Paracetamol Season I
1.0
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.35 น.
7 chapter
0 วิจารณ์
9,638 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) Episode 4 – Freshy Night @ CU
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากฤดูกาลรับน้องผ่านไปจนถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็มาถึงเวลาที่จะต้องสิ้นสุดกิจกรรมรับน้องทั้งหมด เพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาจัดงานต้อนรับนิสิต นักศึกษาชั้นปี 1 อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดฤดูการรับน้อง…
ณ ตึก 14 ชั้น ย่านอโศก
สมาชิกวงแองเจิ้ลฟอร์ซใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เข้ามารวมตัวในห้องซ้อมส่วนตัวของวง โดยมีน้ำฝน ผู้จัดการวงคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพลงแล้วเพลงเล่าที่ถูกคัดแล้วคัดอีกเพื่อรวบรวมเป็นลิสต์ที่จะขึ้นเล่นในงานเฟรชชี่ไนท์ของจุฬาฯ ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เสียงซ้อมยังคงดังกระหึ่มไปทั่วห้อง ขณะเดียวกัน น้ำฝน มือกลองคนใหม่ยังคงต้องปรับตัวหลายๆ อย่างกับบทเพลงของแองเจิ้ลฟอร์ซ เนื่องด้วยว่า ไลน์กลองที่เอตีไว้นั้นเต็มไปด้วยลูกระยิบระยับแพรวพราวเต็มไปหมด ทำให้เจ้าตัวต้องปรับตัวและเก็บรายละเอียด โดยเฉพาะลูกไล่ทอมกับการเบิ้ลกระเดื่องอันเป็นลายเซ็นของเอ แต่ว่า…
{{ยัยน้ำฝน ตีตามแบบที่แกถนัดเหอะ ถ้าแกจะตีเลียนแบบยัยเอ มันไม่ใช่แกอ่ะ}}
ลูกตาลเอ่ยทักท้วงขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นน้ำฝนตีแบบเก้ๆ กังๆ จนเกือบล่มหลายครั้ง
{{นั่นสิ นี่น้ำฝน ตีแบบสบายๆ แกดีกว่าน้า ดีกว่าจะมาเลียนแบบยัยเอแล้วฟังดูทื่อๆ อ่ะ}}
เสียงใสๆ ของแก้มเอ่ยสำทับขึ้นมาอีกทีหนึ่ง เรียกความมั่นใจให้กับหญิงสาวที่อยู่หลังกลองได้มากโข เสียงเคาะไม้กลองดังขึ้นก่อนจะโยนเข้าสู่ริฟฟ์กีตาร์อันคุ้นหูฝีมือแก้มกับบทเพลงที่ขึ้นอันดับหนึ่งของทุกชาร์ตและเป็นซิงเกิลที่ทำให้แองเจิ้ลฟอร์ซกลายเป็นที่รู้จักและนิยมของนักฟังเพลงทั่วไป กับบทเพลง “ดาวหาง”
ทั้งห้าสาวต่างเล่นแจมกันอย่างคุ้นมือ กับริฟฟ์กีตาร์อันโดดเด่นฝีมือแก้ม เสริมด้วยเสียงสตรัมคอร์ดหนึบๆ ของอิ๋ว ภายใต้ไลน์เบสอันหนาแน่นและพลิ้วไหวของลูกตาล เกาะไปกับไลน์กลองของน้ำฝนพร้อมกันเป็นแบ็กอัพให้เสียงร้องหวานๆ ของโบได้เปล่งประกายโดดเด่นออกมา แต่ด้วยไลน์กลองที่เปลี่ยนไปทำให้อีกสามสาวที่เหลือต้องปรับตัวกันเล็กน้อย กับลูกรัวไฮแฮทอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลงยังคงเดิม แต่สิ่งหายไปคือการเบิ้ลกระเดื่องเท่านั้น
{{เป็นไงบ้างแก พอจะปรับตัวเข้ากับเพลงของพวกเค้าได้บ้างยังอ่า}}
โบหันมาเอ่ยถามมือกลองคนใหม่หลังจากสิ้นเสียงซ้อมไปไม่นานนัก
{{ก็พอได้แล้วอ่ะ หืม ยัยเอนะยัยเอ ตีซะยากเลย}}
หญิงสาวแอบบ่นค่อนขอดไปยังมือกลองตัวจริงที่ตอนนี้ได้บินไปสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม โดยหารู้ไม่ว่าคนที่กำลังบ่นถึงในตอนนี้…
: ณ รัฐเพนซิลเวเนีย
[[ฮัดชิ้ว!!]]
หญิงสาวจามขึ้นมาในระหว่างที่กำลังนั่งฟัง Professor กำลังบรรยายท่ามกลางบรรยากาศอันโอ่งโถงในคลาสเรียน กับอากาศที่หนาวเหน็บผิดกับเมืองไทยที่เจ้าตัวจากมา…
“ใครนินทาเค้าอ่า”
สาวเจ้าบ่นพึมพำเป็นภาษาไทยงึมงำๆ จนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ หันมามองด้วยสีหน้างุนงง
“Why?”
“Oh… I’m Nothing”
หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธด้วยท่าทางเหนียมอาย ก่อนหันกลับไปฟังอาจารย์ในคลาสเรียนบรรยายต่อ :
บรรยากาศในห้องซ้อมของสาวๆ แองเจิ้ลฟอร์ซยังคงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน กับบรรดาเพลงต่างๆ ทั้งเพลงในอัลบั้มตัวเองและเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินที่ทั้งห้าชื่นชอบ แต่ด้วยไลน์กลองของน้ำฝนที่แตกต่างไปจากไลน์กลองดั้งเดิมของเออย่างสิ้นเชิง ทำให้สาวๆ ต่างสนุกกับการทดลองซาวด์และไลน์ใหม่ๆ ขณะที่น้ำฝนเริ่มปรับตัวเข้ากับเพลงในเดบิวท์อัลบั้มของเพื่อนๆ ได้มากขึ้น และไลน์กลองยากๆ ของเอในบางส่วน น้ำฝนเริ่มตีตามได้บ้างแล้ว…
{{นี่ๆ พวกแก คัฟเวอร์ลมหายใจเวอร์ชั่น P.O.P ไหมอ่ะ น่าสนุกดีน้า}}
{{งืมๆ ลองดูก็แล้วกันน้า}}
เสียงฟีดแบ็กค้างยาวจากอิ๋วเริ่มขึ้นเป็นแบ็กอัพให้ไลน์ปิ๊กกิ้งสวยๆ ของแก้มได้เจิดจรัสขึ้น ตามด้วยเสียงไล่ส่งทอมสวยๆ จากน้ำฝนเข้าสู่พาร์ตริธึ่ม ขณะที่ลูกตาลเดินเบสเกาะไปกับจังหวะกลองในไลน์ง่ายๆ กับเสียงรูดสายไปมาในช่วงส่งตลอด และเป็นหน้าที่ของแก้มที่จะเล่นริฟฟ์และไลน์ปิ๊กกิ้งโยนเข้าสู่ท่อนร้องท่อนแรกในที่สุด
{{จะให้ทำเช่นไร… ในเมื่อใจยังไม่ลืมภาพเธอ… หลับตาครั้งใดยังคงเจอ… ภาพเธอ… ในใจ…}}
เสียงร้องอันหวานใสชวนเคลิบเคลิ้มของโบเค้นอารมณ์ของเพลงอย่างเต็มที่ ยิ่งทำให้ตัวเพลงยิ่งสนุกสนานขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว ขณะที่บรรดานักดนตรีอย่างแก้ม อิ๋ว ลูกตาล และน้ำฝนต่างสอดใส่ลูกเล่นต่างๆ เข้าไปในบทเพลงอย่างเต็มที่ จนถึงท่อนคอรัส ที่ตอนนี้เหลือเพียงแต่แก้มและอิ๋วที่ต้องช่วยกันร้องประสานเท่านั้น หลังจากจบท่อนคอรัส แก้มเริ่มเปิดหัวโซโล่นำขึ้นมาก่อนด้วยไลน์โซโล่อันนิ่มนวลคล้ายคลึงกับต้นฉบับ แต่สอดแทรกความเป็นตัวเองเข้าไปด้วยท่วงทำนองน่ารักๆ สอดประสานไปกับลิคเบสสวยๆ ฝีมือลูกตาล ถัดจากนั้นไลน์โซโล่อันพลิ้วไหวรวดเร็วของอิ๋วเริ่มคำรามผ่านซาวด์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และหลังจากที่มือกีตาร์ทั้งสองสาวได้แสดงฝีมือเต็มที่ ก่อนโยนเข้าสู่ท่อนที่สองในเวลาต่อมา…
ไลน์กลองของน้ำฝนยังคงตีคุมจังหวะอย่างหนักแน่น มั่นคง ถึงแม้จะไม่มีลูกหวือหวาหรือลูกบ้าแบบดุเดือดเท่ากับเอมากนัก แต่ก็สร้างมิติที่แตกต่างให้กับเพลงได้มากขึ้น จนถึงช่วงท้ายที่ภาคดนตรีทุกอย่างเบาลงเกือบหมด ขับเน้นให้ไลน์เบสฝีมือลูกตาลโดดเด่นขึ้น ก่อนตบท้ายด้วยประโยคสุดท้ายผ่านน้ำเสียงกึ่งกระซิบของโบ…
{{ฮื้ม เอาเพลงนี้ด้วยน้า}}
นักร้องสาวร่างเล็กหันไปเอ่ยกับอิ๋วอย่างไม่ลังเล และอิ๋วก็บันทึกเพลงลงในไอแพดของเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งการซ้อมทวนคิวเพลงที่จะเอาขึ้นไปเล่นในงานเฟรชชี่ไนท์ที่จุฬาฯ ตามมติของสมาชิกทั้งห้า…
……………………………………………………………….
สี่หนุ่มพาราเซตามอลยังคงรวมตัวกันเล่นดนตรีกลางคืนทุกๆ ช่วงสุดสัปดาห์ตามปกติ แต่ค่ำคืนนี้กลับเป็นค่ำคืนพิเศษที่ร้าน Sweat Rock เมื่อทั้งสี่หนุ่มได้มีโอกาสแจมกับนักดนตรีรุ่นใหญ่ในวงการ กับบรรดาบทเพลง Retro Rock ในยุค 60-70’s ที่งัดขึ้นมาแจมกันเต็มที่ และที่พิเศษกว่าก็คือ เมื่อหมดเวลาของพาราเซตามอล และเป็นเวลาที่วง The Drivers ขึ้นเล่น ปรากฏว่าโบ๊ทและมิวถูกเชิญให้ขึ้นไปแจมด้วยกัน กับบทเพลงร็อกเก๋าๆ อันคุ้นหู กับมหกรรมการดวลกีตาร์ด้วยกันระหว่างโบ๊ทและมิวจากพาราเซตามอล กับฟลุ๊ค มือกีตาร์ลีดวง The Drivers ที่เรียกเสียงฮือฮาจากแขกที่เข้ามาชมได้เป็นอย่างมาก กับสารพัดลูกเล่นและเทคนิคต่างๆ ที่ทั้งสามงัดออกมาประชันกันเต็มที่ ขณะที่สมาชิกที่เหลือของ The Drivers ต่างช่วยกันเล่นริธึ่มแบ็กอัพให้มือกีตาร์ทั้งสามได้อาละวาดกันอย่างเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากศอันดุเดือดตลอดงาน จนกระทั่ง…
{{ขอเสียงปรบมือให้กับน้องมิว กับน้องโบ๊ท จากวงพาราเซตามอลด้วยครับ}}
{{เยี่ยมจริงๆ}}
ทั้งสองหนุ่มต่างพร้อมใจกันโค้งคำนับผู้ชมที่ล้วนแต่เป็นบรรดารุ่นใหญ่ในวงการทั้งในวงการดนตรีและวงการอื่นๆ และผู้คนเหล่านี้ต่างมีอายุคราวพ่อคราวแม่ของพวกเขาทั้งนั้น
หลังจากนั้นทั้งสี่หนุ่มพากันเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านเพื่อรับเงินค่าตัวในค่ำคืนนี้ และทั้งสี่หนุ่มต่างคนต่างประหลาดใจเมื่อค่าตัวในคืนนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงเท่าตัว จากเดิมได้คืนละพันห้าต่อคน ตอนนี้กลายเป็นได้คนละสามพันไปแล้ว แต่ค่าน้ำมันต่างหากยังคงได้สองพันตามเดิม
“อาเห็นพวกหนูๆ พัฒนาฝีมือขึ้นมาก อาเลยขึ้นค่าตัวพวกเราให้เท่ากับพี่ๆ The Drivers น่ะ”
เจ้าของร้านกล่าวกับทั้งสี่หนุ่มอย่างอารมณ์ดี กับแววตาที่แสดงความชื่นชมเด็กหนุ่มทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
{{ขอบคุณมากครับเฮียเต๋า}}
ทั้งสี่หนุ่มต่างพร้อมใจกันพนมมือไหว้ขอบคุณเจ้าของร้าน กับความเมตตาที่ชายวัยหกสิบเศษผู้นี้มอบให้ หลังจากนั้นจึงพากันเดินออกไปยังหลังร้านเพื่อเดินทางกลับ แต่ว่า…
“เฮ้ย ไอ้โบ๊ท ไอ้ต้น ไอ้บอย ไหนๆ แล้วคืนนี้ไปนอนค้างบ้านกูเลยไหม”
“เออ ก็ดีว่ะ ไอ้ต้นล่ะวะ มึงว่าไง”
“กูเอาด้วยว่ะ”
“เหลือมึงแล้วไอ้บอย”
“อ้าว พวกมึงไป กูก็ไปด้วยสิครับ”
“โอเค.เว้ย เฮ้ย ไอ้โบ๊ท ออกรถเลยพวก”
มิวพูดเชิงออกคำสั่งกับเพื่อนเล็กๆ กับแววตากวนบาทาหน่อยๆ จนคนถูกเรียกชื่อหันไปมองค้อนขวับ และแล้ว ทั้งสี่หนุ่มต่างขึ้นมารวมตัวเก็บข้าวของบนรถยนต์เชฟวี่สีดำที่ขับโดยโบ๊ท ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถท่ามกลางแสงไฟอันมืดมิดในยามราตรีในค่ำคืนนี้…
…………………………………………………………………………
“เฮ้อ… ถึงแล้วเว้ย”
รถเชฟวี่สีดำจอดสนิทหน้าบ้านเดี่ยวหลังย่อมๆ กับแสงไฟสลัวๆ หน้าบ้าน ทั้งสี่หนุ่มพากันลงจากรถพร้อมขนเครื่องมือส่วนตัวลงจากรถ ขณะเดียวกันเจ้าของบ้านเดินไปไขกุญแจรั้วหน้าบ้าน ส่วนอีกสามหนุ่มต่างช่วยกันขนของพะรุงพะรังเดินตามเข้ามาในบริเวณบ้านที่ในตอนนี้มืดสนิทไปหมด จนกระทั่งมาถึงห้องนอนห้องแรกใกล้ๆ บันได
“เอ้า ตามสบายเลยพวกมึง”
โบ๊ท ต้น บอย พากันเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับแบกของพะรุงพะรังติดตัวมาเต็มไปหมด ก่อนเอาไปวางรวมกันไว้ในมุมหนึ่งของห้อง หลังจากนั้นบอยและมิวพากันเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน ปล่อยให้โบ๊ทกับต้นนั่งจัดที่ในห้องไป
“เฮ้ย ไอ้มิว คืนนี้จะจัดเต็มเลยเหรอวะ แล้วนี่อาอนงค์ไม่ด่าตายเหรอ”
“เออน่ามึง แม่กูไม่ว่าอะไรหรอก อีกอย่างคืนนี้โบไม่ได้มานอนที่นี่ เต็มที่เว้ย”
“อ่ะๆ งั้นจัดให้สาสมใจเลย ไม่เมาไม่เลิกเว้ย”
ทั้งสองช่วยกันขนแก้วและจานใส่กับแกล้มขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน ขณะเดียวกันสถานที่ในห้องได้ถูกจัดไว้เรียบร้อย ด้วยเบาะรองนั่งสีใบวางล้อมผ้าที่ปูไว้ตรงกลางห้อง อีกด้านหนึ่ง บรรดากับแกล้มในถุงวางเรียงรายไว้
“เอ้า ไอ้โบ๊ท ไอ้ต้น จัดของเว้ย”
“มาๆ”
หลังจากจัดกับแกล้มเสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาแห่งการสังสรรค์ โดยบอยรับหน้าที่เป็นคนชงเหล้าให้กับทุกคนอย่างไม่ลังเล ด้วยว่ารู้ความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการอ่อนแก่แค่ไหน
“ไงมึงไอ้โบ๊ทไอ้บอย ได้ข่าวว่ามึงสองคนโดนรับน้องหนักไม่ใช่เหรอวะ”
“เออสิวะ ไอ้มิว แม่ง อะไรวะ มาถึงก็โดนซ่อมๆ เชี่ยว่ะ”
“นี่ๆ ไอ้โบ๊ท ไอ้บอย กูถามจริงๆ เหอะ อะไรที่ทำให้พวกมึงสองคนโดนซ่อมหนักวะ” ต้นเอ่ยถามขึ้นมา ก่อนจะสรุปด้วยตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกสองได้พูด “กูว่าพวกมึงสองคนอาจจะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตารุ่นพี่รึเปล่าว่า อย่างเช่น…”
หนุ่มหน้าตี๋ทำหน้าครุ่นคิดอยู่นาน แต่จู่ๆ คำตอบของมิวดังแว่วขึ้นมา…
“เพราะไอ้บอยกับไอ้โบ๊ทมันหล่อไงล่ะ ความหล่อของพวกมันอาจจะเกินหน้ารุ่นพี่มั้ง”
“เออว่ะ ฮ่าๆ ช่วยไม่ได้ พวกมึงหล่ออะเนาะ”
“เฮ้อ นั่นสิวะ แม่งเข้าไปทีพวกกูสองคนเด่นเลยว่ะ แต่ไอ้โบ๊ทมันสู้กูไม่ได้หรอก กูหล่อแบบเกาหลีเว้ย ฮ่าๆ”
“นั่นสินะ ไอ้บอยมันเลยโดนหนักกว่าคนอื่นไงล่ะ ฮ่าๆ”
“มึงไม่ต้องพูดเลยไอ้โบ๊ท มึงกับกูก็โดนด้วยกันนี่แหละ ฮ่าๆ”
ไม่พูดเปล่า ฝ่ามือหนาๆ ลอยมาปะทะกับศีรษะทุยของโบ๊ทอย่างแรงจนหัวคะมำ แต่อีกสองหนุ่มกลับหัวเราะขึ้นมาหน้าตาเฉย
“ไอ้เชี่ยบอย มึงตบไม่เกรงใจสมองกูเลยนะ แสรด”
อาการเจ็บร้อนวาบยังคงแล่นปราดไปทั่วศีรษะทุย ขณะที่คนโดนตบหันไปต่อว่าคนตบที่กำลังนั่งหัวเราะคิกคักอยู่
“โดนซะบ้าง ทีเมื่อก่อนมึงตบกูบ่อยๆ กูยังไม่ว่าอะไรมึงเลย หึๆ”
บอยหัวเราะอย่างมีเลศนัยพร้อมกับกระดกเหล้าจนหมดภายในเฮือกเดียว ส่วนคนโดนตบได้แต่ปรายตามองอย่างขุ่นเคืองเล็กๆ ก่อนจะกลับมาปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้ยๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะเว้ย เรามาดื่มให้กับไอ้โบ๊ทไอ้บอยเลยดีกว่าว่ะ เอาให้แม่งลืมความเจ็บปวดเลยเว้ย”
ไม่พูดเปล่า มือหนาๆ ยื่นแก้วเหล้าออกมาตรงกลางวง ถัดมาก็เป็นคิวของหนุ่มหน้าตี๋ที่ยื่นแก้วเหล้าเข้ามาด้วยอีกคนหนึ่ง ก่อนที่โบ๊ทและบอยจะยื่นแก้วเหล้าไปชนกับเพื่อนๆ อีกสอง
{{เอ้า ชน…}}
[[กริ๊ก]]
ทั้งสี่ต่างคนต่างกระดกเหล้าในแก้วจนหมดอย่างรวดเร็ว และขณะนี้แต่ละคนเริ่มออกอาการร้อนผ่าวๆ จนหน้าแดงกันไปหมด ด้วยฤทธิ์ของน้ำทองแดงที่ค่อยๆ ไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดของพวกเขาทั้งสี่
[[อ้าว เมาๆๆๆ แป้ด… เมาๆๆๆ แป้ด…]]
“ไอ้มิว มึงซื้อเหล้าอะไรมาวะ แดกแล้วแม่งขึ้นชิบหายเลยว่ะ เอิ๊กซ์” บอยหันไปเอ่ยถามเพื่อนที่ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพเมาได้ที่พลางกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว
“เฮ้ย ไม่ได้ซื้อว่ะ กูโด้มาจาก Sweat Rock เลยเว้ย Green Label เชียวนะมึง ฮ่าๆ”
“ไอ้บอยมึงแดกแบบนี้ก็เปลืองแย่สิวะไอ้ชิบหาย กระดกเอาๆ”
ต้นหันมาต่อว่าเพื่อนทันทีหลังจากทนนั่งเห็นบอยเอาแต่กระดกจนหมดแก้วอยู่นาน แต่มิวหันไปปรามไว้
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกต้น กูแอบลักมาตั้งสามขวด อีกสองขวดเก็บไว้กินวันหลังก็ได้นะเว้ย เอิ๊กซ์”
“โห ไอ้มิว มึงไปลักเขามาแบบนี้แล้วคราวหน้าจะกลับไปเล่นได้ไหมวะเนี่ย เฮ้อ” โบ๊ทถามแย้งขึ้นมา
“กลัวอะไรวะไอ้โบ๊ท ก็เฮียเต๋าให้พวกเรามาเองไม่ใช่เหรอวะ เฮ้ยเต็มที่ๆ เมาเมื่อไหร่ก็หลับได้เลยเว้ย ฮ่าๆ”
ทั้งสี่หนุ่มต่างนั่งถองน้ำทองแดงกันอย่างเพลิดเพลิน กับสารพัดเรื่องสัพเพเหระที่งัดขึ้นมาพูดคุยกันอย่างเต็มที่ แต่ประเด็นหลักๆ ไม่พ้นเรื่องรับน้องที่แต่ละคนเจอมาในสภาวะที่แตกต่างกันไป จนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงเข้า แต่ละคนเริ่มมีอาการเมาบวกกับง่วงจนต่างคนต่างฟุบหลับกันไปคนละมุมในที่สุด…
………………………………………………………………………………..
วันเฟรชชี่ไนท์ ณ หอประชุมจุฬาฯ ช่วงค่ำๆ
สามสาวสมาชิกแองเจิ้ลฟอร์ซต่างโดดรับน้องจากมหา’ลัยตัวเองมารวมตัวเล่นคอนเสิร์ตตามคิวที่ได้วางไว้ ทั้งสามสาวต่างคนต่างอยู่ในชุดนักศึกษาของมหา’ลัยตัวเองอย่างเต็มยศ โดยเฉพาะน้ำฝนที่ยิ่งโดดเด่นกว่าคนอื่นด้วยหูกระต่ายสีกรมท่าที่ติดอยู่กับปกเสื้อ ในระหว่างนี้ทั้งสามต่างใช้เวลาวอร์มอัพรอเพื่อนสมาชิกอีกสองที่ยังไม่มาถึงเนื่องจากยังติดกิจกรรมบางอย่างอยู่
“นี่พวกแก เมื่อไหร่ยัยโบยัยอิ๋วจะมาน้า…”
น้ำฝนเอ่ยถามขึ้นขณะที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างยังคงตีแพดวอร์มไปเรื่อยๆ
“เดี๋ยวก็มาแหละมั้ง สงสัยสองคนนั้นคงติดรับน้องอ่ะ”
ขณะที่บนเวทีในตอนนี้ เครื่องดนตรีของแองเจิ้ลฟอร์ซได้ถูกสแตนด์บายไว้หมดแล้ว กลองชุด Yamaha 7 ใบสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเวที ถัดมาด้านขวามือ ตู้เบส Ampeg SVT-CL กับลำโพง 8 ดอก และตู้แอมป์ Hughes & Kettner ส่วนฝั่งซ้ายมือของกลองเป็นที่ตั้งของแอมป์ Marshall และแอมป์คีย์บอร์ด Roland กับบรรดาบอร์ดเอฟเฟกต์หน้าตู้ทั้งสาม และขาไมค์อีกสี่ตัว ถัดมาข้างหลังแอมป์เป็นที่ตั้งของรางกีตาร์และเบสของสมาชิกในวงทั้งหมด…
“นี่ๆ ยัยแก้ม ยัยน้ำฝน นี่มันก็ใกล้เวลาขึ้นเล่นแล้วน้า”
มือเบสสาวก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูดกับอีกสองสาว พลางชะเง้อมองหาอีกสองสมาชิกสำคัญ ที่ในตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวแม้แต่น้อย
“ใจเย็นๆ น้าลูกตาล เดี๋ยวนี้ติดนิสัยนายต้นมาแล้วสิ คริๆ”
“จะบ้าเหรอยัยแก้ม เค้าไม่ได้ติดนายต้นขนาดนั้นเลยนะ นี่ๆ ยังจะมาเล่นอีกนะ หืม”
ลูกตาลแหวใส่เพื่อนสาวทันที ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน ‘ชิ ได้ทีล้อใหญ่เลยนะ เดี๋ยวเหอะ’
“ตายแล้ว! อีกห้านาทีเองอ่ะ” น้ำฝนร้องอุทานขึ้นมาหลังจากเงยหน้าขึ้นจากนาฬิกาข้อมือ ขณะเดียวกันนั้น ผู้จัดการวงสาวที่มีชื่อเดียวกับมือกลองคนใหม่รีบวิ่งแจ้นเข้ามาพร้อมกับชี้ที่นาฬิกาข้อมือเป็นการย้ำเวลา
“นี่ น้องโบกับน้องอิ๋วยังไม่มาอีกเหรอ จะขึ้นเล่นแล้วนะ”
ทั้งสามสาวต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กท่ามกลางเวลาที่บีบเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านไปหนึ่งนาที… สองนาที… สามนาที… และแล้ว… สองสาวนิสิตจุฬาฯ วิ่งเข้ามายังหลังเวทีด้วยอาการเร่งรีบ แต่นั่น ทำให้อีกสี่สาวยิ้มออกเมื่อ…
“ยัยโบ ยัยอิ๋ว”
น้ำฝนร้องเรียกชื่อเพื่อนทั้งสองขึ้นมาด้วยอาการโล่งอก ขณะที่อีกสองต่างออกอาการดีใจเต็มที่ และเมื่อทั้งห้าสาวอยู่กันพร้อมหน้ากับเวลาอีกไม่ถึงสองนาที ไมค์ลอยจากแบ็กสเตจถูกส่งให้กับมือเล็กๆ ของโบ ขณะที่อิ๋วหันไปรับกีตาร์ Gibson SG สีแดงคู่ใจขึ้นมาสะพาย ขณะที่อีกสามสาวที่เหลือเตรียมพร้อมกับเครื่องดนตรีส่วนตัวก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมๆ กับแสงไฟสปอตไลท์ในงานมืดลงหลังสิ้นเสียงพิธีกรของงาน ทั้งหอประชุมต่างมืดมิดไปหมด มีเพียงแต่แสงจากป้ายไฟสว่างระยิบระยับกับเสียงเฮของบรรดาเฟรชชี่ปี 1 ที่ดังกระหึ่มลั่นหอประชุมเท่านั้น
[[แองเจิ้ลฟอร์ซ สู้!]]
สาวๆ ทั้งห้าพากันเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเครื่องดนตรีส่วนตัวท่ามกลางความมืดมิดบนเวที และท่ามกลางความมืดมิดนั้น…
{{น้ำใจน้องพี่สีชมพู… ทุกคนไม่รู้ลืมบูชา… พระคุณของแหล่งที่เรียนมา… จุฬาลงกรณ์…}}
บทเพลงประจำมหาวิทยาลัยถูกขับขานขึ้นมาเดี่ยวๆ กับน้ำเสียงหวานใสเป็นธรรมชาติชวนขนลุกของโบ หนึ่งในนิสิตจุฬาฯ รองรับด้วยเสียงเปียโนอันแผ่วเบาด้วยฝีมือของอิ๋ว นิสิตจุฬาฯ อีกคนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงของบรรดานิสิตชั้นปี 1 ที่ร้องตามจนดังกระหึ่มไปทั่วหอประชุม
แสงไฟสปอตไลท์ค่อยๆ สาดส่องลงมายังหญิงสาวร่างเล็กในชุดนิสิตปี 1 ให้โดดเด่นขึ้น พร้อมๆ กับเสียงเฮจากผู้ชม จนสิ้นสุดเพลงประจำมหาวิทยาลัย เสียงเคาะไม้กลองดังแว่วขึ้นมา ตามด้วยมวลมหาริฟฟ์กีตาร์ฝีมือแก้ม ส่งเข้าสู่ซิงเกิลใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน
[[เฮ…]]
ไลน์เบสอันพลิ้วไหวด้วยฝีมือของลูกตาลเดินกระหนาบไปกับจังหวะกลองอันกระฉับกระเฉงของน้ำฝน รองรับเสียงร้องหวานๆ กับท่วงทำนองชวนให้ขยับแข้งขยับขาของโบ แต่ในขณะนี้บรรดาเฟรชชี่ปี 1 ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากความสนุกสนานที่สาวๆ แองเจิ้ลฟอร์ซมอบให้ หลังจากจบเพลงแรกกับเสียงกีตาร์ที่ยังไม่ทันได้จางหายไป บทเพลง ‘ฝันกลางวัน’ ที่ในตอนนี้กำลังวิ่งขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตทุกคลื่น พร้อมๆ กับเสียงเชียร์จากผู้ชมก็เริ่มขึ้น กับสไตล์ละตินป๊อปร็อกสดใส ตามด้วยเพลงต่างๆ ทั้งในอัลบั้มถูกนำมาบรรเลงอย่างต่อเนื่องสลับกับการเอนเตอร์เทนผู้ชมของโบ และด้วยความสามารถอันโดดเด่นของเพื่อนสมาชิกอีกสี่สาวที่เหลือทำให้เอาผู้ชมได้อยู่หมัดตลอดเวลา….
[[เฮ…]]
{{ขอบคุณมากค่า…}}
โบกล่าวขอบคุณผู้ชมพร้อมกับโปรยยิ้มสวยๆ ให้กับบรรดาเฟรชชี่ ปี 1 ทุกๆ คน ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับผู้ชมต่อ
{{เป็นไงบ้างคะ เพื่อนๆ ทุกคน สนุกกันไหมเอ่ย}}
[[สนุก…]]
{{คริๆ ถ้าเพื่อนๆ สนุกกันแบบนี้ งั้นพวกเรามาสนุกกันต่อดีไหมคะ}}
[[เฮ…]]
{{โอเค.ค่า ก่อนอื่น โบขอถามเพื่อนๆ นิดนึงนะคะ พวกเรารู้จักบอย โกสิยพงษ์กันรึเปล่าค้า…}}
[[รู้จัก… เฮ…]]
{{ถ้าเพื่อนๆ รู้จักงั้นก็มาสนุกกันต่อเลยละกันค่า…}}
ไลน์ปิ๊กกิ้งอันกรุ๊งกริ๊งฝีมือแก้มเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับเสียงฟีดแบ็กหอนค้างยาวของอิ๋ว ตามด้วยลูกส่งเท่ๆ ของน้ำฝนโยนเข้าสู่ท่อนริธึ่มอินโทรหลัก กับไลน์เบสเรียบๆ จากลูกตาลที่วิ่งขนานไปกับกลองในจังหวะป๊อปร็อกอันกระฉับกระเฉง ขนาบไปด้วยริฟฟ์กีตาร์ของแก้มที่วิ่งไปกับเสียงสตรัมคอร์ดนิ่งๆ ของอิ๋วก่อนโยนเข้าสู่ท่อนร้องในเวลาต่อมา
{{จะให้ทำเช่นไร… ในเมื่อใจยังไม่ลืมภาพเธอ… หลับตาครั้งใดยังคงเจอ… ภาพเธอ… ในใจ…}}
ลูกตาลเดินเบสเรียบๆ เกาะไปกับจังหวะกลองอันรวดเร็วกระฉับกระเฉงของน้ำฝน ขนาบไปกับการบอกเล่าเรื่องราวผ่านเสียงร้องอันหวานใสของโบ โดยมีเสียงของผู้ชมเป็นแบ็กอัพอยู่ตลอด และบรรยากาศยิ่งพีคขึ้นเมื่อมาถึงท่อนคอรัส
{{เอ้า 1…2…3… เธอคือลมหาย…ใจ… เธอคือทุกอย่าง… จะรัก…เธอ… จนไม่มีวันจาง… ไปจากใจ… ก็เพราะ…เธอ… คือ… ลม… หายใจ… เธอคือทุกสิ่ง จะให้ทิ้งอะไรก็ยอมทุกอย่าง จากนี้… ใจฉัน… จะ… มี… แต่เธอ…}}
เสียงรูดสายเบสของลูกตาลส่งเข้าสู่ท่อนแยก ตามด้วยลิคสั้นๆ ก่อนโยนเข้าสู่ท่อนโซโล่รอบแรก เสียงดิสทอร์ชั่นอันนวลเนียนกับไลน์โซโล่น่ารักๆ ฝีมือแก้มถูกขับออกมาจากกีตาร์ Gibson Firebird III Non-Reverse ขึ้นมาก่อน และถัดจากนั้น ไลน์โซโล่อันรวดเร็วพลิ้วไหวดุเดือดจากฝีมืออิ๋วเริ่มสอดแทรกเข้ามาก่อนทั้งสองจะเล่นประสานด้วยกันส่งเข้าสู่ท่อนร้องที่สองในเวลาต่อมา
{{เฝ้าวันและคืน… ทำให้ต้องฝืนใจตัวเองเรื่อยมา… เจอะเธอครั้ง…ใดไม่กล้า… จะบอกความ…ในใจ…}}
ลูกตาลเริ่มสอดแทรกลูกเล่นในไลน์เบสอันราบเรียบด้วยมือขวาที่ยังคงจับปิ๊กไว้อย่างแน่นหนาวิ่งผ่านสายเบสทั้งสี่ของ Rickenbacker 4003 ตัวเดิมอย่างคล่องแคล่ว เสริมด้วยริฟฟ์กีตาร์จากฝีมือของอิ๋วคลอเคล้าไปกับไลน์ปิ๊กกิ้งกรุ๊งกริ๊งของแก้มวิ่งไปตลอดท่อน ขณะที่บรรดาเฟรชชี่ปี 1 ต่างกระโดดโลดเต้นและร้องตามกันได้ตลอดเพลง จนบางครั้งโบแทบไม่ต้องเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย…
{{เธอคือลมหาย…ใจ… เธอคือทุกอย่าง… จะรัก…เธอ… จนไม่มีวันจาง… ไปจากใจ… ก็เพราะ…เธอ… คือ… ลม… หายใจ… เธอคือทุกอย่าง จะรักเธอ… ไม่มีวันจาง…ไปจากใจ…}}
[[เฮ…]]
{{ขอบคุณมากค่า ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนเลย พวกเราแองเจิ้ลฟอร์ซขอขอบคุณเพื่อนๆ รั้วจามจุรีทุกคนที่ร่วมสนุกกับพวกเรามาตลอดค่า}}
ระหว่างนั้น แก้มเล่นริฟฟ์กีตาร์คลอเบาๆ กับเสียงฟีดแบ็กอันล่องลอยของอิ๋วที่สอดแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ขณะที่ลูกตาลสอดแทรกลิคเบสในออกเตปสูงแจมเข้าไปด้วยตลอดเวลาคลอกับเสียงตีไล่ทอมเบาๆ ของน้ำฝน ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มไดนามิกขึ้นมาเรื่อยๆ และทุกอย่างก็เงียบลงพร้อมๆ กัน ริฟฟ์อินโทรอันคุ้นเคยจากซิงเกิลที่ทำให้แองเจิ้ลฟอร์ซขึ้นสู่จุดสูงสุด พร้อมๆ กับเสียงเฮจากบรรดาเฟรชชี่ที่ดังกระหึ่มขึ้นเมื่อเพลงที่ทุกคนรอคอยมาถึง
{{โดดกันให้เต็มที่เลยค่า}}
ท่อนฮุคของบทเพลง “ดาวหาง” อันคุ้นหูทำให้ทุกคนโดดกันอย่างเต็มที่ไม่มียั้ง ไปกับบทเพลงอันรวดเร็วกระฉับกระเฉง เสียงรัวไฮแฮทถี่ๆ วิ่งไปกับสแนร์กับกระเดื่องตลอด แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือการรัวกระเดื่องถี่ๆ ด้วยว่าเจ้าตัวยังคงเหยียบไฮแฮทอยู่ตลอด ทางด้านแก้มยังคงวิ่งพล่านไปรอบๆ เวทีอยู่ตลอดตั้งแต่เพลงแรก จะมีเว้นบ้างในช่วงเพลงช้า ผิดกับอิ๋วที่อย่างมากก็แค่โยกตัวไปมาเท่านั้น
เมื่อสิ้นเสียงแฉสุดท้าย ทุกๆ คนในหอประชุมส่งเสียงเฮดังลั่นพร้อมๆ กับเสียงปรบมือดังเกรียวกราวไปทั่ว ขณะที่บนเวที สมาชิกทั้งห้าสาวต่างออกมายืนเรียงแถวหน้ากระดานโบกไม้โบกมือทักทายแฟนเพลง ก่อนจะพร้อมใจกันถอนสายบัวและเดินลงจากเวทีไปในที่สุด ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมที่ยังคงดังกระหึ่มอยู่ตลอดเวลา…
[[แองเจิ้ลฟอร์ซ แองเจิ้ลฟอร์ซ แองเจิ้ลฟอร์ซ…]]
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ