attention มนุษย์คนนี้ของฉัน
-
เขียนโดย FP_JUNSEUNG
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.28 น.
6 chapter
1 วิจารณ์
11.87K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 00.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) มนุษย์คนนี้ของฉัน intro
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความintro
“อ้อนแกคิดยังไงถึงพามาทริปในป่าในเขาแบบนี้เนี่ย” เด็กหนุ่มเอ่ยปากบ่นเพื่อนตัวดีที่เป็นคนเสนอทริปในป่าแถมเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเห็นด้วยอีกต่างหาก พวกเรามักจะไปเที่ยวด้วยกันเสมอโดยเฉพาะช่างปิดภาคเรียนยาวๆแบบนี้
“อย่าบ่นน่าเวย์อยู่ป่าแบบนี้ล่ะดีแล้วฉันล่ะเบื่อทะเลเต็มทน ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” เวย์หน้างอทันทีที่โดนขัดใจ เป็นพวกเข้ากับป่ากับเขาไม่ค่อยได้ ไม่ชอบอะไรที่มันลำบากไม่สะดวกสบาย ก็ได้แต่หน้างอเท่านั้นแหละยังไงก็ต้องมากับเพื่อนอยู่ดี
“เออๆไม่บ่นแล้ว งั้นฉันออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ”
“อย่าออกไปไหนไกลล่ะชวนไอ้มาร์คไปด้วยก็ได้” ร่างบางพยักหน้าเป็นอันรับรู้ อ้อนบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะเป็นคนที่ชอบอะไรท้าทายมีประสบการณ์ในป่าในเขามาก่อนมันรู้เสมอว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรไปไหนไกลหรือเดินคนเดียว แต่เวย์ก็ไม่ได้คิดที่จะไปไหนไกลแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง เวย์เดินไปหยิบไฟฉายในกระเป๋าแล้วออกจากตัวเต็นท์แขนทั้งสองข้างกางเหยียดออกให้รู้สึกผ่อนคลาย ถือไฟฉายเดินไปรอบๆเลี่ยงออกจากที่พักและเพื่อนที่กำลังนั่งคุยกันหน้าไฟดวงใหญ่ เลื่อยเปื่อยจนไปถึงลำธาร
“ธรรมชาติ... เฮ้อ มันก็สวยอยู่หรอกแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกนี่สิเลยไม่อยากมาเท่าไร” ถึงปากจะบ่นแต่ความรู้สึกข้างในจริงๆตอนนี้ก็ผ่อนคลายไม่น้อย อากาศที่บริสุทธิ์ ไร้ฝูงชน ไร้ควัน แสง สี เสียงก็ดีไม่น้อย พอค่ำแสงก็ส่องลงมาพอให้เห็นทาง ร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ลำธารยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเล็กน้อยเมื่อสายลมอ่อนๆพัดมากระทบผิวเนียนจนเริ่มรู้สึกหนาวคิดว่าน่าจะกลับที่พักได้แล้ว
“นั่นมันหิ่งห้อยหนิ” ยังไม่ทันจะไปไหน เห็นสิ่งตรงหน้าก็ยิ้มกว้างออกมาเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ เขาเองก็แทบไม่เคยเห็นหิ่งห้อยตัวเป็นๆเลยด้วยซ้ำเพราะอยู่ในชุมชนเมืองที่มีแสงสว่างตาจนแทบไม่เห็นหิ่งห้อย เวย์วิ่งข้ามลำธารที่มีโขดหินโผล่ขึ้นเหนือน้ำเป็นทางตามฝูงหิ่งห้อยไป สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เหมือนติดหลอดไฟไว้กับตัวบินรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ทำให้บริเวณรอบๆดูสว่างตาไปหมดร่างบางเหมือนถูกต้องมนต์สะกด มือเผลอเอื้อมไปเล่นกับสัตว์ตัวจิ๋ว แมลงตัวเล็กๆแต่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้ขนาดนี้ ยืนอยู่ในวงล้อมหิ่งห้อยเดินตามไปเรื่อยๆแทบไม่ได้มองทางเลยด้วยซ้ำ แมลงตัวเล็กเริ่มบินหายไป ร่างบางหยุดชะงักเหมือนเขาจะเดินมาไกลจากที่พักแล้ว จนในที่สุดหิ่งห้อยก็บินหายไปจนหมด เวย์เริ่มหน้าถอดสีที่ตอนนี้ตัวเองยืนอยู่กลางป่าและคงหลงป่าเข้าแล้วแน่ๆ เขาตั้งสติมองไปรอบกายแต่ก็มีเพียงความมืดที่รอบด้าน เขามีเพียงไฟฉายกระบอกเล็กในมือที่พอจะส่องทางได้บ้าง เขาตัดสินใจเดินตามทางเรียบที่มีต้นหญ้าขึ้นน้อยๆไปเรื่อยๆได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าน่าจะยังอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร แต่ยิ่งเดินก็เหมือนทางไม่สิ้นสุดยิ่งเดินยิ่งเงียบเข้าไปทุกทีไม่เจอแสงไฟจากที่พักตัวเองกับเพื่อนเลย เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยเต็มทน ทั้งที่อากาศเย็นแต่เหงื่อยังผลุดขึ้นตามไรผมและใบหน้าเรียว
“อ้อน! มาร์ค! พวกแกอยู่แถวนี้ไหม” ตัดสินใจตะโกนเรียกแทนตอนแรกกลัว กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงหรือทำอะไรแต่ตอนนี้เขายิ่งกลัวเข้าไปใหญ่กลัวว่าจะไม่มีใครมาเจอตัวเอง กลัวว่าจะไม่ได้เจอใครอีก
“เฟรส ได้ยินฉันไหม ไอ้อ้อน ไอ้มาร์ค ฮึก” เวย์ทรุดตัวลงกับพื้นตาร้อนผ่าวน้ำใสๆเริ่มไหลอาบแก้มเนียน
“ฉันกลัว ฮึกไม่เอาแบบนี้ ไอ้อ้อน ไอ้มาร์ค.... พวกแกได้ยินไหม” เขาลุกขึ้นเดินต่อแต่ได้ไม่เท่าไรก็รู้สึกเหนื่อย ตอนออกจากที่พักก็ไม่ได้กินอะไร ตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิวคอเริ่มแห้งอยากจะดื่มน้ำ น้ำใสที่เอ่อล้นดวงตามองทางแทบจะไม่ชัด เวย์ตัดสินใจจะนั่งพักใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ทันทีที่กำลังจะนั่งลงร่างบางก็ต้องชะงัก หน้าเริ่มซีดเผือกยืนตัวเกร็งดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เจอ
“งะ..งู...อ๊ากกกกกก งู ไม่ ออกไปปป อะ อื้อออ” เวย์แหกปากร้องลั่นด้วยความตกใจที่เจองูเขาไม่ค่อยถูกกับสัตว์เลื้อยคลานเท่าไร แต่อยู่ๆมือใหญ่ก็มาปิดปากเขาไว้จากทางด้านหลังด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาเซไปกระทบอกแกร่งอย่างง่ายดาย
“อยากตายรึไง แหกปากอยู่ได้” เวย์สะดุ้งเพราะน้ำเสียงออกไปทางดุและไม่คิดว่าจะมีใครอยู่แถวนี้ถึงคำพูดของอีกคนจะดูไม่น่าฟังเท่าไรแต่ลึกๆเขาก็ดีใจอย่างน้อยก็มีคนมาเจอเขาในป่าแบบนี้แถมงูยังเลื้อยหนีไปทันทีที่ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้น พอเห็นว่าร่างบางเริ่มนิ่งเงียบมือหนาก็ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ เวย์หันมามองหน้าอีกคนแต่ก็อดตกใจไม่ได้ ใบหน้าคม ดวงตานัยมืด ร่างสูงใหญ่หาที่ติแทบไม่ได้ ถ้าไม่นับเรื่องปากนะ
“เอ่อ นายเป็นใคร พราน? ชาวบ้าน? ไกด์หรืออื้ออ” อีกครั้งที่มือใหญ่ปิดลงบนปากร่างบางที่พูดไม่หยุด
“บอกให้เงียบไง ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละ ฉันไล่งูไปแล้วจะไปไหนก็ไปแต่อย่ามาแหกปากในป่าตอนกลางคืนแบบนี้” เวย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ร่างสูงปล่อยมือออกแล้วทำทีเหมือนจะเดินหนีแต่เวย์ก็ยื้อไว้
“เดี๋ยวสิ คือฉันหลงทาง” เขาลดน้ำเสียงให้ดูเบาลงเพราะกลัวร่างสูงจะปิดปากอีก
“หลงทาง? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” บอกออกไปอย่างไม่ใส่ใจเพราะจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาอยู่แล้ว
“อ่าว ก็ต้องไปส่งสิ จะให้ฉันอยู่ในป่าแบบนี้หรือไง เรื่องเงินไม่ต้องห่วงฉันจ่ายให้แน่”
“หึ เงินของมนุษย์ฉันไม่อยากได้หรอก”
“นายนี่พูดแปลกๆ เงินใครเขาก็อยากได้ทั้งนั้นแหละจะเอาเท่าไรก็ว่ามา” ตอนแรกว่าจะพูดดีๆด้วยแล้วนะแต่ท่าทีกวนโอ๊ยนี่มันอะไร
“บอกให้หุบปากไง แล้วก็ไปได้แล้ว”
“ก็บอกว่าหลงทางไง!จะให้ไปไหนล่ะ บ้าหรือเปล่าฟังภาษาคนไม่ อื้อออ”
“ชู่... เงียบ” เขารีบปิดปากร่างบางไว้มืออีกข้างรวบเอวอีกคนเข้ามาในอ้อมแขนยืนชิดหลังต้นไม้ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครที่ใกล้เข้ามา
“อยู่นิ่งๆ” จับร่างบางนั่งลงมือหนาหอบดินข้างต้นไม้ลูบตามแขนตามลำตัวร่างบางอย่างลวกๆพอกลบกลิ่นมนุษย์ของร่างบางที่เขาเองยังรู้สึกว่ามันฟุ้งไปทั่วบริเวณรอบๆป่า
“อะไร นายเอาดินมาใส่ฉันทำไมเนี่ย” เวย์โวยวายปัดดินที่เลอะตามตัวออก
“เงียบน่า ถ้าไม่อยากตาย”
“แต่...” กำลังจะลุกแต่ร่างสูงก็กดลงให้นั่งท่าเดิม
“อยู่นิ่งๆ อย่าออกมาถ้าฉันยังไม่เรียกเข้าใจไหม” เวย์มองพฤติกรรมแปลกๆอย่างไม่เข้าใจ คนตรงหน้าคิดจะเล่นอะไรกันแน่
ร่างสูงเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่เผชิญหน้ากับชายหนุ่ม 2 คนที่เดินผ่านมา เวย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนผ่านมาแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย ทุกการกระทำและคำพูดร่างบางยังคงแอบฟังบทสนทนาอย่างไม่เข้าใจ
“ไอ้ไพร์ มาเพ่นพ่านอะไรแถวนี้” ชายอีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนคือไพร์เหมือนจะรู้จักกันดีแต่สายตาน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเลยสักนิด
“ออกมาเดินเล่น กูไม่ได้ไปล้ำถิ่นพวกมึงหนิ พวกมึงมาทำอะไรแถวนี้”
“กูได้กลิ่นมนุษย์ ก็แค่ตามมากลิ่นยั่วชิบหาย....”
“กูจัดการแล้วของๆกูพวกมึงอย่ายุ่งจะดีกว่า” ร่างบางที่กำลังฟังอยู่ตาเบิกกว้างที่ได้ยินแบบนั้น อะไรกันบทสนทนาแบบนี้เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม 3 คนนี้คงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆเหมือนเขาแน่ เวย์ตั้งสติก่อนจะเลี่ยงไปอีกทางถอยห่างต้นไม้ช้าๆพอรู้สึกว่าห่างจากพวกนั้นก็รีบวิ่งทันทีตอนนี้เหนื่อยเหลือเกินอยากจะร้องไห้ออกมาให้มันหมดเขารู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูกเขาคงไม่รอดแล้วใช่ไหมเขาคงไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก คงไม่ได้เจอกันอีกสินะ
“พวกมันตัวอะไร ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ใครก็ได้ช่วยฉันทีฉันอยากหลับบ้านฮึก” ร่างบางร้องไห้ออกมาแต่ไม่หยุดวิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆไม่มีแม้จุดมุ่งหมายแต่ตอนนี้รู้แค่ว่าต้องอยู่ห่างพวกนั้นให้มากที่สุด ยังไม่อยากตายหรืออยากเป็นอาหารของใคร
-----------------------------------------------------------
พอร่างสูงคิดว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยกลับมาดูที่ที่ร่างบางเคยอยู่แต่ก็ไม่พบใคร
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ นายคงอยากตายจริงๆ ผิวนายกลิ่นมันหอมซะขนาดนั้นใครไม่ได้กลิ่นก็บ้าแล้ว” ไพร์คิดว่าจริงๆแล้วก็ไม่อยากจะยุ่ง มนุษย์ก็มักทำอะไรโง่ๆนี้เสมอ อ่อนแอ ขี้โวยวาย ไม่มีสติชอบคิดไปเอง ละสายตาจากต้นไม้เดินไปบ้านที่ตัวเองอยู่คืนนี้เขาแค่ออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยแต่พอได้กลิ่นหอมฟุ้งจากตัวร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะตามมาดู
“อ๊ากกกกกกกก” เสียงร้องลั่นกลางป่าของใครอีกคนดังขึ้น เขารู้ดีว่าเสียงใครถึงจะได้ยินไม่กี่ครั้งแต่เสียงแหกปากตอนกลางคืนแบบนี้คงไม่มีใครอีกแล้ว พยายามไม่สนใจเขาไม่อยากมีปัญหากับพวกหมู่บ้านลอนด์เท่าไร เสียงร่างบางยังคงร้องให้ช่วยไม่หยุด ตอนนี้ไพร์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรกันแน่ ตัดสินใจรีบวิ่งไปตามเสียง เขาเองก็ไม่ใช่มนุษย์เพียงเวลาไม่ถึงนาทีวิ่งตามกลิ่นที่โชยมา มาหยุดบริเวณที่ร่างบางอยู่ กำลังถูกจับโดยพวกที่เขาเจอก่อนหน้านี้ไพร์คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นพวกนี้แน่ๆพวกหมู่บ้านลอนด์
“ปล่อยมนุษย์นี่ไปซะ” พูดออกเสียงกร้าวเป็นเชิงห้ามสองตัวที่มีทีท่าว่าจะกัดลงบนผิวร่างบางชายทั้งสองหันมายิ้มเมื่อไพร์บอกห้าม
“หึ อย่าพูดให้ขำน่าแกจะไปไหนก็ไป” ร่างบางสะอึกร้องไห้หนักน้ำตาไหลไม่หยุดเพราะกลัว กลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็กลัว3คนตรงหน้าไม่ไว้ใจใครเลยสักคน
“มันเป็นของกู กูไม่อยากมีปัญหานะแต่มึงต้องปล่อยมัน” ไพร์บอกอีกครั้ง ชายคนนั้นไม่สนใจง้างปากบริเวณลำคอขาว ปากอ้ากว้างปรากฏเขี้ยวแหลมคมชัดเจน
“ปล่อยซะนี่ของกู” ไพร์เดินเข้าไปดึงแขนชายอีกคนออก
“มึงกล้าหรอ” ชายคนนั้นสะบัดแขนออกจากมือร่างสูงแล้วชกหมัดเข้าเต็มแรง หน้าคมเอียงไปตามแรงหมัดสะทบในลำคออย่างหัวเสีย
“กูเตือนแล้วนะ” ร่างสูงหันมาพูดด้วยความโมโหดวงตาคมฉายแววโกรธชัดเจนก่อนจะแยกเขี้ยวที่ยื่นออกมา ซัดหมัดต่อยผู้ชายตรงหน้า 2 ทีเลือดไหลตามมุมปาก บีบคออีกคนด้วยความแรงจนแผ่นหลังชายคนนั้นกระทบกับตันไม้อย่างแรง หลังมือร่างสูงมีเส้นเลือดปรากฏขึ้นเพราะแรงในการบีบ
“บอกเพื่อนมึงปล่อยได้รึยัง” ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกถึงจะมากัน2คนแต่รู้ว่าตอนนี้สู้ชายตรงหน้าไม่ได้แน่
“ป..ปล่อยมัน”
“ได้ไงวะ เราเจอก่อนหนิ” ถามขึ้นเพราะความเสียดาย ไม่ค่อยมีเหยื่อที่เป็นมนุษย์มาให้ล่าบ่อยๆ
“ปล่อยมัน มึงอยากให้กูตายรึไง” ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมปล่อยมือจากร่างบาง
“ฝากไว้ก่อนนะมึง” หลังจากที่ร่างสูงปล่อยเพื่อนของมันเป็นอิสระ ก็ชี้หน้าคาดโทษแล้ววิ่งหายไปในป่าลึกทันที
“เป็นอะไรไหม” ร่างสูงหันมาถามร่างบางที่ตอนนี้ยังร้องไห้ไม่หยุด พอเวย์หันมามองหน้าร่างสูงก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“เอ่อ เฮ้ยๆอย่าร้อง”
“ฮือออออออฮึกฮือออออ” ร่างสูงเริ่มทำอะไรไม่ถูก ร่างบางแหกปากร้องออกมาไม่หยุด
“โธ่โว๊ย จะร้องไห้ทำไมฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย โดนกัดรึป่าว” ยิ่งได้ยินเสียงร้องยิ่งหัวเสียแต่ก็ปรับน้ำเสียงให้นิ่งสำรวจร่างบาง แต่ร่างบางกลับถอยห่างตัวสั่น ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง” ร่างสูงก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ชอบให้เขาขู่รึไง ร้องไห้อยู่นั้นแหละ
“ฮึกไม่ ไม่เป็นไรฮืออ... ”
“อะไรว๊ะ เป็นผู้ชายแท้ๆจะร้องอะไรนักหนา บอกว่าให้หยุดร้องอยากตายใช่ไหมเดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินกันหมด” พูดแค่นั้นร่างบางก็ยกมือปิดปากตัวเองแน่นพยายามไม่ปล่อยเสียงให้รอดออกมามีเพียงเสียงสะอึกเท่านั้น
หึ ร่างสูงรู้สึกขำคนตรงหน้าคงจะชอบให้ขู่จริงๆสินะ เป็นผู้ชายแท้ๆเรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้
“ชื่ออะไร นายหน่ะ” พอถามไปแล้วไม่ตอบร่างสูงก็เริ่มหงุดหงิดไม่ได้พิศวาสอยากคุยกับมนุษย์ขนาดนั้นนะโวย เข้าใจยากชิบ
“ไม่ทำอะไรหรอกน่า ถ้าจะกินก็กินไปนานแล้ว คงไม่มาช่วยให้โดนต่อยแบบนี้หรอก” เวย์มองใบหน้าร่างสูงที่มีเลือดซิบมุมปากเล็กน้อย มองคนตรงหน้าด้วยความลังเล
“ เวย์ ฉันชื่อเวย์”
“อื่ม ฉันไพร์ เท่าที่นายเห็นนั้นแหละฉันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาหรอกจะเรียกว่าเป็นตัวอะไรก็ตามใจ แวมไพร์ ผีดิบ ปีศาจ หรืออสูรกาย” ว่าพรางถอดแจ็คเก็ตตัวใหญ่ห่มให้ร่างบางคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นแถมเสื้อที่ร่างบางใส่ก็บางจนรู้สึกหนาวแทน
“น..นาย ช่วยฉันทำไม” เวย์ถามเพราะความสงสัยจริงอยู่ว่าถ้าจะกินก็กินได้เลย จะช่วยเขาทำไมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ไม่รู้สิ ได้ยินเสียงร้องนายร้องแหกปากแล้วมันขัดหูก็เลยมา” ไพร์พูดตามความรู้สึกเสียงร่างบางมันขัดหูเขาจริงๆ
“ขอบคุณ”
“อืม ว่าแต่ทำไมมาอยู่ในป่าแถบนี้ ไม่ค่อยมีมนุษย์เข้ามาในแถบนี้เท่าไร” แถวนี้มันอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์
จะเรียกว่าเป็นโลกอีกด้านกับโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้
“ตามหิ่งห้อยมา แล้วก็หลงทาง”
“มนุษย์ก็อย่างนี้ล่ะน๊าไม่ค่อยระวังตัว แต่ว่าหากเข้ามาในเขตหวงห้ามแบบนี้แล้วมันยากนะที่จะออกไป”
“แล้วต้องทำยังไง ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้ อยากกลับบ้าน นายเอ่อ..ไพร์ พาฉันกลับบ้านได้ไหม”
“คือ ถ้านายอยากออกไปคงต้องรออาทิตย์หน้า”
“ทำไม แล้วฉันจะอยู่ยังไง ทำไมต้องอาทิตย์หน้า ฉันอยากกลับบ้าน...” เขาอยู่ในป่าแบบนี้ไม่ได้ ยอมรับเลยว่าที่บ้านอยู่สุขสบายมีพร้อมทุกย่าง ถ้าให้มาอยู่ในป่ากะทันหันแบบนี้มีหวังตายก่อนถึงอาทิตย์หน้าแน่
“นายเข้ามาในป่านี้แถมโดนพวกหมู่บ้านลอนด์จับตัวได้ ตอนนี้คงโดนหมายตาไว้แล้ว ปีศาจอย่างพวกฉันรับแสงได้อ่อนๆในเวลากลางวัน พอถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงทุกคนจะอยู่ในที่พักแวมไพร์จะไม่ออกนอกที่พักเด็ดขาดแสงจันทร์จะทำให้เราอ่อนแอไม่ต่างกับมนุษย์ธรรมดาๆ แต่วูฟจะแข็งแรงมันมีเพียงตัวเดียวในป่านี้ คิดว่าคงไม่ซวยขนาดเจอวูฟในคืนจันทร์เต็มดวงหรอก เพราะงั้นถ้าอยากจะออกไปอย่างปลอดภัยก็คงรออาทิตย์หน้า”
“แล้วฉันจะอยู่ในป่าแบบนี้ได้ยังไง ฉันอยากกลับบ้านฮึกพาฉันกลับนะฉันอยู่ในนี้ไม่ได้” พออีกคนเริ่มร้องไห้ไพร์ก็ไม่มีทางเลือกบอกตรงๆไม่ชอบน้ำตาคนตรงหน้าเลยเป็นมนุษย์ผู้ชายประสาอะไรร้องไห้อยู่ได้
“ไม่ต้องห่วงจากนี้ไปฉันจะดูแลนายเอง”
“จริงๆนะสัญญาแล้วนะ” เวย์โผลเข้ากอดไพร์เต็มแรงด้วยความดีใจ เขาจะไม่ตายแล้วใช่ไหม คงไม่โดนกินก่อนที่จะกลับถึงบ้านใช่ไหม นายคนเดียว ไพร์ คนที่ฉันไว้ใจที่สุดในตอนนี้
“อืมสัญญา หยุดร้องได้แล้ว”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
#มนุษย์คนนี้ของฉัน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
“อ้อนแกคิดยังไงถึงพามาทริปในป่าในเขาแบบนี้เนี่ย” เด็กหนุ่มเอ่ยปากบ่นเพื่อนตัวดีที่เป็นคนเสนอทริปในป่าแถมเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเห็นด้วยอีกต่างหาก พวกเรามักจะไปเที่ยวด้วยกันเสมอโดยเฉพาะช่างปิดภาคเรียนยาวๆแบบนี้
“อย่าบ่นน่าเวย์อยู่ป่าแบบนี้ล่ะดีแล้วฉันล่ะเบื่อทะเลเต็มทน ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” เวย์หน้างอทันทีที่โดนขัดใจ เป็นพวกเข้ากับป่ากับเขาไม่ค่อยได้ ไม่ชอบอะไรที่มันลำบากไม่สะดวกสบาย ก็ได้แต่หน้างอเท่านั้นแหละยังไงก็ต้องมากับเพื่อนอยู่ดี
“เออๆไม่บ่นแล้ว งั้นฉันออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ”
“อย่าออกไปไหนไกลล่ะชวนไอ้มาร์คไปด้วยก็ได้” ร่างบางพยักหน้าเป็นอันรับรู้ อ้อนบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะเป็นคนที่ชอบอะไรท้าทายมีประสบการณ์ในป่าในเขามาก่อนมันรู้เสมอว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรไปไหนไกลหรือเดินคนเดียว แต่เวย์ก็ไม่ได้คิดที่จะไปไหนไกลแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง เวย์เดินไปหยิบไฟฉายในกระเป๋าแล้วออกจากตัวเต็นท์แขนทั้งสองข้างกางเหยียดออกให้รู้สึกผ่อนคลาย ถือไฟฉายเดินไปรอบๆเลี่ยงออกจากที่พักและเพื่อนที่กำลังนั่งคุยกันหน้าไฟดวงใหญ่ เลื่อยเปื่อยจนไปถึงลำธาร
“ธรรมชาติ... เฮ้อ มันก็สวยอยู่หรอกแต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกนี่สิเลยไม่อยากมาเท่าไร” ถึงปากจะบ่นแต่ความรู้สึกข้างในจริงๆตอนนี้ก็ผ่อนคลายไม่น้อย อากาศที่บริสุทธิ์ ไร้ฝูงชน ไร้ควัน แสง สี เสียงก็ดีไม่น้อย พอค่ำแสงก็ส่องลงมาพอให้เห็นทาง ร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ลำธารยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเล็กน้อยเมื่อสายลมอ่อนๆพัดมากระทบผิวเนียนจนเริ่มรู้สึกหนาวคิดว่าน่าจะกลับที่พักได้แล้ว
“นั่นมันหิ่งห้อยหนิ” ยังไม่ทันจะไปไหน เห็นสิ่งตรงหน้าก็ยิ้มกว้างออกมาเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ เขาเองก็แทบไม่เคยเห็นหิ่งห้อยตัวเป็นๆเลยด้วยซ้ำเพราะอยู่ในชุมชนเมืองที่มีแสงสว่างตาจนแทบไม่เห็นหิ่งห้อย เวย์วิ่งข้ามลำธารที่มีโขดหินโผล่ขึ้นเหนือน้ำเป็นทางตามฝูงหิ่งห้อยไป สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เหมือนติดหลอดไฟไว้กับตัวบินรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ทำให้บริเวณรอบๆดูสว่างตาไปหมดร่างบางเหมือนถูกต้องมนต์สะกด มือเผลอเอื้อมไปเล่นกับสัตว์ตัวจิ๋ว แมลงตัวเล็กๆแต่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้ขนาดนี้ ยืนอยู่ในวงล้อมหิ่งห้อยเดินตามไปเรื่อยๆแทบไม่ได้มองทางเลยด้วยซ้ำ แมลงตัวเล็กเริ่มบินหายไป ร่างบางหยุดชะงักเหมือนเขาจะเดินมาไกลจากที่พักแล้ว จนในที่สุดหิ่งห้อยก็บินหายไปจนหมด เวย์เริ่มหน้าถอดสีที่ตอนนี้ตัวเองยืนอยู่กลางป่าและคงหลงป่าเข้าแล้วแน่ๆ เขาตั้งสติมองไปรอบกายแต่ก็มีเพียงความมืดที่รอบด้าน เขามีเพียงไฟฉายกระบอกเล็กในมือที่พอจะส่องทางได้บ้าง เขาตัดสินใจเดินตามทางเรียบที่มีต้นหญ้าขึ้นน้อยๆไปเรื่อยๆได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าน่าจะยังอยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร แต่ยิ่งเดินก็เหมือนทางไม่สิ้นสุดยิ่งเดินยิ่งเงียบเข้าไปทุกทีไม่เจอแสงไฟจากที่พักตัวเองกับเพื่อนเลย เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยเต็มทน ทั้งที่อากาศเย็นแต่เหงื่อยังผลุดขึ้นตามไรผมและใบหน้าเรียว
“อ้อน! มาร์ค! พวกแกอยู่แถวนี้ไหม” ตัดสินใจตะโกนเรียกแทนตอนแรกกลัว กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงหรือทำอะไรแต่ตอนนี้เขายิ่งกลัวเข้าไปใหญ่กลัวว่าจะไม่มีใครมาเจอตัวเอง กลัวว่าจะไม่ได้เจอใครอีก
“เฟรส ได้ยินฉันไหม ไอ้อ้อน ไอ้มาร์ค ฮึก” เวย์ทรุดตัวลงกับพื้นตาร้อนผ่าวน้ำใสๆเริ่มไหลอาบแก้มเนียน
“ฉันกลัว ฮึกไม่เอาแบบนี้ ไอ้อ้อน ไอ้มาร์ค.... พวกแกได้ยินไหม” เขาลุกขึ้นเดินต่อแต่ได้ไม่เท่าไรก็รู้สึกเหนื่อย ตอนออกจากที่พักก็ไม่ได้กินอะไร ตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิวคอเริ่มแห้งอยากจะดื่มน้ำ น้ำใสที่เอ่อล้นดวงตามองทางแทบจะไม่ชัด เวย์ตัดสินใจจะนั่งพักใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ทันทีที่กำลังจะนั่งลงร่างบางก็ต้องชะงัก หน้าเริ่มซีดเผือกยืนตัวเกร็งดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เจอ
“งะ..งู...อ๊ากกกกกก งู ไม่ ออกไปปป อะ อื้อออ” เวย์แหกปากร้องลั่นด้วยความตกใจที่เจองูเขาไม่ค่อยถูกกับสัตว์เลื้อยคลานเท่าไร แต่อยู่ๆมือใหญ่ก็มาปิดปากเขาไว้จากทางด้านหลังด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาเซไปกระทบอกแกร่งอย่างง่ายดาย
“อยากตายรึไง แหกปากอยู่ได้” เวย์สะดุ้งเพราะน้ำเสียงออกไปทางดุและไม่คิดว่าจะมีใครอยู่แถวนี้ถึงคำพูดของอีกคนจะดูไม่น่าฟังเท่าไรแต่ลึกๆเขาก็ดีใจอย่างน้อยก็มีคนมาเจอเขาในป่าแบบนี้แถมงูยังเลื้อยหนีไปทันทีที่ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้น พอเห็นว่าร่างบางเริ่มนิ่งเงียบมือหนาก็ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ เวย์หันมามองหน้าอีกคนแต่ก็อดตกใจไม่ได้ ใบหน้าคม ดวงตานัยมืด ร่างสูงใหญ่หาที่ติแทบไม่ได้ ถ้าไม่นับเรื่องปากนะ
“เอ่อ นายเป็นใคร พราน? ชาวบ้าน? ไกด์หรืออื้ออ” อีกครั้งที่มือใหญ่ปิดลงบนปากร่างบางที่พูดไม่หยุด
“บอกให้เงียบไง ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละ ฉันไล่งูไปแล้วจะไปไหนก็ไปแต่อย่ามาแหกปากในป่าตอนกลางคืนแบบนี้” เวย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ร่างสูงปล่อยมือออกแล้วทำทีเหมือนจะเดินหนีแต่เวย์ก็ยื้อไว้
“เดี๋ยวสิ คือฉันหลงทาง” เขาลดน้ำเสียงให้ดูเบาลงเพราะกลัวร่างสูงจะปิดปากอีก
“หลงทาง? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” บอกออกไปอย่างไม่ใส่ใจเพราะจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาอยู่แล้ว
“อ่าว ก็ต้องไปส่งสิ จะให้ฉันอยู่ในป่าแบบนี้หรือไง เรื่องเงินไม่ต้องห่วงฉันจ่ายให้แน่”
“หึ เงินของมนุษย์ฉันไม่อยากได้หรอก”
“นายนี่พูดแปลกๆ เงินใครเขาก็อยากได้ทั้งนั้นแหละจะเอาเท่าไรก็ว่ามา” ตอนแรกว่าจะพูดดีๆด้วยแล้วนะแต่ท่าทีกวนโอ๊ยนี่มันอะไร
“บอกให้หุบปากไง แล้วก็ไปได้แล้ว”
“ก็บอกว่าหลงทางไง!จะให้ไปไหนล่ะ บ้าหรือเปล่าฟังภาษาคนไม่ อื้อออ”
“ชู่... เงียบ” เขารีบปิดปากร่างบางไว้มืออีกข้างรวบเอวอีกคนเข้ามาในอ้อมแขนยืนชิดหลังต้นไม้ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครที่ใกล้เข้ามา
“อยู่นิ่งๆ” จับร่างบางนั่งลงมือหนาหอบดินข้างต้นไม้ลูบตามแขนตามลำตัวร่างบางอย่างลวกๆพอกลบกลิ่นมนุษย์ของร่างบางที่เขาเองยังรู้สึกว่ามันฟุ้งไปทั่วบริเวณรอบๆป่า
“อะไร นายเอาดินมาใส่ฉันทำไมเนี่ย” เวย์โวยวายปัดดินที่เลอะตามตัวออก
“เงียบน่า ถ้าไม่อยากตาย”
“แต่...” กำลังจะลุกแต่ร่างสูงก็กดลงให้นั่งท่าเดิม
“อยู่นิ่งๆ อย่าออกมาถ้าฉันยังไม่เรียกเข้าใจไหม” เวย์มองพฤติกรรมแปลกๆอย่างไม่เข้าใจ คนตรงหน้าคิดจะเล่นอะไรกันแน่
ร่างสูงเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่เผชิญหน้ากับชายหนุ่ม 2 คนที่เดินผ่านมา เวย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนผ่านมาแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย ทุกการกระทำและคำพูดร่างบางยังคงแอบฟังบทสนทนาอย่างไม่เข้าใจ
“ไอ้ไพร์ มาเพ่นพ่านอะไรแถวนี้” ชายอีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนคือไพร์เหมือนจะรู้จักกันดีแต่สายตาน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเลยสักนิด
“ออกมาเดินเล่น กูไม่ได้ไปล้ำถิ่นพวกมึงหนิ พวกมึงมาทำอะไรแถวนี้”
“กูได้กลิ่นมนุษย์ ก็แค่ตามมากลิ่นยั่วชิบหาย....”
“กูจัดการแล้วของๆกูพวกมึงอย่ายุ่งจะดีกว่า” ร่างบางที่กำลังฟังอยู่ตาเบิกกว้างที่ได้ยินแบบนั้น อะไรกันบทสนทนาแบบนี้เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม 3 คนนี้คงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆเหมือนเขาแน่ เวย์ตั้งสติก่อนจะเลี่ยงไปอีกทางถอยห่างต้นไม้ช้าๆพอรู้สึกว่าห่างจากพวกนั้นก็รีบวิ่งทันทีตอนนี้เหนื่อยเหลือเกินอยากจะร้องไห้ออกมาให้มันหมดเขารู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูกเขาคงไม่รอดแล้วใช่ไหมเขาคงไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก คงไม่ได้เจอกันอีกสินะ
“พวกมันตัวอะไร ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ใครก็ได้ช่วยฉันทีฉันอยากหลับบ้านฮึก” ร่างบางร้องไห้ออกมาแต่ไม่หยุดวิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆไม่มีแม้จุดมุ่งหมายแต่ตอนนี้รู้แค่ว่าต้องอยู่ห่างพวกนั้นให้มากที่สุด ยังไม่อยากตายหรืออยากเป็นอาหารของใคร
-----------------------------------------------------------
พอร่างสูงคิดว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยกลับมาดูที่ที่ร่างบางเคยอยู่แต่ก็ไม่พบใคร
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ นายคงอยากตายจริงๆ ผิวนายกลิ่นมันหอมซะขนาดนั้นใครไม่ได้กลิ่นก็บ้าแล้ว” ไพร์คิดว่าจริงๆแล้วก็ไม่อยากจะยุ่ง มนุษย์ก็มักทำอะไรโง่ๆนี้เสมอ อ่อนแอ ขี้โวยวาย ไม่มีสติชอบคิดไปเอง ละสายตาจากต้นไม้เดินไปบ้านที่ตัวเองอยู่คืนนี้เขาแค่ออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยแต่พอได้กลิ่นหอมฟุ้งจากตัวร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะตามมาดู
“อ๊ากกกกกกกก” เสียงร้องลั่นกลางป่าของใครอีกคนดังขึ้น เขารู้ดีว่าเสียงใครถึงจะได้ยินไม่กี่ครั้งแต่เสียงแหกปากตอนกลางคืนแบบนี้คงไม่มีใครอีกแล้ว พยายามไม่สนใจเขาไม่อยากมีปัญหากับพวกหมู่บ้านลอนด์เท่าไร เสียงร่างบางยังคงร้องให้ช่วยไม่หยุด ตอนนี้ไพร์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรกันแน่ ตัดสินใจรีบวิ่งไปตามเสียง เขาเองก็ไม่ใช่มนุษย์เพียงเวลาไม่ถึงนาทีวิ่งตามกลิ่นที่โชยมา มาหยุดบริเวณที่ร่างบางอยู่ กำลังถูกจับโดยพวกที่เขาเจอก่อนหน้านี้ไพร์คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นพวกนี้แน่ๆพวกหมู่บ้านลอนด์
“ปล่อยมนุษย์นี่ไปซะ” พูดออกเสียงกร้าวเป็นเชิงห้ามสองตัวที่มีทีท่าว่าจะกัดลงบนผิวร่างบางชายทั้งสองหันมายิ้มเมื่อไพร์บอกห้าม
“หึ อย่าพูดให้ขำน่าแกจะไปไหนก็ไป” ร่างบางสะอึกร้องไห้หนักน้ำตาไหลไม่หยุดเพราะกลัว กลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็กลัว3คนตรงหน้าไม่ไว้ใจใครเลยสักคน
“มันเป็นของกู กูไม่อยากมีปัญหานะแต่มึงต้องปล่อยมัน” ไพร์บอกอีกครั้ง ชายคนนั้นไม่สนใจง้างปากบริเวณลำคอขาว ปากอ้ากว้างปรากฏเขี้ยวแหลมคมชัดเจน
“ปล่อยซะนี่ของกู” ไพร์เดินเข้าไปดึงแขนชายอีกคนออก
“มึงกล้าหรอ” ชายคนนั้นสะบัดแขนออกจากมือร่างสูงแล้วชกหมัดเข้าเต็มแรง หน้าคมเอียงไปตามแรงหมัดสะทบในลำคออย่างหัวเสีย
“กูเตือนแล้วนะ” ร่างสูงหันมาพูดด้วยความโมโหดวงตาคมฉายแววโกรธชัดเจนก่อนจะแยกเขี้ยวที่ยื่นออกมา ซัดหมัดต่อยผู้ชายตรงหน้า 2 ทีเลือดไหลตามมุมปาก บีบคออีกคนด้วยความแรงจนแผ่นหลังชายคนนั้นกระทบกับตันไม้อย่างแรง หลังมือร่างสูงมีเส้นเลือดปรากฏขึ้นเพราะแรงในการบีบ
“บอกเพื่อนมึงปล่อยได้รึยัง” ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกถึงจะมากัน2คนแต่รู้ว่าตอนนี้สู้ชายตรงหน้าไม่ได้แน่
“ป..ปล่อยมัน”
“ได้ไงวะ เราเจอก่อนหนิ” ถามขึ้นเพราะความเสียดาย ไม่ค่อยมีเหยื่อที่เป็นมนุษย์มาให้ล่าบ่อยๆ
“ปล่อยมัน มึงอยากให้กูตายรึไง” ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมปล่อยมือจากร่างบาง
“ฝากไว้ก่อนนะมึง” หลังจากที่ร่างสูงปล่อยเพื่อนของมันเป็นอิสระ ก็ชี้หน้าคาดโทษแล้ววิ่งหายไปในป่าลึกทันที
“เป็นอะไรไหม” ร่างสูงหันมาถามร่างบางที่ตอนนี้ยังร้องไห้ไม่หยุด พอเวย์หันมามองหน้าร่างสูงก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“เอ่อ เฮ้ยๆอย่าร้อง”
“ฮือออออออฮึกฮือออออ” ร่างสูงเริ่มทำอะไรไม่ถูก ร่างบางแหกปากร้องออกมาไม่หยุด
“โธ่โว๊ย จะร้องไห้ทำไมฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย โดนกัดรึป่าว” ยิ่งได้ยินเสียงร้องยิ่งหัวเสียแต่ก็ปรับน้ำเสียงให้นิ่งสำรวจร่างบาง แต่ร่างบางกลับถอยห่างตัวสั่น ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง” ร่างสูงก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ชอบให้เขาขู่รึไง ร้องไห้อยู่นั้นแหละ
“ฮึกไม่ ไม่เป็นไรฮืออ... ”
“อะไรว๊ะ เป็นผู้ชายแท้ๆจะร้องอะไรนักหนา บอกว่าให้หยุดร้องอยากตายใช่ไหมเดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินกันหมด” พูดแค่นั้นร่างบางก็ยกมือปิดปากตัวเองแน่นพยายามไม่ปล่อยเสียงให้รอดออกมามีเพียงเสียงสะอึกเท่านั้น
หึ ร่างสูงรู้สึกขำคนตรงหน้าคงจะชอบให้ขู่จริงๆสินะ เป็นผู้ชายแท้ๆเรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้
“ชื่ออะไร นายหน่ะ” พอถามไปแล้วไม่ตอบร่างสูงก็เริ่มหงุดหงิดไม่ได้พิศวาสอยากคุยกับมนุษย์ขนาดนั้นนะโวย เข้าใจยากชิบ
“ไม่ทำอะไรหรอกน่า ถ้าจะกินก็กินไปนานแล้ว คงไม่มาช่วยให้โดนต่อยแบบนี้หรอก” เวย์มองใบหน้าร่างสูงที่มีเลือดซิบมุมปากเล็กน้อย มองคนตรงหน้าด้วยความลังเล
“ เวย์ ฉันชื่อเวย์”
“อื่ม ฉันไพร์ เท่าที่นายเห็นนั้นแหละฉันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาหรอกจะเรียกว่าเป็นตัวอะไรก็ตามใจ แวมไพร์ ผีดิบ ปีศาจ หรืออสูรกาย” ว่าพรางถอดแจ็คเก็ตตัวใหญ่ห่มให้ร่างบางคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นแถมเสื้อที่ร่างบางใส่ก็บางจนรู้สึกหนาวแทน
“น..นาย ช่วยฉันทำไม” เวย์ถามเพราะความสงสัยจริงอยู่ว่าถ้าจะกินก็กินได้เลย จะช่วยเขาทำไมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ไม่รู้สิ ได้ยินเสียงร้องนายร้องแหกปากแล้วมันขัดหูก็เลยมา” ไพร์พูดตามความรู้สึกเสียงร่างบางมันขัดหูเขาจริงๆ
“ขอบคุณ”
“อืม ว่าแต่ทำไมมาอยู่ในป่าแถบนี้ ไม่ค่อยมีมนุษย์เข้ามาในแถบนี้เท่าไร” แถวนี้มันอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์
จะเรียกว่าเป็นโลกอีกด้านกับโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้
“ตามหิ่งห้อยมา แล้วก็หลงทาง”
“มนุษย์ก็อย่างนี้ล่ะน๊าไม่ค่อยระวังตัว แต่ว่าหากเข้ามาในเขตหวงห้ามแบบนี้แล้วมันยากนะที่จะออกไป”
“แล้วต้องทำยังไง ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้ อยากกลับบ้าน นายเอ่อ..ไพร์ พาฉันกลับบ้านได้ไหม”
“คือ ถ้านายอยากออกไปคงต้องรออาทิตย์หน้า”
“ทำไม แล้วฉันจะอยู่ยังไง ทำไมต้องอาทิตย์หน้า ฉันอยากกลับบ้าน...” เขาอยู่ในป่าแบบนี้ไม่ได้ ยอมรับเลยว่าที่บ้านอยู่สุขสบายมีพร้อมทุกย่าง ถ้าให้มาอยู่ในป่ากะทันหันแบบนี้มีหวังตายก่อนถึงอาทิตย์หน้าแน่
“นายเข้ามาในป่านี้แถมโดนพวกหมู่บ้านลอนด์จับตัวได้ ตอนนี้คงโดนหมายตาไว้แล้ว ปีศาจอย่างพวกฉันรับแสงได้อ่อนๆในเวลากลางวัน พอถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงทุกคนจะอยู่ในที่พักแวมไพร์จะไม่ออกนอกที่พักเด็ดขาดแสงจันทร์จะทำให้เราอ่อนแอไม่ต่างกับมนุษย์ธรรมดาๆ แต่วูฟจะแข็งแรงมันมีเพียงตัวเดียวในป่านี้ คิดว่าคงไม่ซวยขนาดเจอวูฟในคืนจันทร์เต็มดวงหรอก เพราะงั้นถ้าอยากจะออกไปอย่างปลอดภัยก็คงรออาทิตย์หน้า”
“แล้วฉันจะอยู่ในป่าแบบนี้ได้ยังไง ฉันอยากกลับบ้านฮึกพาฉันกลับนะฉันอยู่ในนี้ไม่ได้” พออีกคนเริ่มร้องไห้ไพร์ก็ไม่มีทางเลือกบอกตรงๆไม่ชอบน้ำตาคนตรงหน้าเลยเป็นมนุษย์ผู้ชายประสาอะไรร้องไห้อยู่ได้
“ไม่ต้องห่วงจากนี้ไปฉันจะดูแลนายเอง”
“จริงๆนะสัญญาแล้วนะ” เวย์โผลเข้ากอดไพร์เต็มแรงด้วยความดีใจ เขาจะไม่ตายแล้วใช่ไหม คงไม่โดนกินก่อนที่จะกลับถึงบ้านใช่ไหม นายคนเดียว ไพร์ คนที่ฉันไว้ใจที่สุดในตอนนี้
“อืมสัญญา หยุดร้องได้แล้ว”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
#มนุษย์คนนี้ของฉัน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ