EMERGENCY GHOST

-

เขียนโดย YBSoulmate

วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.12 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  7,217 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) CHAPTER 1 ,, คนที่ไม่คาดฝัน 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หนึ่ง

คนที่ไม่คาดฝัน

 

          บรรยากาศรอบด้านต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิมในเวลายามเย็น ที่บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลไร้ผู้คน มีเพียงกลุ่มเด็กวัยรุ่นสามสี่คนที่กำลังวิ่งหนีกันกระจัดกระเจิงเพราะเจอฤทธิ์เดชของสิ่งมหัศจรรย์ที่ตามองไม่เห็น ร่างสูงของนาวียืนพิงอยู่บนลำต้นใหญ่ของต้นก้ามปูซึ่งเปรียบเสมือนที่สถิตของพลังลี้ลับที่เหล่ามนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาในขณะที่แผ่กระแสจิตออกไป ทำให้ลมพัดกิ่งไม้ปลิวตกกระทบบนพื้นเสียงดังเกรียวกราว แรงกรรโชกจนใบไม้บนลำต้นพัดหมุนปลิวออกมาเป็นวงสูงราวกับจะเกิดพายุขึ้นก็ไม่ปาน จากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยดลบันดาลให้ทุกความปรารถนาเป็นจริง บัดนี้กลับกลายเป็นต้นไม้ผีสิงที่ผู้คนหวาดกลัว

          ใบหน้าหล่อเหลาของนาวีกระตุกยิ้มอย่างนึกขันสะใจ แต่ก็สงวนท่าทีเอาไว้ภายใต้เกราะกำบังของสีหน้าวางนิ่ง ยิ่งพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้ามากเท่าไหร่ บรรยากาศรอบข้างก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าภายในนัยน์ตาสีเข้มคู่สวยที่มีประกายแปลกประหลาด กลับดูเหงาหงอยพิกล คงเป็นเพราะตอนนี้เขาต้องกลับมาอยู่ตามลำพังอีกครั้ง

          “เหงารึ?”

          การปรากฏตัวของเดธ ยมทูตหนุ่มไม่ได้สร้างความตื่นกลัวให้กับนาวีเหมือนครั้งแรกๆที่พบกัน ยิ่งช่วงเวลาที่ข้อตกลงกับยมทูตใกล้หมดลง เดธก็ดูจะปรากฏตัวถี่ขึ้นกว่าทุกครั้ง ราวกับรอที่จะปลิดชีพเขาเพื่อดูดกินพลังงานวิญญาณ

          “ไม่”

          นาวีเปลี่ยนไปมากจากตอนแรกที่รู้จักเช่นกัน เขานิ่งขึ้น เย็นชาขึ้น และซ่อนความรู้สึกต่างๆได้รวดเร็วมิดชิด ไม่แสดงออกซึ่งความอ่อนแอตามวิสัยของมนุษย์ที่เวลาตายใกล้มาถึง

          “ช่วงนี้อัตราการทำดีของนายดูจะไม่พัฒนาขึ้นเลยนะ”

          ยมทูตหนุ่มผมดำคว้าเอาปืนขนาด .357 มาหมุนควง ยกกระบอกปืนเล็งไปที่ริมกำแพงโรงพยาบาล ก่อนจะหันปลายกระบอกปืนมายังนาวี วิญญาณหนุ่มหรี่ตามองก่อนจะเอื้อมมือไปปัดกระบอกปืนออก เดินเลยร่างยมทูตไปนั่งบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่

          “ถ้าจะมาเตือนความจำ ขอบคุณมาก แต่ผมไม่ได้ลืม”

          “ภายในเวลาแค่เดือนกว่า นายจะทำความดีอีกสี่ครั้งได้ทันเวลารึ? ฉันไม่มีทดเวลานอกรอบหรอกนะ”

          ร่างสูงของยมทูตเดินสาวเท้ามาใกล้ร่างของนาวีที่นั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้ มือหนาของเขาตบเข้าที่หัวของนาวีราวกับหยอกเล่นกับเด็กน้อยแต่ใบหน้ากลับจริงจังน่ากลัว ซึ่งคนเย็นชาเกลียดนักล่ะที่ถูกกระทำแบบนี้ นาวีเลยมองหางตาเหมือนจะค้อนยมทูตอยู่ในที แต่ก็เห็นคนหน้าดุเผยอรอยยิ้มมุมปากที่เสมือนเป็นคำเตือนสุดท้าย

          ร่างในชุดดำของยมทูตกระโดดลงจากต้นไม้อย่างว่องไว ทิ้งตัวลงบนมอเตอร์ไซต์ DUCATI คันใหญ่โตสีดำไม่แตกต่างจากชุดที่สวม สตาร์ทรถเสียงดังกระฮึ่มจนนาวีต้องขมวดคิ้วยุ่ง เดธยกมือซ้ายที่ชูนิ้วกลางขึ้นสูงเหนือหัว มืออีกข้างกำลังบิดคันเร่งมอเตอร์ไซต์ก่อนจะพุ่งตัวหายลับไปในความมืด สร้างความสงสัยให้กับนาวียิ่งกว่าความกังวลเรื่องเวลาที่ไล่บี้เข้ามาทุกที ยมทูตไร้รสนิยมและกวนประสาทแบบนี้ทุกคนรึเปล่า?

          “เฮ้อ”

          ต่อให้นั่งกลุ้มหรือนั่งสงสัยอะไรไป มันก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

          ร่างสูงของนาวียืนขึ้นเต็มความสูง โหนกิ่งไม้ที่อยู่เหนือหัวก่อนจะหายตัวลงมาที่ด้านล่างอย่างว่องไว เรียวขายาวก้าวสั้นๆช้าๆไปตามทางเดินของถนน พบปะกลุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซต์ที่กำลังรวมกลุ่มกันจะไปแข่งสักที่ พบเจอพนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังยืนรอรถประจำทางกลับบ้าน วิถีชีวิตของมนุษย์ที่แตกต่างกันออกไปไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเจ้าของร่างสูงนัก   

          นานๆครั้งเมื่อนาวีตั้งสมาธิได้นิ่งมากพอ เขาก็สามารถหายตัวไปยังที่ที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำได้กะทันหัน แม้จะจำไม่ได้ว่าที่แห่งนั้นมีความสำคัญอะไรกับตน ตอนนี้รอบข้างนาวีรายล้อมไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านไปมาพลุกพล่าน ชายหนุ่มเดินหลบหลีกร่างมนุษย์ที่เดินพุ่งเข้ามาอย่างชำนาญ หายตัวไปปรากฏกายอยู่ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง หยุดยืนมองครอบครัวเล็กๆที่เดินผ่านไป เด็กผู้หญิงที่กอดตุ๊กตาหมีเพราะเป็นของขวัญวันเกิดชี้นิ้วมาที่เขา โบกมือและส่งยิ้มเหมือนเช่นเด็กคนอื่นๆที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ในบางครั้ง สร้างความอบอุ่นใจให้กับคนเย็นชาได้ชั่วขณะ รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนริมฝีปากบางและสลายหายไปกับสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก

          นาวียังคงเดินตามถนนไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบจะเที่ยงคืน ขายาวๆของนาวียังไม่หยุดก้าว เขาไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อย เพราะวิญญาณไร้ความรู้สึกทางกายภาพ เขาไม่รู้แล้วว่าตัวเองเดินมาสุดอยู่ที่ถนนมุมไหนในกรุงเทพ แต่เสียงร้องแหลมสูงที่ดังมาจากในตรอกซอยแห่งหนึ่ง ก็หยุดความสนใจของเขา

          “กรี๊ด!!!!!”

          เสียงแหลมของผู้หญิงบาดแก้วหูของเขาจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหู นาวีหยุดยืนอยู่ตรงปากทางเข้าซอยเปลี่ยว ที่มีกลุ่มผู้ชายอยู่สี่ห้าคนกำลังรุมเข้าหาร่างบางของหญิงสาวกลางวงล้อม

          เธอดูอ่อนแอ…หรือความจริงแล้วเธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด เพราะภาพที่เขาเห็นชัดขึ้นคือหญิงสาววาดกระเป๋าหนังประดับด้วยหมุดเหล็กกระแทกเข้าหน้าผู้ชายที่เข้ามาใกล้ เลือดไหลออกจากจมูกของผู้ชายคนนั้นอย่างน่ากลัว

          สำรวจจากการแต่งตัวคร่าวๆแล้วกลุ่มผู้ชายที่กำลังรังแกผู้หญิงสู้คนคนนั้นอยู่คงเป็นพวกลูกคนมีตังค์ แถวนี้คือย่านสถานบันเทิงไม่ผิดแน่ เพราะอาการปวดหัวและหูของนาวีเกิดจากเสียงหวีดร้องของหญิงสาวและเสียงเพลงหนักๆที่ดังออกมาจากตัวตึกด้านข้าง  

          “ยัยนี่!!”หนึ่งในกลุ่มผู้ชายตะโกนเสียงดัง ชี้นิ้วพุ่งเป้าไปยังหญิงสาว ที่บัดนี้ทำหน้าเชิดเหลือบตามองพวกผู้ชายกลุ่มนี้ราวกับของแสลงที่เหม็นยิ่งกว่าขยะข้างทาง

          “ไอ้ขี้หมา!”เธอประกาศกร้าวด่ากราดใส่หน้าพร้อมกับถ่มน้ำลายลงพื้น

จ้องเขม็งด้วยหางตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย จากฝ่ายไล่บี้คนอื่น เมื่อถูกสบตาด้วยสายตาอย่างนั้น ก็เสมือนกับถูกตบหน้าด้วยดวงตากลมโตจิกหยิ่ง ชายหนุ่มผู้เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มโกรธจนตัวสั่น เงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าและกระชากแขนของหญิงสาวให้ไปกับตัว

          นาวีอ่านการเคลื่อนไหวทั้งหมดนั่นออก แต่ไม่ได้ไหวตัวคิดจะเข้าไปช่วยเหลืออะไร ภายในจิตใต้สำนึกครึ่งหนึ่งเขาคิดว่าควรเข้าไปช่วย แต่จิตใต้สำนึกอีกครึ่งที่มีอำนาจมากกว่าบอกกับเขาว่าหล่อนสมควรโดนแล้ว เพราะปากปลาร้าขนาดนั้น 

          เพี้ยะ!!

          เสียงฝ่ามือดังสนั่น แต่หากใช่ฝีมือของชายหนุ่มที่ฟาดมือลงบนใบหน้าสวยของร่างบางไม่ เป็นฝีมือของเจ้าหล่อนที่ฉวยโอกาสตบเข้าที่สันแก้มคมของอีกฝ่ายก่อน เธอตัวสั่น เต็มไปด้วยความโกรธ

          “จะตบฉันเหรอ! กล้าตบใบหน้าสวยเลิศของดาราระดับชาติ คิดว่าตัวเองมีปัญญารับผิดชอบใบหน้าสวยๆนี่เหรอไง!!”

          นิ้วเรียวยาวชี้เข้าหาหน้าตัวเอง เจ้าหล่อนกำลังชื่นชมใบหน้าตัวเองอย่างไม่ปิดบัง นาวีไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเจ้าหล่อนมีใบหน้าที่สวยจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้แอบย่นจมูกอย่างรังเกียจคำพูดของเธอ

          ไม่รอช้าเจ้าของร่างบางพุ่งเข้าไปกระชากหนังหัวอีกฝ่ายมาขย้ำไม่ต่างจากนางแมวป่า เมื่อเห็นท่าไม่ดีลูกพี่ถูกหญิงสาวกระชากหัว พวกลูกน้องอีกสามคนก็เข้าไปช่วยรั้งร่างของหญิงสาวเอาไว้ เจ้าหล่อนไม่ละพยายาม กระโดดเตะขาลอยสองขาคู่ทั้งๆที่ถูกหิ้วปีกอยู่

          “หนอย!!”ชายอันธพาลเมื่อเป็นอิสระจากการถูกทรมาน ยกนิ้วชี้ไปหาร่างบางที่ตกอยู่ใต้การควบคุม

          “เธอรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นลูกใครน่ะฮะ!! นังบ้า”

          “ถุย! ขนาดลูกชายเจ้าของสายการบินตามจีบฉันมาเป็นปีๆฉันยังไม่สน แล้วไอ้ลูกกระจ๊อกอย่างนาย ฉันจะสนใจไปทำไม!”

          ฟังดูมีเหตุผล แต่เฮ้ย!! แม่คนนี้กำลังดูถูกพวกเขาอยู่นี่!!

          “ปากดีนักนะนังบ้านี่ เฮ้ย จับขึ้นรถ แล้วดูให้แน่ใจว่าจะไม่แผลงฤทธิ์ระหว่างทาง!”

          หัวหน้ากลุ่มอันธพาลร้องบอก กวักมือสั่งให้ลูกน้องทั้งสามช่วยกันแบกร่างของหญิงสาวที่ดิ้นสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดไปที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหลังตึก แต่แล้วการเคลื่อนไหวทุกอย่างก็ต้องหยุดลง เมื่อหญิงสาวหันใบหน้าสวยหวานนั่นไปหาร่างๆหนึ่งที่ยืนดูสถานการณ์ไม่ขยับไปไหน

          “คุณ!! คุณไม่คิดจะช่วยผู้หญิงอ่อนแอที่กำลังเดือดร้อนเลยรึไง!!”

          เหล่าชายหนุ่มหยุดชะงักแน่นิ่งเหมือนต้องสาป เพราะนอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครที่ยืนอยู่บริเวณนี้อีก แล้วหญิงสาวเรียกหาใคร??

          “มนุษยธรรมน่ะมีมั้ย!! หรือถ้าไม่มี คุณก็ช่วยฉันเอาเงินก็ได้ อยากได้เท่าไหร่ก็บอก ฉันให้ไม่อั้นเลย!! ฉันอลินไง! ซุปตาร์แห่งชาติน่ะ”

          จนถึงตอนนี้นาวีรู้แล้วว่าหญิงสาวหมายถึงตน เธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยการขู่บังคับมากกว่าการอ้อนวอน แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มกลับไม่สนใจมารยาทของเธอที่เข้าขั้นแย่ เขากลับกำลังสับสนมึนงง เธอมองเห็นเขาได้อย่างไร? ทั้งๆที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดมองเห็นเขามาก่อนถ้าไม่นับพวกเด็กๆ  

          “ยัยนี่พล่ามอะไรน่ะ”

          ร่างของหญิงสาวสะบัดหลุดออกจากการเกาะกุมในที่สุด เพราะกลุ่มอันธพาลเหล่านี้กำลังมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่เห็นใครอื่นยืนอยู่ตรงนั้นเลยสักคน หล่อนคงกำลังสับสนหรืออาจจะกุเรื่องขึ้นมา

          “เฮ้ย มัวรออะไรอยู่วะ รีบๆพาตัวไป!!”

          เสียงสั่งของคนเป็นหัวหน้าเรียกให้พวกลูกน้องได้สติ อลินสัมผัสได้ถึงความซวยที่กำลังมาเยือน เธอถูกอุ้มขึ้นพาดบ่าเพื่อกันไม่ให้หนีไปไหนรอด หญิงสาวคิดอย่างว่องไว ตั้งสติก่อนจะเริ่มแหกปากร้องเสียงลั่น

          “กรี๊ด!!! คุณ!!! คุณกำลังจะไปตามตำรวจใช่มั้ย!!! ด่วนเลยนะ นี่ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่!!! ซุปตาร์สาวจะโดนอุ้ม โอ๊ย พวกแฟนคลับฉันจะต้องตามมาเอาเรื่องพวกแกแน่ๆเลย กรี๊ดๆๆ”

          หญิงสาวไม่ได้แหกปากร้องเหมือนคนขาดสติ แต่เธอกลับกำลังแหกปากร้องเสมือนกับเพ้อเจ้อเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ผ่านสมองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งยังฮัมเพลงตบท้ายอย่างสบายใจเฉิบ เมื่อพวกลูกน้องของนายอันธพาลเริ่มหยุดการเคลื่อนไหว

          “มะ…มีใครอยู่ตรงนั้นเหรอ?”

          คนที่แบกเธอพาดบ่าเอาไว้ร้องถามอย่างสั่นกลัว เขามั่นใจว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้นอกจากพวกเขาเอง แล้วเธอมองเห็นใครกันแน่ ยิ่งคิดก็พลันสบสายตาเข้ากับนัยน์ตากลมใสที่บัดนี้เจ้าของมีสีหน้าจริงจังขึงขังจนน่ากลัว

          “พวกนายมองไม่เห็นเหรอ? มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังโทรเรียกตำรวจอยู่ตรงนั้นนะ”

          อลินฉีกยิ้มหวานเจี๊ยบเสมือนรอยยิ้มเคลือบยาพิษตบท้ายเมื่อเป็นไปตามแผนที่คิด ร่างของเธอถูกทิ้งลงกับพื้นดังอั่ก! ก่อนที่พวกอันธพาลจะพากันวิ่งหนีกระเจิงเหมือนหมาจุกตูด หญิงสาวร้องโอดโอย หมายจะหันไปด่าชำระความกับพวกที่กล้าทำร้ายร่างกายของดาราสาวระดับชาติอย่างหล่อน แต่เธอมีแค้นต้องชำระกับหมอนั่นเสียก่อน!!

          “คุณ!! ไม่รู้เหรอไงว่าฉันเป็นใคร!!!”

          ใบหน้าสวยสะบัดหันไปตรงบริเวณทางเข้าตรอกที่เปลี่ยวมืด แต่ทว่าร่างสูงของชายหนุ่มคนนั้นกลับหายไปแล้ว…มันประหลาดมากจนทำให้คนใจแข็งอย่างหล่อนรู้สึกสะท้าน ขนลุกซู่ไปทั่วกาย แม้เธอจะมั่นใจว่ามองเห็นเขา แต่เขากลับดูเหมือนไร้ตัวตนในสายตาคนอื่น หรือว่า…เขาจะไม่ใช่คน?

   

          นาวีเคลื่อนย้ายร่างตัวเองออกมาได้อย่างรวดเร็ว ร่างของเขามาโผล่อยู่ที่บริเวณผับแห่งหนึ่งที่ถูกตกแต่งด้วยสีน้ำเงินตัดดำ บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน เสียงเพลงที่มีจังหวะกลองหนักๆนั้นคล้ายกับเสียงการเต้นหัวใจของเขาที่เต้นรัวตุ้บๆ ชายหนุ่มรวบรวมสมาธิอีกครั้ง ก่อนจะหายตัวหลบหลีกร่างของมนุษย์ที่เต้นเบียดเสียดกันราวกับปลากระป๋องออกมาโผล่ตรงบริเวณวีไอพีของผับ

          “นายรู้ว่าจะหาฉันได้ที่ไหนนี่หว่า”

          เสียงเข้มของเดธดังขึ้น เจ้าตัวกำลังนั่งจิบเหล้าฟรีอยู่บนโซฟาสีดำสลับขาว นาวีไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างโปรงใสเป็นวิญญาณของเขาพุ่งตรงเข้าไปหาเดธ มือหนาขยุ้มคอเสื้อของยมทูตเอาไว้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยคำถามใคร่รู้

          “ทำไม…ทำไมเธอถึงมองเห็นผม”

          “ใคร?”ยมทูตเลิกคิ้วข้างเดียว ท่าทียียวนกวนประสาท หากมนุษย์คนอื่นมองมา ก็คงจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากร่างสูงของยมทูตที่กำลังนั่งเลิกคิ้วยกเหล้าขึ้นจิบอยู่

          “ผู้หญิง...คนหนึ่ง”

          นาวีรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเอง เขาจำชื่อหล่อนไม่ได้ แม้หล่อนจะประกาศตนว่าเป็นดาราระดับชาติอะไรนั่นก็เหอะ! เดธหัวเราะหึในลำคอ ปัดมือหนาของนาวีออกเพียงขยับเล็กน้อย แต่ส่งผลให้ร่างโปรงใสของวิญญาณหนุ่มเซถอยหลังออกไป ร่างสูงของเดธลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยับปกคอเสื้อให้เข้าที่ นัยน์ตาสีเข้มดุดันเหลือบสายตามองอีกฝ่าย ขยับปากเพียงสั้นๆ

          “มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของยมทูต”

          และทันใดนั้นร่างของยมทูตหนุ่มก็หายไปต่อหน้าต่อตาของนาวี เช่นเดียวกับคำตอบของคำถามที่ว่า ‘เธอ’ คนนั้นมองเห็นเขาได้อย่างไร? และเธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาตอนยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา