RED STONE WAR
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
45) เนียโอกอยส์2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นหรอกท่านหัวหน้าหลุยส์ แต่จากที่ข้าพเจ้าได้ฟังมาเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้มีจุดเด่นก็คือรอยแผลเป็นรูปกากบาทขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าหากว่าข้าพเจ้าความทรงจำมิได้เลอะเลือน ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นตัวเดียวกันกับตัวที่ข้าพเจ้าเคยเจอเมื่อสามปีก่อนแน่ ข้าพเจ้าเพียงแค่อยากขอความกรุณาท่านหัวหน้าหลุยส์ รบกวนช่วยตรวจสอบไปยังคุกใต้ดินของหน่วยCTSOที่ใช้คุมขังเนียโอกอยส์ดูเพื่อความกระจ่างแด่ตัวข้าพเจ้าจะได้หรือไม่”ลุงเคนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“ก็ได้ จะได้หมดปัญหากันซะทีผมจะตรวจสอบให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย หวังว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกนะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
หลังจากนั้นหัวหน้าหลุยส์ก็สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ที่อยู่ที่บริเวณใกล้เคียงโทรศัทพ์ติดต่อไปที่ศูนย์ควบคุมคุกใต้ดินของหน่วยCTSOทันที หลังจากที่เจ้าหน้าติดต่อไปยังศูนย์คุกใต้ดิน พอวางสายเสร็จเรียบร้อยก็รีบรายงานต่อหัวหน้าหลุยส์ทันที เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของหัวหน้าหลุยส์ พอเจ้าหน้าที่คนนั้นรายงานเสร็จ สีหน้าของหัวหน้าหลุยส์ก็เปลี่ยนไปทันที
“ท่านหลุยส์ เกิดอะไรขึ้นรึ”ลุงเคนถามขึ้นทันที แต่หัวหน้าหลุยส์ยังไม่พูดอะไรกลับมองตาลุงเคนพร้อมกับกัดฟันกรามแน่น
“มีการแหกคุก ในโซนที่ใช้คุมขังเนียโอกอยส์”
นี่เป็นคำพูดที่หลุดออกจากปากของหัวหน้าหลุยส์ พอหัวหน้าหลุยส์พูดจบคราวนี้สีหน้าทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปใบหน้าของแต่ละคนดูตกใจและกังวลกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่โตโต้ก็เริ่มเรียกเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นให้มารวมแถว บริเวณเรือนเพาะชำทันทีเค้าสั่งให้ทุกคน หยุดการกระทำทุกอย่างตอนนี้ให้หมดแล้วเตรียมขึ้นรถไปยังคุกใต้ดิน ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด แล้วหัวหน้าหลุยส์ก็เดินไปขึ้นรถตู้สีดำทันที แต่ก่อนที่เขาจะจากไปนั้นเขาได้ออกคำสั่งให้กักบริเวณ ไค จัมพ์ แปปซีและโดยเฉพาะโจเซฟ ห้ามออกจากอาคารตึกAเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ หรือจนกว่าจะมีคำสั่งจากเขาถึงจากออกนอกอาคารได้
หลังจากที่ทุกคนได้ออกไปจากที่เกิดเหตุจนหมดแล้ว ก็เหลือเพียงพวกของไค และลุงเคน พร้อมกับเสียงผู้คนที่พูดคุยกัน หลายคนที่ยืนมุงดูอยู่ที่บริเวณเรือนเพาะชำต่างก็พูดกันไปต่างต่างนานา จนลุงเคนต้องออกคำสั่งให้ทุกคนกลับขึ้นไปบนอาคารให้หมด ทุกคนที่ยืนมุงดูอยู่ก็แยกย้ายกันกลับขึ้นตึกAจนเหลือแค่พวกเค้าแค่สี่คนเท่านั้น
พอทุกคนแยกย้ายกันไปจนหมด บรรยากาศที่เคยดูวุ่นวายเพราะมีคนจำนวนมากกลายเป็นความสงบเงียบ โดยไม่มีใครพูดหรือเอ่ยคำใดใดออกมาเลย ไคได้แต่สังเกตเห็นอาการของฮันนี่ที่ยังคงสั่นและแววตาที่ดูหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เมื่อเธอได้ยินคำว่า เนียโอกอยส์ แต่อาการที่เธอเป็นเริ่มลดน้อยลงไปมาก จากที่ไคเคยสังเกตเห็นได้ในตอนนั้น ลุงเคนได้เดินมากุมมือของเธอเอาไว้แล้วยิ้มให้เธอด้วยแววตาอันอบอุ่น ดูเป็นมิตร ลุงเคนค่อยคอ่ยพยุงตัวฮันนี่ยืนขึ้น ตัวฮันนี่เองก็ดูเหมือนว่าเธอจะหมดเรี่ยวแรงไปเฉยเฉยแต่ยังคงพอเดินได้ แต่ดูว่าเธอเหมือนจะยังไม่พร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปที่ไหน จัมพ์จึงอาสาให้เธอขี่หลังของเค้าไป
พอทั้งหมดเดินมาจนถึงหน้าอาคารตึกAซึ่ง บริเวณหน้าตึกมีหรั่งยืนคอยอยู่ ลุงเคนจึงบอกให้หรั่งพาฮันนี่ซึ่งขี่หลังของจัมพ์อยู่ ให้พาเธอไปส่งที่ห้องก่อน ส่วนไคและจัมพ์พร้อมกับโจเซฟให้ตามลุงเคน ไปคุยกันในห้องทำงานซึ่งอยู่บริเวณชั้นที่หนึ่งของอาคาร
ลุงเคนได้ให้แปปซีพาไคและจัมพ์เข้าไปรอในห้องทำงานของเขาก่อน ส่วนตัวเขาขอตัวไปทำธุระอะไรบางอย่างสักครู่ เดี๋ยวพอเสร็จธุระแล้วจะไปหาพวกไคที่ห้องเอง ลุงเคนจึงแยกตัวออกไปจากพวกไค ส่วนทางด้านแปปซีซึ่งเดินนำไคและจัมพ์เดินไปตามทางเดินหินอ่อนสีขาวตรงไปยังห้องทำงานของลุงเคน เดินผ่านเคาน์เตอร์ด้านล่างของตึกไป ทั้งสามคนมาหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ เป็นประตูไม้แบบธรรมดาไม่มีลวดลายตกแต่งอะไร ด้านบนข้างข้างประตูมีโคมไฟเล็กเล็กสีเหลืองอ่อนติดอยู่ ตรงบริเวณลูกบิดประตูก็เป็นลูกบิดแบบธรรมดาทั่วทั่วไป แต่ส่วนรอบรอบบริเวณนั้นมีรูปภาพที่เป็นผลงานศิลปะต่างต่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปของผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ดูสวยงามหากแม้ว่าใครที่ไม่รู้เรื่องของงานศิลปะเลย หากมาได้ยืนจ้องมองรูปภาพเหล่าก็สามารถรับรู้ถึงความงดงามได้
ทันทีที่แปปซีผลักประตูเข้าไปด้านใน ไอเย็นจากภายในห้องก็พัดมากระทบใบหน้าของไคและจัมพ์อย่างจัง จนไครู้สึกได้ถึงความเย็นของห้องที่คล้ายคล้ายเปิดตู้เย็นก็ไม่ปาน พอแปปซีเปิดโคมไฟที่มีอยู่หลายอันไคก็สามารถมองเห็นบรรยากาศรอบรอบห้องอย่างชัดเจน ภายในห้องขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่บริเวณกลางห้อง ที่รายล้อมไปด้วยหนังสือกองโตจำนวนมากมาย ตามมุมห้องตามพื้นและพนังห้องที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือทางด้านริมประตูก็เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ ทั้งเล่มใหญ่เล่มเล็กบางมุมบางหลืบก็มีหนังสือที่วางทิ้งไว้จนฝุ่นจับหนาเตอะ แปปซีเล่าว่าห้องนี้เป็นห้องทำงานของลุงเคนโดยเฉพาะ ลุงเคนเอาเวลาส่วนใหญ่คอยซ่อมแซมหนังสือในห้องนี้ เพราะตึกAแห่งนี้เดิมทีเป็นห้องสมุดประจำหน่วยCTSOในสมัยก่อนก็มีคนใช้ห้องสมุดในการค้นหาความรู้กันมากมาย แต่เมื่อมีคอมพิวเตอร์เข้ามา ความสำคัญของห้องสมุดก็เริ่มลดลง ห้องสมุดก็กลายเป็นที่รวบรวมหนังสือที่ไม่มีคนเปิดอ่านเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่มีใครสนใจห้องสมุดแห่งนี้อีกเลย ห้องสมุดแห่งนี้ถูกทิ้งให้รกร้างโดยมีคนดูแลมีแค่เจ้าหน้าที่ CTSO ที่นานนานแวะมาดูสักครั้งหนึ่ง จนเมื่อสี่ปีก่อนลุงเคนได้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่กับตัวอาคารแห่งนี้และตั้งให้เป็นตึกAหรือตึก มด ที่หลายหลายคนเรียกกัน
“ตึกมด ชื่อแปลกดีนะครับ”ไคเอ่ย
“ใช่แล้ว มันคือตึกมดงานยังไงล่ะลุงเคนบอกมา”แปปซีกล่าว
“หนังสือทั้งหมดที่เห็นนี่ลุงเคนซ่อมคนเดียวเลยเหรอครับ”ไคถาม
“ใช่แล้วล่ะ แต่บางทีพวกข้าก็มาช่วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแม่ฮันนี่นั่นแหล่ะที่มาช่วยลุงแกบ่อยสุด”แปปซีตอบ
“ลุงแกไม่เบื่อรึไงนะ เป็นข้าเบื่อตายเลยหนังสือกองพะเนินขนาดนี้”จัมพ์กล่าว
“ไม่เบื่อหรอกถ้าหากเรารู้จักและรักหนังสือ การที่คนเราอยู่กับสิ่งที่เรารักมันจะไม่มีวันเบื่อ ถึงจะเบื่อแต่ก็ไม่นานเราก็จะคิดถึงมันและจะต้องมาหามันจนได้ โฮะ โฮะ”เสียงนุ่มและราบเรียบเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเค้า
หลังจากที่เสียงพูดที่นุ่มและราบเรียบดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นหูพวกเค้าทั้งสามคนเป็นอย่างดี นั่นก็คือเสียงของลุงเคนนั่นเอง พอทั้งสามคนหันหลังไปมองตามทางต้นเสียงเค้าก็เห็นลุงเคน ที่มีรอยสักเต็มแขน สวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงหนังสีดำมันเงามีผมสีขาวทั้งหัวรวมถึงหนวดเครา ในมือข้างหนึ่งถือหนังสือเล่มหนาปกสีน้ำตาลอ่อนดูเก่าเก่า เหมือนเพิ่งที่จะปัดฝุ่นมาเมื่อไม่นานยืนอยู่หน้าประตู
ทันใดนั้นลุงเคนก็ยกมือซ้ายที่ว่างอยู่ขึ้นมาแล้วดีดนิ้วหนึ่งครั้งไคมองเห็นควันขนาดเล็กสีน้ำเงินลอยฟุ้งขึ้น ขนาดเท่าควันจากหัวไม้ขีดไฟ หลังจากจากนั้นลุงเคนก็หายวับไปกับตาจากที่ยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าประตู ทำเอาไคและจัมพ์ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเอามากมาก
“พวกเจ้ารอนานมั้ย”เสียงลุงเคนพูดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงมาจากทางด้านหลังของไคและจัมพ์ เค้าทั้งสองจึงรีบหันไปตามต้นเสียงทันที พวกเค้าทั้งสองก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สองเพราะลุงเคนได้มานั่งอยู่ตรงเก้าอี้โต๊ะทำงาน ที่มีหนังสือกองเต็มโต๊ะไปหมด
“เฮ้ย ลุงมาได้ยังไงลุงเล่นมายากลเหรอ”จัมพ์เผลอหลุดปากพูดออกไปด้วยความประหลาดใจ
“ลุงเคน เอาอีกละชอบแกล้งเด็กมาใหม่อยู่เรื่อยเลย แต่ก็ได้ผลทุกทีสิน่า ดูสิหน้าเจ้าจัมพ์กับไค งงเป็นไก่ตาแตกเลย ฮ่า ฮ่า”แปปซีหัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เห็นจัมพ์ตกใจ
“โฮะ โฮะ ขอโทษที ขอโทษที ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหวจริงจริง ฮ่า ฮ่า”คราวนี้ลุงเคนก็หัวเราะออกมา แปปซีก็หัวเราะอีก ทำเอาไคและจัมพ์ต่างก็มองหน้ากันไปมา แต่ก็ทำให้บรรยากาศที่ก่อนหน้านี้ตึงเครียดเอามากมาก ทำให้ผ่อนคลายลงไปเยอะเลยทีเดียว
“เมื่อกี้มันคืออะไรเหรอข้าไม่เข้าใจทำไมลุงถึงหายตัวได้ล่ะ”จัมพ์ถามต่อ
“โฮะ โฮะ เมื่อซักครู่นะรึ ข้าพเจ้าไม่ได้หายตัวหรอก ข้าพเจ้าแค่เดินมาเฉยเฉย เพียงแต่พวกเจ้าไม่ทันสังเกตต่างหากล่ะ โฮะ โฮะ”ลุงเคนตอบพร้อมกับหัวเราะอีกครั้ง
“ลุงเคนให้พวกเรามารอที่นี่ทำไมเหรอครับ”แปปซีพูดขึ้น
“เปล่าหรอก ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะถามเจ้าหรอกแปปซี แต่สำหรับเด็กหนุ่มสองคนนี่สิ อ่อ แล้วก็เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยนั่นด้วย โฮะ โฮะ”ลุงเคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง พร้อมกับมองไปทางโจเซฟที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของไค
หลังจากนั้นลุงเคนก็สอบถามเรื่องราวต่างต่าง เกี่ยวกับที่มาที่ไปของทั้งสองคนส่วนทางไคและจัมพ์เอง ก็เล่าเรื่องราวต่างต่าง ที่พวกเค้าได้พบเจอมาทั้งหมดก่อนจะมาถึงที่นี่โดยไม่มีการปิดบังแต่อย่างใด ไคเองก็แปลกใจเอามากมากว่าทำไม เค้าจึงเล่าเรื่องราวต่างต่างให้ชายแก่คนนี้ฟังจนหมดโดยไม่ปิดบังอะไรเลย เค้ารู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้เค้าไว้วางใจ ชายแก่ที่ชื่อลุงเคนคนนี้เอามากมาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ