Real Breaker
7.6
เขียนโดย คันศร
วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.46 น.
19 บท
18 วิจารณ์
21.84K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ปีกหัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากสนิมและข้อต่อที่เริ่มหลวมจากพัดลมตัวเก่าที่ชวนให้รู้สึกรำคาญ และกลิ่นฉุนจากควันบุหรี่ที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้องยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ศาสที่กำลังนอนอยู่ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา
“ที่นี่..มัน...ในคุกงั้นเหรอ” ศาสพูดออกมาอย่างสะลึมสะลือ เขาพยายามฝืนลืมตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยรอบแต่กลับรู้สึกว่าเปลือกตามันช่างหนักเสียเหลือเกิน
“เฮ้ยๆ ไอ้หนูพูดจาให้มันดีๆหน่อย นี่มันโรงบาลสุดรักของข้าเลยนะโว้ย” เสียงจากชายชราดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาแน่นอนว่ารวมถึงกลิ่นบุหรี่ด้วย
“คุณหมอ เด็กมันจะเข้าใจผิดแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก เล่นสูบบุหรี่ในห้องคนไข้ได้ยังไง...” อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขัน ทันทีที่ได้ฟังศาสก็จำน้ำเสียงนี้ได้ดี เขาพยายามเพ่งไปยังเจ้าของเสียงก็พบว่าเป็นเชนนั่นเอง
“คุณเชนเกิดอะไรขึ้น...ที่นี่มันที่ไหน...แล้วผมมาอยู่นี่ได้ยังไง...” ศาสถามด้วยสีหน้ามึนงง
“วางใจเถอะศาส... ถึงมันจะดูไม่เหมือนแต่นี่ก็คือโรงพยาบาลชั้นเลิศเลยล่ะ” เชนพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงของเขา ศาสจึงหันไปมองรอบๆ แต่ภาพที่เห็นมันค่อนข้างจะแตกต่างจากโรงพยาบาลที่เขาเข้าใจ เพราะมันทั้งเก่าและดูสกปรกจนเห็นฝุ่นที่ลอยฟุ้งขึ้นมาเมื่อมันต้องกับแสงแดดสีแดงเข้มที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
เชนจึงเริ่มเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ศาสหมดสติให้ฟัง กองกำลังที่มากับเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำนั้นโชคดีที่เชนเป็นหัวหน้าหน่วย เขาจึงช่วยปิดเรื่องของศาสไว้และนำมารักษายังโรงพยาบาลเถื่อนแห่งนี้นั่นเอง เชนยังเล่าต่อไปว่าสิ่งที่เขาพบในเขตก่อสร้างนั้นมีเพียงขี้เถ้ารูปร่างมนุษย์นอนเรียงรายอยู่ตามพื้นเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อได้พบศาสเขาจึงเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเกิดการต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นที่นี่
“...อีกคนหนึ่ง! ผู้หญิงที่นอนสลบอยู่ข้างๆผมล่ะ!!” ศาสท้วงขึ้นจนทำให้ราเชนเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะวางมือลงบนบ่าของศาส
“...ทางเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอ..ลองมาดูเองแล้วกัน” เชนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังชายชรารูปร่างผอมบางเขามีผมสีขาวตามอายุที่ล่วงเลยในชุดกราวเก่าๆ กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่มุมห้อง เขาพยัคหน้ารับพร้อมกับเดินไปเปิดประตูเพื่อนำทางให้กับทั้งคู่
เสียงแผ่นไม้ที่ดังตามจังหวะก้าวเดินยิ่งตอกย้ำถึงความเก่าแก่ของสถานที่นี้ได้เป็นอย่างดี ที่ปลายสุดของทางเดินมีเพียงตู้ไม้เก่าๆ ขนาดใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อชายชราเปิดมันออกก็มีเพียงชั้นวางของที่ว่างเปล่าอยู่ภายใน จนกระทั่งเขาเอื่อมมือเข้าไปขยับกลไกบางอย่างที่อยู่ภายใน ผนังของตู้ใบนั้นกลับเปิดออกเป็นทางลงไปด้านล่าง ทันทีที่ศาสก้าวเท้าเข้ามาก็พบว่าที่นี่ช่างแตกต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิงมันมีทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างครบครันจนไม่ต่างอะไรกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่
ในที่สุดพวกเขาก็เดิมเข้ามายังส่วนที่ลึกที่สุดก็พบประตูเหล็กบานใหญ่ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ยิ่งทำให้ศาสรู้สึกหวั่นใจ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกถึงมันได้และลมหายใจที่เริ่มแปรปรวน เขากำมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อไว้แน่นเพื่อข่มสติอารมณ์เอาไว้ พวกเขามองหน้ากันอีกครั้งก่อนที่ชายชราจะเปิดมันออก ภายในเขาได้พบกับร่างของอเดลที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยมีเครื่องมือวัดต่างๆ ติดอยู่ทั่วร่าง ผิวของเธอดูซีดราวกับผิวของคนตาย
“เกิดมาข้าเองก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้...เลยไม่รู้จะช่วยเพื่อนเอ็งยังไง” ชายชราพูดขึ้นด้วยสีหน้าคิดไม่ตกก่อนที่เขาจะเดินไปตรวจมาตรวัดต่างๆ ที่แสดงผลบนจอ
“ระบบต่างๆ แทบจะหยุดไปหมดแล้วแม้แต่คลื่นสมอง...แต่ก็ยังไม่ตายอย่างกับสัตว์เวลาที่มันจำศีลยังไงอย่างงั้น” ชายชราพูดพูดต่อ เมื่อได้ยินดังนี้ศาสจึงรู้สึกโล่งใจ...พวกเขาคงยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“ผมขออยู่ตามลำพังกับเธอสักครู่ได้ไหมครับ...” ศาสพูดขึ้นซึ่งทั้งคู่ได้แต่เงียบและเดินออกจากห้องไป
พูดตามตรงตอนนี้แม้แต่ตัวของศาสเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เขามองไปยังมีดที่ถูกวางอยู่ในถาดพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะใช้มันกรีดลงบนผ่ามือของเขาไม่นานนักเลือดสีแดงก็ค่อยๆไหลออกมาตามแผลที่กรีดไว้พร้อมกับหยอดมันลงในปากของเธอ
จนเวลาผ่านเลยไปครู่หนึ่งศาสยังคงให้เลือดของเขากับเธอต่อไปจนเริ่มรู้สึกหน้ามืดจากการเสียเลือด ศาสจึงรู้ตัวว่าร่างกายของเขาคงมาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว
“เฮือกกก...” เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอเดลที่แอ่นตัวขึ้นจนเครื่องมือวัดที่ติดอยู่บนร่างของเธอหลุดออกทำให้มันส่งเสียงร้องดังไปทั่วห้อง
“ศาส! เกิดอะไรขึ้น!!” เชนและชายชราที่รออยู่นอกห้องต่างวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ไม่นานนักร่างของเธอตกลงไปอยู่บนเตียงอีกครั้ง ทั้งสามคนได้แต่ยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหวั่นใจสักพักหนึ่งก็มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้น หน้าอกของเธอถูกอะไรบางอย่างดันออกมาจากภายในจนเสื้อของเธอนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดพร้อมๆ กับเลือดที่เริ่มซึมออกมา จนในที่สุดมันก็แทงทะลุเสื้อของเธอออกมาพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็น
“มัวยืนบื้ออะไรอยู่รีบห้ามเลือดเร็ว!!!” ชายชราร้องขึ้นพร้อมกับรีบเข้ามาดูบาดแผลของเธอ ทันทีที่เขาเริ่มตรวจชายชรากลับมีสีหน้ามึนงงเมื่อไม่พบบาดแผลใดๆ ปรากฎอยู่เลย มีเพียงหัวลูกศรรูปร่างประหลาดที่เต็มไปด้วยอักขระจมในกองเลือดสีดำเท่านั้น ในตอนนี้ร่างของอเดลที่ซีดเซียวราวกับคนตายเริ่มมีเลือดฝาดและการหายใจก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ ท่ามกลางความตื่นตะลึกจนพวกเขาได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่กระพริบตา
ทันใดนั้นท่าทีของเชนและชายชรากลับดูสงบลงอย่างน่าตกใจ เมื่อศาสหันไปก็เห็นอเดลลุกขึ้นมาในท่านั่งพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของพวกเขาทั้งสองคนจนนัยตาของเธอเปร่งแสงสีแดงออกมา พวกเขาทั้งคู่คงโดนมนต์สะกดของเธอเข้าเสียแล้ว
“เจ้าเด็กนี่ทำให้ข้าแปลกใจได้เสมอเลยนะ...กับศัตรูที่เป็นถึงนักรบชั้นสูงเจ้ายังเอาชนะมันมาได้” อเดลยิ้มให้กับศาสอย่างพอใจ เพียงแค่ได้ดื่มเลือดของศาสเมื่อครู่ก็ทำให้เธอเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้อย่างดี
“เธอเนี่ยน้าอย่าพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสิ...แต่ก็โล่งอกไปทีนึกว่าเธอจะเป็นอะไรไปซะแล้ว...” ศาสพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เอาล่ะ..คงถึงเวลาที่ข้าควรทำตามสัญญาแล้ว...เจ้ายังเก็บกล่องใบนั้นเอาไว้ใช่หรือไม่” คำถามของอเดลทำเอาศาสถึงกับหน้าถอดสีก่อนที่เขาจะรีบหันไปหาเชน
“...เรื่องสัมภาระของพวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงผมเก็บมันไว้อย่างดี” เชนพูดขึ้นด้วยนัยตาเลื่อนลอยพร้อมกับเดินออกไปไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่งที่มีสัมภาระของทั้งคู่อยู่ภายใน ศาสถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบมันอยู่ภายใน เขาจึงรีบส่งมันให้กับเธอ
“มันคือสมบัติโบราณที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์มนต์ของแม่มดชั้นสูง...มีคนไม่น้อยที่ตามหามันแทบพลิกแผ่นดิน...กลุ่มคนที่เราสู้ด้วยก็คือหนึ่งในนั้น...ศาส เจ้าเข้าใจความหมายของเราใช่หรือไม่” คำพูดของเธอทำเอาศาสนิ่งไปครู่หนึ่ง
“...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงผมก็ต้องช่วยเธอให้ได้” ศาสตอบด้วยแววตาที่แน่วแน่
เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา เธอจึงใช้เขี้ยวของเธอกัดลงบนนิ้วชี้ ก่อนที่จะใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนอักขระลงบนกล่อง ทันทีที่เธอยกนิ้วขึ้นก็ปรากฎแสงสว่างวาบขึ้นบนอักขระเหล่านั้นก่อนที่เธอจะส่งมันคืนให้กับศาส
“ไปทำในสิ่งที่เจ้าควรทำให้เรียบร้อยเถอะ...ข้าจะรออยู่ที่นี่”
“ขอบคุณนะอเดล...ผมจะกลับมารับแน่ๆ ผมสัญญา” ศาสพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง ซึ่งมีเพียงมีดหมอเท่านั้นที่ยังสามารถใช้งานได้ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
เมื่อออกมาภายนอกก็พบว่าสถานที่นี้ตั้งอยู่บริเวณชาญเมืองซึ่งค่อนข้างห่างไกลกับโรงพยาบาลที่รีอารักษาตัวอยู่แต่ด้วยการคมนาคมที่เพียบพร้อม ไม่นานนักเขาก็เดินทางมาถึงที่หมาย ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าโถงทางเข้าอย่างสิ้นหวังเท่านั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ววันนี้เขาจะต้องช่วยเธอให้ได้
แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนกับทุกครั้ง เขายังคงถูกห้ามเข้าพบด้วยเหตุผลเดิมๆ ไม่ว่าเขาจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ตาม หากเป็นโรงพยาบาลอื่นเขาคงไม่ฟังคำพูดของคนพวกนั้นและใช้กำลังบุกเข้าไปหาเธอ แต่สำหรับสถานที่นี้มันต่างออกไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกชั้น และยังมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยสมองกลอีกขั้น ถึงแม้เขาจะผ่ามันเข้าไปได้แต่ด้วยขนาดของอาคารที่กว้างขวางใหญ่โตแต่เขากลับไม่รู้แม้กระทั่งเลขห้องของเธอ มันจึงป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเข้าไปถึงตัวเธอ
ในขณะที่ศาสกำลังเดินอย่างหัวเสียกลับออกมายังส่วนโถงทางเข้าในชายใส่ฮูดคนหนึ่งก็เดินสวนออกมาอย่างรีบร้อนจนเผลอชนเข้ากับศาสก่อนที่เขาจะรีบเดินจากไป แต่สิ่งที่ทำให้ศาสติดใจไม่ใช่เรื่องนั้นแต่เป็นกุญแจดอกหนึ่งที่ถูกยัดอยู่ในมือของเขาในตอนที่เดินชนกัน ศาสจึงตัดสินใจเดินมานั่งสงบสติอารมณ์ยังส่วนนั่งพักพร้อมกับค่อยๆสำรวจกุญแจที่อยู่ในมือของเขา
“กุญแจในล็อคเกอร์ของโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ...” ศาสรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลและหมายเลขที่ปรากฎอยู่บนกุญแจ
ในที่สุดศาสก็มายืนอยู่หน้าร็อคเกอร์ เขารู้สึกลังเลนิดหน่อยเมื่อสอดกุญแจเข้าไป ก่อนที่เขาจะถอนหายไปพร้อมกับบิดมันออก รอยยิ้มเริ่มปรากฎขึ้นบนสีหน้าของเขาอีกครั้งเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในคือ “เก้าคม” ชุดอาวุธคู่ใจของเขานั่นเองและยังมีเป้สะพายอีกหนึ่งใบหนึ่งวางอยู่ข้างๆ นั่นหมายความว่าชายที่เขาพบเมื่อครู่คือหนึ่งในพวกพ้องที่ศาสเคยคิดว่าเสียไปแล้วนั่นเอง
เมื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ภายในเป้ก็พบว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ และสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง ทันทีที่เครื่องถูกเปิดมันก็เล่นคลิปเสียงที่ถูกบันทึกไว้โดยอัติโนมติ
“โย่วศาส ก่อนอื่นพวกไอต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจติดต่อยูได้โดยตรง เพราะทางนี้เองก็กำลังแย่อยู่เหมือนกัน พวกไอมั่นใจว่ายูต้องหาทางช่วยคุณหนูได้แน่ๆ และนี่คือกุญแจดอกสุดท้ายที่ยูต้องการ...” เมื่อคลิปเสียงสิ้นสุดลงมันก็แสดงข้อมูลพิมพ์เขียวของอาคารที่ระบุห้องของรีอาแม้กระทั่งข้อมูลระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด
“ฮะๆ คุณลุงพวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” ศาสพูดอย่างอดหัวเราะไม่ได้พร้อมกับจัดอุปกรณ์ให้อยู่เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เขาจะเดินไปยังตู้กดน้ำที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับกดน้ำเปล่าออกมาขวดหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องการในแผนการนี้ยังไม่ครบถ้วน และสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการก็เป็นของที่ค่อนข้างหายากในปัจจุบัน ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเองกลิ่นหอมฉุนที่คุ้นเคยก็ลอยผ่านไปเมื่อเขาหันไปก็พบเจ้าของกลิ่นนั้นซึ่งก็คือหญิงชราคนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณยาย” ศาสยกมือไหว้พร้อมกับเดินเข้าไปหาหญิงชรา
“สวัสดีพ่อหนุ่ม มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ” เธอรับไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายอย่างใจดี
“ผมเห็นคุณยายถือธูปมาด้วย ไม่ทราบว่าขอผมสักหน่อยจะได้ไหมครับ”
“อ๋อนี่เหรอเอาไปสิ พ่อหนุ่มก็จะเอาไปไหว้พระเหมือนกันเหรอ หายากนะเนี่ยที่จะเห็นคนหนุ่มสาวใช้อะไรแบบนี้” หญิงชราพูดพร้อมกับยื่นธูปให้กับศาสกำหนึ่ง ก่อนที่ศาสจะแยกตัวออกมาพร้อมกับเดินที่เขาไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังด้านบน
“ติ๊ง!” เสียงสัญญาณจากลิฟท์ร้องเตือนเพื่อแจ้งว่ามันได้พาผู้โดยสารมาถึงที่หมายแล้ว พร้อมๆ กับที่หน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกเริ่มตื่นตัวเพราะสัญญาณจากมันเช่นกัน ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกกลับมีเพียงความว่างเปล่า พร้อมกับกลิ่นบางอย่างที่ลอยออกมา ทันทีที่พวกเขาสูดกลิ่นนั้นเข้าไปพวกเขาก็ได้แต่ยืนนิ่งนัยน์ตาเลื่อนลอย ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดนั้นเอง ก็มีมือหนึ่งเอื่อมออกมาจับประตูไว้ซึ่งก็คือศาสที่แอบอยู่ด้านข้างนั่นเอง
“ว่าจะไม่ใช้วิชานี้กับคนแล้วนะ....” ศาสมองหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ต้องมนต์สะกดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
ด้วยการสนันสนุนจากทีมนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังและอาคมของศาสทำให้เขาสามารถผ่านระบบการป้องกันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดระบบบอกพิกัดของสมาร์ทโฟนได้แจ้งเตือนว่าเขาได้มาถึงที่หมายแล้ว
“รีอา...” ศาสพูดอย่างมีความหวังพร้อมกับกำกล่องไม้เอาไว้แน่น เพียงพริบตาเดียวประตูห้องที่ถูกล็อคอย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออก แสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้ามาหา เขาใช้มือสัมผัสลงบนใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอดูสงบราวกับแค่หลับไปเท่านั้นเพียงแค่ได้มองใบหน้าของเธอความรู้สึกทั้งหลายที่เขาฝืนกลั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินอย่างไม่รู้ตัว
“ฮ่า....” ศาสสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกสติกลับคืนมาเพราะหน้าที่ของเขายังไม่เสร็จสิ้น เขาเปิดกล่องไม้ที่ได้รับมาจากอเดล ภายในนั้นมีสร้อยคอลวดลายสวยงามอยู่เส้นหนึ่งซึ่งประดับด้วยอัญมณีเม็ดใหญ่สีแดงสดอยู่ใจกลางมันเปร่งแสงราวกับสีของธาตุทั้งสี่อย่างน่าประหลาด เพียงแค่ได้สัมผัสมันเขาก็รู้สึกถึงพลังอันลึกล้ำที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ทันทีที่มันถูกสวมใส่ลงบนคอของรีอามันก็เปร่งแสงสว่างวาปก่อนที่มันจะหายไปจากร่างของเธอ แต่ศาสยังคงสัมผัสได้ถึงพลังแบบเดียวกันแผ่ออกมาจากร่างของรีอา ในตอนนี้เขาทำได้เพียงเฝ้ารอเท่านั้นแต่เขาคงไม่อาจทำได้เพราะเวลาที่เขาเหลืออยู่กลับมีเพียงน้อยนิดก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ เขาหยุดยืนนิ่งมองใบหน้าของเธออีกครั้งด้วยความอาวรณ์ ก่อนที่จะฝืนใจกลับออกมา
เมื่อกลับลงมาถึงชั้นล่างเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างปกติ ดูเหมือนว่าแผนการลอบเข้าไปครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จ แต่ศาสก็ยังคงเป็นกังวลถึงคำพูดของอเดล เพราะเขาก็ได้ประสบพบเจอกับพวกที่หมายจะครอบครองสิ่งนั้นมากับตัวแล้ว ศาสจึงตัดสินใจหาโรงแรมที่อยู่ในบริเวณนั้นเพื่อคอยจับตาดูและพักฟื้นร่างกายไปในตัว
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนในโรงพยาบาล ต่างเห็นชายคนหนึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่มุมเดิมบนเก้าอี้ตัวเดิมราวกับคอยอะไรบางอย่างจนเริ่มกลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้ว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์แต่รีอาก็ยังคงไม่ฟื้นกลับมาในระหว่างนี้ศาสได้สร้างเวทย์อาณาเขตขึ้นยังจุดสำคัญๆ จนไม่มีทางเลยที่ผู้บุกรุกจะสามารถย่างกรายเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเพิ่งกระแสจิตเพื่อจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่านวงเวทย์เหล่านั้นจนแทบจะลืมเรื่องเวลาไปเลย
“...น้องคะรับผ้าห่มสักหน่อยไหมอากาศมันเริ่มเย็นแล้วนะ” เมื่อศาสลืมตาขึ้นเขาก็เห็นนางพยาบาลคนหนึ่ง ที่มักเข้ามาถามเขาอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ดีเพราะหลายครั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะพูดอย่างไรศาสแทบจะไม่ลุกไปไหนเลยเธอจึงแก้ปัญหาโดยการนำผ้าห่มมาให้
“เอ่อ...ขอบคุณครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” ศาสพูดด้วยความรู้สึกเกรงใจจนไม่กล้าจะสบตาเธอสักเท่าไร ในขณะที่เขากำลังเอื่อมมือไปหยิบนั้นเองเสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณของการสิ้นวัน
“ตูม!!!”
ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องมาจากด้านบนของตัวอาคารความแรงของมันทำให้แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน พร้อมกับเสียงจากสัญญาณเตือนภัยและเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตกใจของผู้คนดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาล แห่งนี้
“บ้าน่า...มันเกิดอะไรขึ้น” ศาสนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจเพราะไม่น่ามีใครที่รอดพ้นจากการตรวจจับด้วยอาคมของเขาได้
“เกิดเหตุชั้น 21 งั้นเหรอ!? เฮ้ยพวกแกเร็วเข้า!!” เสียงพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งวิ่งผ่านพวกเขาไปยิ่งทำให้หัวใจของศาสเต้นแรงขึ้นไปอีกเพราะมันเป็นชั้นที่รีอานอนรักษาตัวอยู่และนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ บัดนี้สิ่งที่เขากลัวได้กลายเป็นจริงเสียแล้ว
จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นระบบรักษาความปลอดภัยจึงถูกยกระดับการป้องกันขึ้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธครบมือและบรรดาโดรน(Drone)ที่ถูกปล่อยออกมา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบเข้าไปอีกครั้ง
***Drone หุ่นยนต์ไร้คนบังคับที่สามารถบินได้***
ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบางส่วนจึงต้องแยกออกมาเพื่อควบคุมฝูงชนที่ลี้ภัยออกมาจากภายในตึก
“นายคนนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า เฮ้ย! ไหวไหม!!”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งเดินโซเซท่ามกลางฝูงชนจนเขาถูกเบียนล้มลงจนเกือบถูกเหยียบจากคนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบเข้ามาประคองตัวของเขาเอาไว้
“ขอบคุณครับพี่...แล้วก็ขอโทษด้วยครับ” ทันใดนั้นเองชายคนนั้นได้ดึงตัวเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ทันได้ตั้งตัวหมัดของชายคนนั้นก็ต่อยเข้าลิ้นปี่อย่างจังจนเขาสลบไป
“...ขอโทษครับ” ศาสมองเจ้าหน้าที่คนนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะลงมือปลดชุดอุปกรณ์ต่างๆ ออกไม่นานนักชายในชุดเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยก็เดินกลับออกมาภายนอกราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้ย! ไอ้เด็กใหม่ตรงนั้น รีบตามมาเร็ว หน้าที่อพยพคนตรงนี้เสร็จสิ้นแล้ว” เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเดียวกันโบกมือเรียกให้ศาสเข้าไปสมทบ เขาจึงใช้โอกาสนี้ลอบเข้าไปกับเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้
แรงจากการระเบิดทำให้ระบบไฟฟ้าบางส่วนเกิดขัดข้องพวกเขาจึงต้องใช้บันไดหนีไฟในการเคลื่อนพลยิ่งเข้าใกล้ชั้นเป้าหมายมากเท่าไหร่กลิ่นจากควันไฟและคาวเลือดก็ยิ่งแรงขึ้น จนเจ้าหน้าที่บางคนเริ่มกลัวจนมือไม้สั่น
“ไอ้พวกลูกเจี้ยบไม่ต้องกลัวรายงานล่าสุดพบผู้ต้องสงสัยแค่คนเดียว” เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น
“แต่กลุ่มที่รายงานมาเงียบหายไปเลยนะครับ...ไม่รู้พวกเขาจะ--!!” ไม่ทันที่เจ้าหน้าที่ผู้น้อยคนนี้จะพูดจบด้ามปืนก็เคาะเข้าที่หมวกเหล็กของเขาเข้าอย่างแรงจนเสียงพูดเหล่านั้นเงียบหายไป
ทันทีที่มาถึงที่หมายภาพที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าทำเอาพวกเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับลงไปทรุดกับพื้นด้วยความหวาดกลัว เพราะตามพื้นทางเดินที่นองไปด้วยเลือดและศพของเจ้าหน้าที่ชุดก่อนหน้าในสภาพไม่ต่างอะไรกับเศษเนื้อ แต่มีอยู่ศพหนึ่งที่ทำให้ศาสรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อยเมื่อพบบาดแผลเป็นรอยเขี้ยวลึกที่ถูกฝังลงบนคอของเหยื่อ
“แวมไพร์อย่างนั้นเหรอ...” เมื่อคิดได้ดังนั้นศาสจึงรีบวิ่งไปยังห้องของรีอาทันที ด้วยความที่เขาท่องจำทุกอย่างของที่นี่จนขึ้นใจแผนที่ในชั้นนี้จึงอยู่ในสมองของเขาทั้งหมดแล้ว ศาสจำได้ทันทีว่าหากพ้นทางแยกด้านหน้าก็จะเป็นห้องของรีอา ทันใดนั้นเองโดรนตัวหนึ่งได้ปลิวผ่านหน้าของศาสไปกระทบเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนระเบิด เมื่อศาสหันไปยังทิศที่มันลอยมาเขาก็พบ ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงเพียวในชุดโอเวอร์โค้ทสีดำเขามีผมยาวสีขาว มันมองมายังศาสด้วยดวงตาสีแดงก่ำฉายที่เต็มไปด้วยแววตาที่เหยียดหยามราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือหนอนแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะละสายตาจากเขาไปยังประตูที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งก็คือห้องของรีอานั่นเอง
ทันทีที่มันกำหมัดขึ้นแขนของมันก็ลุกไปด้วยเปลวไฟสีเลือด
“พบผู้บุกรุกแล้ว ไม่ต้องสนใจยิงมันเลย!!!” เสียงจากหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ตามศาสมาจากด้านหลัง พวกเขาต่างวิ่งออกไปตั้งแนวยิงด้านหน้าของศาส
“อย่า!! รีบหนีไปเร็----!!!” ศาสพยายามร้องเตือนแต่ก็ไร้ผล ทันใดนั้นเองก็เกิดเส้นแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นจากด้านหลังของชายคนนี้ พร้อมกับเลือดที่กระเซ็นมากระทบบนใบหน้าของศาส เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่มันจะหันกลับไปทำลายประตูอย่างง่ายดาย
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” ศาสร้องด้วยความเจ็บใจพร้อมกับวิ่งตามไป ในขณะที่มันกำลังเดินไปเข้าหารีอาอยู่นั้นพื้นรอบเตียงก็เปร่งแสงขึ้นกลายเป็นกำแพงแสงล้อมรอบรอบเตียงของเธอไว้
“ไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นตัวอะไร แต่แกฝ่าเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่” ศาสพูดอย่างมั่นใจเพราะมันคืออาคมชั้นสูงที่เขาสร้างขึ้นมาก็โดยการใช้น้ำมนต์บริสุทธิ์เขียนไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลอบเข้ามาหาเธอ แต่มันกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มันเอื่อมมือเข้าไปหาเธออย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทันทีที่เวทย์อาณาเขตได้สัมผัสกับตัวมันกำแพงแสงของศาสก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ศาสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจัดการกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เขาพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับดาบคู่ที่อยู่ในมือ เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก็สังเกตเห็นเส้นสีแสงแดงปรากฎขึ้นจากกลางหลังของมันอีกครั้ง สัญชาติญาณของเขาร้องเตือนขึ้นทันที แต่การหลบการโจมตีที่ทั้งรุนแรงและรวดเร็วจนเหนือกว่าประสาทการรับรู้ของมนุษย์ในระยะประชิดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยทางรอดเดียวของเขาในตอนนี้จึงอยู่ที่การตั้งรับเท่านั้น ในชั้วเวลาเสี้ยววินาทีที่ตัดสินใจท่าร่างดาบของเขาก็ถูกเปลี่ยนจากรุกเป็นรับในชั่วพริบตาก่อนที่การโจมตีนั้นจะเข้าถึงตัว ถึงแม้ศาสจะสามารถป้องกันตนเองเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่ด้วยแรงอันมหาศาลจากการโจมตีทำให้ศาสกระเด็นออกไปตามแรงของมันจนร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงเข้าอย่างจังก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ของที่ข้าตามหาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นรึ...” มันก้มมองรีอาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะอุ้มเธอขึ้น
“แก..ไอ้บัดซบ!! อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของชั้น!!!” ศาสพูดด้วยความเกรี้ยวโกรธเขาพยายามประคองร่างที่บอบช้ำขึ้นเพื่อสู้กับมันอีกครั้ง
“อย่างแกน่ะเหรอจะทำอะไรข้าได้ จงสมเพชให้กับความอ่อนแอของตัวเองเถอะ ฮ่าๆๆ” มันเหลียวมองศาสด้วยสายตาที่เหยียดหยามก่อนที่มันจะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
ทันใดนั้นเองมันก็สยายปีกสีดำทมิฬอันมีรูปร่างดั่งปีกค้างคาวขนาดใหญ่ราวกับภาพเขียนของเหล่าปีศาจที่ปรากฎอยู่ในเทพนิยาย ก่อนที่มันจะใช้ปีกคู่นั้นทำลายกำแพงที่อยู่เบื้องหน้าลงอย่างง่ายดายและบินจากไปพร้อมกับร่างของรีอาโดยทิ้งศาสไว้เบื้องหลัง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ศาสได้แต่กรีดร้องอยู่บนพื้นอย่างเจ็บใจที่ไม่อาจปกป้องรีอาเอาไว้ได้
................................................
“ที่นี่..มัน...ในคุกงั้นเหรอ” ศาสพูดออกมาอย่างสะลึมสะลือ เขาพยายามฝืนลืมตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยรอบแต่กลับรู้สึกว่าเปลือกตามันช่างหนักเสียเหลือเกิน
“เฮ้ยๆ ไอ้หนูพูดจาให้มันดีๆหน่อย นี่มันโรงบาลสุดรักของข้าเลยนะโว้ย” เสียงจากชายชราดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาแน่นอนว่ารวมถึงกลิ่นบุหรี่ด้วย
“คุณหมอ เด็กมันจะเข้าใจผิดแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก เล่นสูบบุหรี่ในห้องคนไข้ได้ยังไง...” อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขัน ทันทีที่ได้ฟังศาสก็จำน้ำเสียงนี้ได้ดี เขาพยายามเพ่งไปยังเจ้าของเสียงก็พบว่าเป็นเชนนั่นเอง
“คุณเชนเกิดอะไรขึ้น...ที่นี่มันที่ไหน...แล้วผมมาอยู่นี่ได้ยังไง...” ศาสถามด้วยสีหน้ามึนงง
“วางใจเถอะศาส... ถึงมันจะดูไม่เหมือนแต่นี่ก็คือโรงพยาบาลชั้นเลิศเลยล่ะ” เชนพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงของเขา ศาสจึงหันไปมองรอบๆ แต่ภาพที่เห็นมันค่อนข้างจะแตกต่างจากโรงพยาบาลที่เขาเข้าใจ เพราะมันทั้งเก่าและดูสกปรกจนเห็นฝุ่นที่ลอยฟุ้งขึ้นมาเมื่อมันต้องกับแสงแดดสีแดงเข้มที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
เชนจึงเริ่มเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ศาสหมดสติให้ฟัง กองกำลังที่มากับเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำนั้นโชคดีที่เชนเป็นหัวหน้าหน่วย เขาจึงช่วยปิดเรื่องของศาสไว้และนำมารักษายังโรงพยาบาลเถื่อนแห่งนี้นั่นเอง เชนยังเล่าต่อไปว่าสิ่งที่เขาพบในเขตก่อสร้างนั้นมีเพียงขี้เถ้ารูปร่างมนุษย์นอนเรียงรายอยู่ตามพื้นเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อได้พบศาสเขาจึงเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเกิดการต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นที่นี่
“...อีกคนหนึ่ง! ผู้หญิงที่นอนสลบอยู่ข้างๆผมล่ะ!!” ศาสท้วงขึ้นจนทำให้ราเชนเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะวางมือลงบนบ่าของศาส
“...ทางเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอ..ลองมาดูเองแล้วกัน” เชนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังชายชรารูปร่างผอมบางเขามีผมสีขาวตามอายุที่ล่วงเลยในชุดกราวเก่าๆ กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่มุมห้อง เขาพยัคหน้ารับพร้อมกับเดินไปเปิดประตูเพื่อนำทางให้กับทั้งคู่
เสียงแผ่นไม้ที่ดังตามจังหวะก้าวเดินยิ่งตอกย้ำถึงความเก่าแก่ของสถานที่นี้ได้เป็นอย่างดี ที่ปลายสุดของทางเดินมีเพียงตู้ไม้เก่าๆ ขนาดใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อชายชราเปิดมันออกก็มีเพียงชั้นวางของที่ว่างเปล่าอยู่ภายใน จนกระทั่งเขาเอื่อมมือเข้าไปขยับกลไกบางอย่างที่อยู่ภายใน ผนังของตู้ใบนั้นกลับเปิดออกเป็นทางลงไปด้านล่าง ทันทีที่ศาสก้าวเท้าเข้ามาก็พบว่าที่นี่ช่างแตกต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิงมันมีทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างครบครันจนไม่ต่างอะไรกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่
ในที่สุดพวกเขาก็เดิมเข้ามายังส่วนที่ลึกที่สุดก็พบประตูเหล็กบานใหญ่ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ยิ่งทำให้ศาสรู้สึกหวั่นใจ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกถึงมันได้และลมหายใจที่เริ่มแปรปรวน เขากำมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อไว้แน่นเพื่อข่มสติอารมณ์เอาไว้ พวกเขามองหน้ากันอีกครั้งก่อนที่ชายชราจะเปิดมันออก ภายในเขาได้พบกับร่างของอเดลที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยมีเครื่องมือวัดต่างๆ ติดอยู่ทั่วร่าง ผิวของเธอดูซีดราวกับผิวของคนตาย
“เกิดมาข้าเองก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้...เลยไม่รู้จะช่วยเพื่อนเอ็งยังไง” ชายชราพูดขึ้นด้วยสีหน้าคิดไม่ตกก่อนที่เขาจะเดินไปตรวจมาตรวัดต่างๆ ที่แสดงผลบนจอ
“ระบบต่างๆ แทบจะหยุดไปหมดแล้วแม้แต่คลื่นสมอง...แต่ก็ยังไม่ตายอย่างกับสัตว์เวลาที่มันจำศีลยังไงอย่างงั้น” ชายชราพูดพูดต่อ เมื่อได้ยินดังนี้ศาสจึงรู้สึกโล่งใจ...พวกเขาคงยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“ผมขออยู่ตามลำพังกับเธอสักครู่ได้ไหมครับ...” ศาสพูดขึ้นซึ่งทั้งคู่ได้แต่เงียบและเดินออกจากห้องไป
พูดตามตรงตอนนี้แม้แต่ตัวของศาสเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เขามองไปยังมีดที่ถูกวางอยู่ในถาดพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะใช้มันกรีดลงบนผ่ามือของเขาไม่นานนักเลือดสีแดงก็ค่อยๆไหลออกมาตามแผลที่กรีดไว้พร้อมกับหยอดมันลงในปากของเธอ
จนเวลาผ่านเลยไปครู่หนึ่งศาสยังคงให้เลือดของเขากับเธอต่อไปจนเริ่มรู้สึกหน้ามืดจากการเสียเลือด ศาสจึงรู้ตัวว่าร่างกายของเขาคงมาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว
“เฮือกกก...” เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอเดลที่แอ่นตัวขึ้นจนเครื่องมือวัดที่ติดอยู่บนร่างของเธอหลุดออกทำให้มันส่งเสียงร้องดังไปทั่วห้อง
“ศาส! เกิดอะไรขึ้น!!” เชนและชายชราที่รออยู่นอกห้องต่างวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ไม่นานนักร่างของเธอตกลงไปอยู่บนเตียงอีกครั้ง ทั้งสามคนได้แต่ยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหวั่นใจสักพักหนึ่งก็มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้น หน้าอกของเธอถูกอะไรบางอย่างดันออกมาจากภายในจนเสื้อของเธอนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดพร้อมๆ กับเลือดที่เริ่มซึมออกมา จนในที่สุดมันก็แทงทะลุเสื้อของเธอออกมาพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็น
“มัวยืนบื้ออะไรอยู่รีบห้ามเลือดเร็ว!!!” ชายชราร้องขึ้นพร้อมกับรีบเข้ามาดูบาดแผลของเธอ ทันทีที่เขาเริ่มตรวจชายชรากลับมีสีหน้ามึนงงเมื่อไม่พบบาดแผลใดๆ ปรากฎอยู่เลย มีเพียงหัวลูกศรรูปร่างประหลาดที่เต็มไปด้วยอักขระจมในกองเลือดสีดำเท่านั้น ในตอนนี้ร่างของอเดลที่ซีดเซียวราวกับคนตายเริ่มมีเลือดฝาดและการหายใจก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ ท่ามกลางความตื่นตะลึกจนพวกเขาได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่กระพริบตา
ทันใดนั้นท่าทีของเชนและชายชรากลับดูสงบลงอย่างน่าตกใจ เมื่อศาสหันไปก็เห็นอเดลลุกขึ้นมาในท่านั่งพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของพวกเขาทั้งสองคนจนนัยตาของเธอเปร่งแสงสีแดงออกมา พวกเขาทั้งคู่คงโดนมนต์สะกดของเธอเข้าเสียแล้ว
“เจ้าเด็กนี่ทำให้ข้าแปลกใจได้เสมอเลยนะ...กับศัตรูที่เป็นถึงนักรบชั้นสูงเจ้ายังเอาชนะมันมาได้” อเดลยิ้มให้กับศาสอย่างพอใจ เพียงแค่ได้ดื่มเลือดของศาสเมื่อครู่ก็ทำให้เธอเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้อย่างดี
“เธอเนี่ยน้าอย่าพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสิ...แต่ก็โล่งอกไปทีนึกว่าเธอจะเป็นอะไรไปซะแล้ว...” ศาสพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เอาล่ะ..คงถึงเวลาที่ข้าควรทำตามสัญญาแล้ว...เจ้ายังเก็บกล่องใบนั้นเอาไว้ใช่หรือไม่” คำถามของอเดลทำเอาศาสถึงกับหน้าถอดสีก่อนที่เขาจะรีบหันไปหาเชน
“...เรื่องสัมภาระของพวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงผมเก็บมันไว้อย่างดี” เชนพูดขึ้นด้วยนัยตาเลื่อนลอยพร้อมกับเดินออกไปไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่งที่มีสัมภาระของทั้งคู่อยู่ภายใน ศาสถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบมันอยู่ภายใน เขาจึงรีบส่งมันให้กับเธอ
“มันคือสมบัติโบราณที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์มนต์ของแม่มดชั้นสูง...มีคนไม่น้อยที่ตามหามันแทบพลิกแผ่นดิน...กลุ่มคนที่เราสู้ด้วยก็คือหนึ่งในนั้น...ศาส เจ้าเข้าใจความหมายของเราใช่หรือไม่” คำพูดของเธอทำเอาศาสนิ่งไปครู่หนึ่ง
“...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงผมก็ต้องช่วยเธอให้ได้” ศาสตอบด้วยแววตาที่แน่วแน่
เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา เธอจึงใช้เขี้ยวของเธอกัดลงบนนิ้วชี้ ก่อนที่จะใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนอักขระลงบนกล่อง ทันทีที่เธอยกนิ้วขึ้นก็ปรากฎแสงสว่างวาบขึ้นบนอักขระเหล่านั้นก่อนที่เธอจะส่งมันคืนให้กับศาส
“ไปทำในสิ่งที่เจ้าควรทำให้เรียบร้อยเถอะ...ข้าจะรออยู่ที่นี่”
“ขอบคุณนะอเดล...ผมจะกลับมารับแน่ๆ ผมสัญญา” ศาสพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง ซึ่งมีเพียงมีดหมอเท่านั้นที่ยังสามารถใช้งานได้ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
เมื่อออกมาภายนอกก็พบว่าสถานที่นี้ตั้งอยู่บริเวณชาญเมืองซึ่งค่อนข้างห่างไกลกับโรงพยาบาลที่รีอารักษาตัวอยู่แต่ด้วยการคมนาคมที่เพียบพร้อม ไม่นานนักเขาก็เดินทางมาถึงที่หมาย ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าโถงทางเข้าอย่างสิ้นหวังเท่านั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ววันนี้เขาจะต้องช่วยเธอให้ได้
แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนกับทุกครั้ง เขายังคงถูกห้ามเข้าพบด้วยเหตุผลเดิมๆ ไม่ว่าเขาจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ตาม หากเป็นโรงพยาบาลอื่นเขาคงไม่ฟังคำพูดของคนพวกนั้นและใช้กำลังบุกเข้าไปหาเธอ แต่สำหรับสถานที่นี้มันต่างออกไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกชั้น และยังมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยสมองกลอีกขั้น ถึงแม้เขาจะผ่ามันเข้าไปได้แต่ด้วยขนาดของอาคารที่กว้างขวางใหญ่โตแต่เขากลับไม่รู้แม้กระทั่งเลขห้องของเธอ มันจึงป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเข้าไปถึงตัวเธอ
ในขณะที่ศาสกำลังเดินอย่างหัวเสียกลับออกมายังส่วนโถงทางเข้าในชายใส่ฮูดคนหนึ่งก็เดินสวนออกมาอย่างรีบร้อนจนเผลอชนเข้ากับศาสก่อนที่เขาจะรีบเดินจากไป แต่สิ่งที่ทำให้ศาสติดใจไม่ใช่เรื่องนั้นแต่เป็นกุญแจดอกหนึ่งที่ถูกยัดอยู่ในมือของเขาในตอนที่เดินชนกัน ศาสจึงตัดสินใจเดินมานั่งสงบสติอารมณ์ยังส่วนนั่งพักพร้อมกับค่อยๆสำรวจกุญแจที่อยู่ในมือของเขา
“กุญแจในล็อคเกอร์ของโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ...” ศาสรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลและหมายเลขที่ปรากฎอยู่บนกุญแจ
ในที่สุดศาสก็มายืนอยู่หน้าร็อคเกอร์ เขารู้สึกลังเลนิดหน่อยเมื่อสอดกุญแจเข้าไป ก่อนที่เขาจะถอนหายไปพร้อมกับบิดมันออก รอยยิ้มเริ่มปรากฎขึ้นบนสีหน้าของเขาอีกครั้งเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในคือ “เก้าคม” ชุดอาวุธคู่ใจของเขานั่นเองและยังมีเป้สะพายอีกหนึ่งใบหนึ่งวางอยู่ข้างๆ นั่นหมายความว่าชายที่เขาพบเมื่อครู่คือหนึ่งในพวกพ้องที่ศาสเคยคิดว่าเสียไปแล้วนั่นเอง
เมื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ภายในเป้ก็พบว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ และสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง ทันทีที่เครื่องถูกเปิดมันก็เล่นคลิปเสียงที่ถูกบันทึกไว้โดยอัติโนมติ
“โย่วศาส ก่อนอื่นพวกไอต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจติดต่อยูได้โดยตรง เพราะทางนี้เองก็กำลังแย่อยู่เหมือนกัน พวกไอมั่นใจว่ายูต้องหาทางช่วยคุณหนูได้แน่ๆ และนี่คือกุญแจดอกสุดท้ายที่ยูต้องการ...” เมื่อคลิปเสียงสิ้นสุดลงมันก็แสดงข้อมูลพิมพ์เขียวของอาคารที่ระบุห้องของรีอาแม้กระทั่งข้อมูลระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด
“ฮะๆ คุณลุงพวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” ศาสพูดอย่างอดหัวเราะไม่ได้พร้อมกับจัดอุปกรณ์ให้อยู่เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เขาจะเดินไปยังตู้กดน้ำที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับกดน้ำเปล่าออกมาขวดหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องการในแผนการนี้ยังไม่ครบถ้วน และสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการก็เป็นของที่ค่อนข้างหายากในปัจจุบัน ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเองกลิ่นหอมฉุนที่คุ้นเคยก็ลอยผ่านไปเมื่อเขาหันไปก็พบเจ้าของกลิ่นนั้นซึ่งก็คือหญิงชราคนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณยาย” ศาสยกมือไหว้พร้อมกับเดินเข้าไปหาหญิงชรา
“สวัสดีพ่อหนุ่ม มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ” เธอรับไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายอย่างใจดี
“ผมเห็นคุณยายถือธูปมาด้วย ไม่ทราบว่าขอผมสักหน่อยจะได้ไหมครับ”
“อ๋อนี่เหรอเอาไปสิ พ่อหนุ่มก็จะเอาไปไหว้พระเหมือนกันเหรอ หายากนะเนี่ยที่จะเห็นคนหนุ่มสาวใช้อะไรแบบนี้” หญิงชราพูดพร้อมกับยื่นธูปให้กับศาสกำหนึ่ง ก่อนที่ศาสจะแยกตัวออกมาพร้อมกับเดินที่เขาไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังด้านบน
“ติ๊ง!” เสียงสัญญาณจากลิฟท์ร้องเตือนเพื่อแจ้งว่ามันได้พาผู้โดยสารมาถึงที่หมายแล้ว พร้อมๆ กับที่หน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกเริ่มตื่นตัวเพราะสัญญาณจากมันเช่นกัน ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกกลับมีเพียงความว่างเปล่า พร้อมกับกลิ่นบางอย่างที่ลอยออกมา ทันทีที่พวกเขาสูดกลิ่นนั้นเข้าไปพวกเขาก็ได้แต่ยืนนิ่งนัยน์ตาเลื่อนลอย ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดนั้นเอง ก็มีมือหนึ่งเอื่อมออกมาจับประตูไว้ซึ่งก็คือศาสที่แอบอยู่ด้านข้างนั่นเอง
“ว่าจะไม่ใช้วิชานี้กับคนแล้วนะ....” ศาสมองหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ต้องมนต์สะกดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
ด้วยการสนันสนุนจากทีมนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังและอาคมของศาสทำให้เขาสามารถผ่านระบบการป้องกันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดระบบบอกพิกัดของสมาร์ทโฟนได้แจ้งเตือนว่าเขาได้มาถึงที่หมายแล้ว
“รีอา...” ศาสพูดอย่างมีความหวังพร้อมกับกำกล่องไม้เอาไว้แน่น เพียงพริบตาเดียวประตูห้องที่ถูกล็อคอย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออก แสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้ามาหา เขาใช้มือสัมผัสลงบนใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอดูสงบราวกับแค่หลับไปเท่านั้นเพียงแค่ได้มองใบหน้าของเธอความรู้สึกทั้งหลายที่เขาฝืนกลั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินอย่างไม่รู้ตัว
“ฮ่า....” ศาสสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกสติกลับคืนมาเพราะหน้าที่ของเขายังไม่เสร็จสิ้น เขาเปิดกล่องไม้ที่ได้รับมาจากอเดล ภายในนั้นมีสร้อยคอลวดลายสวยงามอยู่เส้นหนึ่งซึ่งประดับด้วยอัญมณีเม็ดใหญ่สีแดงสดอยู่ใจกลางมันเปร่งแสงราวกับสีของธาตุทั้งสี่อย่างน่าประหลาด เพียงแค่ได้สัมผัสมันเขาก็รู้สึกถึงพลังอันลึกล้ำที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ทันทีที่มันถูกสวมใส่ลงบนคอของรีอามันก็เปร่งแสงสว่างวาปก่อนที่มันจะหายไปจากร่างของเธอ แต่ศาสยังคงสัมผัสได้ถึงพลังแบบเดียวกันแผ่ออกมาจากร่างของรีอา ในตอนนี้เขาทำได้เพียงเฝ้ารอเท่านั้นแต่เขาคงไม่อาจทำได้เพราะเวลาที่เขาเหลืออยู่กลับมีเพียงน้อยนิดก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ เขาหยุดยืนนิ่งมองใบหน้าของเธออีกครั้งด้วยความอาวรณ์ ก่อนที่จะฝืนใจกลับออกมา
เมื่อกลับลงมาถึงชั้นล่างเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างปกติ ดูเหมือนว่าแผนการลอบเข้าไปครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จ แต่ศาสก็ยังคงเป็นกังวลถึงคำพูดของอเดล เพราะเขาก็ได้ประสบพบเจอกับพวกที่หมายจะครอบครองสิ่งนั้นมากับตัวแล้ว ศาสจึงตัดสินใจหาโรงแรมที่อยู่ในบริเวณนั้นเพื่อคอยจับตาดูและพักฟื้นร่างกายไปในตัว
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนในโรงพยาบาล ต่างเห็นชายคนหนึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่มุมเดิมบนเก้าอี้ตัวเดิมราวกับคอยอะไรบางอย่างจนเริ่มกลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้ว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์แต่รีอาก็ยังคงไม่ฟื้นกลับมาในระหว่างนี้ศาสได้สร้างเวทย์อาณาเขตขึ้นยังจุดสำคัญๆ จนไม่มีทางเลยที่ผู้บุกรุกจะสามารถย่างกรายเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเพิ่งกระแสจิตเพื่อจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่านวงเวทย์เหล่านั้นจนแทบจะลืมเรื่องเวลาไปเลย
“...น้องคะรับผ้าห่มสักหน่อยไหมอากาศมันเริ่มเย็นแล้วนะ” เมื่อศาสลืมตาขึ้นเขาก็เห็นนางพยาบาลคนหนึ่ง ที่มักเข้ามาถามเขาอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ดีเพราะหลายครั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะพูดอย่างไรศาสแทบจะไม่ลุกไปไหนเลยเธอจึงแก้ปัญหาโดยการนำผ้าห่มมาให้
“เอ่อ...ขอบคุณครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” ศาสพูดด้วยความรู้สึกเกรงใจจนไม่กล้าจะสบตาเธอสักเท่าไร ในขณะที่เขากำลังเอื่อมมือไปหยิบนั้นเองเสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณของการสิ้นวัน
“ตูม!!!”
ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องมาจากด้านบนของตัวอาคารความแรงของมันทำให้แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน พร้อมกับเสียงจากสัญญาณเตือนภัยและเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตกใจของผู้คนดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาล แห่งนี้
“บ้าน่า...มันเกิดอะไรขึ้น” ศาสนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจเพราะไม่น่ามีใครที่รอดพ้นจากการตรวจจับด้วยอาคมของเขาได้
“เกิดเหตุชั้น 21 งั้นเหรอ!? เฮ้ยพวกแกเร็วเข้า!!” เสียงพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งวิ่งผ่านพวกเขาไปยิ่งทำให้หัวใจของศาสเต้นแรงขึ้นไปอีกเพราะมันเป็นชั้นที่รีอานอนรักษาตัวอยู่และนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ บัดนี้สิ่งที่เขากลัวได้กลายเป็นจริงเสียแล้ว
จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นระบบรักษาความปลอดภัยจึงถูกยกระดับการป้องกันขึ้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธครบมือและบรรดาโดรน(Drone)ที่ถูกปล่อยออกมา จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบเข้าไปอีกครั้ง
***Drone หุ่นยนต์ไร้คนบังคับที่สามารถบินได้***
ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบางส่วนจึงต้องแยกออกมาเพื่อควบคุมฝูงชนที่ลี้ภัยออกมาจากภายในตึก
“นายคนนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า เฮ้ย! ไหวไหม!!”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งเดินโซเซท่ามกลางฝูงชนจนเขาถูกเบียนล้มลงจนเกือบถูกเหยียบจากคนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงรีบเข้ามาประคองตัวของเขาเอาไว้
“ขอบคุณครับพี่...แล้วก็ขอโทษด้วยครับ” ทันใดนั้นเองชายคนนั้นได้ดึงตัวเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ทันได้ตั้งตัวหมัดของชายคนนั้นก็ต่อยเข้าลิ้นปี่อย่างจังจนเขาสลบไป
“...ขอโทษครับ” ศาสมองเจ้าหน้าที่คนนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะลงมือปลดชุดอุปกรณ์ต่างๆ ออกไม่นานนักชายในชุดเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยก็เดินกลับออกมาภายนอกราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้ย! ไอ้เด็กใหม่ตรงนั้น รีบตามมาเร็ว หน้าที่อพยพคนตรงนี้เสร็จสิ้นแล้ว” เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเดียวกันโบกมือเรียกให้ศาสเข้าไปสมทบ เขาจึงใช้โอกาสนี้ลอบเข้าไปกับเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้
แรงจากการระเบิดทำให้ระบบไฟฟ้าบางส่วนเกิดขัดข้องพวกเขาจึงต้องใช้บันไดหนีไฟในการเคลื่อนพลยิ่งเข้าใกล้ชั้นเป้าหมายมากเท่าไหร่กลิ่นจากควันไฟและคาวเลือดก็ยิ่งแรงขึ้น จนเจ้าหน้าที่บางคนเริ่มกลัวจนมือไม้สั่น
“ไอ้พวกลูกเจี้ยบไม่ต้องกลัวรายงานล่าสุดพบผู้ต้องสงสัยแค่คนเดียว” เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น
“แต่กลุ่มที่รายงานมาเงียบหายไปเลยนะครับ...ไม่รู้พวกเขาจะ--!!” ไม่ทันที่เจ้าหน้าที่ผู้น้อยคนนี้จะพูดจบด้ามปืนก็เคาะเข้าที่หมวกเหล็กของเขาเข้าอย่างแรงจนเสียงพูดเหล่านั้นเงียบหายไป
ทันทีที่มาถึงที่หมายภาพที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าทำเอาพวกเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับลงไปทรุดกับพื้นด้วยความหวาดกลัว เพราะตามพื้นทางเดินที่นองไปด้วยเลือดและศพของเจ้าหน้าที่ชุดก่อนหน้าในสภาพไม่ต่างอะไรกับเศษเนื้อ แต่มีอยู่ศพหนึ่งที่ทำให้ศาสรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อยเมื่อพบบาดแผลเป็นรอยเขี้ยวลึกที่ถูกฝังลงบนคอของเหยื่อ
“แวมไพร์อย่างนั้นเหรอ...” เมื่อคิดได้ดังนั้นศาสจึงรีบวิ่งไปยังห้องของรีอาทันที ด้วยความที่เขาท่องจำทุกอย่างของที่นี่จนขึ้นใจแผนที่ในชั้นนี้จึงอยู่ในสมองของเขาทั้งหมดแล้ว ศาสจำได้ทันทีว่าหากพ้นทางแยกด้านหน้าก็จะเป็นห้องของรีอา ทันใดนั้นเองโดรนตัวหนึ่งได้ปลิวผ่านหน้าของศาสไปกระทบเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนระเบิด เมื่อศาสหันไปยังทิศที่มันลอยมาเขาก็พบ ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงเพียวในชุดโอเวอร์โค้ทสีดำเขามีผมยาวสีขาว มันมองมายังศาสด้วยดวงตาสีแดงก่ำฉายที่เต็มไปด้วยแววตาที่เหยียดหยามราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือหนอนแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะละสายตาจากเขาไปยังประตูที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งก็คือห้องของรีอานั่นเอง
ทันทีที่มันกำหมัดขึ้นแขนของมันก็ลุกไปด้วยเปลวไฟสีเลือด
“พบผู้บุกรุกแล้ว ไม่ต้องสนใจยิงมันเลย!!!” เสียงจากหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ตามศาสมาจากด้านหลัง พวกเขาต่างวิ่งออกไปตั้งแนวยิงด้านหน้าของศาส
“อย่า!! รีบหนีไปเร็----!!!” ศาสพยายามร้องเตือนแต่ก็ไร้ผล ทันใดนั้นเองก็เกิดเส้นแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นจากด้านหลังของชายคนนี้ พร้อมกับเลือดที่กระเซ็นมากระทบบนใบหน้าของศาส เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่มันจะหันกลับไปทำลายประตูอย่างง่ายดาย
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” ศาสร้องด้วยความเจ็บใจพร้อมกับวิ่งตามไป ในขณะที่มันกำลังเดินไปเข้าหารีอาอยู่นั้นพื้นรอบเตียงก็เปร่งแสงขึ้นกลายเป็นกำแพงแสงล้อมรอบรอบเตียงของเธอไว้
“ไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นตัวอะไร แต่แกฝ่าเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่” ศาสพูดอย่างมั่นใจเพราะมันคืออาคมชั้นสูงที่เขาสร้างขึ้นมาก็โดยการใช้น้ำมนต์บริสุทธิ์เขียนไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลอบเข้ามาหาเธอ แต่มันกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มันเอื่อมมือเข้าไปหาเธออย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทันทีที่เวทย์อาณาเขตได้สัมผัสกับตัวมันกำแพงแสงของศาสก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ศาสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจัดการกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เขาพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับดาบคู่ที่อยู่ในมือ เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก็สังเกตเห็นเส้นสีแสงแดงปรากฎขึ้นจากกลางหลังของมันอีกครั้ง สัญชาติญาณของเขาร้องเตือนขึ้นทันที แต่การหลบการโจมตีที่ทั้งรุนแรงและรวดเร็วจนเหนือกว่าประสาทการรับรู้ของมนุษย์ในระยะประชิดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยทางรอดเดียวของเขาในตอนนี้จึงอยู่ที่การตั้งรับเท่านั้น ในชั้วเวลาเสี้ยววินาทีที่ตัดสินใจท่าร่างดาบของเขาก็ถูกเปลี่ยนจากรุกเป็นรับในชั่วพริบตาก่อนที่การโจมตีนั้นจะเข้าถึงตัว ถึงแม้ศาสจะสามารถป้องกันตนเองเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่ด้วยแรงอันมหาศาลจากการโจมตีทำให้ศาสกระเด็นออกไปตามแรงของมันจนร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงเข้าอย่างจังก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ของที่ข้าตามหาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นรึ...” มันก้มมองรีอาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะอุ้มเธอขึ้น
“แก..ไอ้บัดซบ!! อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของชั้น!!!” ศาสพูดด้วยความเกรี้ยวโกรธเขาพยายามประคองร่างที่บอบช้ำขึ้นเพื่อสู้กับมันอีกครั้ง
“อย่างแกน่ะเหรอจะทำอะไรข้าได้ จงสมเพชให้กับความอ่อนแอของตัวเองเถอะ ฮ่าๆๆ” มันเหลียวมองศาสด้วยสายตาที่เหยียดหยามก่อนที่มันจะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
ทันใดนั้นเองมันก็สยายปีกสีดำทมิฬอันมีรูปร่างดั่งปีกค้างคาวขนาดใหญ่ราวกับภาพเขียนของเหล่าปีศาจที่ปรากฎอยู่ในเทพนิยาย ก่อนที่มันจะใช้ปีกคู่นั้นทำลายกำแพงที่อยู่เบื้องหน้าลงอย่างง่ายดายและบินจากไปพร้อมกับร่างของรีอาโดยทิ้งศาสไว้เบื้องหลัง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ศาสได้แต่กรีดร้องอยู่บนพื้นอย่างเจ็บใจที่ไม่อาจปกป้องรีอาเอาไว้ได้
................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ