อลวนรักของหนุ่มน้อยหน้ามึน [Yaoi]
8.5
เขียนโดย JR_ST
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.16 น.
12 chapter
10 วิจารณ์
20.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 18.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) คืนดีกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้างสรรพสินค้า XYZ
ผมยืนรอใครบางคนอยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ แดดก็ร้อนจริงๆ ผิวขาวของผมต้องมอดไหม้เป็นสีดำแน่ๆเลย เฮ้อ เมื่อไหร่พี่เขาจะมานะ
“ เมษ “ เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อผม ผมหันไปหาต้นเสียง เห็นคนตัวสูงกำลังเดินมาทางผม โบกมือเรียกด้วยล่ะ ผมเดินเข้าไปหาพี่เขา
“ สวัสดีครับ พี่ต้น “ ผมยกมือไหว้สวัสดีเขา
“ ไม่ต้องไหว้พี่หรอก เป็นกันเองน่า “ พี่ต้นจับมือผมลง
“ เอ่อ ครับ “
“ ไปกันเถอะ ไปกัน “ ไม่ทันทีที่ผมตั้งหลัก พี่ต้นก็จูงผมเข้าไปในห้างทันที ผมตามพี่เขาไม่ทันนะเนี่ย
ทั้งสองคนต่างมีความสุขกับการเดินห้าง รอยยิ้มของเมษเผยออกมาให้ต้นเห็น เขาชอบรอยยิ้มของเมษตั้งแต่เห็นเป็นครั้งแรก…
ความสนุกในการเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมลืมเรื่องต่างๆมากมายทันทีเลย อา มีความสุขจัง แต่ว่าทั้งๆที่มีความสุขดวงใจอีกหนึ่งดวงกลับทุกข์ใจ
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ...
“ บ่ายสาม “ ผมเอ่ย ผมขมวดคิ้ว ผมออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมงจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน หึ ไม่จำเป็นต้องกังวลนี่ พี่ก็ไม่อยู่ ไม่มีใครว่าด้วย เจ้านั่นก็คงไม่สนใจเรา
“ น้องเมษ เหนื่อยยังครับ “ พี่ต้นถามด้วยความห่วงใย ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มเป็นอันตอบกลับ
“ฟิ้ง” เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งของใครบางคนจ้องมาทางผมอย่างสุดฤทธิ์ ผมสะดุ้ง
“ เมษ เป็นอะไรเหรอ “ พี่ต้นถามเมื่อผมมีท่าทีตกใจอะไรบางอย่าง
“ เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พี่ต้นเมษขอไปดูร้านเพลงแป๊บนึงนะ “ผมบอกพี่
“ งั้นพี่รอตรงนี้นะ “ พี่ต้นบอก ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกห่างจากร่างนั้นไปแล้วมุ่งตรงไปที่ร้านขายเพลงนานาชนิด
ร้าน MUSIC LAST
ผมเดินเข้าร้าน แล้วไปยังหมวดเพลงเกาหลี ผมกวาดสายตาหาเพลงของวง MBLAQ
“เฮ้ย เจอแล้ว “ ผมอุทานออกมาด้วยความดีใจเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ โอ้ สวรรค์ วงนี้ผมชอบมากเลย ในอัลบั้มนี้มันมีเพลงเศร้าด้วยล่ะ พอดีผมเป็นคนชอบเพลงเศร้าๆช้าๆอะไรประมาณนี้ โอ้ย ผมอยากจะกรี้ดออกมาให้โลกได้รับรู้แต่ทำไม่ได้อ่ะ
“ เยส เยส “ ผมกระโดดแล้วเตรียมเดินไปที่เคาเตอร์แคชเชียร์อย่างสุขใจ
อีกไม่กี่ก้าวผมก็จะใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว แต่ทว่า...
“ปั้ก”ไหล่ผมชนกับไหล่แกร่งของใครบางคนอย่างแรง
ของในมือผมหล่นรวมทั้งร่างกายผมด้วย วันนี้ผมล้มกระแทกพื้นเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ผมเงยหน้า
“เฮ้ย “ 0[ ]0 คนที่ผมชนมันคือ...
“ เจอกันอีกแล้วนะ “ คนร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มเอ่ย ผมกระเด้งตัวขึ้นมาประจันหน้าทันที ผมคิดว่าวันนี้จะต้องไม่เจอกันอีกแล้วนะ
“ ดีฟ “ ผมเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วเดินหนีแต่กลับโดนอีกมือหนึ่งจับข้อมือเอาไว้ได้ ผมหันไป
“ ปล่อย”
“ .... “ ดีฟไม่ได้พูดเพียงแต่ลากผมอออกจากร้านไป โดยที่ผมยังไม่ได้เก็บไอแผ่นเพลงสุดที่รักของผมเลยนะ ผมพยายามขัดขืนแต่ยิ่งถูกลากแรงมากขึ้น จนออกมาจากร้าน
“เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย “
“ กลับบ้าน “ แววตาคมกริบมาผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าวจนหน้ากลัว ผมพยายามมองหาพี่ต้นแต่หาไม่เจอ
“ หึ หาไปก็ไม่เจอหรอก “ ดีฟบอกอย่างสะใจ ทำไมมันรู้ว่าผมมากับพี่ต้น
“ ทำไมนายถึงรู้ “
“ ฉันรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาย “
“ ปล่อย “ ผมกดเสียงต่ำลงแล้วพยายามจะแกะออก แต่ยิ่งขัดขืนมือหนายิ่งรัดแน่นมากขึ้น ไอบ้านี่เป็นอะไร ทำไมต้องมาทำกับผมแบบนี้
“ มานี่ “ ดีฟลากผมออกจากที่นี่ผมยอมเดินตามแต่โดยดี ผมไม่อยากเจ็บตัว
“ ปิ้ป ปิ้ป “ ดีฟกดปลดล็อครถแล้วเปิดประตูดันผมให้นั่งข้างในนั่นซะ ตามด้วยดีฟที่เข้ามานั่งที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
“ จะพาฉันไปไหน “ ผมถามแต่ดีฟไม่ตอบ ไอดีฟออกรถทันที ผมหายใจแรงหนึ่งครั้งแล้วหันออกไปมองออกนอกหน้าต่าง
“ ฟิ่ว “ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นไม่มีใครเอ่ยคำใดๆออกมา ต่างคนต่างเงียบคนหนึ่งไม่ชอบใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังกับอีกคนที่เงียบเพราะมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไปให้ร่างเล็กข้างๆให้ได้รับรู้ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เขาลองหันมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ใบหน้าสวยหวานกำลังนอนอย่างสบาย เขาหยุดรถข้างทางแล้วปรับระดับเบาะลงเกรงว่าร่างเล็กตื่นมาจะเคล็ดคอแล้วจึงออกรถ
คลื่นของกลุ่มน้ำทะเลสีครามเป็นประกายแวววาวระยิบระยับซัดเข้าชายหาดจนเกินเสียงซ่า... รถคันสีขาวจอดที่ริมชายหาด ลมยามเย็นลอดเข้ามาในรถ ไรผมสีน้ำตาลเข้มเคลื่อนไหวตามทิศทางของลม
“ อือ “ ผมลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นกับเสียงน้ำซัด ผมกวาดสายตา ผมยังคงอยู่ในรถแต่เจ้าของรถไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเดินออกจากรถ
ทะเลสีครามกำลังซัดเข้าฝั่ง ดวงอาทิตย์สีส้มอ่อนกำลังตกดิน เหลือไว้เพียงลมหนาวยามเย็น เพราะผมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยาวประมาณเข่า สวมรองเท้าผ้าใบมันทำให้ผมหนาวเย็น ผมเดินเล่นตามริมชายหาด สักพักผมก็หยุดเดินแล้วนั่งชมเจ้าน้ำทะเลสีครามนั่นที่ใกล้จะเป็นสีดำ
ผมนั่งกอดเข่า ทุกครั้งที่ผมมองทะเล ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ไหนก็ตาม ผมไม่ชอบมันเลย ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนไม่เหลือใครอีกแล้วและทำให้ผมนึกนึกภาพตอนที่พ่อ แม่ พี่ และตัวผมที่กำลังเดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อมีสุขที่นั่นย่อมมีทุกข์ตามมาเช่นกัน แม่ผมถูกคนลอบทำร้ายแต่พ่อเอาตัวมากำบังตัวแม่ผมไว้ พ่อเลยรับเคราะห์แทน กว่าจะไปถึงมือหมอ พ่อก็หมดลมหายใจแล้ว...
“ ฮึก...”หยดน้ำอุ่นค่อยๆไหลออกจากตาลงที่แก้ม ถ้าตอนนั้นผมไม่ขอร้องให่พ่อกับแม่พามาเที่ยวทะเล พวกเขาก็คงไม่ตายจากผมไปหรอก พี่ก็คงไม่ต้องลำบาก ได้ทำงานที่ที่ตัวเองรัก ผมมันตัวโชคร้ายจริงๆ
“ตึก” เสียงฝีเท้าหยุดข้างหลังร่างเล็ก
“ หาเจอซักที นายนี่ขาไม่เคยอยู่กับที่เลยนะ “ เสียงทุ้มเอ่ย ผมสะดุ้ง รีบเช็ดน้ำตาแล้วหันไปหาต้นเสียง
“ แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไมล่ะ “ เอาแต่โทษฉัน ไม่ดูตัวเองบางเลยว่าตัวเองดีพอที่จะมาด่าคนอื่นรึเปล่า
“ ฉันก็แค่...”ดีฟลังเลที่จะพูดคำบางคำออกจากปาก ผมลุกขึ้นแล้วเดินผ่านร่างนี้
“ ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ คงจะอึดอัดมากสินะที่เห็นหน้าฉัน “
“ ฟุบ “ ร่างผมถูกร่างสูงกอดรัดแน่นไม่ให้ไปไหน ผมพยายามดิ้น
“ปะ ปล่อยนะ นายทำอะไรของนายห้ะ “
“ เมษ ฉันขอโทษ “ ดีฟกล่าวขอโทษเป็นครั้งที่สอง ผมหยุดโต้ตอบ
“....”
“ฉันจะไม่จากนายไปไหนอีกแล้วนะ”น้ำเสียงดูต่างไปจากทุกครั้ง มันดูห่วงใย อบอุ่น ใส่ใจผมมากขึ้น ผมควรจะให้อภัยดีมั้ยนะ แต่ถ้าผมให้อภัยให้โอกาสผมกลัวเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาที่หลังคอร่างบาง ร่างบางรู้สึกหวิว แปลกๆ
“ ตึก ตึก “ หัวใจผมเต้นแรงทันทีที่มบหน้าคนข้างหลังโน้มใบหน้าลงมาหลังคอผม หน้าผมเริ่มร้อนผ่าว
“ ดีฟ...” ผมเอ่ย ผมลังเลเหลือกันกับคำๆนั้นที่ต้องพูดออกไป ทำไมผมถึงสับสนแบบนี้ล่ะ ดีฟคลายกอดแล้วร่างผมถูกร่างสูงพลิกให้หันไป
ดวงตาทั้งสองคู่มองตากัน ร่างสูงเพ่งมองดวงตากลมโตที่กำลังสั่นไหวและหลบตาเขาอยู่
“ มองตาฉันสิ เมษ “ ร่างสูงเอ่ยให้ร่างบางหันมา ร่างบางหันมาช้าๆ ร่างสูงโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าเล็กแล้วจึงใช้ปากตนเองทาบปากบางๆสีชมพูของร่างบางแน่น
“ตุบ” มือเล็กทุบอกแกร่ง แต่ก็หยุดลง...
ผมถูกปากใหญ่ครอบครองไว้ ผมหยุดทำร้ายเพราะหมดเรี่ยวแรง ผมปิดปากตัวเองไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนๆนั่นได้มีโอกาสได้เข้ามา มือหนากดท้ายทอยผม ลิ้มร้อนนั่นมันกำลังเล่นตลกกับปากล่างของผม มันเลียจนผมทนไม่ไหว ผมยอมให้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนควานหาอะไรบางอย่าง รสจูบของดีฟมันทั้งร้อนแรงและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน
“ อะ อืม “ ผมครางออกมา ทำไมผมถึงได้เคลิ้ม ดีฟเปลี่ยนตำแหน่งจากท้ายท้อย ดีฟเลื่อนมือลงมาจับเอวผม ผมสะดุ้งแต่หาไม่ว่าจะยอมผละจูบ
“ อื้อ อื้อ “ ผมส่งเสียง ดีฟเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่ออกจึงผละจูบออก ตัวผมจะล้มแต่ดีฟจับเอาไว้ได้ ผมรีบกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดโดยเร็ว
“ เมษ “ ดีฟค่อยๆดันผมเข้าหาตัวแล้วกอดหลวมๆ ร่างกายของเราชิดสนิทกัน
“ ทำอะไรของนาย “ ร่างบางหน้าแดงก่ำเพราะความเคอะเขินกับรสจูบเมื่อครู่
.” จูบพิสูจน์รักยังไงล่ะ “ ประโยคนี้ทำให้หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้น
“ แล้ว....ตอน...นั้นล่ะ “
“ ตอนไหน “ ร่างสูงแกล้งถามร่างบาง ร่างบางมองค้อนใส่แล้วพยายามจะหนีแต่ร่างสูงจับไว่ทัน
“ นายมันบ้า ฮือ นายมันเลว! ฮือ ไอคนสกปรก! ฮือ คนหลายใจ นายไม่รักฉันแล้วจะมาทำกับฉัน ให้ความหวังกับฉันอีกทำไมห้ะ ! “ ร่างบางสบถด่าใส่รวดเดียว ร่างสูงตกใจเขายิ้ม
“ รักฉันสินะ “ ไอดีฟกลับยิ้ม ผมอ้าปากค้าง ที่เผลอด่ามันแถมด่าโดยไม่รู้ตัว
“ กะ ก็...” พูดไปพลางแอบมองสายตาที่จับจ้องตนเองอยู่
“...”
“ ถะ..ถ้าไม่รักแล้วจะเป็นแบบนี้รึไง “เมษเอ่ยเสียงแผ่ว ตอนนี้เขาเขินมากยิ่งกว่าเมื่อกี้
“ เมษ ฉันจะไม่จากนายไปไหนแล้วนะ ฉันรักนายคนเดียวเท่านั้น “ ดีฟให้สัญญากับร่างเล็ก ร่างเล็กร้องไห้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเศร้าหรือเสียใจ แต่เป็นเพราะดีใจมากต่างห่าง เหมือนยกภูเขาออกจากอก ร่างบางเข้าไปกอดคนรักร่างสูงกอดตอบกลับ
“ ตึก ตัก “ ทั้งสองได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
“ รักนะ “ ร่างสูงเอ่ย
“ ฉันก็รักนายเหมือนกัน “ ร่างเล็กตอบกลับอย่างมีความสุข
วันนี้ช่างเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ถึงแม้จะทุกข์อยู่บ้างก็ตาม ความโกรธ ความเกลียดในใจมันหายไปจากใจ เมื่อผมได้ยินคำว่า “ รัก “ จากปากอีกคน ผลสุดท้ายผมก็ขาดความรักไม่ได้ หลาสยครั้งที่ผมพยายมจะตัดความรักทิ้งออกไปจากใจ จากสมอง แต่มันก็กลับมา ยิ่งผมหนีมันยิ่งหวนกลับมาหาผม...ต่อไปนี้ผมจะดูแลความรักของผมให้ดีสุด
____________________________________________________
จบแล้วค่ะ ไม่ใช่จบบริบูรณ์นะคะ ยังไม่ได้เคลียร์อะไรอีกหลายเรื่องเลยนะ เดี๋ยวจะกลับมาอัพต่อนะ อาจจะภายในสัปดาห์หน้าล่ะ (มั้ง)5555 ไรท์อยากเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่เร็วๆจัง แค่คิดอยู่ เรื่องนี้จบเรื่องต่อไปอาจจะมีต่อนะคะ นิยายเรื่องนี้อยากจะทำให้มันยาวๆสักหน่อย ใครอยากได้กี่ตอนก็โพสตามข้างล่างได้นะคะ ไรท์จะเก็บไปคิดพิจารณาดูอีกที 5555 ต้องไปก่อนแล้วล่ะ ไปแล้วนะคะ รักรีดเดอร์มากมาย
ขอบคุณที่ติดตาม....
ซารางแฮโย
ผมยืนรอใครบางคนอยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ แดดก็ร้อนจริงๆ ผิวขาวของผมต้องมอดไหม้เป็นสีดำแน่ๆเลย เฮ้อ เมื่อไหร่พี่เขาจะมานะ
“ เมษ “ เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อผม ผมหันไปหาต้นเสียง เห็นคนตัวสูงกำลังเดินมาทางผม โบกมือเรียกด้วยล่ะ ผมเดินเข้าไปหาพี่เขา
“ สวัสดีครับ พี่ต้น “ ผมยกมือไหว้สวัสดีเขา
“ ไม่ต้องไหว้พี่หรอก เป็นกันเองน่า “ พี่ต้นจับมือผมลง
“ เอ่อ ครับ “
“ ไปกันเถอะ ไปกัน “ ไม่ทันทีที่ผมตั้งหลัก พี่ต้นก็จูงผมเข้าไปในห้างทันที ผมตามพี่เขาไม่ทันนะเนี่ย
ทั้งสองคนต่างมีความสุขกับการเดินห้าง รอยยิ้มของเมษเผยออกมาให้ต้นเห็น เขาชอบรอยยิ้มของเมษตั้งแต่เห็นเป็นครั้งแรก…
ความสนุกในการเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมลืมเรื่องต่างๆมากมายทันทีเลย อา มีความสุขจัง แต่ว่าทั้งๆที่มีความสุขดวงใจอีกหนึ่งดวงกลับทุกข์ใจ
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ...
“ บ่ายสาม “ ผมเอ่ย ผมขมวดคิ้ว ผมออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมงจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน หึ ไม่จำเป็นต้องกังวลนี่ พี่ก็ไม่อยู่ ไม่มีใครว่าด้วย เจ้านั่นก็คงไม่สนใจเรา
“ น้องเมษ เหนื่อยยังครับ “ พี่ต้นถามด้วยความห่วงใย ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มเป็นอันตอบกลับ
“ฟิ้ง” เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งของใครบางคนจ้องมาทางผมอย่างสุดฤทธิ์ ผมสะดุ้ง
“ เมษ เป็นอะไรเหรอ “ พี่ต้นถามเมื่อผมมีท่าทีตกใจอะไรบางอย่าง
“ เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พี่ต้นเมษขอไปดูร้านเพลงแป๊บนึงนะ “ผมบอกพี่
“ งั้นพี่รอตรงนี้นะ “ พี่ต้นบอก ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกห่างจากร่างนั้นไปแล้วมุ่งตรงไปที่ร้านขายเพลงนานาชนิด
ร้าน MUSIC LAST
ผมเดินเข้าร้าน แล้วไปยังหมวดเพลงเกาหลี ผมกวาดสายตาหาเพลงของวง MBLAQ
“เฮ้ย เจอแล้ว “ ผมอุทานออกมาด้วยความดีใจเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ โอ้ สวรรค์ วงนี้ผมชอบมากเลย ในอัลบั้มนี้มันมีเพลงเศร้าด้วยล่ะ พอดีผมเป็นคนชอบเพลงเศร้าๆช้าๆอะไรประมาณนี้ โอ้ย ผมอยากจะกรี้ดออกมาให้โลกได้รับรู้แต่ทำไม่ได้อ่ะ
“ เยส เยส “ ผมกระโดดแล้วเตรียมเดินไปที่เคาเตอร์แคชเชียร์อย่างสุขใจ
อีกไม่กี่ก้าวผมก็จะใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว แต่ทว่า...
“ปั้ก”ไหล่ผมชนกับไหล่แกร่งของใครบางคนอย่างแรง
ของในมือผมหล่นรวมทั้งร่างกายผมด้วย วันนี้ผมล้มกระแทกพื้นเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ผมเงยหน้า
“เฮ้ย “ 0[ ]0 คนที่ผมชนมันคือ...
“ เจอกันอีกแล้วนะ “ คนร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มเอ่ย ผมกระเด้งตัวขึ้นมาประจันหน้าทันที ผมคิดว่าวันนี้จะต้องไม่เจอกันอีกแล้วนะ
“ ดีฟ “ ผมเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วเดินหนีแต่กลับโดนอีกมือหนึ่งจับข้อมือเอาไว้ได้ ผมหันไป
“ ปล่อย”
“ .... “ ดีฟไม่ได้พูดเพียงแต่ลากผมอออกจากร้านไป โดยที่ผมยังไม่ได้เก็บไอแผ่นเพลงสุดที่รักของผมเลยนะ ผมพยายามขัดขืนแต่ยิ่งถูกลากแรงมากขึ้น จนออกมาจากร้าน
“เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย “
“ กลับบ้าน “ แววตาคมกริบมาผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าวจนหน้ากลัว ผมพยายามมองหาพี่ต้นแต่หาไม่เจอ
“ หึ หาไปก็ไม่เจอหรอก “ ดีฟบอกอย่างสะใจ ทำไมมันรู้ว่าผมมากับพี่ต้น
“ ทำไมนายถึงรู้ “
“ ฉันรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาย “
“ ปล่อย “ ผมกดเสียงต่ำลงแล้วพยายามจะแกะออก แต่ยิ่งขัดขืนมือหนายิ่งรัดแน่นมากขึ้น ไอบ้านี่เป็นอะไร ทำไมต้องมาทำกับผมแบบนี้
“ มานี่ “ ดีฟลากผมออกจากที่นี่ผมยอมเดินตามแต่โดยดี ผมไม่อยากเจ็บตัว
“ ปิ้ป ปิ้ป “ ดีฟกดปลดล็อครถแล้วเปิดประตูดันผมให้นั่งข้างในนั่นซะ ตามด้วยดีฟที่เข้ามานั่งที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
“ จะพาฉันไปไหน “ ผมถามแต่ดีฟไม่ตอบ ไอดีฟออกรถทันที ผมหายใจแรงหนึ่งครั้งแล้วหันออกไปมองออกนอกหน้าต่าง
“ ฟิ่ว “ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นไม่มีใครเอ่ยคำใดๆออกมา ต่างคนต่างเงียบคนหนึ่งไม่ชอบใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังกับอีกคนที่เงียบเพราะมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไปให้ร่างเล็กข้างๆให้ได้รับรู้ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เขาลองหันมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ใบหน้าสวยหวานกำลังนอนอย่างสบาย เขาหยุดรถข้างทางแล้วปรับระดับเบาะลงเกรงว่าร่างเล็กตื่นมาจะเคล็ดคอแล้วจึงออกรถ
คลื่นของกลุ่มน้ำทะเลสีครามเป็นประกายแวววาวระยิบระยับซัดเข้าชายหาดจนเกินเสียงซ่า... รถคันสีขาวจอดที่ริมชายหาด ลมยามเย็นลอดเข้ามาในรถ ไรผมสีน้ำตาลเข้มเคลื่อนไหวตามทิศทางของลม
“ อือ “ ผมลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นกับเสียงน้ำซัด ผมกวาดสายตา ผมยังคงอยู่ในรถแต่เจ้าของรถไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเดินออกจากรถ
ทะเลสีครามกำลังซัดเข้าฝั่ง ดวงอาทิตย์สีส้มอ่อนกำลังตกดิน เหลือไว้เพียงลมหนาวยามเย็น เพราะผมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยาวประมาณเข่า สวมรองเท้าผ้าใบมันทำให้ผมหนาวเย็น ผมเดินเล่นตามริมชายหาด สักพักผมก็หยุดเดินแล้วนั่งชมเจ้าน้ำทะเลสีครามนั่นที่ใกล้จะเป็นสีดำ
ผมนั่งกอดเข่า ทุกครั้งที่ผมมองทะเล ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ไหนก็ตาม ผมไม่ชอบมันเลย ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนไม่เหลือใครอีกแล้วและทำให้ผมนึกนึกภาพตอนที่พ่อ แม่ พี่ และตัวผมที่กำลังเดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อมีสุขที่นั่นย่อมมีทุกข์ตามมาเช่นกัน แม่ผมถูกคนลอบทำร้ายแต่พ่อเอาตัวมากำบังตัวแม่ผมไว้ พ่อเลยรับเคราะห์แทน กว่าจะไปถึงมือหมอ พ่อก็หมดลมหายใจแล้ว...
“ ฮึก...”หยดน้ำอุ่นค่อยๆไหลออกจากตาลงที่แก้ม ถ้าตอนนั้นผมไม่ขอร้องให่พ่อกับแม่พามาเที่ยวทะเล พวกเขาก็คงไม่ตายจากผมไปหรอก พี่ก็คงไม่ต้องลำบาก ได้ทำงานที่ที่ตัวเองรัก ผมมันตัวโชคร้ายจริงๆ
“ตึก” เสียงฝีเท้าหยุดข้างหลังร่างเล็ก
“ หาเจอซักที นายนี่ขาไม่เคยอยู่กับที่เลยนะ “ เสียงทุ้มเอ่ย ผมสะดุ้ง รีบเช็ดน้ำตาแล้วหันไปหาต้นเสียง
“ แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไมล่ะ “ เอาแต่โทษฉัน ไม่ดูตัวเองบางเลยว่าตัวเองดีพอที่จะมาด่าคนอื่นรึเปล่า
“ ฉันก็แค่...”ดีฟลังเลที่จะพูดคำบางคำออกจากปาก ผมลุกขึ้นแล้วเดินผ่านร่างนี้
“ ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ คงจะอึดอัดมากสินะที่เห็นหน้าฉัน “
“ ฟุบ “ ร่างผมถูกร่างสูงกอดรัดแน่นไม่ให้ไปไหน ผมพยายามดิ้น
“ปะ ปล่อยนะ นายทำอะไรของนายห้ะ “
“ เมษ ฉันขอโทษ “ ดีฟกล่าวขอโทษเป็นครั้งที่สอง ผมหยุดโต้ตอบ
“....”
“ฉันจะไม่จากนายไปไหนอีกแล้วนะ”น้ำเสียงดูต่างไปจากทุกครั้ง มันดูห่วงใย อบอุ่น ใส่ใจผมมากขึ้น ผมควรจะให้อภัยดีมั้ยนะ แต่ถ้าผมให้อภัยให้โอกาสผมกลัวเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาที่หลังคอร่างบาง ร่างบางรู้สึกหวิว แปลกๆ
“ ตึก ตึก “ หัวใจผมเต้นแรงทันทีที่มบหน้าคนข้างหลังโน้มใบหน้าลงมาหลังคอผม หน้าผมเริ่มร้อนผ่าว
“ ดีฟ...” ผมเอ่ย ผมลังเลเหลือกันกับคำๆนั้นที่ต้องพูดออกไป ทำไมผมถึงสับสนแบบนี้ล่ะ ดีฟคลายกอดแล้วร่างผมถูกร่างสูงพลิกให้หันไป
ดวงตาทั้งสองคู่มองตากัน ร่างสูงเพ่งมองดวงตากลมโตที่กำลังสั่นไหวและหลบตาเขาอยู่
“ มองตาฉันสิ เมษ “ ร่างสูงเอ่ยให้ร่างบางหันมา ร่างบางหันมาช้าๆ ร่างสูงโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าเล็กแล้วจึงใช้ปากตนเองทาบปากบางๆสีชมพูของร่างบางแน่น
“ตุบ” มือเล็กทุบอกแกร่ง แต่ก็หยุดลง...
ผมถูกปากใหญ่ครอบครองไว้ ผมหยุดทำร้ายเพราะหมดเรี่ยวแรง ผมปิดปากตัวเองไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนๆนั่นได้มีโอกาสได้เข้ามา มือหนากดท้ายทอยผม ลิ้มร้อนนั่นมันกำลังเล่นตลกกับปากล่างของผม มันเลียจนผมทนไม่ไหว ผมยอมให้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนควานหาอะไรบางอย่าง รสจูบของดีฟมันทั้งร้อนแรงและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน
“ อะ อืม “ ผมครางออกมา ทำไมผมถึงได้เคลิ้ม ดีฟเปลี่ยนตำแหน่งจากท้ายท้อย ดีฟเลื่อนมือลงมาจับเอวผม ผมสะดุ้งแต่หาไม่ว่าจะยอมผละจูบ
“ อื้อ อื้อ “ ผมส่งเสียง ดีฟเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่ออกจึงผละจูบออก ตัวผมจะล้มแต่ดีฟจับเอาไว้ได้ ผมรีบกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดโดยเร็ว
“ เมษ “ ดีฟค่อยๆดันผมเข้าหาตัวแล้วกอดหลวมๆ ร่างกายของเราชิดสนิทกัน
“ ทำอะไรของนาย “ ร่างบางหน้าแดงก่ำเพราะความเคอะเขินกับรสจูบเมื่อครู่
.” จูบพิสูจน์รักยังไงล่ะ “ ประโยคนี้ทำให้หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้น
“ แล้ว....ตอน...นั้นล่ะ “
“ ตอนไหน “ ร่างสูงแกล้งถามร่างบาง ร่างบางมองค้อนใส่แล้วพยายามจะหนีแต่ร่างสูงจับไว่ทัน
“ นายมันบ้า ฮือ นายมันเลว! ฮือ ไอคนสกปรก! ฮือ คนหลายใจ นายไม่รักฉันแล้วจะมาทำกับฉัน ให้ความหวังกับฉันอีกทำไมห้ะ ! “ ร่างบางสบถด่าใส่รวดเดียว ร่างสูงตกใจเขายิ้ม
“ รักฉันสินะ “ ไอดีฟกลับยิ้ม ผมอ้าปากค้าง ที่เผลอด่ามันแถมด่าโดยไม่รู้ตัว
“ กะ ก็...” พูดไปพลางแอบมองสายตาที่จับจ้องตนเองอยู่
“...”
“ ถะ..ถ้าไม่รักแล้วจะเป็นแบบนี้รึไง “เมษเอ่ยเสียงแผ่ว ตอนนี้เขาเขินมากยิ่งกว่าเมื่อกี้
“ เมษ ฉันจะไม่จากนายไปไหนแล้วนะ ฉันรักนายคนเดียวเท่านั้น “ ดีฟให้สัญญากับร่างเล็ก ร่างเล็กร้องไห้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเศร้าหรือเสียใจ แต่เป็นเพราะดีใจมากต่างห่าง เหมือนยกภูเขาออกจากอก ร่างบางเข้าไปกอดคนรักร่างสูงกอดตอบกลับ
“ ตึก ตัก “ ทั้งสองได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
“ รักนะ “ ร่างสูงเอ่ย
“ ฉันก็รักนายเหมือนกัน “ ร่างเล็กตอบกลับอย่างมีความสุข
วันนี้ช่างเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ถึงแม้จะทุกข์อยู่บ้างก็ตาม ความโกรธ ความเกลียดในใจมันหายไปจากใจ เมื่อผมได้ยินคำว่า “ รัก “ จากปากอีกคน ผลสุดท้ายผมก็ขาดความรักไม่ได้ หลาสยครั้งที่ผมพยายมจะตัดความรักทิ้งออกไปจากใจ จากสมอง แต่มันก็กลับมา ยิ่งผมหนีมันยิ่งหวนกลับมาหาผม...ต่อไปนี้ผมจะดูแลความรักของผมให้ดีสุด
____________________________________________________
จบแล้วค่ะ ไม่ใช่จบบริบูรณ์นะคะ ยังไม่ได้เคลียร์อะไรอีกหลายเรื่องเลยนะ เดี๋ยวจะกลับมาอัพต่อนะ อาจจะภายในสัปดาห์หน้าล่ะ (มั้ง)5555 ไรท์อยากเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่เร็วๆจัง แค่คิดอยู่ เรื่องนี้จบเรื่องต่อไปอาจจะมีต่อนะคะ นิยายเรื่องนี้อยากจะทำให้มันยาวๆสักหน่อย ใครอยากได้กี่ตอนก็โพสตามข้างล่างได้นะคะ ไรท์จะเก็บไปคิดพิจารณาดูอีกที 5555 ต้องไปก่อนแล้วล่ะ ไปแล้วนะคะ รักรีดเดอร์มากมาย
ขอบคุณที่ติดตาม....
ซารางแฮโย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ