RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) พี่ชายใจดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พี่ดูมอมแมมจัง เหมือนหนูเลย” เด็กน้อยตอบพลางอมยิ้มนิดนิด ไคจ้องมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู แล้วจู่จู่ก็มีเสียงชายชราตะโกนออกมาจากภายในบ้าน
“ใครมารึเจน” เสียงชายชราตะโกนออกมาจากภายในตัวบ้านนั้นเอง
“คนหลงทางมาค่ะคุณตา” เสียงเด็กน้อยตอบกลับไป
“ให้เค้าเข้ามาสิ คนดีรึเปล่าล่ะ ถ้าเป็นโจรอย่ามาปล้นเราเลยนะที่นี้ไม่มีของมีค่าอะไรหรอก”เสียงชายชราตะโกนมาอีกครั้ง
“คนดีค่ะคุณตา” เสียงเด็กน้อยตอบ จากนั้นประตูสังกะสีก็เปิดเต็มบานด้วยความเต็มใจ เพื่อเชื้อเชิญให้ไคเข้าไปในบ้านได้
ไคเดินตามเด็กน้อยเข้าไปในตัวบ้านเล็กเล็กนั้น พอเข้าไปไคมองสภาพรอบตัวบ้านแล้วรู้สึกหดหู่ภายในใจทันที สภาพภายในตัวบ้านไม่เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัยเอาซะเลย รอบรอบตัวบ้านทำมาจากสังกะสีเก่าเก่าทั้งหลัง ตัวบ้านเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่กลางบ้าน ตรงเพดานกลางบ้านมีหลอดไฟเป็นหลอดตะเกียบเพียงดวงเดียวที่ให้ความสว่างทั่วทั้งบ้าน ทางฝั่งซ้ายของตัวบ้านเป็นห้องครัวหรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นมุมเล็กเล็กไว้ทำอาหารจะดีเสียกว่า ส่วนทางฝั่งขวามีแคร่เล็กเล็ก มีชายชราต้นเสียงที่ตะโกนต้อนรับเข้าในตอนแรกนั่งอยู่ ชายชราคนนั้นตาบอดสนิท ไม่ได้สวมเสื้อมีเพียงกางเกงขาก๊วยกับผ้าขาวม้าสีแดงลายหมากรุกพาดบ่าเท่านั้น ไครู้สึกสงสารสองตาหลานเป็นอย่างมากแต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ตัวเค้าเองยังต้องมาอาศัยสองคนนี้อยู่เลย
“พี่ชาย หนูชื่อเจนนะนี้คุณตาของหนูแกตาบอด แล้วพี่ชายชื่ออะไรค่ะ” เด็กน้อยแนะนำตัวเองและคุณตาของเธอ
“พี่ชื่อไค ครับ คนหลงทางมา”
“เจ้าหนุ่มเป็นงัยมางัยถึงได้หลงทางมาล่ะ แล้วเป็นคนที่ไหน ไปทำอะไรมาถึงได้มาถึงที่นี้ได้” เสียงชายตาบอดสอบถามเค้าอย่างละเอียด
“ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นใครครับผมความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย” ไคตอบ
“อ้าวแล้วเจ้าจะไปไหนต่อ” ชายชราถามอีก
“ผมก็กะว่าจะไปหาตำรวจให้ตำรวจช่วยหาความจริงว่าผมเป็นใครมาจากไหนครับ” ไคตอบ
“พวกตำรวจเหรอ หนูไม่ชอบพวกตำรวจเลย พวกตำรวจนิสัยไม่ดีเค้าจับพี่ชายใจดีไป” เด็กน้อยพูดแทรกขึ้นมา
“เจน อย่าเสียมารยาทสิ ผู้ใหญ่เค้าคุยกันอยู่ มันไม่ดีนะเป็นเด็กเป็นเล็ก” เสียงชายชรากล่าวตักตือนเเด็กน้อย
“เจน ไปเอาน้ำเอาท่ามาให้พี่เค้าสิ ส่วนคุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนไป เดินทางมาเหนื่อยเหนื่อย ตรงข้างบ้านมีท่าน้ำอยู่ไปอาบน้ำที่นั้นล่ะเดี๋ยวจะให้เจนเอาผ้าเช็ดตัวไปให้ละกัน” พอชายชราพูดจบไคก็ขอตัวไปล้างเนื้อล้างตัวที่ท่าน้ำ หลังจากที่ไคอาบน้ำล้างตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้ามาในบ้านเพื่อนั้งคุยกับชายชราตาบอดต่อ
“คุณตาครับจากบ้านนี้ไปถึงสถานีตำรวจไกลมั้ยครับ” ไคถาม
“ก็ไม่ไกลมากหรอกพ่อหนุ่มประมานสิบกว่ากิโลเห็นจะได้” ชราตาบอดตอบ
“จากที่นี่คุณคงต้องเดินเท้าไปแล้วล่ะเพราะทางแถวนี้รถไม่ค่อยมีการเดินทางไม่สะดวกมากนัก” แคร่ก แคร่ก” เสียงไอแบบแห้งแห้ง ดังมาจากชายชราตาบอด
“คุณตายังไม่หายดีพักผ่อนก่อนดีกว่านะค่ะ เดี๋ยวหนูอยู่คุยกับพี่เค้าเอง”เสียงเด็กสาวน้อยเจนกล่าวต่อคุณตาของเธออย่างเป็นห่วงเป็นใย คุณตาของเธอจึงเอนตัวลงนอนบนแคร่ไม้เก่าเก่า ตามที่หลานตัวน้อยบอกกล่าว คุณตาเองคงป่วยมาก ไคคิดภายในใจ
“พี่ชายจะไปหาตำรวจในหมู่บ้านจริงจริงเหรอค่ะ”เด็กน้อยถามไคอีกครั้ง
“ใช่จ๊ะ”ไคตอบ
“พอดีเลยตอนเช้าหนูจะเข้าไปในหมู่บ้านพอดีหนูจะทำข้าวผัดไข่ไปให้พี่ชายใจดีด้วยพี่ชายใจดีคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว”หนูน้อยเจนกล่าว
“พี่ชายใจดี หนูมีพี่ชายอยู่ในหมู่บ้านด้วยเหรอ”ไคถามหนูน้อยด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่พี่ชายหนูหรอกค่ะ พี่ชายใจดีก็เหมือนพี่ไคนั้นแหล่ะ หลงทางมาแล้วมาเจอหนูกับคุณตาที่นี้แหล่ะค่ะไม่มีเงินคุณตาเลยให้กินข้าวด้วยกันหนูไม่รู้จักชื่อพี่เค้าแต่พี่เค้าเป็นผู้มีพระคุณกับหนูกับคุณตามากแต่โดนคนใจร้ายกลั่นแกล้งจับไปขังคุกแล้วยังมาหาว่าพี่ชายใจดีเป็นปีศาจอีก”
“ถูกขังในคุกเหรอ ปีศาจคืออะไร”ไคถามอย่างสงสัย
“งั้นหนูจะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกเลยละกัน”เด็กน้อยนั้งลงข้างข้างไคแล้วเริ่มเล่าอย่างตั้งใจ
“คือ เรื่องมันเกินขึ้นเมื่อสามวันก่อนค่ะ วันนั้นก็ค่ำมืดแบบนี้แหล่ะ พี่ชายใจดีหลงทางมา เดินมาถึงหน้าบ้านแล้วเป็นลมล้มลงตรงหน้าบ้านหนูพอดีหนูกับคุณตาก็เลยพาเข้ามาในบ้านพอสักพักพี่ชายใจดีก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็บอกว่า ขอโทษที่ทำให้ลำบากแล้วก็ลุกเตรียมออกเดินทางต่อ สภาพพี่ชายใจดีคนนั้นเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเลย พอเค้าลุกขึ้นยืนยังเซเซเลยแล้วจู่จู่ท้องพี่เค้าก็ร้องขึ้นมาดังมากเลย”
“อิอิ”
เสียงเด็กน้อยแอบขำนิดนิดพอเล่าถึงตอนนี้ แล้วพอได้ยินเสียงท้องร้องของพี่ชายใจดีคุณตาก็เลยให้หนูไปทำข้าวผัดไข่มาให้เค้ากินค่ะ พี่ชายใจดีกินไปร้องไห้ไปใหญ่เลย ตอนแรกหนูนึกว่ามันไม่อร่อย แต่พี่ชายใจดีกินไปคำนึงก็พูดว่าขอบคุณกินอีกคำก็บอกอีกว่าขอบคุณน้ำตาน้ำมูกไหลใหญ่เลยหนูไม่เคยเห็นใครกินข้าวแบบนี้มาก่อน หนูสังเกตุเห็นที่แขนขวาของพี่เค้ามีรอยสักเป็นรูปดาบสีดำดูน่ากลัวมากเลย แต่จริงจริงพี่เค้าใจดีมาก
“รอยสักเหรอ ก็เป็นพวกน่ากลัวนะสิแล้วเค้าใจดียังไงเหรอ”ไคถามอย่างสงสัย
“พี่ก็อย่างพึ่งขัดหนูสิฟังหนูเล่าให้จบก่อน”เด็กน้อยตวาดไส่ไค พร้อมทำหน้าแบบเสียอารมณ์
“อ่อ จ๊ะ จ๊ะ พี่ขอโทษ”ไคมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดูแล้วอมยิ้มนิดนิด
“หนูเล่าถึงไหนแล้วนะ อ่อนึกออกล่ะ รอยสัก “ไคมองดูใบหน้าที่มอมแมมของเด็กน้อยถึงการเล่าเรื่องพี่ชายใจดีของเค้าอย่ามีความสุขผู้ชายที่เด็กน้อยกำลังพูดถึงอยู่นี้คงเป็นคนที่เด็กน้อยประทับใจมากมากแน่แน่
“พี่จะฟังหนูเล่ามั้ยนั้งเหม่ออยู่ได้” เด็กน้อยทักท้วงขึ้นมาอีกครั้ง
“อ่อจ๊ะ รอยสักไงแล้วยังไงต่อ” ไครีบตอบอย่างลุกลนกลัวเด็กน้อยจะอารมณ์เสียอีก
“ใครมารึเจน” เสียงชายชราตะโกนออกมาจากภายในตัวบ้านนั้นเอง
“คนหลงทางมาค่ะคุณตา” เสียงเด็กน้อยตอบกลับไป
“ให้เค้าเข้ามาสิ คนดีรึเปล่าล่ะ ถ้าเป็นโจรอย่ามาปล้นเราเลยนะที่นี้ไม่มีของมีค่าอะไรหรอก”เสียงชายชราตะโกนมาอีกครั้ง
“คนดีค่ะคุณตา” เสียงเด็กน้อยตอบ จากนั้นประตูสังกะสีก็เปิดเต็มบานด้วยความเต็มใจ เพื่อเชื้อเชิญให้ไคเข้าไปในบ้านได้
ไคเดินตามเด็กน้อยเข้าไปในตัวบ้านเล็กเล็กนั้น พอเข้าไปไคมองสภาพรอบตัวบ้านแล้วรู้สึกหดหู่ภายในใจทันที สภาพภายในตัวบ้านไม่เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัยเอาซะเลย รอบรอบตัวบ้านทำมาจากสังกะสีเก่าเก่าทั้งหลัง ตัวบ้านเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่กลางบ้าน ตรงเพดานกลางบ้านมีหลอดไฟเป็นหลอดตะเกียบเพียงดวงเดียวที่ให้ความสว่างทั่วทั้งบ้าน ทางฝั่งซ้ายของตัวบ้านเป็นห้องครัวหรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นมุมเล็กเล็กไว้ทำอาหารจะดีเสียกว่า ส่วนทางฝั่งขวามีแคร่เล็กเล็ก มีชายชราต้นเสียงที่ตะโกนต้อนรับเข้าในตอนแรกนั่งอยู่ ชายชราคนนั้นตาบอดสนิท ไม่ได้สวมเสื้อมีเพียงกางเกงขาก๊วยกับผ้าขาวม้าสีแดงลายหมากรุกพาดบ่าเท่านั้น ไครู้สึกสงสารสองตาหลานเป็นอย่างมากแต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ตัวเค้าเองยังต้องมาอาศัยสองคนนี้อยู่เลย
“พี่ชาย หนูชื่อเจนนะนี้คุณตาของหนูแกตาบอด แล้วพี่ชายชื่ออะไรค่ะ” เด็กน้อยแนะนำตัวเองและคุณตาของเธอ
“พี่ชื่อไค ครับ คนหลงทางมา”
“เจ้าหนุ่มเป็นงัยมางัยถึงได้หลงทางมาล่ะ แล้วเป็นคนที่ไหน ไปทำอะไรมาถึงได้มาถึงที่นี้ได้” เสียงชายตาบอดสอบถามเค้าอย่างละเอียด
“ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นใครครับผมความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย” ไคตอบ
“อ้าวแล้วเจ้าจะไปไหนต่อ” ชายชราถามอีก
“ผมก็กะว่าจะไปหาตำรวจให้ตำรวจช่วยหาความจริงว่าผมเป็นใครมาจากไหนครับ” ไคตอบ
“พวกตำรวจเหรอ หนูไม่ชอบพวกตำรวจเลย พวกตำรวจนิสัยไม่ดีเค้าจับพี่ชายใจดีไป” เด็กน้อยพูดแทรกขึ้นมา
“เจน อย่าเสียมารยาทสิ ผู้ใหญ่เค้าคุยกันอยู่ มันไม่ดีนะเป็นเด็กเป็นเล็ก” เสียงชายชรากล่าวตักตือนเเด็กน้อย
“เจน ไปเอาน้ำเอาท่ามาให้พี่เค้าสิ ส่วนคุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนไป เดินทางมาเหนื่อยเหนื่อย ตรงข้างบ้านมีท่าน้ำอยู่ไปอาบน้ำที่นั้นล่ะเดี๋ยวจะให้เจนเอาผ้าเช็ดตัวไปให้ละกัน” พอชายชราพูดจบไคก็ขอตัวไปล้างเนื้อล้างตัวที่ท่าน้ำ หลังจากที่ไคอาบน้ำล้างตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้ามาในบ้านเพื่อนั้งคุยกับชายชราตาบอดต่อ
“คุณตาครับจากบ้านนี้ไปถึงสถานีตำรวจไกลมั้ยครับ” ไคถาม
“ก็ไม่ไกลมากหรอกพ่อหนุ่มประมานสิบกว่ากิโลเห็นจะได้” ชราตาบอดตอบ
“จากที่นี่คุณคงต้องเดินเท้าไปแล้วล่ะเพราะทางแถวนี้รถไม่ค่อยมีการเดินทางไม่สะดวกมากนัก” แคร่ก แคร่ก” เสียงไอแบบแห้งแห้ง ดังมาจากชายชราตาบอด
“คุณตายังไม่หายดีพักผ่อนก่อนดีกว่านะค่ะ เดี๋ยวหนูอยู่คุยกับพี่เค้าเอง”เสียงเด็กสาวน้อยเจนกล่าวต่อคุณตาของเธออย่างเป็นห่วงเป็นใย คุณตาของเธอจึงเอนตัวลงนอนบนแคร่ไม้เก่าเก่า ตามที่หลานตัวน้อยบอกกล่าว คุณตาเองคงป่วยมาก ไคคิดภายในใจ
“พี่ชายจะไปหาตำรวจในหมู่บ้านจริงจริงเหรอค่ะ”เด็กน้อยถามไคอีกครั้ง
“ใช่จ๊ะ”ไคตอบ
“พอดีเลยตอนเช้าหนูจะเข้าไปในหมู่บ้านพอดีหนูจะทำข้าวผัดไข่ไปให้พี่ชายใจดีด้วยพี่ชายใจดีคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว”หนูน้อยเจนกล่าว
“พี่ชายใจดี หนูมีพี่ชายอยู่ในหมู่บ้านด้วยเหรอ”ไคถามหนูน้อยด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่พี่ชายหนูหรอกค่ะ พี่ชายใจดีก็เหมือนพี่ไคนั้นแหล่ะ หลงทางมาแล้วมาเจอหนูกับคุณตาที่นี้แหล่ะค่ะไม่มีเงินคุณตาเลยให้กินข้าวด้วยกันหนูไม่รู้จักชื่อพี่เค้าแต่พี่เค้าเป็นผู้มีพระคุณกับหนูกับคุณตามากแต่โดนคนใจร้ายกลั่นแกล้งจับไปขังคุกแล้วยังมาหาว่าพี่ชายใจดีเป็นปีศาจอีก”
“ถูกขังในคุกเหรอ ปีศาจคืออะไร”ไคถามอย่างสงสัย
“งั้นหนูจะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกเลยละกัน”เด็กน้อยนั้งลงข้างข้างไคแล้วเริ่มเล่าอย่างตั้งใจ
“คือ เรื่องมันเกินขึ้นเมื่อสามวันก่อนค่ะ วันนั้นก็ค่ำมืดแบบนี้แหล่ะ พี่ชายใจดีหลงทางมา เดินมาถึงหน้าบ้านแล้วเป็นลมล้มลงตรงหน้าบ้านหนูพอดีหนูกับคุณตาก็เลยพาเข้ามาในบ้านพอสักพักพี่ชายใจดีก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็บอกว่า ขอโทษที่ทำให้ลำบากแล้วก็ลุกเตรียมออกเดินทางต่อ สภาพพี่ชายใจดีคนนั้นเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเลย พอเค้าลุกขึ้นยืนยังเซเซเลยแล้วจู่จู่ท้องพี่เค้าก็ร้องขึ้นมาดังมากเลย”
“อิอิ”
เสียงเด็กน้อยแอบขำนิดนิดพอเล่าถึงตอนนี้ แล้วพอได้ยินเสียงท้องร้องของพี่ชายใจดีคุณตาก็เลยให้หนูไปทำข้าวผัดไข่มาให้เค้ากินค่ะ พี่ชายใจดีกินไปร้องไห้ไปใหญ่เลย ตอนแรกหนูนึกว่ามันไม่อร่อย แต่พี่ชายใจดีกินไปคำนึงก็พูดว่าขอบคุณกินอีกคำก็บอกอีกว่าขอบคุณน้ำตาน้ำมูกไหลใหญ่เลยหนูไม่เคยเห็นใครกินข้าวแบบนี้มาก่อน หนูสังเกตุเห็นที่แขนขวาของพี่เค้ามีรอยสักเป็นรูปดาบสีดำดูน่ากลัวมากเลย แต่จริงจริงพี่เค้าใจดีมาก
“รอยสักเหรอ ก็เป็นพวกน่ากลัวนะสิแล้วเค้าใจดียังไงเหรอ”ไคถามอย่างสงสัย
“พี่ก็อย่างพึ่งขัดหนูสิฟังหนูเล่าให้จบก่อน”เด็กน้อยตวาดไส่ไค พร้อมทำหน้าแบบเสียอารมณ์
“อ่อ จ๊ะ จ๊ะ พี่ขอโทษ”ไคมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดูแล้วอมยิ้มนิดนิด
“หนูเล่าถึงไหนแล้วนะ อ่อนึกออกล่ะ รอยสัก “ไคมองดูใบหน้าที่มอมแมมของเด็กน้อยถึงการเล่าเรื่องพี่ชายใจดีของเค้าอย่ามีความสุขผู้ชายที่เด็กน้อยกำลังพูดถึงอยู่นี้คงเป็นคนที่เด็กน้อยประทับใจมากมากแน่แน่
“พี่จะฟังหนูเล่ามั้ยนั้งเหม่ออยู่ได้” เด็กน้อยทักท้วงขึ้นมาอีกครั้ง
“อ่อจ๊ะ รอยสักไงแล้วยังไงต่อ” ไครีบตอบอย่างลุกลนกลัวเด็กน้อยจะอารมณ์เสียอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ