RED STONE WAR
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
69) วิชาดาบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนเรื่องแค่นี้เอง ลุกขึ้นมาก่อนเถอะ”แปปซีที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดประคองจัมพ์ให้ลุกขึ้น ส่วนไคเองได้แต่จ้องมองจัมพ์โดยไม่พูดอะไรเค้าเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
“เรื่องนี้แกไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกเราไม่มีใครโกรธเคืองกับเรื่องแค่นี้หรอก พวกเราดีใจซะมากกว่าที่เห็นแกหายดีเป็นปรกติได้ซะที จริงมั้ยฮันนี่”หรั่งพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองทางฮันนี่
“เรื่องไร้สาระพวกนั้นฉันไม่เก็บมาคิดให้ปวดสมองหรอก แต่จะว่าไปนายก็อึดเหมือนกันนะโดนไปขนาดนั้นแค่สามวันก็หายดีละ”ฮันนี่กล่าว เมื่อจัมพ์ได้ยินดังนั้นเค้าส่งยิ้มกว้างกว้างจนเห็นฟันสีขาวให้กับเธอ
“อย่าคิดมากไปเลยนะจัมพ์ คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยต่างหาก ซึ่งข้าเองก็ทำผิดอยู่บ่อยบ่อย ฮ่า ฮ่า”แปปซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่าออกมา
หลังจากนั้นจัมพ์จึงรีบยืนขึ้นทันทีพร้อมกับรีบเดินตรงดิ่งไปหาไคที่ยืนอุ้มโจเซฟอยู่ จนทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน จัมพ์รีบเดินไปหาไคเค้าไปหยุดอยู่ตรงบริเวณโต๊ะไม้ตัวสีน้ำตาลเข้มที่มีหนังสือวางกองเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ จัมพ์ใช้มือของเค้ากวาดหนังสือที่วางอยู่เรียงรายลงจากโต๊ะจนหมด พร้อมกับเรียกเพื่อนรักของเค้าให้มาดู หนังสือเล่มสีขาวเล่มโตที่จัมพ์ถือมาด้วยทันที
“ไค แกมาดูอะไรนี่สิ”จัมพ์กวักมือเรียกไค
“มีอะไรหรือจัมพ์ หนังสืออะไร”ไคกล่าว
“ข้ารู้วิธีที่จะเอาชนะไอ้หมอนั้นได้แล้วล่ะ”จัมพ์เอ่ยขึ้น
“วิธีเอาชนะนัสโกฟิวเหรอครับ”ไค
“ใช่แล้วล่ะ หนังสือเล่มนี้มีวิชาดาบหลายแขนงมากมายเอาไว้ใช้ฝึกฝนและมีวิชาหนึ่งที่ข้าสนใจมาก แกดูสิหน้านี้”พอจัมพ์พูดจบก็เปิดหนังสือเล่มโตเล่มนั้นส่งให้ไคดู
“ดาบอาทมาฏ”ไคเอ่ยขึ้น ตามที่เค้าได้อ่านตรงบริเวณหัวข้อในหนังสือ
“ใช่แล้วล่ะ ดาบอาทมาฎ เป็นวิชาดาบที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเป็นวิชาดาบแขนงหนึ่งของไทย ซึ่งเป็นวิชาดาบที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้ได้อย่างชำนาญถือได้ว่าเป็นวิชาดาบที่ใช้กอบกู้บ้านเมืองของเราในสมัยก่อนเลยเชียวล่ะ”หรั่งได้พูดเสริมขึ้นหลังจากที่เค้าได้ยินที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่
“ใช้แล้วล่ะไค วิชานี้ล่ะ ที่ข้าจะเอามาฝึกฝนข้าว่าวิชานี้น่าจะเหมาะกับข้ามาก”จัมพ์กล่าว
“แล้ววิชานี้มันเป็นยังไงเหรอครับ คุณหรั่ง”ไคหันไปสอบถามหรั่ง
“วิชาดาบอาทมาฎ มีจุดเด่นคือความรวดเร็ว รุนแรงและเด็ดขาด วิชานี้หนึ่งคนสามารถต่อกรกับคนได้ถึงห้าคนในเวลาเดียวกันได้ หากมีความชำนาญเพราะมีท่ารุกและรับในกระบวนท่าเดียวกันเมื่อศัตรูโจมตีก็สามารถป้องกันและรุกตอบโต้กลับได้ในทันที ไม่มีรูปแบบตายตัวมีท่าแม่ไม้สามท่า คือ คลุมไตรภพ ตลบสิงขร และ ย้อมฟองสมุทร แถมยังมีท่าร่ายรำอีกสิบสองท่า คือ เสือลากหาง พระรามแผลงศร เชิญเทียนตัดเทียน ฟันเงื้อสีดา มอญส่องกล้อง ช้างประสานงา กาล้วงไส้ ท่ายักษ์ หงส์ปีกหัก สอดสร้อยมาลา ฟันเรียงหมอน ลับหอกลับดาบ และ พญาครุฑยุดนาค มีท่าไม้ตายที่หนักหน่วงรุนแรงอีกนั่นก็คือ หนุมานเหินหาว มะพร้าวทิ้งดิ่ง และไผ่พันลำ วิชาที่ว่านี้เป็นวิชาที่ใช้กับดาบสองมือ ข้าว่าจัมพ์แกคงไม่เหมาะกับวิชานี้ซักเท่าไหร่นะ”หรั่งกล่าว
“ทำไมคุณหรั่งรู้เรื่องของวิชาดาบอาทมาฎเยอะจังเลยครับ อย่างนี้คุณหรั่งก็สามารถสอนจัมพ์ได้สินะครับ”ไคเอ่ย
“ข้าก็เคยศึกษามาบ้าง เมื่อก่อนข้าเองก็เคยคิดจะฝึกวิชาดาบชนิดนี้เหมือนกันแต่ข้ามันดันไม่เหมาะกับการที่ต้องใช้กำลังซะด้วยสิก็เลยล้มเลิกไป”หรั่งกล่าว
“วิชานี้เป็นวิชาดาบคู่งั้นรึ”จัมพ์เอ่ยมาแทรกกลางระหว่างการสนทนาของทั้งสองคน
“ใช่แล้วล่ะ วิชานี้เป็นวิชาดาบคู่ซึ่งข้าคิดว่ามีอยู่วิชาหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับแกมากกว่านะจัมพ์ สนใจมั้ยล่ะ”หรั่งกล่าว
หลังจากที่หรั่งพูดจบเค้าก็เดินไปที่ชั้นหนังสือที่อยู่ทางด้านหลัง หรั่งเองยืนมองดูหนังสือตามชั้น อยู่ครู่หนึ่งเค้าก็หยิบหนังสือปกสีเขียวเล่มขนาดพอเหมาะออกมาปัดฝุ่นเล็กน้อย ก่อนจะนำหนังสือเล่มนั้นมาเปิดออกตรงบริเวณโต๊ะที่จัมพ์และไคยืนอยู่ ในขณะที่ไคสังเกตเห็นหน้าปกของหนังสือเล่มปกสีเขียวเล่มนั้นเขียนเอาไว้ว่า วิชาดาบสายเจ้าราม
“วิชาดาบ สายเจ้าราม งั้นรึ”จัมพ์เอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ วิชาดาบสายเจ้ารามนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่จาก ตำราวิชาดาบจากหลายแขนงนำมาดัดแปรง เพื่อจะทำให้เกิดวิชาดาบที่สมบูรณ์แบบขึ้น ทั้งการปัดป้อง จู่โจม การย่างสามขุม และเทคนิคต่างต่างมากมาย ซึ่งทั้งข้าและก็ฮันนี่ต่างก็ฝึกวิชาดาบชนิดนี้เช่นกัน
“ถูกคิดขึ้นมาใหม่เหรอครับ”ไค
“ใช่แล้วล่ะ ผู้คิดค้นก็คือกลุ่มนักศึกษาที่ฝึกฝนวิชาดาบใน มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อนานมาแล้วสมัยที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพิ่งเริ่มก่อตั้งเลยเชียวล่ะ”หรั่งกล่าว
“ไม่ ข้าไม่สนใจหรอกข้าอยากจะฝึกวิชาดาบอาทมาฎ ยังไงข้าก็จะฝึกดาบอาทมาฎแน่นอนไม่เปลี่ยนใจ”จัมพ์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
หลังจากนั้นจัมพ์จึงหยิบหนังสือเล่มปกขาวขึ้นมาพร้อมกับชักชวนให้ไคตามเค้าไปโดยเร็ว ไคเองมองเห็นความตั้งใจที่คิดจะทำอะไรซักอย่างของจัมพ์ ก็ไม่อยากจะขัดใจเค้าไคจึงอุ้มโจเซฟขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วจึงรีบเดินตามจัมพ์ที่กำลังยืนรอเค้าอยู่ที่หน้าประตู
“นั้นพวกแกกำลังจะไปไหนกัน”แปปซีเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ข้าจะไปหาที่ฝึกดาบกันน่ะสิ แกจะไปด้วยมั้ยแปปซี”จัมพ์ตอบกลับไป ทางด้านแปปซีเองก็ได้แต่ทำหน้าตาแปลกใจ เค้าหันไปมองหน้าหรั่งครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกเดินตามไคและจัมพ์ไป
“แกจะไปฝึกดาบกับเค้าด้วยเหรอแปปซี”หรั่งเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก แต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจัมพ์มันจะทำอะไร”แปปซีกล่าว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ หรั่งและฮันนี่ต่างก็มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
หลังจากที่จัมพ์ได้สอบถามแปปซีถึงเรื่องของชั้นใต้ดินของตึกAที่ไม่ได้ใช้งานมานานมากแล้ว จัมพ์จึงให้แปปซีพาลงไปที่บริเวณชั้นใต้ดินเก่า และเมื่อทั้งสามคนไปถึงไคและจัมพ์ต่างก็ต้องแปลกใจ เมื่อพวกเค้าเห็นว่าบริเวณชั้นใต้ดินของตึกAนั้นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ดูจากสภาพแล้วอดีตของที่นี่น่าจะเป็นสนามกีฬา หรือสถานที่ฝึกฝนอะไรซักอย่างดูจากอุปกรณ์ต่างต่าง ที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ เพียงแค่ปัดฝุ่นมันนิดหน่อย ทำความสะอาดซักนิด จัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางก็น่าจะนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
และเมื่อทั้งสามคนยืนมองดูข้าวของและอุปกรณ์ต่างต่าง ที่กองอยู่ตรงหน้าของพวกเค้า ซึ่งไม่ต่างอะไรกับห้องเก็บของที่มีขนาดมหึมา ทั้งสามคนต่างก็มองหน้ากันไปมาพร้อมกับพยักหน้าให้กัน พวกเค้าจึงเริ่มลงมือทำความสะอาดกันในทันที เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วทั้งสามคนทำความสะอาดชั้นใต้ดินจนถึงเวลาใกล้ค่ำ ในที่สุดการทำความสะอาดก็เสร็จสิ้นลงทั้งสามคนได้มานั่งมองดูความสำเร็จ ห้องโถงที่เคยสกปรกและดูรกร้าง กับสะอาดเอี่ยมอ่องดูใหม่ขึ้นพื้นมันเงาวับเริ่มกลับมาอีกครั้งข้าวของต่างต่างก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งสามคนต่างมองดูความสำเร็จที่พวกเค้าร่วมกันทำอยู่ครู่หนึ่ง จัมพ์จึงหันไปมองไคและแปปซีซึ่งมีสภาพดูสกปรก หน้าตาดูมอมแมมไปหมดแล้วหันมามองตัวเองก็มีสภาพมอมแมมไม่ต่างกัน สุดท้ายพวกเค้าทั้งสามคนต่างก็มองดูเจ้าโจเซฟลูกสุนัขสีขาวของพวกเค้า ที่เปลี่ยนสีกลายเป็นสีฝุ่นไป ทั้งสามคนต่างก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“สงสัยวันนี้เจ้าโจเซฟคงต้องอาบน้ำแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”จัมพ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่าออกมา ไคและแปปซีเองเมื่อมองเห็นจัมพ์ที่หัวเราะออกมาได้ ทั้งสองคนก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที เพราะพวกเค้าได้จัมพ์คนเดิมจอมยียวนกลับมาแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับห้องของตน เพื่อที่จะพักผ่อนการกระทำของทั้งสามคนในครั้งนี้ทั้งหมดนั้น ไม่อาจรอดสายตาไปจากชายคนหนึ่งที่แอบดูอยู่นาน ชายคนนั้นก็คือลุงเคนนั้นเอง เค้าแอบมองพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบเงียบ ในคืนนั้นทั้งจัมพ์และไค ต่างก็ไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องของตน ทั้งสองคนได้ขนเอาที่นอนและหมอนลงมานอนที่ชั้นใต้ดินด้านล่างของอาคารตึกA ทั้งสองต่างก็นอนหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำความสะอาดมาทั้งวัน มีเพียงแต่โจเซฟเท่านั้นที่ไม่สามารถนอนหลับลงได้ มันได้แต่เดินไปเดินมาเพื่อที่จะหาที่นอนที่เหมาะ เหมาะ เพราะทนเสียงกรนอันดังสนั่นหวั่นไหวของทั้งสองคนไม่ได้นั้นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ