ริมฝั่งทะเลฝัน
-
เขียนโดย น้ำไนล์
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
17.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ดอกไม้ในดวงใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ วิน แทน และนัทต่างวุ่นอยู่กับการทำร้านฝั่งฝันขึ้นมาใหม่ โดยมีฟ้าเป็นผู้คิดแบบร้านและมาช่วยงานในทุกๆเย็น ร้านฝั่งฝันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น รั้วใหม่ทาสีขาวติดหลอดไฟเหลืองนวล เวทียกพื้นเตี้ยๆและไม่กว้างนัก ฉากหลังทำด้วยไม้ทาสีขาวมีริ้วม่านเปลือกหอยสลับกับไฟกระพริบกันอยู่
วันนี้ทั้งสามจึงวุ่นวายกับการวัดแบบ วัดขนาดไม้ และเลื่อยไม้เพื่อทำบาร์น้ำ นัทมองแผ่นกระดาษที่ช่วยกันวาดแบบขึ้นมาแล้วค่อยลากตลับเมตรวัดขนาดของแผ่นไม้ใช้ดินสอขีดตรงเนื้อไม้ตรงปลายด้านหนึ่งและอีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ขนาดความยาวของไม้ที่ต้องการ ส่วนวินกับแทนก็ช่วยกันเลื่อยไม้ คนหนึ่งเลื่อยอยู่ตรงปลายด้านหนึ่ง อีกคนก็ช่วยจับปลายอีกด้านเพื่อไม่ให้ไม้กระดก
เหงื่อหลายหยดเกาะพราวอยู่บนใบหน้านัท ผมยาวถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าเรียวสุกปลั่งด้วยความร้อนจากไอแดด มือขาวบางพร้อมแก้วน้ำยื่นมาตรงหน้า นัทแหงนขึ้นมองรอยยิ้มหวานของเจ้าของมือช่วยละลายความเหนื่อยร้อนของนัทให้หมดไป
“ทำไมวันนี้มาเร็วจัง” นัทถามพลางรับแก้วน้ำจากคนตรงหน้ามาดื่มดับกระหาย
“ปิดร้านเร็วค่ะ อยากมาช่วย…เหนื่อยมั๊ยดูซิเหงื่อเต็มหน้าเลย” คนพูดไม่พูดเปล่าแต่ดึงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับเหงื่อให้คนที่นั่งยิ้มตาประกายอยู่ นัทเหลือบไปมองวินและแทนที่ง่วนอยู่กับการเลื่อยไม้อยู่อีกมุมหนึ่งก่อนที่จะคว้าเอามือนุ่มนั้นมาจรดที่ปลายจมูกอย่างรวดเร็ว
“ชื่นใจ…แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” สองรอยยิ้มสองสายตาประสานกันอุ่นลึกหวานล้ำในหัวใจสองดวง ลมอ่อนๆยามบ่ายพัดแผ่วๆพริ้มพรมความรู้สึกให้เย็นชื่น
ระหว่างที่วิน แทน และนัททำงานอยู่ข้างนอกนั้นฟ้าก็เข้ามาเตรียมอาหารในครัวเพื่อเป็นมื้อเย็นสำหรับคนที่ทำงานหนักทั้งวัน แรกๆนั้นฟ้าอยากมีส่วนร่วมในการทำงานข้างนอกบ้าง แต่ถูกวินห้ามไว้เขาบอกว่าจะให้ฟ้ามานั่งเลื่อยไม้หรือทาสีพวกเขาคงยอมไม่ได้
“พี่ฟ้าครับอย่าออกมาตากแดดตากลมข้างนอกกับพวกผมเลยครับ มันไม่ดีหรอก ผมเป็นห่วงด้วย” วินบอก และถึงแม้ว่าฟ้าจะอ้างว่าเธอมาช่วงตอนเย็นแดดไม่จ้านักไม่น่าจะเป็นไร แต่ทั้งสามคนก็ไม่ยินยอมอยู่ดี แรกๆฟ้านั้นยังดื้อดึงที่จะช่วยเก็บเศษไม้ ถือเลื่อย ส่งค้อน แต่ถูกสายตาทั้งขอร้องแกมบังคับของนัทส่งมาให้จนฟ้าอ่อนใจจึงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับเจ้าบ้านทั้งสามหลังจากที่พวกเขาเลิกจากงาน
กลิ่นกับข้าวหอมยั่วน้ำลายลอยตามลมมาแตะจมูกทำให้แทนเอามือลูบท้องพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“เฮ้ยๆพอเถอะๆถึงเวลาเลิกงานแล้ว” แทนตะโกนเสียงดังบอกเพื่อน
“หยุดเลยไอ้แทนเห็นแก่กินจังเลยนะแกทำงานให้เสร็จก่อนสิ”นัทหันไปว่าแทนขณะที่ตัวเองก้าวเท้าเดินลิ่วเข้าไปในบ้านปล่อยให้แทนยืนมองตามอย่างงงๆ
“มีอะไรทานบ้างล่ะนัทหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้วเนี่ย” สายตานั้นทั้งประจบทั้งออดอ้อน
“ก็เป็นลมให้ดูก่อนสิคะ” ฟ้าเย้าแหย่คนตรงหน้า
“ใจร้ายจังเลยไม่สงสารนัทบ้าง”
“แหมๆไอ้นัทแก” เสียงแทนดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินขึ้นมาบนบ้าน
“ใครกันแน่ที่เห็นแก่กิน ว่าแต่เค้าทีตัวเองนี่วิ่งลิ่วขึ้นมาก่อนใครเลยนะ…ไอ้ตะกละ”
“เฮ้ยๆพอกันทั้งสองคนแหละตะกละด้วยกันทั้งคู่เลย…พี่ฟ้าครับมีอะไรกินบ้างครับ”วินทำทีเหมือนจะห้ามทัพแต่กลับคว้าจานข้าวขึ้นมาเป็นคนแรก
“จ้าเชื่อแล้วว่าหิวกันจริงๆของโปรดพวกเราทั้งนั้นแหละ แต่ว่าไปล้างมือก่อน สกปรกทั้งนั้น” ฟ้าส่ายหน้าอ่อนใจกับเด็กไม่ยอมโตทั้งสามคนที่ตอนนี้วิ่งแข่งกันเข้าห้องน้ำไปแย่งกันล้างมือ
อาหารมื้อค่ำนี้จบลงด้วยความอิ่มกายอิ่มใจของทุกคนโดยเฉพาะแทนที่เอามือลูบท้องแน่นตึงของตนโดยมีสายตาหมั่นไส้ของนัทมองอยู่ใกล้ๆและแถมคำชมมาให้อีกดอกหนึ่ง
“เดี๋ยวก็พุงแตกตายหรอกแก”
“แหมทำอย่างกะแกไม่ค่อยกินงั้นแหละ เห็นตักเอาๆซะเกลี้ยงจาน”
“โห ไอ้สองตัวนี่หิวก็ทะเลาะกันอิ่มก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวพี่ฟ้ารำคาญก็อดกินกันหมดหรอก” วินหันไปเอ็ดเพื่อน จนฟ้ายิ้มขันกับภาพตรงหน้าที่ทั้งนัทและแทนส่งสายตาค้อนให้กันโดยมีวินยืนเท้าสะเอวมองอยู่
“เออ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน พี่ฟ้าครับขอบคุณมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้ ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับรู้สึกเหม็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้”
“จ้า” ฟ้าตอบก่อนที่จะเป็นฝ่ายขอตัวกลับบ้าง
“พี่ว่า พี่กลับก่อนดีกว่า ไม่อยากให้ค่ำไปกว่านี้”
“ให้นัทไปส่งนะ” นัทรีบอาสาแต่ถูกฟ้าห้ามซะก่อน
“อย่าเลยพี่เอารถมา ถ้านัทไปส่งตอนกลับก็ต้องกลับคนเดียวอีก”
“แต่ว่า…นัท”
“พี่ฟ้าพูดถูกนะนัท ตอนนี้ยังไม่ค่ำเท่าไหร่ยังพอมีคนอยู่ทางก็ไม่ค่อยเปลี่ยว แต่ถ้าแกไปด้วยตอนกลับมามันจะมืดกว่านี้นะ” เหตุผลของวินทำให้นัทต้องทำตามแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก
“พี่ไปก่อนนะวิน ไว้พรุ่งนี้มาใหม่”
“ครับพี่ ขอบคุณมากครับ”
“เดี๋ยวนัทลงไปส่ง” นัทบอกแล้วเดินนำหน้าฟ้าลงบันไดตรงไปยังประตู้รั้ว ฟ้าเดินตามไปโดยรู้ว่าคนข้างหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“นัท” ฟ้าเรียกชื่อเบาๆนัทค่อยหันมา ดวงตาของฟ้าอ่อนละมุนเหมือนกับจะรอให้คนตรงหน้าอารมณ์เย็นลง “นัทเป็นห่วง” เสียงนั้นอ่อนลง แววตาบอกถึงความห่วงใยที่มีในหัวใจ ฟ้ายืนยิ้มนิ่งซึมซับร่องรอยความรู้สึกนั้นเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ แต่ถ้านัทไปส่งพี่ ตอนกลับมามันดึกกว่านี้พี่ก็เป็นห่วงนัทเหมือนกันรู้มั๊ย…เอาเถอะค่ะอย่าดื้อนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกัน…นะ” มือบอบบางวางไว้บนไหล่คนที่ทำหน้างออยู่ฟ้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พรุ่งนี้นัทต้องซื้อของไปทำเปเปอร์มาเช่ที่ตลาดตอนเช้า แล้วนัทจะแวะไปหานะ”
“ค่ะ…แล้วพี่จะรอนะ”
นัทยืนมองส่งมอเตอร์ไซค์คันนั้นจนลับสายตา…เนิ่น…นานกว่าที่จะดึงหัวใจดึงร่างกายให้กลับมา อยากทอดเวลาให้ยาวนาน ให้รอยอุ่นฝังรากหยั่งลึกจนมิอาจลบจาง นัทเดินยิ้มขึ้นบันไดและเดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่ทันเห็นสายตาของวินที่มองมา…สายตาที่ปะปนไปด้วยความคลางแคลงและสงสัยกับภาพที่ปรากฏเมื่อครู่
……………………………………………………..
นัทหอบข้าวของพะรุงพะรังอันประกอบไปด้วยกระดาษสีต่างๆและอุปกรณ์ในการทำเปเปอร์มาเช่มาวางกองรวมกันไว้บนโต๊ะสีขาวตรงระเบียงบ้านของฟ้า แดดเช้าสว่างจ้ามานานแล้วแต่ประตูบ้านยังปิดเงียบ หลังจากซื้อของที่ตลาดเสร็จแล้วนัทก็รีบแวะมาหาฟ้าตั้งใจว่าจะไปช่วยฟ้าเปิดร้านที่ริมหาดด้วย แต่เมื่อนัทมาถึงบ้านทั้งหลังยังคงเงียบเชียบ
“พี่ฟ้า” นัทส่งเสียงเรียกคนข้างในและรอฟังเสียงตอบรับอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทุกสิ่งยังคงนิ่งสงบ นัทส่งเสียงเรียกไปอีกสองสามครั้งก็ยังไม่เป็นผล คราวนี้นัทออกแรงเคาะประตูประกอบเสียงเรียกไปด้วย นิ่งเงียบไปหลายวินาทีเสียงกุกกักตรงประตูก็ดังขึ้นแล้วจึงถูกเปิดออกพร้อมๆกับใบหน้าซีดเซียวของผู้เป็นเจ้าของโผล่พ้นออกมา
“พี่ฟ้า” นัทโผเข้าหาฟ้าอย่างตกใจ ร่างบอบบางโงนเงนอยู่ในอ้อมกอดนัท
“พี่ฟ้า เป็นอะไรพี่ฟ้า” ดวงตาหนักอึ้งของฟ้าปิดสนิทแว่วได้ยินเสียงถามไถ่อันร้อนรนของคนที่ประคองร่างของเธอเอาไว้
นัทรีบวิ่งขึ้นบันไดก้าวยาวๆเข้าไปในห้องด้วยความรีบปล่อยให้วินและแทนที่นั่งอยู่ตรงม้ายาวหน้าระเบียงมองตามไปด้วยความงง
“อะไรของมันจะไปไล่ควายที่ไหนเนี่ย” แทนบ่นไล่หลังอย่างไม่เข้าใจ ไม่กี่นาทีนัทก็กลับออกมาพร้อมกับเป้ใบเล็กสะพายหลัง
“วิน แทน วันนี้พวกแกทำกันไปก่อนนะ พี่ฟ้าไม่สบายเราว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน”
“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า” วินถาม
“ก็เป็นไข้ตัวร้อนน่ะ คงจะโดนลมโดนแดดมากไปแหละ”
“เอองั้นแกไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ฟ้าเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ฝากบอกด้วยว่าพวกเราเป็นห่วง”
“อืม” นัทรับคำสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปด้วยความรีบร้อน
วินและแทนมองด้วยภาพนัทที่รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วรีบบึ่งออกไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
แทน มองด้วยความวิตกและเป็นห่วงฟ้า
วิน มองด้วยความรู้สึกสังหรณ์บางอย่าง…มันเป็นสังหรณ์ลึกๆที่อ่านได้จากแววตาของนัทร่องรอยความห่วงใยอย่างลึกซึ้งเมื่อครู่นี้มันชัดเจนในดวงตาที่นัทปิดไว้ไม่มิด มันท่วมท้นออกมาจากหัวใจจนเขาสามารถอ่านมันได้
วินถอนใจช้าๆอย่างกังวล…กังวลในเรื่องราวที่เขาไม่แน่ใจและไม่รู้จะเรียกมันว่าอย่างไรดี
“เออน่าใจเย็นๆวิน พี่ฟ้าคงไม่เป็นไรมากหรอกมีนัทไปช่วยดูแลอยู่ทั้งคน” วินบอกแทนเพราะเข้าใจความกังวลของเขาไปอีกทางหนึ่ง
………………………………………………………..
นัทใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆค่อยๆเช็ดตามใบหน้า ซอกคอ และท่อนแขนให้ฟ้า ความร้อนจากร่างกายค่อยทุเลาลงไปมาก นัทใช้หลังมืออังหน้าผากฟ้าเบาๆลูบไล้เส้นผมตามเรียวแก้มอย่างอ่อนโยน
“พี่ฟ้า เป็นไงบ้าง” เสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยที่มีท้นหัวใจ ฟ้ายิ้มบางๆดวงตาค่อยเปิดออกอุ้งมือกระชับมือเล็กๆของนัทไว้แทนความรู้สึกขอบคุณ
“ไม่เป็นไรแล้วแค่ปวดหัว…นิดเดียว”
“ทานโจ๊กนะจะได้ทานยา นัทต้มโจ๊กไว้ให้แล้ว” นัทคว้ามือของฟ้ามาแนบไว้ที่แก้มลูบไล้เรียวแขนเบาๆ
“จ๊ะ” ฟ้าตอบ และเพียงครู่เดียวนัทก็กุลีกุจอไปยกชามข้าวต้มที่เตรียมไว้แล้วมาตักป้อนให้ฟ้า
“ไม่ร้อนหรอกนัทเป่าให้แล้ว” นัทบรรจงป้อนข้าวต้มให้ฟ้า คำเล็กๆหลายๆคำที่ฟ้าค่อยๆกลืนลงคอทำให้นัทยิ้มพอใจ
“เป็นเด็กดีแบบนี้จะได้หายไวๆ” นัทใช้ผ้าผืนบางเช็ดริมฝีปากให้ฟ้าหลังจากที่ฟ้าดื่มน้ำเสร็จ
“เดี๋ยวทานยานะ ถ้ายังไม่หายพรุ่งนี้นัทจะพาไปหาหมอ”
มือเล็กๆของนัทจับมือของฟ้าไว้ มือเล็กๆที่คอยป้อนยาป้อนน้ำมือเล็กๆที่คอยอังหน้าผากลูบหน้าลูบผม มือเล็กๆที่คอยดึงผ้าห่มมาคลุมให้และมือเล็กๆที่กำความรักไว้เต็มแน่นอยู่ในนั้น
ฟ้าเฝ้ามองคนที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คนตรงหน้าของฟ้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆที่เข้ามาเติมความสดชื่นให้ชีวิต ผู้หญิงตัวเล็กๆที่เข้ามาทำหัวใจของฟ้าหวั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็น…และนาทีนี้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ก็หอบเอาความรู้สึกห่วงใยมากมายมาทำให้ฟ้าอบอุ่นปลอดภัย แม้มือเล็กๆสองข้างที่คอยวนเวียนอยู่ข้างกายฟ้าแม้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ทว่าทุกร่องรอยที่สัมผัสนั้นเจือไปด้วยความอ่อนโยน เป็นสัมผัสที่ฟ้ารับรู้ได้ถึงความรักในหัวใจ
“ง่วงรึเปล่าพี่ฟ้า หลับเถอะนัทจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนจะกุมมือพี่ฟ้าเอาไว้ไม่ห่าง…หลับนะเดี๋ยวนัทจะร้องเพลงกล่อม”
ดวงตาของฟ้าหลับลงด้วยฤทธิ์ยา แต่ยังแว่วยินเสียงนุ่มนวลแผ่วๆที่ริมหู เสียงนุ่มนวลที่ทอดเป็นจังหวะเอื่อยๆราวสาวลมกระซิบท่วงทำนองแห่งบทเพลง และคล้ายดั่งมีริมฝีปากบางๆแตะเบาๆบนเรียวแก้มของฟ้าในความรู้สึกอันรางเลือนนั้น…
เจ้าหญิงนิทรา…
พริ้มตาหลับใหลในคืนอุ่น
สายลมพรมผ่านหวานละมุน
หอมกรุ่นดอกไม้ในธารฝัน
ขอฝากรอยจุมพิตไว้ติดแก้ม
เมื่อดอกไม้เผยกลีบแย้มตื่นจากฝัน
ให้อุ่นซ่านหวานซึ้งถึงรอยนั้น
ติดตรึงอยู่แนบนิรันดร์นานเท่านาน
วันนี้ทั้งสามจึงวุ่นวายกับการวัดแบบ วัดขนาดไม้ และเลื่อยไม้เพื่อทำบาร์น้ำ นัทมองแผ่นกระดาษที่ช่วยกันวาดแบบขึ้นมาแล้วค่อยลากตลับเมตรวัดขนาดของแผ่นไม้ใช้ดินสอขีดตรงเนื้อไม้ตรงปลายด้านหนึ่งและอีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ขนาดความยาวของไม้ที่ต้องการ ส่วนวินกับแทนก็ช่วยกันเลื่อยไม้ คนหนึ่งเลื่อยอยู่ตรงปลายด้านหนึ่ง อีกคนก็ช่วยจับปลายอีกด้านเพื่อไม่ให้ไม้กระดก
เหงื่อหลายหยดเกาะพราวอยู่บนใบหน้านัท ผมยาวถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าเรียวสุกปลั่งด้วยความร้อนจากไอแดด มือขาวบางพร้อมแก้วน้ำยื่นมาตรงหน้า นัทแหงนขึ้นมองรอยยิ้มหวานของเจ้าของมือช่วยละลายความเหนื่อยร้อนของนัทให้หมดไป
“ทำไมวันนี้มาเร็วจัง” นัทถามพลางรับแก้วน้ำจากคนตรงหน้ามาดื่มดับกระหาย
“ปิดร้านเร็วค่ะ อยากมาช่วย…เหนื่อยมั๊ยดูซิเหงื่อเต็มหน้าเลย” คนพูดไม่พูดเปล่าแต่ดึงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับเหงื่อให้คนที่นั่งยิ้มตาประกายอยู่ นัทเหลือบไปมองวินและแทนที่ง่วนอยู่กับการเลื่อยไม้อยู่อีกมุมหนึ่งก่อนที่จะคว้าเอามือนุ่มนั้นมาจรดที่ปลายจมูกอย่างรวดเร็ว
“ชื่นใจ…แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว” สองรอยยิ้มสองสายตาประสานกันอุ่นลึกหวานล้ำในหัวใจสองดวง ลมอ่อนๆยามบ่ายพัดแผ่วๆพริ้มพรมความรู้สึกให้เย็นชื่น
ระหว่างที่วิน แทน และนัททำงานอยู่ข้างนอกนั้นฟ้าก็เข้ามาเตรียมอาหารในครัวเพื่อเป็นมื้อเย็นสำหรับคนที่ทำงานหนักทั้งวัน แรกๆนั้นฟ้าอยากมีส่วนร่วมในการทำงานข้างนอกบ้าง แต่ถูกวินห้ามไว้เขาบอกว่าจะให้ฟ้ามานั่งเลื่อยไม้หรือทาสีพวกเขาคงยอมไม่ได้
“พี่ฟ้าครับอย่าออกมาตากแดดตากลมข้างนอกกับพวกผมเลยครับ มันไม่ดีหรอก ผมเป็นห่วงด้วย” วินบอก และถึงแม้ว่าฟ้าจะอ้างว่าเธอมาช่วงตอนเย็นแดดไม่จ้านักไม่น่าจะเป็นไร แต่ทั้งสามคนก็ไม่ยินยอมอยู่ดี แรกๆฟ้านั้นยังดื้อดึงที่จะช่วยเก็บเศษไม้ ถือเลื่อย ส่งค้อน แต่ถูกสายตาทั้งขอร้องแกมบังคับของนัทส่งมาให้จนฟ้าอ่อนใจจึงรับหน้าที่เป็นแม่ครัวดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับเจ้าบ้านทั้งสามหลังจากที่พวกเขาเลิกจากงาน
กลิ่นกับข้าวหอมยั่วน้ำลายลอยตามลมมาแตะจมูกทำให้แทนเอามือลูบท้องพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“เฮ้ยๆพอเถอะๆถึงเวลาเลิกงานแล้ว” แทนตะโกนเสียงดังบอกเพื่อน
“หยุดเลยไอ้แทนเห็นแก่กินจังเลยนะแกทำงานให้เสร็จก่อนสิ”นัทหันไปว่าแทนขณะที่ตัวเองก้าวเท้าเดินลิ่วเข้าไปในบ้านปล่อยให้แทนยืนมองตามอย่างงงๆ
“มีอะไรทานบ้างล่ะนัทหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้วเนี่ย” สายตานั้นทั้งประจบทั้งออดอ้อน
“ก็เป็นลมให้ดูก่อนสิคะ” ฟ้าเย้าแหย่คนตรงหน้า
“ใจร้ายจังเลยไม่สงสารนัทบ้าง”
“แหมๆไอ้นัทแก” เสียงแทนดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินขึ้นมาบนบ้าน
“ใครกันแน่ที่เห็นแก่กิน ว่าแต่เค้าทีตัวเองนี่วิ่งลิ่วขึ้นมาก่อนใครเลยนะ…ไอ้ตะกละ”
“เฮ้ยๆพอกันทั้งสองคนแหละตะกละด้วยกันทั้งคู่เลย…พี่ฟ้าครับมีอะไรกินบ้างครับ”วินทำทีเหมือนจะห้ามทัพแต่กลับคว้าจานข้าวขึ้นมาเป็นคนแรก
“จ้าเชื่อแล้วว่าหิวกันจริงๆของโปรดพวกเราทั้งนั้นแหละ แต่ว่าไปล้างมือก่อน สกปรกทั้งนั้น” ฟ้าส่ายหน้าอ่อนใจกับเด็กไม่ยอมโตทั้งสามคนที่ตอนนี้วิ่งแข่งกันเข้าห้องน้ำไปแย่งกันล้างมือ
อาหารมื้อค่ำนี้จบลงด้วยความอิ่มกายอิ่มใจของทุกคนโดยเฉพาะแทนที่เอามือลูบท้องแน่นตึงของตนโดยมีสายตาหมั่นไส้ของนัทมองอยู่ใกล้ๆและแถมคำชมมาให้อีกดอกหนึ่ง
“เดี๋ยวก็พุงแตกตายหรอกแก”
“แหมทำอย่างกะแกไม่ค่อยกินงั้นแหละ เห็นตักเอาๆซะเกลี้ยงจาน”
“โห ไอ้สองตัวนี่หิวก็ทะเลาะกันอิ่มก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวพี่ฟ้ารำคาญก็อดกินกันหมดหรอก” วินหันไปเอ็ดเพื่อน จนฟ้ายิ้มขันกับภาพตรงหน้าที่ทั้งนัทและแทนส่งสายตาค้อนให้กันโดยมีวินยืนเท้าสะเอวมองอยู่
“เออ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน พี่ฟ้าครับขอบคุณมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้ ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับรู้สึกเหม็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้”
“จ้า” ฟ้าตอบก่อนที่จะเป็นฝ่ายขอตัวกลับบ้าง
“พี่ว่า พี่กลับก่อนดีกว่า ไม่อยากให้ค่ำไปกว่านี้”
“ให้นัทไปส่งนะ” นัทรีบอาสาแต่ถูกฟ้าห้ามซะก่อน
“อย่าเลยพี่เอารถมา ถ้านัทไปส่งตอนกลับก็ต้องกลับคนเดียวอีก”
“แต่ว่า…นัท”
“พี่ฟ้าพูดถูกนะนัท ตอนนี้ยังไม่ค่ำเท่าไหร่ยังพอมีคนอยู่ทางก็ไม่ค่อยเปลี่ยว แต่ถ้าแกไปด้วยตอนกลับมามันจะมืดกว่านี้นะ” เหตุผลของวินทำให้นัทต้องทำตามแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก
“พี่ไปก่อนนะวิน ไว้พรุ่งนี้มาใหม่”
“ครับพี่ ขอบคุณมากครับ”
“เดี๋ยวนัทลงไปส่ง” นัทบอกแล้วเดินนำหน้าฟ้าลงบันไดตรงไปยังประตู้รั้ว ฟ้าเดินตามไปโดยรู้ว่าคนข้างหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“นัท” ฟ้าเรียกชื่อเบาๆนัทค่อยหันมา ดวงตาของฟ้าอ่อนละมุนเหมือนกับจะรอให้คนตรงหน้าอารมณ์เย็นลง “นัทเป็นห่วง” เสียงนั้นอ่อนลง แววตาบอกถึงความห่วงใยที่มีในหัวใจ ฟ้ายืนยิ้มนิ่งซึมซับร่องรอยความรู้สึกนั้นเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ แต่ถ้านัทไปส่งพี่ ตอนกลับมามันดึกกว่านี้พี่ก็เป็นห่วงนัทเหมือนกันรู้มั๊ย…เอาเถอะค่ะอย่าดื้อนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกัน…นะ” มือบอบบางวางไว้บนไหล่คนที่ทำหน้างออยู่ฟ้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พรุ่งนี้นัทต้องซื้อของไปทำเปเปอร์มาเช่ที่ตลาดตอนเช้า แล้วนัทจะแวะไปหานะ”
“ค่ะ…แล้วพี่จะรอนะ”
นัทยืนมองส่งมอเตอร์ไซค์คันนั้นจนลับสายตา…เนิ่น…นานกว่าที่จะดึงหัวใจดึงร่างกายให้กลับมา อยากทอดเวลาให้ยาวนาน ให้รอยอุ่นฝังรากหยั่งลึกจนมิอาจลบจาง นัทเดินยิ้มขึ้นบันไดและเดินหายเข้าไปในห้องโดยไม่ทันเห็นสายตาของวินที่มองมา…สายตาที่ปะปนไปด้วยความคลางแคลงและสงสัยกับภาพที่ปรากฏเมื่อครู่
……………………………………………………..
นัทหอบข้าวของพะรุงพะรังอันประกอบไปด้วยกระดาษสีต่างๆและอุปกรณ์ในการทำเปเปอร์มาเช่มาวางกองรวมกันไว้บนโต๊ะสีขาวตรงระเบียงบ้านของฟ้า แดดเช้าสว่างจ้ามานานแล้วแต่ประตูบ้านยังปิดเงียบ หลังจากซื้อของที่ตลาดเสร็จแล้วนัทก็รีบแวะมาหาฟ้าตั้งใจว่าจะไปช่วยฟ้าเปิดร้านที่ริมหาดด้วย แต่เมื่อนัทมาถึงบ้านทั้งหลังยังคงเงียบเชียบ
“พี่ฟ้า” นัทส่งเสียงเรียกคนข้างในและรอฟังเสียงตอบรับอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทุกสิ่งยังคงนิ่งสงบ นัทส่งเสียงเรียกไปอีกสองสามครั้งก็ยังไม่เป็นผล คราวนี้นัทออกแรงเคาะประตูประกอบเสียงเรียกไปด้วย นิ่งเงียบไปหลายวินาทีเสียงกุกกักตรงประตูก็ดังขึ้นแล้วจึงถูกเปิดออกพร้อมๆกับใบหน้าซีดเซียวของผู้เป็นเจ้าของโผล่พ้นออกมา
“พี่ฟ้า” นัทโผเข้าหาฟ้าอย่างตกใจ ร่างบอบบางโงนเงนอยู่ในอ้อมกอดนัท
“พี่ฟ้า เป็นอะไรพี่ฟ้า” ดวงตาหนักอึ้งของฟ้าปิดสนิทแว่วได้ยินเสียงถามไถ่อันร้อนรนของคนที่ประคองร่างของเธอเอาไว้
นัทรีบวิ่งขึ้นบันไดก้าวยาวๆเข้าไปในห้องด้วยความรีบปล่อยให้วินและแทนที่นั่งอยู่ตรงม้ายาวหน้าระเบียงมองตามไปด้วยความงง
“อะไรของมันจะไปไล่ควายที่ไหนเนี่ย” แทนบ่นไล่หลังอย่างไม่เข้าใจ ไม่กี่นาทีนัทก็กลับออกมาพร้อมกับเป้ใบเล็กสะพายหลัง
“วิน แทน วันนี้พวกแกทำกันไปก่อนนะ พี่ฟ้าไม่สบายเราว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน”
“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า” วินถาม
“ก็เป็นไข้ตัวร้อนน่ะ คงจะโดนลมโดนแดดมากไปแหละ”
“เอองั้นแกไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ฟ้าเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ฝากบอกด้วยว่าพวกเราเป็นห่วง”
“อืม” นัทรับคำสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปด้วยความรีบร้อน
วินและแทนมองด้วยภาพนัทที่รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วรีบบึ่งออกไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
แทน มองด้วยความวิตกและเป็นห่วงฟ้า
วิน มองด้วยความรู้สึกสังหรณ์บางอย่าง…มันเป็นสังหรณ์ลึกๆที่อ่านได้จากแววตาของนัทร่องรอยความห่วงใยอย่างลึกซึ้งเมื่อครู่นี้มันชัดเจนในดวงตาที่นัทปิดไว้ไม่มิด มันท่วมท้นออกมาจากหัวใจจนเขาสามารถอ่านมันได้
วินถอนใจช้าๆอย่างกังวล…กังวลในเรื่องราวที่เขาไม่แน่ใจและไม่รู้จะเรียกมันว่าอย่างไรดี
“เออน่าใจเย็นๆวิน พี่ฟ้าคงไม่เป็นไรมากหรอกมีนัทไปช่วยดูแลอยู่ทั้งคน” วินบอกแทนเพราะเข้าใจความกังวลของเขาไปอีกทางหนึ่ง
………………………………………………………..
นัทใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆค่อยๆเช็ดตามใบหน้า ซอกคอ และท่อนแขนให้ฟ้า ความร้อนจากร่างกายค่อยทุเลาลงไปมาก นัทใช้หลังมืออังหน้าผากฟ้าเบาๆลูบไล้เส้นผมตามเรียวแก้มอย่างอ่อนโยน
“พี่ฟ้า เป็นไงบ้าง” เสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยที่มีท้นหัวใจ ฟ้ายิ้มบางๆดวงตาค่อยเปิดออกอุ้งมือกระชับมือเล็กๆของนัทไว้แทนความรู้สึกขอบคุณ
“ไม่เป็นไรแล้วแค่ปวดหัว…นิดเดียว”
“ทานโจ๊กนะจะได้ทานยา นัทต้มโจ๊กไว้ให้แล้ว” นัทคว้ามือของฟ้ามาแนบไว้ที่แก้มลูบไล้เรียวแขนเบาๆ
“จ๊ะ” ฟ้าตอบ และเพียงครู่เดียวนัทก็กุลีกุจอไปยกชามข้าวต้มที่เตรียมไว้แล้วมาตักป้อนให้ฟ้า
“ไม่ร้อนหรอกนัทเป่าให้แล้ว” นัทบรรจงป้อนข้าวต้มให้ฟ้า คำเล็กๆหลายๆคำที่ฟ้าค่อยๆกลืนลงคอทำให้นัทยิ้มพอใจ
“เป็นเด็กดีแบบนี้จะได้หายไวๆ” นัทใช้ผ้าผืนบางเช็ดริมฝีปากให้ฟ้าหลังจากที่ฟ้าดื่มน้ำเสร็จ
“เดี๋ยวทานยานะ ถ้ายังไม่หายพรุ่งนี้นัทจะพาไปหาหมอ”
มือเล็กๆของนัทจับมือของฟ้าไว้ มือเล็กๆที่คอยป้อนยาป้อนน้ำมือเล็กๆที่คอยอังหน้าผากลูบหน้าลูบผม มือเล็กๆที่คอยดึงผ้าห่มมาคลุมให้และมือเล็กๆที่กำความรักไว้เต็มแน่นอยู่ในนั้น
ฟ้าเฝ้ามองคนที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คนตรงหน้าของฟ้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆที่เข้ามาเติมความสดชื่นให้ชีวิต ผู้หญิงตัวเล็กๆที่เข้ามาทำหัวใจของฟ้าหวั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็น…และนาทีนี้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ก็หอบเอาความรู้สึกห่วงใยมากมายมาทำให้ฟ้าอบอุ่นปลอดภัย แม้มือเล็กๆสองข้างที่คอยวนเวียนอยู่ข้างกายฟ้าแม้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ทว่าทุกร่องรอยที่สัมผัสนั้นเจือไปด้วยความอ่อนโยน เป็นสัมผัสที่ฟ้ารับรู้ได้ถึงความรักในหัวใจ
“ง่วงรึเปล่าพี่ฟ้า หลับเถอะนัทจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนจะกุมมือพี่ฟ้าเอาไว้ไม่ห่าง…หลับนะเดี๋ยวนัทจะร้องเพลงกล่อม”
ดวงตาของฟ้าหลับลงด้วยฤทธิ์ยา แต่ยังแว่วยินเสียงนุ่มนวลแผ่วๆที่ริมหู เสียงนุ่มนวลที่ทอดเป็นจังหวะเอื่อยๆราวสาวลมกระซิบท่วงทำนองแห่งบทเพลง และคล้ายดั่งมีริมฝีปากบางๆแตะเบาๆบนเรียวแก้มของฟ้าในความรู้สึกอันรางเลือนนั้น…
เจ้าหญิงนิทรา…
พริ้มตาหลับใหลในคืนอุ่น
สายลมพรมผ่านหวานละมุน
หอมกรุ่นดอกไม้ในธารฝัน
ขอฝากรอยจุมพิตไว้ติดแก้ม
เมื่อดอกไม้เผยกลีบแย้มตื่นจากฝัน
ให้อุ่นซ่านหวานซึ้งถึงรอยนั้น
ติดตรึงอยู่แนบนิรันดร์นานเท่านาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ