RED STONE WAR
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
80) คดีฆาตกรรม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ครับ ผมอยากรู้อย่างละเอียดยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดีครับ”ไคกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น
“ผู้ตายเป็นหญิงหม่ายอายุประมาณห้าสิบห้าปีสูงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร น้ำหนักห้าสิบหกกิโลกรัมผิวขาวผมสั้นผู้ตายมีบุตรสองคนเป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่ง บุตรสาวคนโตอายุสามสิบห้าปีแต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีบุตร ส่วนลูกชายอีกคนอายุยี่สิบแปดปีขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศกำลังจะเดินทางกลับมาประเทศไทย ผู้ตายเป็นเจ้าของบ้านคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่าสามวัน คาดการณ์เรื่องของเวลาน่าจะประมาณห้าทุ่มเศษเศษ ในเวลาตอนที่ผู้ตายเสียชีวิตนั้นผู้ตายได้อยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว จากคำกล่าวอ้างของบุตรสาวของผู้ตายเล่าว่า เมื่อสามวันก่อนผู้ตายและบุตรสาวพร้อมด้วยสามีของบุตรสาวได้ไปร่วมงานเลี้ยงหรูที่โรงแรมแห่งหนึ่ง งานเลี้ยงในวันนั้นเป็นงานเลี้ยงค่อนข้างพิเศษ เป็นงานเลี้ยงเฉพาะผู้ที่ได้รับเกียรติเชิญเท่านั้นในวันนั้นผู้ที่ไปร่วมงานต่างก็แต่งตัวด้วยชุดสุดหรูราคาแพงพร้อมด้วยเครื่องเพชรประดับประดามากมายเพื่อเป็นการโอ้อวดความร่ำรวยของแต่ละคน แต่ส่วนทางด้านผู้ตายกับไม่ได้เป็นเช่นคนอื่นอื่นบุตรสาวของผู้ตายเล่าว่า มารดาของเธอเป็นคนไม่ชอบโอ้อวด ในวันนั้นคุณแม่ของเธอก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรมากมายเครื่องเพชรชุดใหญ่เธอก็ไม่ได้ใส่ จะมีก็เพียงแค่สร้อยมุกประดับด้วยพลอยสีเหลืองเล็กเล็กดูไม่มีค่าอะไร ในคืนนั้นเมื่องานเริ่มไปได้ไม่นานนักคุณแม่ของเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงขอตัวกลับบ้านก่อน แต่เธอกับสามียังคงอยู่ที่งานเลี้ยง พอเมื่องานเลี้ยงจบลงเธอและสามีของเธอเมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแม่ของเธอเสียชีวิตแล้ว”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
เมื่อไคได้ฟังเรื่องที่เจ้าหน้าที่วากัซเล่ามาทั้งหมด ไคก็เริ่มนิ่งเงียบไปคล้ายกับว่าเค้ากำลังใช้ความคิดอะไรบางอยู่ ไคเริ่มจะมองไปรอบรอบบริเวณภายในห้อง แล้วจึงหันไปมองดูที่ตู้เซฟอีกครั้งไคเริ่มบ่นพรึมพร่ำคล้ายกับว่าเค้ากำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่ จนเจ้าหน้าที่โตโต้และเจ้าหน้าที่วากัซที่ยืนอยู่ใกล้ใกล้ยังแปลกใจ
“เจ้าคิดอะไรอยู่รึไค”เจ้าหน้าที่โตโต้เอ่ยถาม
“ผมกำลังคิดว่ามันดูแปลกแปลกอยู่หลายจุดนะครับ”ไคตอบ
“ตรงไหนงั้นรึที่เจ้าว่าแปลก”เจ้าหน้าที่วากัซเสริม
“อย่างที่คุณวากัซเล่ามาเรื่องของงานเลี้ยงซึ่งคุณวากัซบอกว่าผู้ตายไม่ได้นำเอาเครื่องเพชรราคาแพงไปงานด้วย แสดงว่าเครื่องเพชรทั้งหมดจะต้องถูกเก็บอยู่ภายในตู้เซฟใบนี้ใช่มั้ยครับ แล้วผมมีเรื่องอยากจะถามอีกอย่าง สภาพศพของผู้ตายเป็นยังไงบ้างครับ”ไคกล่าวด้วยความสงสัยพร้อมกับจ้องมองไปยังเจ้าหน้าที่วากัซ ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่วากัซเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจะส่งซองใส่เอกสารสีน้ำตาลให้กับไค และเมื่อไคเปิดออกดูไคเองถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย
สภาพของผู้ตายที่ไคได้เห็นเมื่อเปิดซองสีน้ำตาลออกดู ภายในซองสีน้ำตาลนั้นมีรูปภาพของผู้ตายที่ถูกหั่นออกเป็นชิ้นชิ้น เศษของอวัยวะต่างต่างกระจัดกระจายตามพื้นห้องชิ้นส่วนแขนและขาแยกออกจากกันไปคนละทิศละทาง เป็นภาพที่ดูสยดสยองยิ่งนักเกินที่ไคจะทนดูได้นานเค้าจึงรีบเก็บกลับเอาไว้ในซองอย่างเดิม แสดงออกถึงการอ่อนต่อโลกของเค้าเสียเหลือเกิน
“เห็นภาพนั้นแล้วทนดูไม่ไหวเลยซิ”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของไค
“ครับ คนร้ายจิตใจทำด้วยอะไรกันนะครับดูอำมหิตผิดมนุษย์จริงจริง ซึ่งทำให้ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้นเพราะไม่มีทางที่จัมพ์จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้แน่”ไคกล่าว
“เจ้าเชื่ออย่างนั้นก็ดีแต่ว่าเรื่องที่จัมพ์จะเป็นคนทำหรือไม่นั้นก็อยู่ที่หลักฐานหากมีหลักฐานยืนยันว่าจัมพ์ไม่ใช่คนร้ายแน่นอนเรื่องความยุติธรรมเจ้าไม่ต้องกังวลไป เรายินดีที่จะช่วยเหลือจัมพ์อย่างเต็มที่”เจ้าหน้าที่โตโต้ที่ยืนอยู่กล่าวเสริมขึ้น
“แต่จะให้ดีนะ ถ้าจับคนร้ายได้ยิ่งดีนะ”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“ผมมีเรื่องอยากจะถามครับเกี่ยวกับคดีนี้”ไคกล่าวต่อ
“เรื่องอะไรรึ”เจ้าหน้าที่วากัซตอบทันที
“ในเวลาเกิดเหตุมีผู้ตายอยู่แค่คนเดียวหรือครับมีคนอื่นอยู่ด้วยมั้ยครับ อย่างคนรับใช้หรือพ่อบ้าน คนขับรถอะไรประมาณนี้ เพราะเท่าที่ผมสังเกตดูแล้วผู้ตายค่อนข้างเป็นคนมีฐานะดีเลยทีเดียวการที่จะมีคนรับใช้หรือคนขับรถนั้นผมว่าคงไม่แปลก”ไคกล่าวอย่างสุขุมขึ้น
“มีสิ… มีคนขับรถเป็นชายอายุสี่สิบเจ็ดปี และมีสาวใช้เป็นผู้หญิงอีกสองคนอายุยี่สิบปีคนหนึ่งและอีกคนอายุสี่สิบห้าปีเป็นแม่บ้าน ทั้งสองเป็นป้ากับหลานกัน ซึ่งทางหน่วยสืบสวนของเราได้สอบปากคำไปหมดแล้ว ทั้งสามคนไม่มีใครได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรเลยเพราะในตอนที่ผู้ตายกลับมาถึงบ้าน พวกคนรับใช้และคนขับรถต่างก็ไปกินข้าวกันบริเวณเรือนหลังเล็กที่อยู่ห่างจากตัวบ้านออกไป”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“มีการทำลายข้าวของขนาดนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลยจริงจริงหรือครับแปลกนะครับ”ไคกล่าว
“ในตอนนั้นทั้งสามให้การตรงกันว่า ทางด้านแม่บ้านติดรายการโทรทัศน์มากจึงเปิดโทรทัศน์เสียงดังเพราะว่าแกหูไม่ค่อยดี เสียงของรายการโทรทัศน์จึงกลบเสียงทุกอย่างหมดไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลยและทั้งสามคนยังเป็นพยานให้กันและกันด้วยเพราะอยู่ด้วยกันหมดทั้งสามคนตอนที่เกิดเหตุขึ้น”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“ถ้าทั้งสามคนอยู่ที่เรือนหลังเล็กหมด ส่วนลูกสาวและสามีก็ยังคงอยู่ที่งานเลี้ยง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเป็นฝีมือคนนอกสินะ”ไคเอ่ยขึ้นเหมือนพูดคนเดียวเบาเบา
“ทางเราก็คิดแบบนั้นแต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นของคนภายในบ้านหรอกนะ ยังคงมีข้อสงสัยอยู่ไม่แน่ว่าทั้งสามคนนั้นอาจจะร่วมมือกันก็ได้”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“มีเหตุผลน้อยมากนะที่สามคนนั้นจะเป็นคนกระทำผิด เพราะจากที่สอบปากคำของทุกคนแล้วผู้ตายเป็นคนที่ใจดีมีเมตตา ไม่เคยดุด่าคนรับใช้เลยและทั้งสามคนก็รักและซื่อสัตย์ต่อผู้ตายเป็นอย่างดีแถมทั้งสามคนก็รับใช้ผู้ตายมาหลายปีแล้ว ถือได้ว่าเป็นคนเก่าแก่กันเลยทีเดียว”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวเสริม
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นคนนอกสินะครับ แต่แปลกจังถ้าเป็นคนนอกแล้วคนร้ายรู้ได้ยังไงว่าเครื่องเพชรถูกเก็บซ่อนไว้ที่บ้าน แถมยังรู้ด้วยว่าผู้ตายอยู่คนเดียวภายในบ้าน”ไคกล่าว พร้อมกับจ้องมองดูบริเวณตรงตู้เซฟที่ถูกเปิดอยู่
“เจ้ามีข้อสงสัยอะไรรึ ไค”เจ้าหน้าที่โตโต้เอ่ยขึ้น
ไคยืนจ้องมองดูบริเวณตู้อยู่ครู่หนึ่งแต่ก่อนที่ไคจะตอบอะไรไป เมื่อเจ้าหน้าที่โตโต้เอ่ยถามนั้น ก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของทีมสืบสวนได้รีบวิ่งเข้ามาตรงบริเวณที่พวกไคยืนอยู่ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรายงานต่อเจ้าหน้าที่โตโต้ว่า ได้พบตัวคนร้ายแล้วซึ่งคนร้ายเป็นคนจรจัดซึ่งอาศัยอยู่แถวบริเวณใกล้ใกล้กับบ้านผู้ตาย ที่คนร้ายถูกจับได้นั้นเพราะว่าได้นำเอาเครื่องเพชรไปขายให้กับพ่อค้าร้านเครื่องประดับซึ่งพ่อค้าร้านเครื่องประดับ เป็นคนโทรแจ้งตำรวจเพราะเค้าเชื่อว่าสร้อยเพชรที่คนร้ายได้นำมาขายนั้น เป็นสร้อยเพชรของทางร้านซึ่งขายให้กับผู้ตายไม่ผิดแน่ ซึ่งทางร้านค้าจดจำได้เป็นอย่างดี เพราะสร้อยเพชรเส้นนั้นเป็นสินค้าแบบพิเศษซึ่งถูกสั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ
เมื่อทางด้านเจ้าหน้าที่โตโต้ทราบเรื่องดังนั้น จึงแบ่งทีมสืบสวนครึ่งหนึ่งเดินทางไปยังสถาทีตำรวจที่อยู่ใกล้ใกล้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยังคงค้นหาหลักฐานตรงบริเวณที่เกิดเหตุต่อไป ทีมสืบสวนที่เดินทางไปยังสถานีตำรวจก็ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าโตโต้และไค ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่วากัซยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุ ไคจึงฝากโจเซฟเอาไว้กับเจ้าหน้าที่วากัซแล้วจึงเดินทางไปสถานีตำรวจทันที พอไปถึงสถานีตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่โตโต้ได้พาไคไปยังห้องสอบสวนที่บริเวณชั้นสองของสถานีตำรวจ ทางด้านเจ้าหน้าที่โตโต้ได้ให้ไคและเจ้าหน้าที่สืบสวนอีกสองคนเข้าไปอยู่ในห้องที่อยู่ด้านข้างห้องสืบสวน ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีกระจกที่สามารถมองผ่านไปยังห้องสอบสวนได้ ห้องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกว่าห้องชี้ตัว ไคเองเมื่อเข้าไปยังห้องดังกล่าว ห้องนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าภายในห้องไม่มีของตกแต่งอะไรเป็นเพียงห้องเปล่าเปล่า มีเพียงเก้าอี้สองตัวกับลำโพงเล็กเล็กเพื่อเอาไว้ใช้ฟังเสียงจากห้องข้างข้าง เมื่อประตูห้องปิดลงแสงไฟจากห้องข้างข้างคือความสว่างที่มี ไคมองไปยังด้านหลังของกระจกเค้าเห็นชายคนหนึ่ง การแต่งกายของเค้าดูสกปรก มอมแมม ทรงผมที่ดูรกรุงรังเหมือนรังนก นั่งอยู่ตรงบริเวณเก้าอี้ที่มีแสงไฟจากหลอดตะเกียบส่องไปยังดวงตาของเค้า สีหน้าท่าทางของชายคนนั้นดูหวาดระแวงแสดงสายตาหวาดกลัวกลับทุกสิ่ง ซึ่งไคสังเกตได้จากแววตาของชายคนนั้น ทางด้านฝั่งตรงกันข้ามของชายคนนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งรูปร่างดูเป็นคนเจ้าเนื้อกำลังสอบปากคำชายคนนั้นอยู่ ไม่นานนักเจ้าหน้าที่โตโต้ก็เข้าไปในห้องสอบสวนนั้นด้วย
“ตึง”เสียงแฟ้มของคดีฟาดลงบนโต๊ะที่กั้นระหว่างชายคนนั้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงตะโกนดังลั่นห้อง อย่างเกรี้ยวกราด
“แกบอกมานะว่าเอาสร้อยมาจากไหน”เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนใส่ชายคนนั้น
“ผมไม่รู้ ผมขอโทษ”ชายคนดังกล่าวพูดเพียงเท่านี้พร้อมกับท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“แกขโมยมาใช่มั้ย ยอมรับมาซะดีดีนะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวตะโกนใส่เค้าอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ