The Adventure of Light&Shadow
-
เขียนโดย mariananeko
วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.24 น.
7 ตอน
4 วิจารณ์
9,728 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 08.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ลาเบต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ6
ลาเบต
เสียงห่าฝนดังไปทั่วท้องป่าเขาและตินยังพอหลบฝนด้วยป่าไม้ที่อับทึบ เสียงสัตว์ต่างๆร้องประสานกันเป็นเพลงขับขานร่วมสายฝน แต่เขาก็มิอาจพบต้นเสียงของมันอย่างน้อยเพื่อเป็นการหวังว่านั้นจะเป็นอาหารอีกมื้อของพวกเขา
“อย่างน้อยก็มีน้ำในตอนนี้” ตินตะโกนขึ้นสู้เสียงฝน แล้วเอาลูกมะพร้าวเก่าจากที่กินไปมารองน้ำไว้
“เค็มไปหน่อย” ลาเบตอ้าปากชิมรับรสฝนที่ตกอยู่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาพอที่จะคายความกระหายไปได้เล็กน้อย
ดินที่ชุ้มน้ำทำให้เดินลำบาก ทั้งสองเดินกันมาได้เกือบวันแล้ว อย่างน้อยก็หวังว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่ใช่สีเขียวบ้างเขาคิดพืชไม้และต้นใหญ่ต่างดูเหมือนแย่งเลื้อยชูต้นขึ้นฟ้าเพื่อหาแสงอาทิตย์แม้แต่ตัวไม้และพื้นดินยังมีมอสส์เกาะหนานุ่มจนเกินไป ใต้ผืนป่านี้ทั้งสองรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมจากแสงที่ลอดผ่านมาได้น้อยนิดยิ่งช่วงเวลาที่ฝนตกนี้ทุกที่ดูเหมือนกลางคืนไปเสียทั่ว หรือที่จริงแล้วตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนจริงๆเขาก็ไม่อาจรู้ได้
ทั้งสองมาหยุดพักนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีกาฝากพืชต่างๆเกาะเลื้อยติดตามลำต้นแผ่ขยายพอที่จะให้ทั้งสองหลบฝนได้สักพัก แขนของลาเบตมีรอยแผลเล็กน้อยจากการโดนกิ่งหนามและเถาวัลย์ เขาคิดถึงห้องเช่าแคบๆของเขาที่เอนทากอน อย่างน้อยมันก็มีที่อบอุ่นกว่านี้เสียงฟ้าร้องที่ดังมาเป็นครั้งคราวทำให้เขากลัว อย่างน้อยตรงนี้ก็ไม่มีเสียงสัตว์ที่ร้องด่าเสียงฝน
“เราหลงไหม” ลาเบตหันไปหาตินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ป่านี้ใหญ่พอที่จะกลืนข้ากับเอ็งไปได้เชียวล่ะ” ตินหันมาบอกคำที่เขาไม่อยากจะได้ยินในตอนนี้เท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็แย่พอดูทนอยู่แล้ว ก่อนที่ชายผิวคล่ำดูล่ำสันจะชวนมาสำรวจป่าแห่งนี้เขาคิดว่าอย่างน้อยชายผู้นี้น่าจะรู้วิธีเดินป่าบ้าง
“อย่าขยับ” ตินบอกเขาแล้วหันตัวมามองเขาอย่างจดจ้อง “งูอยู่ข้างหลัง”
เขาเหนื่อยเกินไปที่ตกใจกับสัตว์ร้ายข้างหลัง บางทีเวลาของเขาอาจสุดเพียงนี้ แต่อย่างไรในเบื้องลึกของห้วงอกเขากลับพยายามตะโกนร้องขอ ด้านหนึ่งที่อยากมีชีวิตรอดพอที่จะตกใจกลัว กับอีกด้านที่เหนื่อยล้ากล้าพอที่จะหลับใหลหนีสิ่งที่อยู่ด้านหลังไป เขาเห็นตินยกมือตั้งท่าพยายามจับงูตัวนั้นราวกับจะตีแมลงวัน เสียงงูร้องขู่เบาๆรดต้นคอเขา ท้องของเขาตอนนี้รู้สึกเหมือนเวิ้งว้างราวกับกำลังลอยขึ้น
ตินพุ่งมือของเขาไปจับหัวงูตัวนั้น มันตกใจและพุ่งหัวกัดลงไหล่บนของลาเบต ตินจับหัวงูและรวบจับหางมันไว้อย่างเร็ว เขาจับหางมันหมุนแกว่งมันเหมือนเชือกก่อนที่จะเหวี่ยงโยนมันไปไกลพอที่จะไม่ให้มันกลับมาได้อีกเร็วๆนี้
“อ๊ากก…….อ…..อ๊ากกกก”
เสียงร้องของลาเบตจากงูที่กัดลงบนไหล่ ตอนนี้เขากลับกลัวจุดจบและยังไม่อยากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความเจ็บทำให้เขารู้สึกถึงความจริงว่าความกลัวก่อนที่จะตายนั้นเป็นอย่างไร
“เอ็งร้องเหมือนผู้หญิงตอนขึ้นเตียงหวะ” ตินนั่งลงมองดูที่แผล เขาก้มลงดูดพิษจากแผลออกแล้วถ่มมันลงไปบนพื้น ตินเอาแขนของเขามาพาดที่คอและยกตัวเขาขึ้น “เอ็งยังเดินได้ อย่างน้อยป่านี้น่าจะมีใบลินส์ที่ถอนพิษ”
ลาเบตเดินกอดคอตินออกมาจากใต้ต้นไม้นั้นได้สักพัก รอยแผลและพิษงูทำให้เขาอ่อนล้าทั้งสองเดินมาได้ระยะหนึ่ง แต่ตินได้หยุดและจับตัวเขาไว้ไม่ให้เดิน
“เจอแล้ว?” ลาเบตถามเขาด้วยเสียงอ่อนล้า
“ไม่” เสียงตินห้วนสั้นบอกเขา
“ข้ายังเดินไหว” เขาบอกกับตินและพยายามเดินต่อแต่ตินจับตัวห้ามเขาไว้
“ไม่” ตินบอก “เราเหยียบกับดัก”
ไม่นานนักลาเบตรู้สึกเหมือนโดนจับให้ลอยขึ้น เขาเห็นด้วยเชือกใหญ่เหมือนตาข่ายหุ้มรอบตัวเขาก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงไป
“ใช้ด้านคมฟันมัน” เสียงเด็กเล็กดังขึ้น แต่เขามองหันไปทางไหนก็ไม่พบ “เจ้าเคยเห็นเลือดหรือไม่” เสียงดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเด็กถือดาบยาวขึ้นสนิม
“ใช่ ข้าเคย”ลาเบตตอบ “แต่มันไม่ได้มาจากคมดาบ”
เขายิ้มให้ลาเบตด้วยสีหน้าที่ดูไร้เดียงสา “เจ้ากลัว” เด็กน้อยพูดกับเขา
“ใช่ ข้ากลัว” ลาเบตบอกไปโดยไม่ลังเลนัก เขาเริ่มสงสัยว่าเด็กน้อยที่ยืนข้างหน้าเขาจะใช้ดาบที่ถืออยู่ทำอะไร
“มันจะทำให้เจ้ามีความกล้า” เด็กน้อยพูดพลางเอาดาบที่ถืออยู่เข้าไปในฝัก
“ดาบหรือ?” เขาถาม
“ความกลัว” เด็กน้อยหันมามองหน้าเขา
ความเงียบดังพอที่จะทำให้ลาเบตได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง “เจ้ากลัวหรือไม่” ลาเบตเริ่มถามเด็กน้อย
“อีกไม่นาน” เด็กน้อยบอกเขา “มันยังไม่ตื่นขึ้น”
ลาเบตแปลกใจกับคำตอบนั่น “มันคืออะไร” เขาถามด้วยความสงสัยเขาก็เริ่มกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกว่า “มีอะไรกำลังจะมาหรือ”
“ใช้ด้านแหลมแทง”เด็กน้อยกล่าวขึ้น “ส่วนด้านที่คมฟันมัน”
“ความกลัวหรือ?” ลาเบตยิ่งสงสัย
“มันยังไม่ตื่นขึ้น” เด็กน้อยเริ่มจางหายไปช้าๆราวกับควันธูปกลางอากาศ
เสียงหยดน้ำตกลงมาเบาๆจากหลังคา ความอบอุ่นกำลังโอบกอดลาเบต ความเจ็บปวดและความเย็นเยือกจากเม็ดฝนมันซึมเข้ากระดูกไม่หาย เขาอยู่ในห้องเงียบๆห้องหนึ่งที่ไหนสักแห่งและชุดสีดำแห้งๆที่สวมอยู่บนตัวเขา บางทีอาจมีคนบนเกาะนี้ช่วยเขาไว้ เขาคิดแล้วพลางลุกขึ้นอย่างช้าๆ ขาและหลังมันปวดล้าไปหมด เขากะเผลกเดินออกจากห้องไปเจอกับทางเดินโล่งๆ เมื่อเดินออกมาเป็นห้องโถงกว้างที่ทำด้วยไม้ ที่แห่งนี้เงียบเหงาและราวกับมันร้างเหมือนกับเกาะแห่งนี้
ตุ๊บ!
หลังของเขาโดนอะไรบางอย่างซึ่งมันคือความว่างเปล่าเมื่อเขาหันไปมองหา มันมาชนเขาหลายครั้งจนเขากลัวและเริ่มเดินกะเผลกเร็วขึ้น ออกไปจากห้องโถงนี้ เขาเห็นประตูไม้บานหนึ่งจึงเปิดมันออกไป
เขาเห็นลานกว้างที่ปูด้วยหิน รอบๆนั้นมีอาคารไม้อยู่ติดๆกัน และนั้นคือสิ่งก่อสร้างที่เขาเห็นในฝันก่อนที่จะเข้ามาในป่าแห่งนี้ มันเงียบไร้ผู้คน ไม่ต่างอะไรกับชายหาดที่เขาจากมาเท่าไหร่นัก
“มันฟื้นแล้ว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากระเบียงไม้ เขามองข้ามลานหินออกไปด้านหน้าแต่ชายคนนั้นก็วิ่งหายไปแล้ว
ลาเบต
เสียงห่าฝนดังไปทั่วท้องป่าเขาและตินยังพอหลบฝนด้วยป่าไม้ที่อับทึบ เสียงสัตว์ต่างๆร้องประสานกันเป็นเพลงขับขานร่วมสายฝน แต่เขาก็มิอาจพบต้นเสียงของมันอย่างน้อยเพื่อเป็นการหวังว่านั้นจะเป็นอาหารอีกมื้อของพวกเขา
“อย่างน้อยก็มีน้ำในตอนนี้” ตินตะโกนขึ้นสู้เสียงฝน แล้วเอาลูกมะพร้าวเก่าจากที่กินไปมารองน้ำไว้
“เค็มไปหน่อย” ลาเบตอ้าปากชิมรับรสฝนที่ตกอยู่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาพอที่จะคายความกระหายไปได้เล็กน้อย
ดินที่ชุ้มน้ำทำให้เดินลำบาก ทั้งสองเดินกันมาได้เกือบวันแล้ว อย่างน้อยก็หวังว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่ใช่สีเขียวบ้างเขาคิดพืชไม้และต้นใหญ่ต่างดูเหมือนแย่งเลื้อยชูต้นขึ้นฟ้าเพื่อหาแสงอาทิตย์แม้แต่ตัวไม้และพื้นดินยังมีมอสส์เกาะหนานุ่มจนเกินไป ใต้ผืนป่านี้ทั้งสองรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมจากแสงที่ลอดผ่านมาได้น้อยนิดยิ่งช่วงเวลาที่ฝนตกนี้ทุกที่ดูเหมือนกลางคืนไปเสียทั่ว หรือที่จริงแล้วตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนจริงๆเขาก็ไม่อาจรู้ได้
ทั้งสองมาหยุดพักนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีกาฝากพืชต่างๆเกาะเลื้อยติดตามลำต้นแผ่ขยายพอที่จะให้ทั้งสองหลบฝนได้สักพัก แขนของลาเบตมีรอยแผลเล็กน้อยจากการโดนกิ่งหนามและเถาวัลย์ เขาคิดถึงห้องเช่าแคบๆของเขาที่เอนทากอน อย่างน้อยมันก็มีที่อบอุ่นกว่านี้เสียงฟ้าร้องที่ดังมาเป็นครั้งคราวทำให้เขากลัว อย่างน้อยตรงนี้ก็ไม่มีเสียงสัตว์ที่ร้องด่าเสียงฝน
“เราหลงไหม” ลาเบตหันไปหาตินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ป่านี้ใหญ่พอที่จะกลืนข้ากับเอ็งไปได้เชียวล่ะ” ตินหันมาบอกคำที่เขาไม่อยากจะได้ยินในตอนนี้เท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็แย่พอดูทนอยู่แล้ว ก่อนที่ชายผิวคล่ำดูล่ำสันจะชวนมาสำรวจป่าแห่งนี้เขาคิดว่าอย่างน้อยชายผู้นี้น่าจะรู้วิธีเดินป่าบ้าง
“อย่าขยับ” ตินบอกเขาแล้วหันตัวมามองเขาอย่างจดจ้อง “งูอยู่ข้างหลัง”
เขาเหนื่อยเกินไปที่ตกใจกับสัตว์ร้ายข้างหลัง บางทีเวลาของเขาอาจสุดเพียงนี้ แต่อย่างไรในเบื้องลึกของห้วงอกเขากลับพยายามตะโกนร้องขอ ด้านหนึ่งที่อยากมีชีวิตรอดพอที่จะตกใจกลัว กับอีกด้านที่เหนื่อยล้ากล้าพอที่จะหลับใหลหนีสิ่งที่อยู่ด้านหลังไป เขาเห็นตินยกมือตั้งท่าพยายามจับงูตัวนั้นราวกับจะตีแมลงวัน เสียงงูร้องขู่เบาๆรดต้นคอเขา ท้องของเขาตอนนี้รู้สึกเหมือนเวิ้งว้างราวกับกำลังลอยขึ้น
ตินพุ่งมือของเขาไปจับหัวงูตัวนั้น มันตกใจและพุ่งหัวกัดลงไหล่บนของลาเบต ตินจับหัวงูและรวบจับหางมันไว้อย่างเร็ว เขาจับหางมันหมุนแกว่งมันเหมือนเชือกก่อนที่จะเหวี่ยงโยนมันไปไกลพอที่จะไม่ให้มันกลับมาได้อีกเร็วๆนี้
“อ๊ากก…….อ…..อ๊ากกกก”
เสียงร้องของลาเบตจากงูที่กัดลงบนไหล่ ตอนนี้เขากลับกลัวจุดจบและยังไม่อยากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ความเจ็บทำให้เขารู้สึกถึงความจริงว่าความกลัวก่อนที่จะตายนั้นเป็นอย่างไร
“เอ็งร้องเหมือนผู้หญิงตอนขึ้นเตียงหวะ” ตินนั่งลงมองดูที่แผล เขาก้มลงดูดพิษจากแผลออกแล้วถ่มมันลงไปบนพื้น ตินเอาแขนของเขามาพาดที่คอและยกตัวเขาขึ้น “เอ็งยังเดินได้ อย่างน้อยป่านี้น่าจะมีใบลินส์ที่ถอนพิษ”
ลาเบตเดินกอดคอตินออกมาจากใต้ต้นไม้นั้นได้สักพัก รอยแผลและพิษงูทำให้เขาอ่อนล้าทั้งสองเดินมาได้ระยะหนึ่ง แต่ตินได้หยุดและจับตัวเขาไว้ไม่ให้เดิน
“เจอแล้ว?” ลาเบตถามเขาด้วยเสียงอ่อนล้า
“ไม่” เสียงตินห้วนสั้นบอกเขา
“ข้ายังเดินไหว” เขาบอกกับตินและพยายามเดินต่อแต่ตินจับตัวห้ามเขาไว้
“ไม่” ตินบอก “เราเหยียบกับดัก”
ไม่นานนักลาเบตรู้สึกเหมือนโดนจับให้ลอยขึ้น เขาเห็นด้วยเชือกใหญ่เหมือนตาข่ายหุ้มรอบตัวเขาก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงไป
“ใช้ด้านคมฟันมัน” เสียงเด็กเล็กดังขึ้น แต่เขามองหันไปทางไหนก็ไม่พบ “เจ้าเคยเห็นเลือดหรือไม่” เสียงดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเด็กถือดาบยาวขึ้นสนิม
“ใช่ ข้าเคย”ลาเบตตอบ “แต่มันไม่ได้มาจากคมดาบ”
เขายิ้มให้ลาเบตด้วยสีหน้าที่ดูไร้เดียงสา “เจ้ากลัว” เด็กน้อยพูดกับเขา
“ใช่ ข้ากลัว” ลาเบตบอกไปโดยไม่ลังเลนัก เขาเริ่มสงสัยว่าเด็กน้อยที่ยืนข้างหน้าเขาจะใช้ดาบที่ถืออยู่ทำอะไร
“มันจะทำให้เจ้ามีความกล้า” เด็กน้อยพูดพลางเอาดาบที่ถืออยู่เข้าไปในฝัก
“ดาบหรือ?” เขาถาม
“ความกลัว” เด็กน้อยหันมามองหน้าเขา
ความเงียบดังพอที่จะทำให้ลาเบตได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง “เจ้ากลัวหรือไม่” ลาเบตเริ่มถามเด็กน้อย
“อีกไม่นาน” เด็กน้อยบอกเขา “มันยังไม่ตื่นขึ้น”
ลาเบตแปลกใจกับคำตอบนั่น “มันคืออะไร” เขาถามด้วยความสงสัยเขาก็เริ่มกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกว่า “มีอะไรกำลังจะมาหรือ”
“ใช้ด้านแหลมแทง”เด็กน้อยกล่าวขึ้น “ส่วนด้านที่คมฟันมัน”
“ความกลัวหรือ?” ลาเบตยิ่งสงสัย
“มันยังไม่ตื่นขึ้น” เด็กน้อยเริ่มจางหายไปช้าๆราวกับควันธูปกลางอากาศ
เสียงหยดน้ำตกลงมาเบาๆจากหลังคา ความอบอุ่นกำลังโอบกอดลาเบต ความเจ็บปวดและความเย็นเยือกจากเม็ดฝนมันซึมเข้ากระดูกไม่หาย เขาอยู่ในห้องเงียบๆห้องหนึ่งที่ไหนสักแห่งและชุดสีดำแห้งๆที่สวมอยู่บนตัวเขา บางทีอาจมีคนบนเกาะนี้ช่วยเขาไว้ เขาคิดแล้วพลางลุกขึ้นอย่างช้าๆ ขาและหลังมันปวดล้าไปหมด เขากะเผลกเดินออกจากห้องไปเจอกับทางเดินโล่งๆ เมื่อเดินออกมาเป็นห้องโถงกว้างที่ทำด้วยไม้ ที่แห่งนี้เงียบเหงาและราวกับมันร้างเหมือนกับเกาะแห่งนี้
ตุ๊บ!
หลังของเขาโดนอะไรบางอย่างซึ่งมันคือความว่างเปล่าเมื่อเขาหันไปมองหา มันมาชนเขาหลายครั้งจนเขากลัวและเริ่มเดินกะเผลกเร็วขึ้น ออกไปจากห้องโถงนี้ เขาเห็นประตูไม้บานหนึ่งจึงเปิดมันออกไป
เขาเห็นลานกว้างที่ปูด้วยหิน รอบๆนั้นมีอาคารไม้อยู่ติดๆกัน และนั้นคือสิ่งก่อสร้างที่เขาเห็นในฝันก่อนที่จะเข้ามาในป่าแห่งนี้ มันเงียบไร้ผู้คน ไม่ต่างอะไรกับชายหาดที่เขาจากมาเท่าไหร่นัก
“มันฟื้นแล้ว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากระเบียงไม้ เขามองข้ามลานหินออกไปด้านหน้าแต่ชายคนนั้นก็วิ่งหายไปแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ