ริมฝั่งทะเลฝัน
-
เขียนโดย น้ำไนล์
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
17.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) รอยหม่นไหม้ในดวงตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ไอ้นัท…แก” สิ้นเสียงกร้าวนั้นฝ่ามืออุ่นๆก็ฟาดลงบนใบหน้าขาวเรียวนัทค่อยๆเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อรอยยิ้มเหยียดเยาะดุจท้าทายเผชิญกับสายตาดุกร้าวของพ่อ
“เอาซี่…ตบนัทให้ตายไปเลยยังไงนัทก็ไม่ใช่ลูกพ่ออยู่แล้วพ่อจะมีเมียใหม่จะมีลูกใหม่แล้วนี่…จำไว้เลยนะนัทเกลียดพ่อพ่อทำอย่างนี้กับแม่นัทได้ยังไงเอาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่ได้ยังไงพ่อใจร้าย…นัทเกลียดพ่อ”
“ไอ้นัท” ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะฟาดลงเป็นครั้งที่สองคุณแม่บ้านก็รีบเข้ามาดึงร่างของนัทให้หลบออกมา
“พอเถอะค่ะคุณแค่นี้คุณหนูก็เจ็บแล้วค่ะ”
“เออ…โอ๋มันเข้าไปแค่นี้มันก็จะเสียเด็กอยู่แล้ว…ฟังนะไอ้นัทฉันจะพาคุณดาเค้าเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคุณผู้หญิงของบ้านนี้ แกไม่มีสิทธิ์จะยอมหรือไม่ยอม” พูดจบพ่อก็เดินหันหลังจากไป น้ำเสียงนั้นดุจประกาศิตที่ก้องอยู่ในหัวใจของนัท นัทโผเข้ากอดคุณแม่บ้านร่างทั้งร่างไหวระริก
“ทำไมป้า…ทำไมพ่อไม่รักนัทบ้างเลย” น้ำเสียงนั้นสั่นสะท้านสะท้อนเข้าไปในอกของหญิงสูงวัย
“โถ…แม่คุณของป้า”
………………………….
ดึกดื่นพระจันทร์โรยแสงหม่นเศร้าอาบคลุมผืนฟ้านัทกอดภาพถ่ายของแม่แนบอยู่ในอ้อมอกนับตั้งแต่แม่ตายไปพ่อก็มีผู้หญิงมากมายในชีวิตจนนัทขยะแขยงและชิงชังในพฤติกรรมของพ่อ ชีวิตและความทรงจำของนัททั้งหมดจึงไม่มีร่องรอยความอบอุ่นจากพ่อเลย
นัทรักแม่มากและเคยคิดว่าพ่อคงรักแม่มากเช่นกันเพราะถึงแม้ว่าพ่อจะมีผู้หญิงหลายคนแต่พ่อไม่เคยยกย่องผู้หญิงคนไหนให้เสมอเหมือนหรือทัดเทียมกับฐานะของแม่เลย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งเดียวที่นัทปรารถนาและพอใจ
หากแต่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพ่อได้บอกกล่าวบางเรื่องราวแก่นัทซึ่งทำให้นัทผิดหวังและเจ็บแค้นเป็นอย่างมากพ่อกำลังจะพาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่
“คุณดาเค้าท้องเค้ากำลังจะมีลูกให้พ่อมีน้องให้นัทพ่อจะให้เค้ามาอยู่ที่บ้านนี้”
“อยู่ที่นี่อยู่ได้ไงนี่บ้านของแม่นัทนะนัทไม่ยอม”
นัทหลับตาขับไล่ความรวดร้าวภายใน แม่…คือสิ่งเดียวที่นัทใช้ยึดเหนี่ยวมาตลอด…บัดนี้บ้านของแม่ของของแม่กำลังจะถูกแย่งชิงนัทโกรธพ่อเกลียดพ่อทั้งแค้นทั้งเจ็บสะท้านไปทั่วทั้งหัวใจ ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่ที่ของแม่ก็ไม่ใช่ที่ของนัทอีกเช่นกัน ครอบครัวใหม่ของพ่อกำลังเริ่มต้นชีวิตของนัทก็ไม่มีค่าพอให้พ่อต้องสนใจอีก
นัทแบกเป้ใบย่อมที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้เล็กน้อยไว้บนบ่าหยุดยืนมองบ้านสีขาวหลังนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวเดินออกไปในทิศทางที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร….สายลมยามดึกคล้ายโบกมือลาให้กับความทรงจำสุดท้าย
…………………………..
บ้านไม้ติดชายหาดริมทะเลหลังนั้นทาสีฟ้าอ่อนยกพื้นสูงมีระเบียงล้อมรอบ ตัวบ้านเป็นลักษณะชั้นเดียวติดหน้าต่างไว้ระบายอากาศโดยรอบ…ตรงมุมหนึ่งของระเบียงบ้านวินชายหนุ่มผมสั้นเกรียนรับกับรูปทรงของศรีษะเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกท่อนบนห่มคลุมด้วยเสื้อกล้ามท่อนล่างนุ่งกางเกงเลสีน้ำเงินกำลังนอนอ่านหนังสือในมือด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ถัดมาไม่ไกลนักแทนชายหนุ่มผมยาวหน้าตาคร้ามคมผิวเข้มอย่างลูกทะเลนั่งพิงเสาเกากีต้าร์อยู่บนขอบระเบียงเสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายหน้าบ้านดังขึ้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่ามีแขกมาเยือน
“ใครมาวะ” แทนบ่นอุบอิบก่อนที่จะเดินออกไปดูนาทีต่อมาเขากลับเข้ามาพร้อมกับร้องเรียกวิน
“เฮ้…วินดูนี่สิ” วินละสายตาจากหนังสือหันมามองตามเสียงเรียก
“อ้าว…ไอ้นัทเฮ้ยมาได้ไงเนี่ย” วินร้องอุทานอย่างดีใจแกมประหลาดใจ
“ก็นั่งรถมาเรื่อยๆ” นัทตอบอย่างไม่ใส่ใจทรุดกายนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ ยกมือขึ้นเสยผมที่หล่นลงปรกหน้าผากอย่างลวกๆ
“สีหน้าแกยังกะคนแบกโลกแน่ะ มีอะไรรึเปล่า” แทนถามไถ่อย่างเป็นห่วง นัทระบายลมหายใจช้าๆสายตาจับอยู่ตรงขอบทะเลข้างหน้า
“เราขออยู่ด้วยคนสิ” น้ำเสียงเรียบเฉยนั้นทำให้ทั้งวินและแทนหันมามองหน้ากันอย่างงงๆนัทเล่าเรื่องของเมื่อคืนที่ผ่านมาให้เพื่อนทั้งสองฟัง แทนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“โอ้ย…ปัญหาครอบครัวเรื่องจิ๊บๆเราโดนมาหนักกว่าแกอีกนัทเอ้ย อย่าไปซีเรียส”
“ทำใจให้สบายเถอะนัทแกพักอยู่ที่นี่ได้ตามที่แกต้องการ” วินลุกขึ้นดินมาตบบ่านัทเบาๆนัทมองตาซาบซึ้งในน้ำใจเพื่อนทั้งสอง
วินแทนนัทเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนัทเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่มักติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยกันกับแทนและวินเสมอ ตราบเมื่อจบชั้นมัธยมทั้งสามก็แยกย้ายกัน วินสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯแต่เรียนอยู่ได้ไม่นานเขาก็ปฏิเสธกฎระเบียบของสังคมเบื่อความวุ่นวายในเมืองเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยที่ใช้เวลาเข้าไปเรียนได้เพียงสองปีกลับมาใช้ชีวิตเงียบสงบไปวันๆณบ้านริมทะเลแห่งนี้ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทั้งคู่ วินมีลุงทำกิจการค้าขายอยู่ในเมืองซึ่งคอยดูแลความเป็นอยู่ของเขา ตกตอนกลางคืนวินก็ดัดแปลงบริเวณชายหาดด้านหน้าเปิดเป็นร้านน้ำชาเล็กๆขายให้กับนักท่องเที่ยวทำให้พอมีรายได้ดูแลตัวเอง
ส่วนแทนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐเนื่องจากเขาถูกโดดเดี่ยวจากครอบครัวทั้งพ่อและแม่ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่แทนเลยตัดสินใจหอบหิ้วตัวเองมาอยู่ด้วยกันกับวิน มาร้องเพลงเล่นดนตรีอยู่ตามร้านอาหารริมทะเลแห่งนี้
“ดีเลย มีแกมาเป็นหุ้นส่วนกับพวกเราอีกคน”
“หุ้นส่วนอะไร” นัทถามงงๆ
“ก็ตอนกลางคืนเราเปิดร้านน้ำชาที่หน้าบ้านติดชายหาดด้านหน้าน่ะ…มีแกมาช่วยคงจะมีลูกค้าหนุ่มๆเพิ่มขึ้น” วินพูดซ่อนรอยยิ้ม ทำให้แทนอดที่จะโวยวายขึ้นมาไม่ได้
“โอ้ย…ไอ้วินลูกค้าหนุ่มๆที่ไหนจะมา กระโดกกระเดกยังกะผู้ชายอย่างนี้”
“เออ…ไว้เราจะหาลูกค้าสาวๆมาให้แกเอง…หิวจะตายแล้วเนี่ย มีอะไรกินบ้างล่ะบ้านนี้ แล้วพวกแกแน่ใจนะว่าอยู่กันสองหนุ่มไม่ได้แอบซุกผู้หญิงที่ไหนไว้นะโดยเฉพาะแกไอ้แทน”
“ดูมัน…มาถึงก็หาเรื่อง…ถ้ามีก็บุญแล้วล่ะนัทเอ้ย…แล้วจะกินมั๊ยข้าวน่ะ…ตามมา” แทนเดินบ่นโล้งเล้งก่อนที่จะหายเข้าไปในบ้าน
…………………………………..
บริเวณหาดด้านหน้านั้นถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟที่ทำเป็นรูปคล้ายคบเพลิงติดตั้งอยู่ตามโต๊ะนั่งแต่ละตัว ถัดเข้าไปด้านในมีบาร์น้ำเล็กๆพร้อมสรรพไปด้วยเครื่องดื่มน้ำชากาแฟน้ำผลไม้ปั่นและน้ำอัดลม บริเวณด้านหน้าของโต๊ะนั้นมีเวทียกพื้นเตี้ยๆตกแต่งด้วยหลอดไฟสีเหลืองนวลข้างๆเวทีมีป้ายไม้สีน้ำตาลดิบปักอยู่บนป้ายมีเปลือกหอยเรียงรายเป็นตัวอักษรว่า ‘ร้านฝั่งฝัน’
บนเวทีนั้นแทนกำลังพรมนิ้วลงบนกีต้าร์เป็นท่วงทำนองหวานพลิ้ว ถัดมาข้างๆนัทกำลังผสมเครื่องดื่มสูตรใหม่ตามที่วินได้สอน ตรงหน้าร้านมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาที่นั่งภายในบริเวณร้าน
“อ้าวพี่เอกพี่ฟ้า” วินส่งเสียงทักทายหนุ่มสาวทั้งสองส่งยิ้มให้วินแล้วนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าออกสู่ชายหาด
“ไงวินคนเยอะมั๊ยคืนนี้” เอกชายหนุ่มผิวขาวท่าทางสะอาดแต่งกายสุภาพถามไถ่วิน
“เรื่อยๆแหละครับ…พี่เอกพี่ฟ้าเอาอะไรดีครับ”
“เหมือนเดิมก็ได้จ๊ะวิน” ฟ้าตอบ วินเดินตรงไปที่บาร์น้ำบอกบางอย่างแก่นัทแล้วจึงกลับมานั่งที่เดิม ฟ้ากวาดตามองไปรอบๆแล้วจึงหยุดสายตาอยู่ตรงบาร์น้ำ
“เด็กใหม่หรือวิน”
“ไม่ใช่หรอกครับพี่ฟ้าไอ้นัทเพื่อนผมเองมันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันกับเราน่ะครับ”
“คราวนี้กลายเป็นบ้านสามหนุ่มสามมุมละซี” เอกหยอกล้อหัวเราะเบาๆ
“สามหนุ่มที่ไหนพี่เอกไอ้นัทมันเป็นผู้หญิง”
“อ้าว…เหรอ” ฟ้าอุทานพร้อมหันหน้าไปมองนัทซึ่งกำลังผสมส่วนผสมเครื่องดื่มอยู่ ทรงผมที่ตัดไล่ระดับนั้นยาวระบ่ารับกับใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหยักสวยมองดูคล้ายหนุ่มน้อยเสียมากกว่า ไม่นานนักนัทก็ยกเครื่องดื่มมาให้เอกกับฟ้าที่โต๊ะ
“นัทนี่พี่เอกพี่ฟ้าลูกค้าประจำของเรา” วินแนะนำให้นัทรู้จักนัทยกมือไหว้และยิ้มทักทาย
“พี่เอกกลับมาจากกรุงเทพฯนานแล้วเหรอครับ” วินเปิดข้อสนทนากับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม
“เมื่อวานนี้เอง ไปคราวนี้พี่ต้องไปดูโรงแรมทางโน้นด้วยคุณพ่อจะขายหุ้นเพิ่มเราต้องขยายงานและปรับปรุงระบบให้ได้มาตรฐานขึ้น….แต่พี่ก็ไม่อยากไปนานๆหรอกนะเป็นห่วงฟ้าเค้าอยู่ที่นี่คนเดียว”
“แหม….หวานกันอย่างนี้แล้วทำไมไม่รีบแต่งงานกันซะทีล่ะครับ”
“พี่ต้องเคลียร์โรงแรมที่กรุงเทพฯให้เข้าที่เข้าทางก่อนน่ะวินจริงๆแล้วก็ไม่อยากเทียวไปเทียวมาหรอก”
“แล้วบังกะโลที่นี่ล่ะครับ”
“ก็ต้องหาคนมาดูแลแทนน่ะนะแล้วเราค่อยคุมอีกที” ข้อสนทนานั้นดำเนินไปเรื่อยๆระหว่างเอกและวิน ฟ้าได้แต่นั่งฟังด้วยความเคยชิน เอกมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเขาไม่ค่อยพูดจาหยอกล้อเล่นหัวมากนักมีแต่ท่าทีสุภาพจริงจังและเอาการเอางาน ฟ้าระบายลมหายใจช้าๆอย่างเบื่อหน่ายทอดสายตามองออกไปยังทะเลเบื้องหน้าผืนฟ้าและแผ่นน้ำถูกระบายจนเป็นสีเดียวกัน เสียงเพลงนุ่มๆและทำนองกีต้าร์พลิ้วหวานที่แทนบรรเลงนั้นขับกล่อมนาทีนี้ให้ดูเศร้าโศก
ห่างจากสายตามองไปไม่ไกลนักร่างบางๆของนัทยืนพิงต้นสนทอดสายตาไปยังเวิ้งฟ้าไกล ฟ้าลอบชำเลืองมองไปยังดวงหน้านั้น คล้ายมีรอยหม่นไหม้จากประกายตา และเพียงนาทีต่อมาคล้ายดั่งว่าหยดน้ำที่ไหลจากดวงตาคู่นั้นถูกปาดทิ้งไป…..ฟ้าหยุดสายตามองภาพนั้นอยู่เนิ่นนาน
“เอาซี่…ตบนัทให้ตายไปเลยยังไงนัทก็ไม่ใช่ลูกพ่ออยู่แล้วพ่อจะมีเมียใหม่จะมีลูกใหม่แล้วนี่…จำไว้เลยนะนัทเกลียดพ่อพ่อทำอย่างนี้กับแม่นัทได้ยังไงเอาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่ได้ยังไงพ่อใจร้าย…นัทเกลียดพ่อ”
“ไอ้นัท” ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะฟาดลงเป็นครั้งที่สองคุณแม่บ้านก็รีบเข้ามาดึงร่างของนัทให้หลบออกมา
“พอเถอะค่ะคุณแค่นี้คุณหนูก็เจ็บแล้วค่ะ”
“เออ…โอ๋มันเข้าไปแค่นี้มันก็จะเสียเด็กอยู่แล้ว…ฟังนะไอ้นัทฉันจะพาคุณดาเค้าเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคุณผู้หญิงของบ้านนี้ แกไม่มีสิทธิ์จะยอมหรือไม่ยอม” พูดจบพ่อก็เดินหันหลังจากไป น้ำเสียงนั้นดุจประกาศิตที่ก้องอยู่ในหัวใจของนัท นัทโผเข้ากอดคุณแม่บ้านร่างทั้งร่างไหวระริก
“ทำไมป้า…ทำไมพ่อไม่รักนัทบ้างเลย” น้ำเสียงนั้นสั่นสะท้านสะท้อนเข้าไปในอกของหญิงสูงวัย
“โถ…แม่คุณของป้า”
………………………….
ดึกดื่นพระจันทร์โรยแสงหม่นเศร้าอาบคลุมผืนฟ้านัทกอดภาพถ่ายของแม่แนบอยู่ในอ้อมอกนับตั้งแต่แม่ตายไปพ่อก็มีผู้หญิงมากมายในชีวิตจนนัทขยะแขยงและชิงชังในพฤติกรรมของพ่อ ชีวิตและความทรงจำของนัททั้งหมดจึงไม่มีร่องรอยความอบอุ่นจากพ่อเลย
นัทรักแม่มากและเคยคิดว่าพ่อคงรักแม่มากเช่นกันเพราะถึงแม้ว่าพ่อจะมีผู้หญิงหลายคนแต่พ่อไม่เคยยกย่องผู้หญิงคนไหนให้เสมอเหมือนหรือทัดเทียมกับฐานะของแม่เลย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งเดียวที่นัทปรารถนาและพอใจ
หากแต่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพ่อได้บอกกล่าวบางเรื่องราวแก่นัทซึ่งทำให้นัทผิดหวังและเจ็บแค้นเป็นอย่างมากพ่อกำลังจะพาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่
“คุณดาเค้าท้องเค้ากำลังจะมีลูกให้พ่อมีน้องให้นัทพ่อจะให้เค้ามาอยู่ที่บ้านนี้”
“อยู่ที่นี่อยู่ได้ไงนี่บ้านของแม่นัทนะนัทไม่ยอม”
นัทหลับตาขับไล่ความรวดร้าวภายใน แม่…คือสิ่งเดียวที่นัทใช้ยึดเหนี่ยวมาตลอด…บัดนี้บ้านของแม่ของของแม่กำลังจะถูกแย่งชิงนัทโกรธพ่อเกลียดพ่อทั้งแค้นทั้งเจ็บสะท้านไปทั่วทั้งหัวใจ ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่ที่ของแม่ก็ไม่ใช่ที่ของนัทอีกเช่นกัน ครอบครัวใหม่ของพ่อกำลังเริ่มต้นชีวิตของนัทก็ไม่มีค่าพอให้พ่อต้องสนใจอีก
นัทแบกเป้ใบย่อมที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้เล็กน้อยไว้บนบ่าหยุดยืนมองบ้านสีขาวหลังนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวเดินออกไปในทิศทางที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร….สายลมยามดึกคล้ายโบกมือลาให้กับความทรงจำสุดท้าย
…………………………..
บ้านไม้ติดชายหาดริมทะเลหลังนั้นทาสีฟ้าอ่อนยกพื้นสูงมีระเบียงล้อมรอบ ตัวบ้านเป็นลักษณะชั้นเดียวติดหน้าต่างไว้ระบายอากาศโดยรอบ…ตรงมุมหนึ่งของระเบียงบ้านวินชายหนุ่มผมสั้นเกรียนรับกับรูปทรงของศรีษะเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกท่อนบนห่มคลุมด้วยเสื้อกล้ามท่อนล่างนุ่งกางเกงเลสีน้ำเงินกำลังนอนอ่านหนังสือในมือด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ถัดมาไม่ไกลนักแทนชายหนุ่มผมยาวหน้าตาคร้ามคมผิวเข้มอย่างลูกทะเลนั่งพิงเสาเกากีต้าร์อยู่บนขอบระเบียงเสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายหน้าบ้านดังขึ้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่ามีแขกมาเยือน
“ใครมาวะ” แทนบ่นอุบอิบก่อนที่จะเดินออกไปดูนาทีต่อมาเขากลับเข้ามาพร้อมกับร้องเรียกวิน
“เฮ้…วินดูนี่สิ” วินละสายตาจากหนังสือหันมามองตามเสียงเรียก
“อ้าว…ไอ้นัทเฮ้ยมาได้ไงเนี่ย” วินร้องอุทานอย่างดีใจแกมประหลาดใจ
“ก็นั่งรถมาเรื่อยๆ” นัทตอบอย่างไม่ใส่ใจทรุดกายนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ ยกมือขึ้นเสยผมที่หล่นลงปรกหน้าผากอย่างลวกๆ
“สีหน้าแกยังกะคนแบกโลกแน่ะ มีอะไรรึเปล่า” แทนถามไถ่อย่างเป็นห่วง นัทระบายลมหายใจช้าๆสายตาจับอยู่ตรงขอบทะเลข้างหน้า
“เราขออยู่ด้วยคนสิ” น้ำเสียงเรียบเฉยนั้นทำให้ทั้งวินและแทนหันมามองหน้ากันอย่างงงๆนัทเล่าเรื่องของเมื่อคืนที่ผ่านมาให้เพื่อนทั้งสองฟัง แทนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“โอ้ย…ปัญหาครอบครัวเรื่องจิ๊บๆเราโดนมาหนักกว่าแกอีกนัทเอ้ย อย่าไปซีเรียส”
“ทำใจให้สบายเถอะนัทแกพักอยู่ที่นี่ได้ตามที่แกต้องการ” วินลุกขึ้นดินมาตบบ่านัทเบาๆนัทมองตาซาบซึ้งในน้ำใจเพื่อนทั้งสอง
วินแทนนัทเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนัทเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่มักติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยกันกับแทนและวินเสมอ ตราบเมื่อจบชั้นมัธยมทั้งสามก็แยกย้ายกัน วินสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯแต่เรียนอยู่ได้ไม่นานเขาก็ปฏิเสธกฎระเบียบของสังคมเบื่อความวุ่นวายในเมืองเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยที่ใช้เวลาเข้าไปเรียนได้เพียงสองปีกลับมาใช้ชีวิตเงียบสงบไปวันๆณบ้านริมทะเลแห่งนี้ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทั้งคู่ วินมีลุงทำกิจการค้าขายอยู่ในเมืองซึ่งคอยดูแลความเป็นอยู่ของเขา ตกตอนกลางคืนวินก็ดัดแปลงบริเวณชายหาดด้านหน้าเปิดเป็นร้านน้ำชาเล็กๆขายให้กับนักท่องเที่ยวทำให้พอมีรายได้ดูแลตัวเอง
ส่วนแทนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐเนื่องจากเขาถูกโดดเดี่ยวจากครอบครัวทั้งพ่อและแม่ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่แทนเลยตัดสินใจหอบหิ้วตัวเองมาอยู่ด้วยกันกับวิน มาร้องเพลงเล่นดนตรีอยู่ตามร้านอาหารริมทะเลแห่งนี้
“ดีเลย มีแกมาเป็นหุ้นส่วนกับพวกเราอีกคน”
“หุ้นส่วนอะไร” นัทถามงงๆ
“ก็ตอนกลางคืนเราเปิดร้านน้ำชาที่หน้าบ้านติดชายหาดด้านหน้าน่ะ…มีแกมาช่วยคงจะมีลูกค้าหนุ่มๆเพิ่มขึ้น” วินพูดซ่อนรอยยิ้ม ทำให้แทนอดที่จะโวยวายขึ้นมาไม่ได้
“โอ้ย…ไอ้วินลูกค้าหนุ่มๆที่ไหนจะมา กระโดกกระเดกยังกะผู้ชายอย่างนี้”
“เออ…ไว้เราจะหาลูกค้าสาวๆมาให้แกเอง…หิวจะตายแล้วเนี่ย มีอะไรกินบ้างล่ะบ้านนี้ แล้วพวกแกแน่ใจนะว่าอยู่กันสองหนุ่มไม่ได้แอบซุกผู้หญิงที่ไหนไว้นะโดยเฉพาะแกไอ้แทน”
“ดูมัน…มาถึงก็หาเรื่อง…ถ้ามีก็บุญแล้วล่ะนัทเอ้ย…แล้วจะกินมั๊ยข้าวน่ะ…ตามมา” แทนเดินบ่นโล้งเล้งก่อนที่จะหายเข้าไปในบ้าน
…………………………………..
บริเวณหาดด้านหน้านั้นถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟที่ทำเป็นรูปคล้ายคบเพลิงติดตั้งอยู่ตามโต๊ะนั่งแต่ละตัว ถัดเข้าไปด้านในมีบาร์น้ำเล็กๆพร้อมสรรพไปด้วยเครื่องดื่มน้ำชากาแฟน้ำผลไม้ปั่นและน้ำอัดลม บริเวณด้านหน้าของโต๊ะนั้นมีเวทียกพื้นเตี้ยๆตกแต่งด้วยหลอดไฟสีเหลืองนวลข้างๆเวทีมีป้ายไม้สีน้ำตาลดิบปักอยู่บนป้ายมีเปลือกหอยเรียงรายเป็นตัวอักษรว่า ‘ร้านฝั่งฝัน’
บนเวทีนั้นแทนกำลังพรมนิ้วลงบนกีต้าร์เป็นท่วงทำนองหวานพลิ้ว ถัดมาข้างๆนัทกำลังผสมเครื่องดื่มสูตรใหม่ตามที่วินได้สอน ตรงหน้าร้านมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาที่นั่งภายในบริเวณร้าน
“อ้าวพี่เอกพี่ฟ้า” วินส่งเสียงทักทายหนุ่มสาวทั้งสองส่งยิ้มให้วินแล้วนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าออกสู่ชายหาด
“ไงวินคนเยอะมั๊ยคืนนี้” เอกชายหนุ่มผิวขาวท่าทางสะอาดแต่งกายสุภาพถามไถ่วิน
“เรื่อยๆแหละครับ…พี่เอกพี่ฟ้าเอาอะไรดีครับ”
“เหมือนเดิมก็ได้จ๊ะวิน” ฟ้าตอบ วินเดินตรงไปที่บาร์น้ำบอกบางอย่างแก่นัทแล้วจึงกลับมานั่งที่เดิม ฟ้ากวาดตามองไปรอบๆแล้วจึงหยุดสายตาอยู่ตรงบาร์น้ำ
“เด็กใหม่หรือวิน”
“ไม่ใช่หรอกครับพี่ฟ้าไอ้นัทเพื่อนผมเองมันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันกับเราน่ะครับ”
“คราวนี้กลายเป็นบ้านสามหนุ่มสามมุมละซี” เอกหยอกล้อหัวเราะเบาๆ
“สามหนุ่มที่ไหนพี่เอกไอ้นัทมันเป็นผู้หญิง”
“อ้าว…เหรอ” ฟ้าอุทานพร้อมหันหน้าไปมองนัทซึ่งกำลังผสมส่วนผสมเครื่องดื่มอยู่ ทรงผมที่ตัดไล่ระดับนั้นยาวระบ่ารับกับใบหน้าเรียวได้รูป จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหยักสวยมองดูคล้ายหนุ่มน้อยเสียมากกว่า ไม่นานนักนัทก็ยกเครื่องดื่มมาให้เอกกับฟ้าที่โต๊ะ
“นัทนี่พี่เอกพี่ฟ้าลูกค้าประจำของเรา” วินแนะนำให้นัทรู้จักนัทยกมือไหว้และยิ้มทักทาย
“พี่เอกกลับมาจากกรุงเทพฯนานแล้วเหรอครับ” วินเปิดข้อสนทนากับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม
“เมื่อวานนี้เอง ไปคราวนี้พี่ต้องไปดูโรงแรมทางโน้นด้วยคุณพ่อจะขายหุ้นเพิ่มเราต้องขยายงานและปรับปรุงระบบให้ได้มาตรฐานขึ้น….แต่พี่ก็ไม่อยากไปนานๆหรอกนะเป็นห่วงฟ้าเค้าอยู่ที่นี่คนเดียว”
“แหม….หวานกันอย่างนี้แล้วทำไมไม่รีบแต่งงานกันซะทีล่ะครับ”
“พี่ต้องเคลียร์โรงแรมที่กรุงเทพฯให้เข้าที่เข้าทางก่อนน่ะวินจริงๆแล้วก็ไม่อยากเทียวไปเทียวมาหรอก”
“แล้วบังกะโลที่นี่ล่ะครับ”
“ก็ต้องหาคนมาดูแลแทนน่ะนะแล้วเราค่อยคุมอีกที” ข้อสนทนานั้นดำเนินไปเรื่อยๆระหว่างเอกและวิน ฟ้าได้แต่นั่งฟังด้วยความเคยชิน เอกมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเขาไม่ค่อยพูดจาหยอกล้อเล่นหัวมากนักมีแต่ท่าทีสุภาพจริงจังและเอาการเอางาน ฟ้าระบายลมหายใจช้าๆอย่างเบื่อหน่ายทอดสายตามองออกไปยังทะเลเบื้องหน้าผืนฟ้าและแผ่นน้ำถูกระบายจนเป็นสีเดียวกัน เสียงเพลงนุ่มๆและทำนองกีต้าร์พลิ้วหวานที่แทนบรรเลงนั้นขับกล่อมนาทีนี้ให้ดูเศร้าโศก
ห่างจากสายตามองไปไม่ไกลนักร่างบางๆของนัทยืนพิงต้นสนทอดสายตาไปยังเวิ้งฟ้าไกล ฟ้าลอบชำเลืองมองไปยังดวงหน้านั้น คล้ายมีรอยหม่นไหม้จากประกายตา และเพียงนาทีต่อมาคล้ายดั่งว่าหยดน้ำที่ไหลจากดวงตาคู่นั้นถูกปาดทิ้งไป…..ฟ้าหยุดสายตามองภาพนั้นอยู่เนิ่นนาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ