ตราบรัติกาล

8.3

เขียนโดย Juanareen

วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.41 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,848 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) อนาตาเซีย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
อนาตาเซีย
 
     การย่างกรายเข้าสู่ อนาตาเซียสร้างความหวั่นใจให้กับหญิงสาวได้ไม่น้อย อาจเพราะเธอยังคงมีความเกรงกลัวอยู่ภายในจิตใต้สำนึก
     เธอเดินไปตามทางยาวของท้องถนน เข้าสู่ปราสาทขนาดใหญ่ ทุกอย่างแตกต่างไปจากยุคสมัยที่ท่านพ่อของเธอปกครองอยู่ แต่เธอก็ไม่เคยลืมเรื่องราว สถานที่ ที่เกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้ เธอยังคงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทุกสิ่งอย่าง
     “เจ้าต้องการมาพบผู้ใดหรือ?” เสียงใสที่ดังก้องมาจากทางด้านหลังของหญิงสาว เรียกความสนใจให้เธอหันไปตามเสียงนั้น
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าและนัยน์ตาเป็นมิตร ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อทำให้เขาแลดูเป็นชายหนุ่มที่แสนอ่อนโยน ดวงตากลมโตที่นัยน์ตาที่ดูปราณีต่อผู้คน จมูกตั้งเป็นสันรับกับใบหน้าของเขาเป็นอย่างมาก เรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ขับผิวให้ขาวผ่อง โดยรวมแล้วชายหนุ่มตรงหน้าดูเป็นชายที่แสนอ่อนโยน
     “ข้าต้องขอโทษนะพี่ชาย ข้าไม่ได้ต้องการพบผู้ใด ข้าเดินทางมาจากต่างเมืองที่อยู่ไกลโพ้น ข้าต้องการเพียงแต่ที่พักเท่านั้น” เธอเอ่ยบอกกับเขา ซึ่งมันคือเรื่องที่เธอพูดปด เพราะเธอได้คิดไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้วกลับสิ่งที่เธอได้กล่าวออกไป หากเธอบอกว่าเธอบอกว่าเป็นใคร มันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก
     “เช่นนั้นหรือ ข้าพอจะหาที่พักให้กับเจ้าได้นะ สาวน้อย” เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเอ่ย พร้อมกับมอบรอยยิ้มและโค้งตัวให้เธออย่างมีมารยาท “กระผม ราเควล์” เขาส่งยิ้มให้กับเธออีกครั้งพร้อมกับพ่ายมือให้เธอเดินก่อนอย่างมีมารยาท  “จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร ?” ชายหนุ่มถามหญิงสาว
     “วาเลนท์เซีย ชื่อของข้าคือ วาเลนท์เซีย” เธอส่งยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ในอาณาจักรศัตรู ก่อนที่เธอจะเดินนำลิ่วไปอย่างชำนานทาง
และเป็นการดีที่ ราเควล์ไม่ได้ใส่ใจในชื่อเสียงเรียงนามของเธอ เขาไม่อาจรู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงวาเลนท์เซียผู้ที่ตกเป็นข่าวลือเรื่องศพหายสาบสูญ
     “ชื่อของเจ้าช่างไพเราะนัก” เขาเอ่ยพร้อมกับมอบรอยยิ้มให้กับเธออีกครั้ง “นี่เป็นที่พักของเจ้า และข้าคงต้องไปแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก วาเลนท์เซีย” เขาโค้งให้หญิงสาวอีกครั้งก่อนจะมอบรอยยิ้มหวานและเดินจากไป
     วาเลนท์เซียเปิดประตูไม้สลักบานใหญ่และก้าวเข้าไปภายในห้อง  เธอจำสถานที่แห่งนี้ได้ ไม่ผิดแน่ ห้องนี้เคยเป็นห้องของ ธีร่า พี่เลี้ยงของเธอที่ถูกกบฏฆ่าตาย แต่หล่อนกลับพาเธอไปฝากกับทางญาติผู้ใหญ่ของหล่อน ทำให้เธอรอดตายมาได้
     และยิ่งเธอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่สุดแสนจะเจ็บปวดกอบกุมเข้าที่หัวใจของเธอนั้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธแค้นเจ้าพวกคนทรยศเหล่านั้นเหลือเกิน
     หญิงสาวฟุบหน้าลงไปยังหมอนที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่ ภาพเหตุการณ์แห่งความสูญเสียที่เธอได้ทอดสายตามองไปนั้น มันยังคงติดตรึงในห้วงของความทรงจำอย่างไม่ลบเลือน
     และสิ่งเดียวที่ยังล่อเลี้ยงลมหายใจของเธอเอาได้นั้นคือ ความทรงจำที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งความแค้น 
     หญิงสาวคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังจะกระทำอยู่นั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ที่ย่ำแย่ และเลวร้ายในสายตาของผู้ประสบพบเห็น แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างนั้นเลยตามเลยไปได้ ทุกสิ่งอย่างที่เคยเป็นของท่านพ่อท่านแม่ เธอควรจะเอาคืนมาได้จงได้
 
      ค่ำคืนอันแสนเหน็บหนาว ในรอบรั้วปราสาท หญิงสาวเดินไปตามทางยาวของถนน ผู้คนที่หลบลมหนาวอยู่ภายในห้องพักยังคงส่งเสียงอึกกระทึกครึกโครมไม่ขาด แต่รอบรั้วปราสาท อนาตาเซียในยามวิกาลนั้นช่างดูมีมนต์สะกดที่น่าหลงใหล ยิ่งนัก
     “ข้ามิแน่ใจว่า ในยามวิกาลเช่นนี้ ยังมีหญิงสาวออกมาเดินอยู่เพียงลำพังอีกหรือ? ” ในความเงียบยามวิกาล ยังคงมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ เธอหันไปตามเสียงที่เอ่ยทัก
      ภาพชายหนุ่มอายุอานามไร่เรี่ยกับเธอ แต่เพราะส่วนสูงที่สูงมากทำให้เขาเป็นชายร่างใหญ่ นัยน์ตาสีครามน้ำทะเล ผิวที่ดูไม่ขาวซีดจนเกินไป และผมเพร้าที่ถูกตัดจนเป็นทรงของชายหนุ่ม ช่างรับกับใบหน้าของเขาอย่างพอเหมาะ
     ริมฝีปากสวยอมชมพูระเรื่อขยับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหญิงสาว แต่ในตาของเขายังคงแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งดุจหินผา
     หากรวมทุกอย่างที่สามารถมองเห็นด้วยด้วยตาเปล่านั้น เขาช่างเป็นชายหนุ่มดูดีอย่างหาที่ติมิได้
     “ข้าเดินทางมาไกล ข้าไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่สามารถนอนให้หลับได้” เธอตอบชายผู้นั้นอย่างไม่เป็นมิตรนัก
     เธอรู้สึกว่าเขาเปรียบเหมือนบุคคลอันตรายอย่างไรอย่างนั้น แต่นั่นก็แค่ความรู้สึกของเธอเพียงเท่านั้น
     “งั้นหรือ ?” ชายหนุ่มถามเธอด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง “แล้วเจ้าเดินทางมาจากเมืองใด?”ชายหนุ่มย้อนถามเธอ
     “มิใกล้มิไกลนักหรอก” เธอตอบชายหนุ่มผู้นั้น พร้อมกับมอบรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
     “เจ้ามาอนาตาเซีย เพราะเหตุใด?” ชายหนุ่มถามเธอด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจนัก
     “ข้าต้องการพบเจ้าเมือง ‘ราชาแห่งอนาตาเซีย’” เธอเอ่ยบอกกับชายหนุ่มผู้นี้ เผื่อเขาจะพอช่วยเธอหาวิธีเพื่อเขาพบกับกบฏที่สถาปนาตัวเองเป็นราชาแห่งอนาตาเซีย
     “เจ้าควรจะเรียกเขาว่า เจ้าชายมากกว่า” ชายหนุ่มผู้นี้เอ่ยบอกกับเธอ หากแต่จะให้เธอเรียกคนกบฏ ว่าเจ้าชายอย่างนั้นหรือ? ‘เจ้าชาย’ การใช้สรรพนามเช่นนี้ คือการยกย่องกบฏคนนั้นขึ้นเป็นรัชทาญาติของท่านพ่อ และ ท่านแม่ ซึ่งนั่น ควรจะเป็นเธอ ที่ยืนอยู่ ณ จุดๆนั้น
     “จะอย่างไรก็ช่าง ข้าต้องการพบกับเจ้าเมือง หากเจ้าเมืองอนาตาเซียแห่งนี้ปกครองโดยความยุติธรรมจริง จะต้องให้ข้าผู้เป็นบุคคลต่ำศักดิ์เข้าพบ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” เธอยืนกรานอย่างหนักแน่นโดยไม่เกรงกลัวต่อชายตรงหน้า หากเขามีความเป็นสุภาพบุรุษ เขาจักต้องช่วยเหลือ เพื่อให้เธอได้เข้าพบกับกบฏนายนั้น
     “เจ้าต้องการพบเจ้าชายด้วยเหตุใด?” เขายังคงเอ่ยถามต่อ “หรือเจ้ามีจุดประสงค์อันใดอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มถามเธอด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจนัก
     “แล้วท่านคิดว่า หญิงสาวอย่างข้าเดินทางมาไกลจากต่างเมือง เพื่อพบกับเจ้าเมืองด้วยเหตุผลอันใดล่ะ ?” หญิงสาวพูดกับเขาโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ เพราะเธอก้าวผ่านความกลัวของตนเองมาเพื่อที่จะล้างแค้นให้แก่ครอบครัวของเธอแล้ว เธอควรจะทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ
     “งั้นหรือ? ข้าพอจะเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้เจ้าจะได้พบกับเจ้าชาย อย่างที่เจ้าต้องการ ราตรีสวัสดิ์ สาวน้อย..” ใต้แสงไฟสลัวเธอเห็นรอยยิ้มที่ถูกซ้อนอยู่ใต้ใบหน้าที่เคร่งขรึม ก่อนที่เขาจะเดินทางไปตามทางยาวของแนวปราสาท ในยามราตรีที่มืดมิด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา