RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  74.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) เหตุผลที่เลือก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แนวป่าไผ่มาก็เป็นลานดินแดงขนาดพอพอกับสนามฟุตบอลแต่มีลูกกรงเหล็กเป็นลายตาข่ายล้อมรอบ

เจ้าหน้าที่วากัซเดินนำหน้าจัมพ์กับไคไม่ห่างมากนักแล้วเค้าก็หยุดลงหน้าอาคารแห่งหนึ่ง อาคารแห่งนี้เป็นอาคารแบบสไตล์ยุโรปแบบโบราณ เป็นสีขาวทั้งหลังมีเสาโรมันขนาดใหญ่สี่เสาอยู่ด้านหน้า ด้านบนอาคารเป็นโดมรูปทรงครึ่งวงกลมขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ส่วนด้านหลังของตัวอาคารเป็นตึกสีเหลืองอ่อนสูงถึงเจ็ดชั้นบริเวณรอบรอบอาคารแห่งนี้มีผู้คนเดินกันขวักไข่วกว่าอาคารอื่นอื่นมาก

“ระวัง”

จู่จู่ก็มีเสียงตะโกนมาจากที่ไหนซักแห่งที่ห่างออกไปจากจุดที่พวกเค้ายืนอยู่ พอจัมพ์ได้ยินก็หันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นลูกบอลขนาดพอพอกับลูกเทนนิสแต่เป็นลูกหนังสีน้ำตาลพุ่งตรงมาทางเค้าพอดี

จัมพ์จึงตั้งท่าเรียกดาบฟ้าสั่งออกมาแล้วฟันลงไปที่ลูกบอลหนังที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว จัมพ์กะเอาไว้ว่าจะฟาดให้ขาดสองท่อนเค้าเล็งไว้บริเวณตรงกลางลูกพอดี แต่ปรากฎว่าพลาดเป้าลูกบอลดังกล่าวพุ่งปะทะเข้าใบหน้าของจัมพ์อย่างจังจนจัมพ์กระเด็นหงายท้องก้นจั้มเบ้าลงไปนั่งอยู่กับพื้น

“จัมพ์เป็นอะไรรึเปล่า”ไคถามในตอนนั้นจัมพ์เอามือกุมหน้าอยู่ เพราะแรงกระแทกของลูกบอลหนังทำเอาจัมพ์ยังมึนมึนอยู่เลย

“ไม่ ไม่เป็นไรแค่มึนหัวนิดหน่อย ใครวะบังอาจขว้างลูกบอลมาใส่ข้าได้”จัมพ์โวยวายพร้อมกับหันไปมองในทิศทางเดียวกันกับทิศทางที่ลูกบอลหนังวิ่งมา

ภาพที่จัมพ์เห็นก็คือสาวน้อยน่ารัก ดวงตากลมโตขนตายาวผิวขาวผมสีน้ำตางแดง ทาลิปสติกสีแดงมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวแต้มจุดสีแดงมัดรวบทำเป็นที่คาดผมของเธอเอาไว้ สวมเสื้อกล้ามสีเทาไว้ด้านในแล้วสวมสูทสีดำทับอยู่ด้านนอก ใส่กระโปรงสั้นสีแดงสด พร้อมกับร้องเท้าบูทหนังสีดำน่าจะสูงราวราวร้อยหกสิบเซนติเมตร น้ำหนักไม่น่าจะเกินสี่สิบห้าดูน่ารักเลยที กำลังวิ่งตรงมาทางเค้า พอหล่อนมาหยุดอยู่ด้านหน้าของจัมพ์เธอก็ก้มหัวขอโทษจัมพ์เป็นการใหญ่

“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงจริงนะคะ เป็นอะไรมากมั้ยค่ะคือมันเป็นอุบัติเหตุนะคะขอโทษจริงจริง”สาวน้อยน่ารักคนดังกล่าวพูดขอโทษจัมพ์แทบจะทุกครั้ง ที่แหงนหน้ามองเค้า

“อ่อ ไม่เป็นไรครับเจ็บนิดหน่อยแต่สบายมาก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”จัมพ์พูดพร้อมกับทำท่าทางเขินอายนิดนิด

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ลุกลุกขึ้นมาได้แล้วเราจะได้ไปอาคารอื่นกันต่อ”เจ้าหน้าที่วากัซพูดขึ้นพร้อมกับเก็บลูกบอลหนังที่ตกอยู่ส่งให้เด็กสาวคนนั้น

แล้วเจ้าหน้าที่วากัซก็หันไปมองตรงสุดทางเดินบริเวณมุมอาคารเค้าก็มองหญิงสาวผมสีดำที่มีรอยสักเต็มแขนกับด็กหนุ่มตัวเล็กผมสั้นที่เจาะหูข้างซ้ายยืนคุยกันอยู่เจ้าหน้าที่วากัซก็ยิ้มที่มุมปากนิดนิด แล้วก็บอกให้เด็กสาวคนนั้นกลับไปได้แล้ว พอเธอได้ยินดังนั้นก็หันมามองจัมพ์ครู่หนึ่งแล้วเธอก็ส่งยิ้มให้เค้าแล้วก็โค้งคำนับอีกทีก่อนจะวิ่งไปในทิศทางเดียวกับที่สองคนนั้นยืนอยู่

“ไค แกเห็นเด็กสาวคนนั้นมั้ย น่ารักเป็นบ้าเลยแกเห็นรึเปล่านิสัยก็ดีแถมน่ารักอีกด้วยที่นี่มันช่างน่าอยู่เสียเหลือเกินฮ่า ฮ่า”จัมพ์เอ่ย

“……...”พอไคได้ยินก็นิ่งเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี

“พวกแกนี่มันช่างโง่ซะจริง โดนผู้หญิงหว่านเสนห์เข้าหน่อยก็หลงเขาหาว่าเขาเป็นคนดีซะละ โดนเค้าหลอกยังไม่รู้ตัวอีก”ชายที่ใส่หมวกไหมพรมเอ่ยขึ้น

“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง อย่ามาใส่ความคนอื่นง่ายง่ายโดยไม่มีหลังฐานนะโว้ย”จัมพ์แสดงความไม่พอใจกับคำพูดของชายที่สวมหมวกไหมพรมออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“แกเห็นผู้หญิงกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงมุมนั่นมั้ย ที่สาวน้อยคนเมื่อตะกี้วิ่งไป คนที่ขว้างลูกบอลหนังมาใส่แกคือผู้ชายคนนั้นต่างหาก เพราะทั้งสองคนพนันกันว่า แกจะป้องกันการโจมตีจากเค้าได้มั้ย

ส่วนเด็กสาวที่วิ่งมาเอาลูกบอลคืนไปนั่นก็มาดูว่าตรงเป้าหมายรึไม่ ปรากฎว่าตรงเป้าพอดีเข้าบริเวณหน้าถือว่าชนะยังไงล่ะ ไอ้พวกหน้าโง่โดนเขาหลอกยังไม่รู้ตัวอีก ฮ่า ฮ่า”ชายสวมหมวกไหมพรมกล่าว

“อย่ามาพูดมั่วมั่วนะโว้ย แล้วพวกข้าจะเชื่อได้ยังไงว่าแกพูดถูก ไร้สาระ”จัมพ์สวนกลับไปเพราะไม่เชื่อในคำพูดลอยลอยของชายหมวกไหมพรม

“พลังความสามารถของข้าก็คือหูทิพย์สามารถฟังเสียงคนพูดคุยกันในระยะไกลได้ไงล่ะ ถ้าไม่เชื่อข้าจะบอกให้ว่าผู้หญิงผมสีดำที่มีรอยสักทั้งแขนเธอชื่อไหมแล้วเจ้าหนุ่มคนนั้นชื่อนัสโกฟิวส่วนสาวน้อยน่ารักคนนั้นเธอชื่อ ตังเม จริงมั้ยครับเจ้าหน้าที่วากัซ”ชายสวมหมวกไหมพรมหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่วากัซ

ส่วนทางเจ้าหน้าที่วากัซยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เอามือขยับหมวกไปมาแล้วก็หันมามองทางจัมพ์

“ที่เจ้าหมวกไหมพรมพูดถูกต้องแล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว

“ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แย่เลยสิ เสียค่าโง่เลยเรา ฮ่า ฮ่า”จัมพ์หัวเราะออกมาทันที ที่หันไปมองหน้าไคแล้วก็เห็นไคหัวเราะออกมาก่อน

“นี่พวกแกไม่โกรธเลยเหรอ พวกแกโดนพวกนั้นเห็นเป็นตัวตลกอยู่นะ”ชายสวมหมวกกล่าว

“ไม่หรอก ถือซะว่าเค้าวางแผนการมาดีเพราะพวกนั้นคงวิเคราะห์และประเมินจัมพ์มาเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากให้หญิงสาวคนนั้นมาขอโทษจัมพ์ ตัวจัมพ์เองจะไม่โกรธแน่แน่ เพราะโกรธไม่ลงถ้าอย่างงั้นก็ถือว่าจัมพ์หลงกลคนพวกนั้นเต็มเต็มยังไงล่ะ ก็ต้องยอมรับว่าหลงกลจริงจริงใช่มั้ยจัมพ์”ไคอธิบายในสิ่งที่เจ้าหมวกไหมพรมยังคงไม่เข้าใจฟัง

แล้วหันไปทางจัมพ์ส่วนทางจัมพ์เองก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มตอบ ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่วากัซมองเห็นเหตุการณ์ก็อดแปลกใจกับพฤติกรรมของทั้งสองคนเอามากมาก

“น่าสนใจจริงจริงเจ้าสองคนนี่”เจ้าหน้าที่วากัซคิดภายในใจ

“เจ้าหน้าที่วากัซครับ คุณยังไม่ได้อธิบายคุณสมบัติของอาคารหลังนี้เลยนะครับ”เจ้าหมวกไหนพรมกล่าว

“จริงหรือนี่ งั้นจะอธิบายให้ฟัง”วากัซกล่าว แต่ทว่าเจ้าหน้าที่วากัซยังไม่ทันอธิบายอะไรเจ้าหมวกไหนพรมก็เดินออกมาจากกลุ่มแล้วก็ร่ำลา ทุกคนแล้วเดินเข้าไปในอาคารทันที

“ที่นี่คือตึกTหรือตึกเสือที่นี่เป็นศูนย์ฝึกผู้มีความสามารถมากมายอีกที่หนึ่ง ที่นี่จะเน้นไปทางสายอาวุธเหมาะกับเจ้ามากเลยนะจัมพ์เจ้าไม่สนใจหน่อยเหรอ ที่นี่มีโรงยิมโรงฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้แขนงต่างต่างมากมาย”วากัซกล่าว

“ข้า แล้วแต่ไคเหมือนเดิม คนจะเก่งฝึกที่ไหนมันก็เก่งเหมือนกันแหล่ะจริงมั้ยไค”จัมพ์ตอบพร้อมกับหันไปทางไคส่วนไคก็พยักหน้าตอบรับ

“ถ้าไม่มีใครสนใจจะฝึกที่นี่แล้วงั้นเราไปดูอาคารต่อไปกันเลยนะ”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าวพร้อมกับเดินออกจากจุดนั้นไปในทิศทางตรงกันข้ามของอาคารTทันที

ทางเดินที่จะไปอีกตึกนั้นเป็นพื้นหญ้าสีเขียวทอดยาวเป็นเส้นตรงไปจนสุดทางเดินไคมองเห็นอาคารเก่าซึ่งตั้งอยู่กลางดงต้นไม้ใหญ่ที่สุดทาง มองเห็นไกลไกลเห็นตัวอาคารหลังคาสีเขียวเล็กนิดเดียว เจ้าหน้าที่วากัซพาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกที่เหลืออยู่สี่คนกับอีกหนึ่งตัวเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าอาคารหลังสุดท้าย

อาคารหลังนี้ดูเหมือนเหมือนกับหลายอาคารทั่วไปเป็นอาคารสูงเพียงสี่ชั้นทางด้านบนเป็นหลังคาสีเขียวตัวตึกดูเก่าเก่า สีหม่นมีรอยแตกรอบตึกและมีต้นไม้จำพวกพันธุ์ไม้เลื้อยต่างต่างมีทั้งสีเขียวสดบางต้นมีดอกสีแดง เหลือง ม่วง สลับสีกันดูสวยงาม งอกทะลุตามรอยแตกของตึก เหมือนกับอาคารร้างที่ไม่มีใครคนอยู่เลย แต่ก็ขัดกับบริเวณรอบรอบตัวอาคารอย่างมากเพราะบริเวณโดยรอบเป็นสนามหญ้าสีเขียวสวยงามความสูงของต้นหญ้าถูกตัดแต่งเท่ากันแถบจะเท่ากันทุกต้นเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี มีโต๊ะที่ทำจากหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่สามตัว บนโต๊ะทั้งสามตัวก็มีตะเกียงแบบโบราณหรือตะเกียงเจ้าพายุจุดไฟภายในตะเกียงเอาไว้ทั้งสามอัน

“ที่นี่คืออาคารหลังสุดท้ายคือ อาคารAหรือเรียกว่าอาคารมดงานก็ได้ ภายในอาคารจะเป็นห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือที่มีประโยชน์มากมายจากทั่วทุกมุมโลกเท่าที่ทางหน่วยงานของเราจะหามาได้เหมาะกับพวกที่ชอบอ่านหนังสือ

อาคารแห่งนี้มีชั้นใต้ดินที่เมื่อก่อนเป็นสนามบาสใต้ดินที่สวยงามแต่ตอนนี้กลายเป็นที่เก็บของไปซะแล้ว มีใครสนใจอยากจะฝึกฝนที่นี่บ้างมั้ยล่ะ”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว

“มีแต่หนังสือ สนามกีฬาก็ไม่มี แล้วใครมันจะอยากเข้าไปฝึกกันล่ะคงมีแต่พวกหนอนหนังสือนั่งตามมุมห้อง ใส่แว่นตาหนาเตอะอยู่กันเต็มอาคารแน่แน่”จัมพ์พูดขึ้นแล้วจึงหันหน้ามามองทางไค

แต่ทางไคกับนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรเค้ายังคงมองสำรวจรอบรอบบริเวณอาคารต่อไปหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่วากัซก็เดินมากระซิบที่ข้างหูไค

“เจ้าไม่สนใจที่นี่เหรอ อาคารแห่งนี้เป็นที่ที่เจ้าหน้าที่พิเศษเรนโบว์เคยฝึกฝนที่นี่จนจบหลักสูตรและได้เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยCTSOยังไงล่ะ”เจ้าหน้าที่วากัซกระซิบข้างหูไค พอไคได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่วากัซบอก ว่าทำไมเรนโบว์เธอถึงเลือกที่จะเรียนและฝึกฝนที่นี่นะถ้าหากเค้าอยากรู้จักเรนโบว์ให้มากกว่านี้ เค้าคงต้องเข้าฝึกฝนที่นี่ไคคิดภายในใจ

“จัมพ์เราเข้าฝึกฝนที่นี่กันเถอะ”ไคพูดกับจัมพ์

“หา แกว่าไงนะไค ที่นี่นะเหรอแกแน่ใจนะที่นี่มันเป็นห้องสมุดชัดชัดจะไหวเหรอวะ ไคแกอาจจะจำอะไรไม่ได้นะข้าจะบอกให้ว่าห้องสมุดมันก็คือห้องที่มีแต่หนังสือเยอะแยะไปหมดมองไปทางไหนก็มีแต่หนังสือมันน่าเบื่อจะตาย ข้าว่าเรากลับไปอาคารก่อนหน้านี้ดีกว่ามีสาวน่ารักด้วยนะ”จัมพ์พูด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา