มรุ่นน้องเคร่งเครียดอึดอัดเห็นได้ชัด   ประดาบสิบสองที  ดาบรุ่นน้องหล่นเคร้ง   รุ่นพี่ถอยมา  รุ่นน้องก้มลงฉวยดาบขึ้นตั้งท่าเตรียมประจัน   ประดาบแปดที  ดาบเล่มเดิมตกกระทบพื้น  อัลเบิร์ตเก็บมันขึ้น   สองพี่น้องประดาบอีกหน  เจมส์ปรับระดับฝีดาบลงอีกให้เข้ากับอัลเบิร์ต  อ่านระดับฝีมืออัลเบิร์ตออก   การประดับหนนี้ยืดเวลาอัลเบิร์ตได้ชั่วระยะ  และสุดท้ายดาบอัลเบิร์ตกระเด็นตกดังเปรื่อง

"  ฝีมือนายอ่อนเกินไปนะ  "    เจมส์พูดความจริงในใจ  แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่  มีพี่สองคนเป็นเซียนปราบ  และเข้าทัพไปจะถูกฝึกจนเก่งกาจทุกคน  เพียงแต่คนอ่อนพื้นฐานจะโดนเข้มงวดกวดหนักกว่าใคร   อีกหน่อยอัลเบิร์ตจะเก่งขึ้นเอง  เชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย   นัยน์ตาฟ้าแจ๋วดึงขึ้นเหลือบมอง   จมส์เปลี่ยนโหมดเป็นครูฝึกแนะนำเทคนิคและชี้จุดด้อยในฝีดาบให้เจ้าตัว   น่าชื่นใจที่นักเรียนตรงหน้าตั้งใจและเรียนรู้ไว...

มาจะกล่าวบทไป

มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าชายแห่งมิราฌ  มิราฌ เมืองประมงเล็กๆและบ้านนอกในความเห็นเจมส์   เด็กหนุ่มผมแดงอ่านข่าวผลการคัดเลือกเซียนปราบจบพับหนังสือพิมพ์เก็บ   ตาสีฟ้าครุ่นคิดทอดชมพระจันทร์  ดาดฟ้าของดาดฟ้าของดาดฟ้า สถานที่ใกล้ชิดอัญมณีแห่งราตรีที่สุดในโลก  จันทราที่เด็กหนุ่มเห็นจึงเรือนมหึมาอวดลวดลายหลุมบ่อชัดเจน  มิราฌเป็นเมืองนึงที่รู้ความจริงว่าพระจันทร์ไม่ใช่ลายกระต่าย  มันสวยงามและขลังกว่านั้น  โดยเฉพาะยามเที่ยงคืน  พระจันทร์ดุจจะถูกโลกดึงดูดเข้ามาใกล้ที่สุดเช่นยามนี้  เจ้าชายแอนนูร่านอนไขว่ห้างชม  แม้สายตาจะจับมองดวงจันทร์  ทว่าความคิดหาได้เกี่ยวข้องกับมันไม่  มัวชื่นชมจันทร์เจ้าอยู่ใย  สถานการณ์ตึงเครียด  เครียดทั้งเขาทั้งราชสำนัก  แต่บ้านเมืองยังไม่ระเเคะระคายหรอก   วันนี้พ่อเรียกเขาไปพบตอนฝึกดาบ  ที่พ่อมาฝึกด้วยตนเอง  จากนั้นพร้อมหน้าด้วยแม่  นับเป็นเรื่องดีเพราะทั้งสองเอาแต่ทำงานไม่ค่อยเหลียวแลลูก! ทั้งสองคนดูมีภาระให้คิดจนหัวคิ้วไม่ย่นน้อยก็ย่นมาก  พ่อพักดาบ  นำเสียงเรียบเรื่อยชวนคุย

"  ฝีดาบยังอ่อนนัก  พ่อถามจริงๆลูกตั้งใจฝึกรึเปล่า  "    เหตุการณ์นี้คุ้นๆนะ  แอนนูร่าว่าไม่ใช่ปัญหา เชื่อสิ  ยังมีคนอ่อนดาบอีกเยอะในแผ่นดิน

"  ตั้งใจสิคร้าบ  "   ยืนยันทว่าเสียงอ่อนงึมงัม

"  แต่ช่างมันเถอะ  ลูกจะทำได้ดีรึไม่  ลุกมีวิธีช่วยมิราฌได้ดีกว่านั้น  "

"  เรากวดขันแอนนูร่าน้อยไปรึเปล่า  "   แม่บ่นรำพึงกับพ่อโดยเฉพาะ   พอพ่อสบตาด้วยก็ขยายความ   "  ลูกผู้ชายต้องเอาดีซักเรื่อง  โดยพื้นฐานอาจเป็นดาบ  ธนู  หอก  ศิลปะการต่อสู้สักอย่าง  "

"  แล้วลูกมีการต่อสุ้แบบใหนที่ชอบและคิดว่าทำได้ดีบ้างล่ะ  "    คำถามพ่อทำให้แอนนูร่าหยุดคิด   พ่อกับแม่รอคอยคำตอบ   

"  คิดนานไปรึเปล่าลูก  มันหายากขนาดนั้นเทียว "    พ่อเริ่มวิตกตามคำพูดแม่  แอนนุร่าเอ่ยในที่สุด

"  ธนูครับ  "    ด้วยเสียงมั่นใจ   พ่อถามว่ามีธนูประจำตัวรึยัง   

"  มีครับ  แต่มันหักไปแล้ว  "

"  คันหักเชียว  "    พ่อหัวเราะ

"  ไม่ได้พูดเล่นนะครับ  "    ความจริงแอนนูร่ามีอาวุธส่วนตัวทุกชนิดสำหรับฝึก  แต่เขาไม่ได้พกอวดเดินไปเดินมาเหมือนอลัน  พ่อสั่งให้ผู้ติดตามหาธนูดีๆมาอีกคัน   โดยมีฟักทองเป็นเป้า   เจ้าชายใส่ลูกธนูง้างสายเล็งยิงทันทีเฉกเช่นคนคุ้นเคย   ลูกธนูดอกนั้นแล่นทะลุอากาศปักเข้าผลฟักทอง   พ่อเอาฟักเขียวซึ่งมีเล็กลงไปตั้งแทนเดินออกมายืนดูห่างๆที่เดิม  ฟักต้องธนูแตกกระจุย  พ่อแทนที่ด้วยแตงโม  ตามมาด้วยลูกแอปเปิล  ตามมาด้วยผลส้มซึ่งมีขนาดเล็กลงมาอีก  ตามมาด้วยผลมะนาว  ไม่ได้โม้นะ  แอนนูร่าเค้ายิงปักผลมะนาวจริงๆ  ตามมาด้วยพริกขี้หนู....  อันนี้ไม่ใช่แระ   หันไปดูพระราชา  เฮ้ย  คนติดตามไม่เพียงแค่เอาผลฟักทองมา  เขายกผักรวมมิตรจากในครัวมาทั้งกระบะต่างหาก  ให้พระราชาเลือกสรรไซต์ตามสบาย  อย่ามาเรียกใช้กุอีกนะ  พระราชากับพระราชินีดูสนุกกับการทดสอบลูกชาย  ไม่พลาดเป้าซักดอก  ดูซะพวกแก  อ้าว  พากันถอยกรูดไปยืนเรียงแถวหน้าแนวรั้วทำไม  อ๋อ  หลบเศษเป้าและลูกธนูเพราะตอนนี้พระราชากับพระราชินีสลับกันโยนผักผลไม้เป็นเป้าลอยกับเป้าบินให้เจ้าชายอวดความสามารถ  ทุกสิ่งชิ้นอัน  โดนทุกดอก  จนพระราชาพึงพอใจ

"  ลูกเราเก่งธนู  "    สรุปยิ้มๆ  อีกสักพักพ่อก็ทำเหมือนกับว่าที่พูดไปไม่ด้สลักสำคัญอะไร   เจ้าชายถูกพาเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องทำงานของพ่อทรุดนั่งประจำตำแหน่งราวกับว่าราชการมากกว่าพูดกับลูก   เปิดประเด็น

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา