Real Breaker
เขียนโดย คันศร
วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.46 น.
แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ฟ้าฟื้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความท่ามกลางความเงียบสงัดจะมีก็เพียงเสียงจากเครื่องจักรเท่านั้นที่ยังคงทำงานอยู่ หนทางข้างหน้าทุกคนต่างรู้ดีว่าอาจจะไม่ได้กลับออกไป และพวกเขาเองต่างก็รู้ดีว่าคงไม่มีอะไรจะช่วยพวกเขาได้นอกจากอาวุธที่มีอยู่ในมือเท่านั้น ไม่นานนักเสียงจากขบวนลิฟท์ก็หยุดลงพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่ตามมาเล็กน้อยเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขาได้เดินทางมาถึงจุดหมายแล้ว
“...” เลโอหันกลับไปมองลูกทีมที่ดูข้างหลังพวกเขาต่างจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ก่อนที่จะหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมั่นใจซึ่งบ่งบอกถึงสภาพจิตใจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
“ไปลุยกันเถอะพรรคพวก! ตายในภารกิจแบบนี้ก็ไม่เลวนักหรอก!!”เมื่อสิ้นเสียงจากเลโอประตูลิฟท์ก็ถูกเลื่อนขึ้น ในพริบตาที่อากาศจากภายนอกได้พัดผ่านเข้ามาพวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นดินปืนและคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ บ่งบอกถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เพิ่งจบลงไป ยิ่งเมื่อพวกเขาได้พบศพพวกพ้องนอนอยู่ซึ่งก็หมายความว่าพวกของราเชนได้ล่วงหน้าพวกเขาไปก่อนแล้ว
“ฮึก!! อ๊า!!!!” เสียงกรีดร้องจากหญิงสาวที่ร้องออกมาอย่างทรมาน ร่างของเธอถูกปีกขนาดใหญ่ที่แหลมคมราวกับเขี้ยวเล็บเสียบเข้าที่ท้องจนทะลุติดกับกำแพงจนเลือดของเธอสาดกระเซ็นไปทั่วผนังห้อง
“ท่าทีอวดดีเมื่อครู่หายไปไหนซะแล้วล่ะอเดล...” ซิกฮาร์ทมองดูร่างของอเดลที่ชุ่มไปด้วยเลือดอย่างสะใจ ก่อนที่มันจะใช้ปีกของมันดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้ๆ
“ซิกฮาร์ท!! แก...” อเดลพยายามใช้มือทั้งสองข้างจับที่ปีกพร้อมกับใช้แรงที่เหลืออยู่พยายามดันร่างของเธอออกมา ทันใดนั้นเองอเดลก็ร้องออกมาอย่างสุดเสียงอีกครั้งเมื่อปีกที่เหลือของมันต่างพุ่งเข้าเสียบแขนทั้งสองข้างของเธอ จนสติของเธอเริ่มเลือนลางเต็มที ก่อนที่มันจะใช้ปีกของมันยกร่างของเธอขึ้นตรึงกางเขนไว้กลางอากาศ
“ที่จริงข้าเองก็อยากเล่นกับเจ้ามากกว่านี้นะ แต่น่าเสียดายข้าไม่มีเวลาแล้ว ลาก่อนนะอเดล” ซิกฮาร์ทกล่าวพร้อมกับเงื้อมมือเตรียมสังหารเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า โดยที่ราเชนและลูกทีมไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
ทันใดนั้นเองก็เกิดระเบิดขึ้นบนร่างของซิกฮาร์ทแต่ดูเหมือนมันจะรับรู้ได้ถึงผู้บุกรุกก่อนที่การโจมตีจะเปิดฉากขึ้นเสียอีก
“อัดเกรเนตเข้าไปอีก!!” เลโอร้องบอกลูกทีมเพื่อระดมยิงไปยังเป้าหมายจนเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้งติดๆกันจนเกิดควันไฟลอยฟุ้งไปทั่ว
***กระสุนเกรเนต (Grenade) คือกระสุนที่ยิงออกไปกระทบเป้าหมายแล้วจะเกิดการระเบิดขึ้นรัศมีการทำลายอยู่ที่ 5เมตร ***
“ไอ้พวกมนุษย์นี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ” ซิกฮาร์ทพูดพร้อมกับใช้หางตามองไปยังศัตรูที่อยู่เบื้องหลัง แต่แล้วเรื่องที่มันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีร่างๆ หนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มควันพร้อมกับใช้ดาบคู่ที่อยู่ในมือฟันปีกของมันจนขาดสะบั้น ทำให้ร่างของอเดลที่ถูกตรึงอยู่เป็นอิสระก่อนที่ตัวเธอจะตกลงบนอ้อมแขนของชายคนนั้น
“ไอ้พวกมดปลวก!!” ซิกฮาร์ทร้องขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อมันถูกเล่นงานโดยศาสเข้าอย่างจัง ปีกที่อยู่ด้านหลังถูกคลายออกจากการป้องกันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า แต่ทันใดนั้นเองก็เกิดระเบิดขึ้นที่ด้านหลังของมันอีกครั้งจนการโจมตีของมันชะงักไป ศาสจึงสามารถนำตัวอเดลออกมาได้อย่างหวุดหวิด
“...แกมันไอ้เด็กคนนั้นเองเหรอ..ฮ่าๆๆ ช่างน่าสนใจจริงๆ” ซิกฮาร์ทหัวเราะออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นศาสอีกครั้งในขณะที่พวกเลโอต่างกระจายกำลังออกไปรอบๆ ห้องเพื่อปิดล้อมมันไว้
“เห็นแก่ความพยายามของแกข้าจะให้ดูอะไรเป็นของขวัญสักหน่อยก็แล้วกัน” ทันทีที่ซิกฮาร์ทพูดจบเพดานห้องก็ถูกเลื่อนออกจากกันซึ่งสิ่งที่ปรากฎขึ้นทำเอาศาสถึงกับตกตะลึงจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากมันได้ มันคือร่างของรีอาที่ถูกตรึงอยู่ใจกลางวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศ
“นี่แกทำบ้าอะไรลงไป!!” ศาสตะโกนถามขึ้นพร้อมกับกำดาบเอาไว้แน่นจนดาบในมือของเขาสั่นไปหมดซึ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
“ข้าก็แค่ใช้เธอเป็นสื่อกับArtifact ที่อยู่ภายในร่างของเธอก็แค่นั้น...แต่ร่างของเธอคงทนรับพลังของมันได้อีกไม่นานแล้วล่ะช่างน่าสงสารจริงๆ...”
“ชั้นจะฆ่าแก!!!” ศาสพูดออกมาอย่างเดือดดาล แต่จากบทเรียนครั้งก่อนที่เขาสูญเสียความเยือกเย็นไปจนเป็นเหตุให้ปราชัยไปอย่างง่ายดายซึ่งเขาจะไม่ยอมซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เขาจึงพยายามข่มอารมณ์ของตนไว้
“ใบหน้านั้น...เธอคือทายาทของดาน่า(Dahna) อย่างนั้นเหรอ...ข้าไม่ยอมให้สิ่งที่สหายของข้าสร้างขึ้นถูกใช้ในทางที่ชั่วร้ายเด็ดขาด” อเดลพูดขึ้นในขณะที่เธอพยายามพาร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลลุกขึ้นมาเพื่อสู้กับมันอีกครั้ง
ในขณะนี้พวกเขาได้ล้อมซิกฮาร์ทเอาไว้หมดทุกด้านแล้ว แต่มันกลับไม่มีท่าทีตื่นตกใจแต่อย่างใดมันทำแค่เพียงมองพวกเขาไปรอบๆอย่างใจเย็น ในที่สุดศาสก็ตัดสินใจเปิดฉากโจมตีขึ้นเขาพุ่งเข้าหามันจากด้านหลังแต่ดูเหมือนซิกฮาร์ทจะไม่ทันสังเกตเห็นการคลื่อนไหวของศาสเพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถเข้าประชิดตัวมันได้ ในขณะที่ดาบของเขากำลังจะฟาดฟันใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้านั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างของศาสที่กระเด็นล้มลงไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน
เมื่อทุกคนหันไปตามเสียงปืนที่ดังขึ้นแต่สิ่งที่เขาพบยิ่งทำให้ไม่เชื่อสายตา เมื่อผู้ลั่นไกกลับกลายเป็นจอร์จหนึ่งลูกทีมของเลโอนั่นเอง ทันใดนั้นเองเขาก็คลุ้มคลั่งพร้อมกับสาดกระสุนใส่พรรคพวกที่เหลือจนสองนายลงไปนอนแน่นิ่งคากองเลือดอยู่กับพื้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะของซิกฮาร์ทที่ร้องออกมาอย่างสะใจ
เลโอที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขาจึงนึกถึงคำพูดของศาสขึ้นมาได้ “มันคือการสะกดจิตอย่างนั้นเหรอ!?” ปืนที่ถูกเล็งไปยังหัวของจอร์จจึงถูกเปลี่ยนตำแหน่งไปที่แขนแทน เลโอลั่นไกไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำเพียงแค่นัดเดียวเขาก็สามารถปลดอาวุธของจอร์จได้
“เลโอ! ทะ ทุกคน! เฮ้ยนะนี่มันเกิดอะไรขึ้น!!?” จอร์จร้องออกมาอย่างสับสนเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าดูเหมือนว่าการโจมตีของเลโอจะได้ผลจนเขาหลุดจากมนต์สะกดของมัน
“มัวแต่มองไปที่ไหนของแก” กว่าเลโอจะรู้ตัวซิกฮาร์ทก็มาปรากฎอยู่ต่อหน้าของเขาพร้อมกับปีกของมันที่พุ่งเข้าใส่ เพียงพริบตาเดียวที่เลโอรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน ด้วยสัญชาติญาณ ร่างกายของเขาจึงพุ่งตัวหลบออกมาในทันทีพร้อมกับรีบคว้าปืนเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า
“เฮ้ย! ปืนมัน...” ในขณะที่เลโอกำลังใช้มือคว้าปืนขึ้นมานั่นเองเขาก็สังเกตถึงบางสิ่งที่ผิดปกติเมื่ออยู่ดีๆความรู้สึกที่มือกลับหายไปเมื่อเขาก้มลงมาดูก็พบเพียงแขนที่ถูกตัดออกไปจนถึงข้อศอกที่เต็มไปด้วยเลือดที่พุ่งออกมาตามจังหวะการเต้นของหัวใจ พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดที่เอ่อล้นขึ้นมาจนแทบสิ้นสติ จนเลโอไม่อาจประครองร่างของเขาเอาไว้ได้จนทรุดลงไปกองกับพื้น
ในขณะที่ซิกฮาร์ทกำลังเดินเข้าไปหาเลโอที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับสยายปีกของมันออกมาเพียงพริบตาเดียวปีกของมันที่ถูกฟันขาดไปก่อนหน้านี้กลับงอกออกมาใหม่จนไม่เหลือบาดแผลเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่ปีกของมันจะเปลี่ยนเป็นสภาพพร้อมโจมตีและถูกชี้มายังเลโออีกครั้ง
“แกไอ้สัตว์ประหลาด...จะบอกว่ามนุษย์ไม่คู่มือของแกเลยหรือไง...” เลโอแหงนหน้ามองไปยังซิกฮาร์ทที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ก่อนที่ปีกของมันทั้งหมดจะพุ่งเป้าโจมตีมายังเขาทันใดนั้นเองการโจมตีของมันก็ถูกสกัดเอาไว้โดยศาสและอเดล
“ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ยนึกว่าตายไปแล้วซะอีก” เลโอร้องขึ้น
“โชคดีที่เสื้อมันกันกระสุนน่ะ แต่ก็เล่นเอาจุกไปเหมือนกัน...” ศาสพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ถึงแม้ว่าศาสและอเดลจะร่วมมือกัน แต่ด้วยพลังที่ห่างชั้นพวกเขาจึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่ศาสพยายามจะตีฝ่าเข้าไปหามันแต่เขาก็ถูกการโจมตีจากปีกทั้งหกรุกไล่จนต้องถอยออกมา และอเดลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำให้พลังการต่อสู้ของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“จะทำยังไงดี...อาวุธก็ถูกใช้จนหมด อเดลก็คงไม่ไหวแล้ว...เราจะช่วยรีอาได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ” ความกลัวและความกดดันเริ่มประดังเข้ามาในหัวของศาส
ในตอนนี้ทุกคนต่างตกอยู่ในความสิ้นหวังเมื่อเห็นบรรดาพวกพ้องที่ล้มตายและบาดเจ็บ จนแม้แต่ตนเองที่บาดเจ็บจนทำได้เพียงนอนรอความตายเท่านั้นเลโอก็เป็นหนึ่งในนั้นเขาเสียเลือดเยอะเกินไปจนไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงมองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเท่านั้น ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงมือของใครบางคนกำลังปลดอาวุธที่อยู่บนตัวของเขา
“จอร์จนั่นนายจะทำอะไร...” เลโอพูดขึ้นเมื่อเห็นจอร์จกำลังหยิบเอาระเบิดของเขาไป
“เลโอฝากขอโทษทุกคนด้วยนะ...ไอ้ปีศาจนั่นชั้นจะจัดการมันเอง” จอร์จพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นเองศาสและอเดลต่างสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้นจนเอ่อล้นออกมาจากวงเวทย์ที่ลอยอยู่เหนือพวกเขาจนทำให้บรรยากาศภายในห้องดูบิดเบี้ยว
“ดูเหมือนว่าใกล้แล้วสินะวินาทีที่มหานครแห่งความตายของข้าจะถือกำเนิดขึ้น ฮ่าๆๆ” ซิกฮาร์ทหัวเรอะออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่เพิ่มขึ้นราวกับเป็นคนละคน จนศาสแสดงสีหน้าหวาดวิตกออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ศาสลองมองไปยังเมืองที่อยู่ข้างหลังของเจ้าสิ..ถึงแม้ว่าเจ้าตั้งใจมาช่วยแค่ผู้หญิงของเจ้าก็เถอะแต่ข้าอยากให้เจ้าระลึกถึงสิ่งนี้ไว้...ชีวิตของผู้คนนับแสนนับล้านที่อยู่บนพื้นโลกด้านล่างต่างก็อยู่ในมือของเจ้าเช่นเดียวกัน” คำพูดของอเดลช่วยเตือนสติของศาสขึ้น เมื่อเขามองไปยังโลกสีครามที่อยู่เบื้องหลัง เขาจึงเข้าใจสิ่งที่ตนเองกำลังแบกรับอยู่
“...เฮ้อ..ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ...แต่ยังไงก็ช่วยอยู่ด้วยกันจนถึงที่สุดทีเถอะนะอเดล...” ศาสพูดพร้อมกับมองมายังอเดล ก่อนที่เธอจะยิ้มให้กับเขาพร้อมกับพยักหน้าให้ทั้งคู่มองตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเปิดฉากการโจมตีจากคนละด้าน
“คิดว่าแผนการแบบนั้นจะทำอะไรได้ ข้าเบื่อพวกเจ้าเต็มทีแล้วจงตายซะเถอะ!!” ทันใดนั้นเองปีกของซิกฮาร์ทก็แยกกันโจมตีแต่ละด้านอย่างแม่นยำราวกับว่าปีกแต่ละอันต่างมีความนึกคิดเป็นของตัวมันเอง
“ศาสข้าขอโทษนะ...ข้าคงมากับเจ้าได้เพียงเท่านี้ล่ะ” ทันใดนั้นเองอเดลได้ตัดสินใจใช้ร่างของเธอรับการโจมตีของซิกฮาร์ทจนปีกทั้งสามแทงทะลุร่างของเธอไป
“อเดล!!!” ศาสที่เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าร้องออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขากำลังจะเพลี่ยงพล้ำให้กับซิกฮาร์ทนั้นเอง การโจมตีของมันก็ชะงักลงจนศาสรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อมันหันไปก็พบอเดลใช้แรงเฮือกสุดท้ายของเธอดึงปีกของมันไว้จนเสียหลักนั่นเอง
“ฮึ่ม! นี่เจ้าจะขัดขวางข้าไปถึงไหนกันอเดล!!” ซิกฮาร์ทพูดขึ้นอย่างเลือดขึ้นหน้าก่อนที่มันจะพุ่งการโจมทั้งหมดไปที่อเดล ถึงแม้ศาสอยากเข้าไปช่วยเธออย่างไรแต่ด้วยระยะทางเขาคงไม่อาจหยุดมันได้
ในตอนนั้นเองสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นเมื่อจอร์จวิ่งออกมาจากที่กำบังพร้อมกับระดมยิงใส่ซิกฮาร์ทโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว แต่การโจมตีทั้งหมดของเขากลับถูกมันปัดป้องไว้ได้หมดก่อนที่ปีกของมันจะพุ่งเข้าใส่ร่างของเขา
เพียงพริบตาเดียวเสียงปืนก็หยุดลงพร้อมกับแขนของจอร์จที่กระเด็นออกไป พร้อมกับปีกอีกข้างหนึ่งที่แทงทะลุกลางอกของเขา แต่ร่างที่ควรหมดลมหายใจไปแล้วมันกลับยังคงเคลื่อนไหวจอร์จยังคงเดินเข้าหาซิกฮาร์ทอย่างไม่คิดชีวิต
“ไอ้พวกหนอนแมลงเอ๊ย!!” ทันใดนั้นเองร่างของจอร์จก็หยุดนิ่งลงพร้อมกับศรีษะที่กลิ้งอยู่บนพื้น
“ต่อให้พยายามให้ตายยังไงมนุษย์อย่างแกกไม่มีวันเข้าถึงตัวของข้าหรอก!!”
“ไม่หรอกไอ้ปีศาจ..แค่นั้นก็เกินพอแล้ว...” เลโอพูดขึ้นในสภาพนั่งพิงเสาอย่างอิดโรยเขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายลั่นไกไปยังร่างของจอร์จก่อนที่เขาจะหมดสติไป พริบตานั้นเองซิกฮาร์ทจึงสังเกตว่าศพที่อยู่ข้างๆ ที่ชุดของมันต่างเต็มไปด้วยระเบิดนับสิบลูก แต่กว่ามันจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้วเพียงพริบตาเดียวร่างของมันก็ถูกเปรวไฟจากแรงระเบิดกลืนหายไป จนทั้งห้องเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
ในขณะที่ทุกคนกำลังจดจ้องอยู่กับผลจากการระเบิดที่เกิดขึ้น แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาของทุกคนจนทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อปรากฎวัตถุรูปทรงประหลาดตั้งอยู่ท่ามกลางเปรวไฟที่กำลังลุกไหม้ ก่อนที่มันจะเริ่มคลี่ออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในซึ่งก็คือร่างของซิกฮาร์ทในสภาพสมบูรณ์ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ ก่อนที่ปีกที่เสียหายจากแรงระเบิดเหล่านั้นจะค่อยๆร่วงลงบนพื้นจนหมด
ศาสไม่รอช้าเขาใช้จังหวะรีบรีบเข้าไปซ้ำจากทางด้านหลังในชั่วพริบตานั้นเองร่างของมันกลับหายไปจากสายตาของเขา ก่อนที่ศาสจะรู้สึกราวกับแขนถูกฉีกกระชากอย่างเจ็บปวดจนเขาไม่อาจประครองดาบในมือได้อีกต่อไป
“อ๊าคค!!...แก!.” เมื่อมองไปยังแขนที่บาดเจ็บก็พบว่าไหล่ขวาของเขาถูกกรงเล็บของมันแทงจนทะลุ ก่อนที่มันจะยกตัวของเขาขึ้นราวกับไร้น้ำหนัก
“คิดว่าของแบบนั้นจะฆ่าข้าได้เรอะ..ช่างดูถูกข้าเสียจริง” ในระหว่างที่มันกำลังพูดอยู่นั้นเองปีกของมันก็กำลังงอกขึ้นอีกครั้งยิ่งย้ำเตือนถึงความสิ้นหวัง
“รู้ไหม..สิ่งที่ข้าชอบมากที่สุดคือการมองดูมนุษย์ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวังจนร้องขอความตายยังไงล่ะ...ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้..แต่ข้าจะให้เจ้าได้เห็นวาระสุดท้ายของเพื่อนเจ้าทุกคนและคนรักของเจ้ายังไงล่ะ....” มันพูดพร้อมกับยกตัวศาสเข้ามาใกล้ๆ ราวกับสัตย์ป่าที่เล่นสนุกกับเหยื่อที่มันจับได้
“โทษทีว่ะ!..ชั้นไม่มีรสนิยมโรคจิตแบบนั้น!!” ทันใดนั้นเองศาสใช้มืออีกข้างหนึ่งต่อยเข้าที่หน้าอกของมันอย่างสุดแรง แต่ดูเหมือนว่าซิกฮาร์ทจะไม่ได้สนใจนัก
“นี่แกจนมุมจนต้องทำขนาดนี้เชียวเหรอช่างน่าสังเว---!!” ทันใดนั้นเองซิกฮาร์ทก็มีท่ามีผิดแปลกไปมันแสดงอาการทรมานออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“แกทำอะไรลงไป” ซิกฮาร์ทรีบมองลงมายังปากแผลอย่างร้อนรนก็พบหัวลูกศรขนาดเล็กอันหนึ่งถูกเสียบที่หน้าอกของมัน แต่แวมไพร์อย่างพวกมันต่างรู้ถึงพิษสงของสิ่งนี้ดีมันคือ ”เลือดนักบุญ” นั่นเอง ศาสใช้โอกาศนี้ถีบซ้ำไปยังหัวลูกศรจนมิดด้ามพร้อมกับใช้เท้ายันร่างของมันเพื่อดีดตัวออกมา จนร่างของเขาหลุดออกมาจากกรงเล็บของมัน
“เป็นยังไงล่ะไอ้ปีศาจ...” ศาสมองดูซิกฮาร์ทดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆ กับเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากปากแผล ก่อนที่มันจะร้องคำรามออกมาพร้อมกับร่างของมันที่เริ่มเปลี่ยนไป มันขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อที่มันสวมใส่อยู่ฉีกขาดออกจากกันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่อัดแน่นอยู่ภายในผิวสีขี้เถ้านั้น พร้อมๆกับใบหน้าของมันที่เริ่มเปลี่ยนไปจากชายหนุ่มรูปงามกลายเป็นใบหน้าของอสูรกายจนเห็นเค้าโครงของกะโหลกที่อยู่ภายในมันมีหูยาว ตายาวแหลมสีดำสนิทแต่นัยตากลับส่องประกายแสงสีแดงออกมาอย่างน่าขนลุกพร้อมกับเขี้ยวที่งอกออกมาจนพ้นริมฝีปากออกมา เมื่อมันเกร็งร่างพร้อมกับคำรามขึ้นอีกครั้งหัวลูกศรที่ถูกฝังอยู่ภายในกลับพุ่งกระเด็นออกมา
มันไม่รอช้ารีบเดินหน้าเข้าหาศาสทันที ในขณะที่ศาสกำลังหยิบดาบขึ้นมาตั้งรับทันใดนั้นเองการโจมตีของมันก็ทะลวงการป้องกันของเขาได้อย่างง่ายดาย หมัดของมันพุ่งเข้าที่ชายโครงของศาสเข้าอย่างจังจนเสียงกระดูกสั่นออกมาจากภายในพร้อมกับร่างของเขากลิ้งออกไปจากแรงปะทะของมัน
“อ่อก! อั่ก--แค่ก!!” ศาสได้แต่นอนนิ่งอยู่บนพื้นถึงแม้จะพยายามฝืนลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่งจนเขาได้แต่หมอบอยู่ตรงนั้นพร้อมกับสำลักเลือดออกมา จนในปากของเขามีแต่กลิ่นคาวเลือดเต็มไปหมด ด้วยความเจ็บปวดที่เกินจะบรรยายและสติที่เริ่มเลือนลางเต็มที ในที่สุดนัยตาของเขาไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป ภาพที่ปรากฎตรงหน้ามีเพียงสีดำสนิทเท่านั้น
“บ้าที่สุด..นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ...ขอร้องล่ะใครก็ได้..ได้โปรดช่วยรีอาที...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม...”ในขณะที่จิตสุดท้ายของศาสกำลังกลืนหายไปกับความมืด ทันใดนั้นมีก็เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นภายในหัวของเขา
“....จงเอ่ยนามของข้าสิ”
“....นายเป็นใคร...แล้วชั้นจะไปรู้ได้ยังไง”
“เจ้าไม่ใช่รึที่กำลังร้องเรียกความช่วยเหลือ...ถ้าเช่นนั้นก็จงเอ่ยนามของข้าซะ แล้วข้าจะมอบพลังที่เจ้าปราถนาให้”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะแล้วชั้นจะไปรู้ชื่อของนายได้ยังไง”
“นึกให้ออกสิ! นามของข้าที่ถูกสลักลงในวิญญาณของเจ้า..จงขานนามของข้าซะ!!!”
“อะไรกันจะตายซะแล้วเหรอข้ายังไม่ทันได้เอาจริงเลยนะ...” ซิกฮาร์ทกล่าวในขณะที่มันใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของศาสยกขึ้นมา ก่อนที่มันจะเริ่มออกแรงบีบอย่างช้าๆ จนร่างของศาสเริ่มกระตุกจากการขาดอากาศหายใจ อีกเพียงไม่กี่อึดใจร่ายกายนี้คงจะเป็นเพียงแค่ร่างที่ไร้วิญญาณ
“...ฟ้าฟื้น!” ในตอนนั้นเองร่างที่เกือบสิ้นลมหายใจกลับเปร่งคำพูดๆ หนึ่งออกมา มันไม่ใช่ทั้งคำที่มีความหมายหรืออาคม แต่ทันทีที่มันถูกเปร่งออกมามือของซิกฮาร์ทที่จับร่างของศาสอยู่กลับถูกสะบัดออกมาอย่างแรง
“ยังมีลูกเล่นอยู่อีกเหรอแก!!” ซิกฮาร์ทไม่รอช้ามันใช้กรงเล็บขนาดใหญ่ฟาดฟันใส่ศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่การโจมตีของมันก็ไม่อาจถึงตัวของศาสได้ราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางอยู่ตรงหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่มันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่มีพลังทัดเทียมกันจนสีหน้าของมันแสดงออกมาถึงความตกใจ จนร่างของมันถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อร่างที่เกือบจะสิ้นลมหายใจกลับลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนๆ เดียวกัน ศาสทอดสายตามองไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ราวไม่ใช่สายตาของมนุษย์
ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปด้านหน้าพร้อมกับบริกรรมคาถาขึ้น ทันใดนั้นเองนัยตาข้างขวาของเขาก็ลุกไหม้ออกมาเป็นแสงสีฟ้า พร้อมกับสายลมที่เริ่มพัดโหมกระหน่ำ บัดนี้ท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยเมฆสีดำทมิฬกลับถูกเปิดออกเป็นวงกว้างเผยให้เห็นแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอีกครั้งทันใดนั้นเองมวลอากาศที่อยู่รอบตัวเขาก็เปร่งแสงสีฟ้าออกมา มันค่อยๆ หมุนรวมกันวนรอบแขนซ้ายของศาสจนสามารถเห็นเป็นรูปร่างได้ ก่อนที่มันจะควบรวมกันที่ผ่ามือของเขาจนปรากฎขึ้นเป็นรูปร่างดาบ
“นี่มัน....มันมีอยู่จริงอย่างนั้นเหรอ..ดาบในตำนานที่หายสาปสูญจากยุคโบราณ...”
“ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมไม่มีผู้ใดหามันพบ เพราะมันคือดาบที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ...ดาบฟ้าฟื้น...” เสียงจากบรรดาทหารที่ได้รับบาดเจ็บพวกเขาต่างตกตะตึงละต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
***ฟ้าฟื้น หมายถึง เทวดาสร้างคืนกลับขึ้นใหม่ (ฟ้า หมายถึเทวดา, ฟื้น แปลว่า คืนกลับ, พลิกกลับขึ้นมา, สร้างใหม่)***
“...ไอ้ดาบที่มีกลิ่นอายน่ารังเกียจนั่นมันคืออะไรกัน!! แกเป็นตัวอะไรกันแน่!!” ซิกฮาร์ทกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาลด้วยสัญชาติญาณมันรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายจากสิ่งนั้นโดยทันที มันจึงตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด เพียงพริบตาเดียวร่างของมันก็ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของศาสพร้อมกับปีกทั้งหกที่ฟาดฟันลงมา
ในเสี้ยววินาทีนั้นเองก็เกิดประกายแสงสะท้อนขึ้นรอบตัวศาสเพียงพริบตาเดียวปีกของมันก็ขาดสะบั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซิกฮาร์ทถึงกับตกตะลึงในความเร็วของศาสที่สามารถโจมตีสวนกลับการโจมตีจากปีกทั้งหกของมันได้ในชั่วพริบตา จนสิ่งที่หลงเหลือไว้ในดวงตาก็คือประกายแสงที่เกิดขึ้นตอนวาดวงดาบนั่นเอง
“หนอยแก! อย่าเพิ่งได้ใจนัก!!”
ในตอนนั้นเองกรงเล็บของซิกฮาร์ทก็มีสภาพเปลี่ยนไปมันค่อยๆ งอกยาวขึ้นจนมีลักษณะคล้ายดาบขนาดใหญ่ แต่ศาสไม่เปิดโอกาศให้ศัตรูของเขาได้ตั้งตัวเพียงพริบตาเดียวเขาก็เข้าถึงตัวของซิกฮาร์ทได้อย่างง่ายดายจนมันต้องใช้กรงเล็บของมันออกมารับการโจมตี ด้วยการจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียวกรงเล็บของมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตาที่ศาสกำลังจะลงดาบหมายจะสังหารศัตรูของเขานั้นเอง ศาสก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของมันราวกับว่าจงใจบังมืออีกข้างหนึ่ง ทันใดนั้นเองมันก็ยื่นมือออกมาพร้อมกับเปลวไฟขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่จนเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
จนเมื่อฝุ่นควันจากการระเบิดเริ่มจางหายไปสิ่งที่ปรากฎท่ามกลางเปรวไฟที่โหมกระหน่ำนั้นคือร่างของศาสที่ไร้ซึ่งบาดแผล มีเพียงจุดที่เขายืนอยู่เท่านั้นที่ได้รับการปกป้องจนเปรวไฟไม่อาจย่างกรายเข้ามาในพื้นที่นั้นได้ ศาสค่อยๆเดินไปหาศัตรูของเขาอีกครั้ง ทันทีที่เขาก้าวย่างออกไปเปรวไฟที่ลุกอยู่บนพื้นก็ดับลงเป็นทาง จนซิกฮาร์ทไม่อาจเก็บความร้อนรนของมันได้อีกต่อไปมันเริ่มปล่อยเปรวไฟเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งแต่ศาสก็สามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของมันได้
“เปล่าประโยชน์การโจมตีของแกชั้นอ่านออกหมดแล้ว...” ศาสกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“แล้วแบบนี้ล่ะแกจะทำยังไง!!” มันรวบรวมเปรวไฟขึ้นในมืออีกครั้งแต่ครั้งนี้เป้าหมายของมันไม่ใช่ศาสแต่เป็นกลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บ จนเขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ตัวเองรับการโจมตีของมันเท่านั้น
“พวกนายรีบพาคนที่รอดชีวิตหนีออกไปจากที่นี่ซะ...ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง” ศาสร้องบอกกับคนในหน่วยเมื่อได้ยินดังนั้นคนที่ยังพอเดินไหวจึงรีบนำคนเจ็บออกไป โดยมีศาสคอยคุ้มกันให้
“เอาล่ะเหลือแค่แกกับชั้นแล้ว..มาจบเรื่องทุกอย่างกันเถอะ” ในขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นเองศาสก็รู้สึกราวกับสติจะขาดหายไปจนเขาทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น ซิกฮาร์ทเห็นดังนั้นมันจึงทุ่มพลังทั้งหมดจนร่างของมันลุกท่วมไปด้วยเปรวไฟสีแดงสดพุ่งเข้ามาหาศาส
“ถึงขีดจำกัดแล้วอย่างนั้นเหรอ...ขอให้ทันทีเถอะ” ศาสรีบตั้งสติขึ้นมาได้เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขารีบร่ายอาคมขึ้นพร้อมกับฟาดดาบไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้าทันใดนั้นเองก็เกิดเป็นคลื่นพลังสีฟ้าพุ่งเข้าใส่ศัตรูจนเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น สิ่งที่ปรากฎท่ามกลางเปรวไฟคือร่างของปีศาจที่ที่ถูกดาบเสียบทะลุหัวใจ
“กะ..แก!!!...” ซิกฮาร์ทคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่มันจะทรุดลงไปคุกเข่าต่อหน้าศาส
“จงกลับคืนสู่ สถานที่ๆแกจากมาซะ!!” เพียงพริบตาที่ศาสร่ายอาคมพลังของดาบก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนร่างของมันระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ตรึงร่างของรีอาไว้ก็ถูกทำลายลงเช่นกัน จนร่างของเธอร่วงลงมา
“รีอา!!” ในที่สุดสิ่งที่ศาสรอมาตลอดก็เป็นจริง วันที่เขาจะสามารถเอื้อมมือไปถึงตัวเธอได้อีกครั้ง ร่างของเธอค่อยๆ ตกลงสู่อ้อมแขนของเขาอย่างนุ่มนวล แต่ตอนนั้นเองดาบของเขาก็ค่อยๆ สลายหายไป เมื่อพลังจากดาบหายไปความเจ็บปวดของเขาเริ่มกลับคืนมาอีกครั้งจนเขาแทบไม่อาจประคองร่างเอาไว้ได้ พร้อมๆ กับตัวห้องที่เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนโครงสร้างของมันเริ่มพังทลายลง ศาสรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายพารีอาออกไปจากห้องที่กำลังถล่มลงแห่งนี้
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางออกทันใดนั้นสิ่งที่ศาสไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีบางสิ่งกำลังฉุดขาของเขาไว้เมื่อศาสหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นร่างของซิกฮาร์ท ถึงแม้มันจะเหลือเพียงแค่หัวไปจนถึงแขนซ้ายที่ขาดวิ่นแต่มันยังไม่ตาย มันจับขาของเขาเอาไว้แน่น
“นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอ!!!”
“ข้า..คงไม่มีทางรอดแล้ว...แต่แกต้องมากับข้าด้วย..ฮ่า..ฮ่า..”
ในตอนนั้นเอง ในขณะที่ทุกอย่างกำลังถล่มลงสู่พื้นโลกเบื้องล่าง ศาสใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดโยนร่างของรีอาออกมาจนลอดผ่านประตูออกมาได้ เขาได้แต่ยิ้มให้กับเธอในขณะที่ตัวของเขากำลังร่วงลงไปพร้อมกับห้องแห่งนี้
“ลาก่อนนะรีอา...ผมดีใจจริงๆ ที่ช่วยเธอเอาไว้ได้....”
หลังจากเหตุการณ์วินาศกรรมที่เกิดขึ้นบนลิฟท์วงโคจรรัฐบาลทั่วโลกต่างเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเริ่มยอมรับถึงการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ พร้อมกับทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนากองทัพไว้ต่อกรกับพวกมัน บัดนี้ศัตรูของมนุษย์หาใช่มนุษย์ด้วยกันอีกต่อไป...ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้หากถูกเผยแพร่ออกไปคงจะสร้างความแตกตื่นให้กับสังคมเป็นแน่ ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับมันจึงถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับสูงสุด จนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนลิฟท์วงโคจรถูกเปลี่ยกลายเป็นเพียงการก่อการร้ายซึ่งแน่นอนว่าหน่วยรบของเรา Quarter Edge คงไม่พ้นตกเป็นจำเลยของสังคม โดยมีศาสนจักรที่สวมบทเป็นพระเอกหยุดแผนการก่อการร้ายในครั้งนี้......
เราเสียเพื่อนร่วมรบไปมากมายเหลือเกิน...หนึ่งในนั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่ไม่ได้เป็นแม้แต่คนในหน่วยของเราด้วยซ้ำ แต่เจ้านั่นกลับยืนหยัดสู้เป็นคนสุดท้าย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กลับมารวมถึงหญิงสาวของเขาด้วย
คงเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนอย่างผมที่มาเขียนบันทึกอะไรแบบนี้ ผมแค่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความจริงที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในโลกเบื้องหลัง แต่ดูท่าผมคงต้องจบการเขียนบันทึกไว้เพียงเท่านี้ เพราะเวลาของผมเหลืออยู่ไม่มากแล้วตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่กำลังถูกตามล่าเช่นเดียวกัน....
Leo Negency
27/11/2131 AD
.................................................................................
ปล.ก็จบลงไปแล้วครับสำหรับ Real Breaker ภาค1 ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านจริงๆ ครับที่ติดตามมาจบถึงตอนจบ หากผู้แต่งผิดพลาดอะไรไปก็สามารถติชมแนะนำกันได้นะครับ ขอบคุณครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ