คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]

-

เขียนโดย Murasaki

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.

  8 chapter
  3 วิจารณ์
  12.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) What's it?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Episode 6

What’s it?

เดเมียน

ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าและนำพาความมืดมาสู่สวนวงกตมีเพียงชายหนุ่มสองคนกำลังเดินลัดเลาะไปตามทางสู่คฤหาสน์ใหญ่ใจกลางสวนวงกตแห่งนี้ที่เมื่อคืนเอคิวได้มาพักกับน้ำเย็นมาคืนหนึ่งแล้ว แต่วันนี้มีเพื่อนร่วมทางเป็นดาเมียนที่คอยแกล้งเอคิวตลอดทางกลับคฤหาสน์ แสงไฟจากคฤหาสน์ที่ส่องออกมานอกรั้วกั้นทำให้เอคิวเห็นประตูอยู่ไกลๆ แต่ก็ยิ่งอดนึกถึงน้ำเย็นญาติขี้กลัวที่มาด้วยกันไม่ได้จนเอคิวขมวกคิ้วแน่น เดเมียนที่กำลังจ้องมองใบหน้าหวานก็พลอยรู้สึกเป็นกังวลไปด้วย ที่รักของเขาเป็นอะไรกันนะ!

 

“ทำหน้าเป็นยักษ์แบบนั้นมีอะไรหรือเปล่า?” เอคิวของผม(?)เป็นอะไรกันนะ พอได้ยินเสียงของผมถามเอคิวก็หันมาจ้องตาดุด้วย อ๊ะ! ถึงตาจะดุก็รักนะ เอ้ย! ไม่ใช่แหละ นี่ผมเพ้ออะไรเนี่ย

 

“ชิ! ไม่ยุ่งสักเรื่องจะตายป่ะ ไอ้โรคจิต” เอคิวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 

“เอ้า! มาว่ากันทำไมเนี่ย! นิสัยไม่ดีเลยนะที่รัก แล้วที่รักเป็นอะไรล่ะครับ?” ผมยังคงถามด้วยความเป็นห่วงก็ดูที่คิ้วสวยนั่นสิ จะผูกกันเป็นโบว์ได้อยู่แล้วนะ

 

“โว๊ะ! นายนี่มันยุ่งทุกเรื่องจริงๆ อย่าได้ใจไป พอพี่วานิชมาที่นี่ ฉันจะออกไปจากที่นี่ทันที” อดรู้สึกโหว่งในหัวใจไม่ได้เมื่อได้ยินว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอเด็กหนุ่มหน้าหวานที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างตอนนี้

 

“โห่! เป็นห่วงก็ไม่ได้ งอนดีกว่า” ผมสะบัดหน้างอนๆใส่เอคิวที่กำลังอ้าปากหวอมองผมตาค้าง เหอะ! น่ารักตายล่ะ เดี๋ยวจับจูบตรงนี้ซะเลย

 

“โถ่! ไอ้ตุ๊ดฟราย มางงมางอน ไปไกลๆเลย คนยิ่งเครียดๆอยู่”

 

“เหอะ!” ผมทำหน้าบึ้งใส่เอคิวที่ตอนนี้จ้องมองไปข้างหน้าอย่างกับมันน่าสนใจมากกว่าผม นี่ผมกะว่าจะเดินสวีทกับที่รักก็หมดกันล่ะ โดนด่าแถมเมินกันตลอดเลย

 

“อ่ะๆ เลิกกระแดะงอนเป็นสาวน้อยซะที รำคาญลูกตา โทษทีที่หงุดหงิดใส่นาย ฉันแค่ห่วงน้ำเย็นน่ะ”

“ห่วงน้ำเย็น? น้ำเย็นเป็นอะไร?” ผมหันไปมองหน้าของเอคิวที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วกัดปากอย่างครุ่นคิด โห่! อย่ากัดปากเซ่ ผมทนไม่ได้อ่ะ อยากจูบจังเลย ขณะที่ผมกำลังจ้องริมฝีปากเล็กอยู่นั้น เอคิวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

“น้ำเย็นน่ะไม่เคยอยู่ต่างที่ไกลหูไกลตาคนที่บ้าน ถึงจะไปเรียนอยู่หอก็จะกลับบ้านทุกอาทิตย์ ที่นี่มีแต่เรื่องแปลกๆ มีแต่ตัวประหลาด! น้ำเย็นคงกลัวน่าดูเลย” เหวอ! ทำไมต้องหันมาจ้องหน้ากันเวลาพูดคำว่า

”ตัวประหลาด”ด้วยล่ะ ผมไม่ได้ประหลาดซะหน่อย แค่เป็นสิงโตมีเขี้ยว แล้วมีหางแมงป่องเป็นอาวุธเอง เท่ห์จะตายไป เดี๋ยวพ่นพิษรักใส่ซะเลย ฟู่ๆ

“แล้วจะไม่ปล่อยให้เขาเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเองหรือไง?” เอคิวที่จ้องไปทางข้างหน้าก็หันมาจ้องหน้าผมนิ่งแล้วแสยะยิ้มใส่ผม ใช่! แสยะยิ้มน่ากลัวอ่ะ   

“หึ! ถ้านายไม่รู้จักญาติฉันดีพอก็เงียบปากไป”อั๊ก! เจ็บจึ้กลงกลางใจ เน้นว่าผมมันคนนอกสินะ แล้วยังมาจ้องตาดุใส่อีก คนสวยนี่ใจร้ายทุกคนหรือเปล่าว่ะ ยิ่งดวงตากวางสวยที่มองมาทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ เอคิวเหมือนคนๆนั้นมากจริงๆ ถึงจะดูนิสัยเถื่อนดิบกว่าพันเท่าก็เถอะ เอคิวจะคิดว่าผมบ้าหรือเปล่านะ โดนด่าแล้วยังยิ้มได้อีก 

“บ้าหรอ? ยิ้มติ๊งต๊องอยู่ได้คนเดียว” นั่นไง! คิดว่าผมบ้าจริงๆ

 

ผมและเอคิวเดินเข้ามาในเขตของคฤหาสน์แล้ว แต่สิ่งที่แปลกไปคือบรรยากาศที่เงียบผิดปกติจนผมรู้สึกได้ ถ้าเป็นเวลานี้จะต้องมีงูแปดหัวสองแฝดมาเผ่นผ่านแถวนี้ตรวจตราบริเวณสวนวงกตจนมาถึงเขตคฤหาสน์แห่งนี้ ไอ้สองตัวนั้นไปไหน? ผมกับเอคิวเดินมาที่ประตูคฤหาสน์ก็เห็นซินเนียที่เดินออกมาส่งยิ้มสดใสให้ก่อนจะเดินมาหาเอคิวที่ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของน้ำเย็น

 

“กลับมาแล้วหรอคะ กินข้าวเลยไหม? เดี๋ยวซินเนียไปตั้งโต๊ะให้นะ” ซินเนียส่งยิ้มมาให้พวกผมโดยไม่ได้สังเกตอาการเคร่งเครียดของเอคิวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

“ซินเนีย น้ำเย็นนอนแล้วหรอ?” เอคิวหันไปถามซินเนียที่เริ่มสังเกตเห็นใบหน้าหวานเคร่งเครียดก็หงอยลงทันตาก่อนจะตอบเอคิวด้วยเสียงเบา

 

“เอ่อ พี่น้ำไปกับพี่แฝดตั้งนานแล้ว แต่ซินเนียไม่รู้ว่าไปที่ไหนกัน” ซินเนียจ้องหน้าเอคิวก่อนที่จะหันมาจ้องผมที่กำลังส่งสายตาดุก่อนที่จะพูดกับซินเนียทางจิตไม่ให้เอคิวได้ยิน

 

“ไปตามหาน้ำเย็นให้เจอ”

“ได้คะ นายท่าน”

 

“อ๊ะ! เดี๋ยวซินเนียไปบอกป้าว่าพวกพี่กลับมาแล้วก่อนนะคะ” ซินเนียรีบเอ่ยขอตัวก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้เอคิวแล้วเดินหายไปในห้องครัว แต่เอคิวก็ยังคงยืนนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนผมเริ่มเป็นห่วงคนตรงหน้าเข้าไปทุกที

 

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวน้ำเย็นก็มา ที่รักขึ้นไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวดีกว่านะ” ผมพูดปลอบให้ดวงหน้าหวานนั้นคลายความกังวล

 

“อื้ม! ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องนะ” เอคิวรับคำแล้วกำลังจะไปทางห้องครัวจนผมงงว่าทำไมไม่ไปอาบน้ำ

 

“จะไปไหนน่ะ?”ผมคว้าแขนเรียวนั้นไว้ก่อนที่จะเอคิวจะเดินไปทางห้องครัว

 

“ฉันว่าจะไปกินน้ำก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำน่ะ”

 

“งั้นฉันไปด้วยนะ” ผมพูดแล้วพลางส่งสายตาอ้อนคนสวยไปด้วย แต่ได้สายตาเฉือดเชือนกลับมา สายตาไม่ได้ผล งั้นลูบแขนลูบมือซะเลย ผิวนุ่มจริงๆ วันนี้ผมจะไม่ล้างมือ ไม่อาบน้ำเลย(อี๊! สกปรกได้อีก)

 

“ชิ! ตัวติดกันหรือไง ไอ้ปลิงจิตเสื่อม แน่ะ! ยังจะมาลูบแขนอีก อึ๊ย! ขนลุก”เอคิวสะบัดมือผมออกแล้วทำหน้าหวาดกลัวผมไปด้วย เอิ่ม! ไม่ต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ก็ได้ เสียใจว่ะ

 

“หึม! งอนตลอดกาล”ผมสะบิดหน้างอน แต่เอคิวก็ส่ายหน้าเซ็งจิตมาให้ผมก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆมาให้แล้วดึงแขนผมไปทางห้องครัว ส่วนผมก็ยิ้มแก้มปริสิครับ ที่รักยิ้มให้แล้วยังจับแขนผมด้วยนี่นา

 

“ไอ้ปัญญานิ่ม! ยิ้มกวนบาทาหรอ?” เอิ่ม! ไม่ด่าผมได้ไหมครับ..ที่รัก

 

ห้องครัว

“ป้าไลซานดรา! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”ซินเนียร้องจนไลซานดราตกใจกับหลานสาวตัวดีที่ส่งเสียงมาแต่ไกล

 

“มีอะไร?” ป้าไลซานดราพูดเสียงเย็นก่อนจะส่งสายตาแกมดุปรามซินเนียที่ส่งเสียงดัง

 

“นายท่านกลับมาไม่เห็นพี่น้ำเย็นก็สั่งให้ออกตามหาด่วนเลยนะป้า แล้วคุณชายแฝดจะพาเข้าไปในสวนลับหรือเปล่า?”เด็กสาวทำหน้านึกถึงเมื่อเย็นที่เธอเห็นชายหนุ่มสามคนเดินไปทางสวนลับ แต่ก็คิดว่าสองแฝดจะกล้าพาน้ำเย็นที่เป็นคนนอกเข้าไปที่นั่นจริงๆหรือเปล่า?

 

“หึ! จะตามทำไม? ฉันว่าแกอยู่นี่ช่วยฉันเตรียมอาหารให้นายท่านดีกว่า เอ้า! ยืนนิ่งทำไม ไปทำงานสิ”เสียงเย็นของไลซานดราบ่งบอกว่าเธอพอใจที่รู้ว่าน้ำเย็นหายไปและทำให้เอคิวต้องติดอยู่ที่นี่นานขึ้นอีกนิด ถ้าหาน้ำเย็นไม่เจอ

 

“ตะ..แต่เราจะไม่โดนทำโทษหรอป้า ถ้าไม่ไปตามพี่น้ำเย็นอ่ะ”

 

“แกจะห่วงทำไม? หายไปสิดี ฉันจะได้มีเวลาจัดการกับทายาทไอ้ตัวการที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ได้ถนัด”

 

“ป้าหมายความว่ายังไงอ่ะ ใครคือทายาท?” ซินเนียทำหน้าฉงนสงสัยในเรื่องที่ป้าพูดถึงด้วยความไม่เข้าใจ

 

“เอคิว” เสียงไลซานดราเย็นจนขนลุกแล้วยังมีดวงตาแข็งกร้าวนั่นอีก

 

“ห๊ะ! ไม่มั้ง ป้าอย่าอาฆาตคนอื่นมั่วสิ พี่เอคิวเพิ่งมาที่นี่ได้แค่สองวันเองนะ แล้วป้าจะไปโกรธพี่เอคิวทำไมล่ะ” ซินเนียยิ่งทำหน้างุนงงเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินว่าพี่ชายหน้าสวยนั้นเป็นทายาทของคนที่ป้าเธอไม่พอใจ

 

“แกนี่มันโง่เกินหน้าตาจริงๆ ไอ้อัลมอนด์เป็นตัวการที่ทำให้ที่นี่ต้องคำสาปและเป็นพ่อของไอ้เด็กอวดดีนั่น เพราะมันทำให้ฉันต้องติดอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีมัน พวกเราก็จะออกไปจากเขตอาถรรพ์นี่ได้ ฉันเกลียดไอ้หน้าตาใสซื่อของอัลมอนด์ที่คอยหลอกนายท่านคนก่อนให้ลุ่มหลงนั่น เพราะมันคนเดียว ฉันจะต้องฆ่ามัน!” ไลซานดราจ้องหลานสายด้วยสายตาแค้นเคืองจนซินเนียสั่นกลัวก่อนที่ดวงตาของป้าเริ่มกลายเป็นสีแดงชาน ลิ้นสองแฉกของงูแลบออกมาจากปากกว้างที่เต็มไปด้วยฟันซี่คมนับพัน เล็บคมกางออกเตรียมจะต่อสู้กับทุกสิ่งที่เข้ามาขัดขวาง

 

“งั้นที่พ่อผมไม่กลับอกไปก็คงเป็นคุณที่ฆ่าเขาสินะ” น้ำเสียงนิ่งจนขนลุกและดวงตาหวานที่แข็งกร้าวจ้องมองมาที่สองป้าหลานที่กำลังพูดถึงพ่อของเอคิวโดยที่ไม่รู้ว่าเขาแอบได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน

 

“พะ...พี่เอคิว นะ...นายท่าน” ซินเนียหันไปจ้องเอคิวกับเดเมียนที่กำลังจ้องมาด้วยสายตาน่ากลัวจนดวงตาสวยของเธอกลายเป็นดวงตาแมวสีเหลืองเรืองแสงก่อนที่ร่างกลายจะเปลี่ยนเป็นแมวเก้าหางสีดำต่อหน้าต่อตาเอคิวที่ดูจะไม่ตกใจกับสาวใช้กลายเป็นปีศาจ

 

“ขะ...ขอโทษคะ มันไม่ใช่เรื่องจริงนะพี่เอคิว ป้าไลซานดราแค่โกรธ นะ..นายท่านโปรดให้อภัยข้ากับท่านป้าของข้าด้วย” แมวเก้าหางสีดำใช้ดวงตาสีเหลืองเรืองแสงในความมืดนั้นจ้องมาที่เอคิวและนายท่านของตนก่อนจะก้มหัวขอโทษแทนป้าของเธอที่ตอนนี้หันมายืนฉีกยิ้มด้วยปากกว้างและลิ้นสองแฉกที่แลบออกมาอย่างท้าทาย

 

“เจ้าทำอะไรท่านพี่อัลมอนด์!!” เสียงราวกับฟ้าผ่าของเดเมียนพูดออกมาด้วยความโกรธ

 

“นายไม่เกี่ยว! น้ำเย็นอยู่ที่ไหน? เอาญาติฉันไปไว้ที่ไหน?” เอคิวหันไปพูดกับเดเมียนก่อนจะตวาดเสียงดังด้วยความโกรธไปที่สองป้าหลาน แล้วดวงตาหวานก็มีน้ำตาเป็นเลือดไหลออกมา มือเรียวสวยกำแน่นจนเลือดไหลออกมาตามมือขาวนั้น เดเมียนตกใจรีบคว้ามือสวยพยายามแกะให้มือนั้นคลายออก

 

“ที่รัก! ที่รัก!” เดเมียนเขย่าตัวเอคิวแล้วบีบไหล่บางแน่นเมื่อเห็นว่าเอคิวเริ่มไม่มีสติแล้ว ก่อนที่ดวงตานั้นจะจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาเศร้าเต็มไปด้วยสีเลือด

 

“ฉันจะฆ่าให้หมด” เสียงเย็นชาพูดออกมาก่อนที่ดวงตาเศร้าของเอคิวจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวแล้วแสยะยิ้มส่งมาให้เดเมียนที่เริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

 

“ไม่ได้! นายจะทำอย่างนั้นไม่ได้ มีสติหน่อยสิ เราต้องตามหาน้ำเย็น” ดาเมียนพยายามเกลี่ยกล่อมเอคิวที่สติหลุดให้ฟังเสียงของเขาก่อนที่จะหันไปหาซินเนียที่ก้มหัวตัวสั่น

 

“ไป! ไปตามหาน้ำเย็นมาเดี๋ยวนี้” ดาเมียนพูดสั่งซินเนียเสียงดังก่อนที่ซินเนียจะพยักหน้าแล้วรีบวิ่งหายออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงไลซานดราที่ยืนจ้องตากับดาเมียนและเอคิว

 

“ส่วนแกคงรู้ว่าโทษครั้งนี้คืออะไร” ดาเมียนจ้องไปที่ไลซานดราที่ตอนนี้เริ่มจะตกใจเมื่อเห็นสายตาโกรธเคืองราวกับจะบอกว่าเธอจะไม่ได้เป็นอิสระอีกจนสายหวาดกลัวนั้นฉายชัดออกมา

 

เอคิวยืนกำมือแน่นจ้องไปที่ไลซานดราด้วยดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาสีเลือดไหลเป็นทางอาบใบหน้าหวานจนเดเมียนเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตานั้นก่อนจะมองด้วยความเศร้าที่เห็นสายตาเจ็บปวดของร่างบางก่อนที่จะพยายามดึงร่างบางออกมาจากห้องครัวท่ามกลางเสียงกรีดร้องของไลซานดรา เมื่อมีผีดิบบริวารของดาเมียนเข้ามาจับตัวเธอไปทางป่าช้าอาถรรพ์ที่เป็นดังคุกขังปีศาจที่ขัดคำสั่งของผู้เป็นนาย

 

“กรี๊ด! ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งคู่! ไอ้พ่อลูกเศษสวะตกสวรรค์”

 

เดเมียน

ณ ห้องโถง

ผมรู้สึกกังวลที่เห็นร่างบางหอบหายใจแรงจนตัวโยนก่อนที่ดวงตาสีเลือดจะเป็นมาเป็นดวงตากวางสวยที่ผมชอบจ้องมอง มือขาวที่เลือดไหลเป็นทางนั้นก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมก็อดเป็นห่วงร่างบางตรงหน้านี้ไม่ได้อยู่ดี ผมพาเอคิวเดินมานั่งที่โซฟาในห้องโถงใหญ่ที่มีเพียงเราสองคนกับความเงียบ ก่อนที่จะมีกลุ่มควันสีดำโผล่ออกมาตรงบันไดทางขึ้นชั้นสองของคฤหาสน์

 

“หึ! เป็นไงล่ะ เอาพวกเลี้ยงไม่เชื่องมาอยู่ก็แบบนี้แหละ” เสียงเดอร์มอทดังขึ้นพร้อมกับสายตาว่างเปล่าจ้องมองมายังผมที่กำลังส่งสายตาไม่พอใจ แล้วเดอร์มอทก็เดินเข้ามาใกล้เอคิวแล้วดวงตาคมนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืดมิดวาววับก่อนที่มือสีดำและเล็บแหลมคมจะจ้บหัวของเอคิวที่กำลังนั่งนิ่งอย่างเหม่อลอยไม่ยอมมองหน้าใคร

 

“หึ! ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ติดตัวเด็กนี่มาตั้งแต่เกิด นายช่วยเด็กน้อยไม่ได้หรอก ดาเมียน” น้ำเสียงนิ่งของเดอร์มอทพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนที่เอคิวจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วเงยหน้ามองเดอร์มอทแล้วขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด

 

“เฮ้ย! อย่ามาลามปาม อึ๋ย! สกปรก รู้จักกันแค่วันเดียวทำมาจับหัวคนอื่น” เอคิวคนเดิมของผมกลับมาพร้อมกับเอามือเรียวสวยปัดมือใหญ่ของเดอร์มอทออกจากหัว แต่เดอร์มอทก็ขยี้กลุ่มผมสวยสีน้ำตาลนั้นก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เอคิวที่ทำหน้าบึ้งตึง

 

“หึ! จับไม่ได้เลยนะ ต้องฆ่าเชื้อด้วยไหม? เดี๋ยวฉันไปเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดให้เอาป่ะ?”

 

 “เอามาสิ! ฉันกลัวเชื้อโรคจิตซึมเข้าสมอง” เอคิวพูดแล้วส่งยิ้มท้าทายให้เดอร์มอทที่ส่ายหน้าเหนื่อยใจกับคนดื้อตรงหน้า เอคิวหันมามองผมที่กำลังนั่งนิ่งไม่พูดสักคำก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมมาเขย่ามือของผมแล้วจ้องมองมาด้วยสายตาหวานจนผมใจสั่น แสบนักนะ เวลาโกรธก็น่ากลัวจนขนลุก แต่เวลาอารมณ์ดีก็น่ารักจนน่าจับกด

 

“นายจะทำหน้าเครียดแข่งกับฉันหรือไงว่ะ? อ้อ! น้ำเย็นยังไม่กลับมาหรอ? ฉันไปตามน้ำเย็นดีกว่า” เอคิวพูดกับผมก่อนที่จะทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา

 

“ไม่ต้อง! / ไม่ต้อง!” เสียงของผมกับเดอร์มอทร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นเอคิวจะออกไปตามหาน้ำเย็นจริงๆ

 

“อะไรของพวกนายเนี่ย! ฉันเป็นห่วงน้ำเย็นนะ ดึกขนาดนี้ยังไม่เห็นน้ำเย็นเลย” เอคิวขมวดคิ้วแล้วยู่ปากใส่ผมกับเดอร์มอทอย่างขัดใจ ผมส่งยิ้มเอ็นดูไปให้ก่อนที่เอคิวจะทำเมินหน้าใส่ผม

 

“ซินเนียไปตามให้แล้ว เดี๋ยวก็มา หิวข้าวไหม? เดี๋ยวฉันไปหามาให้” ผมหันไปพูดกับเอคิวที่ตอนนี้จ้องหน้าผมเขม็งราวกับจะจับผิด เอ๊ะ! ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า? ทำไมต้องมองผมขนาดนั้นด้วยล่ะ

 

“หึ! เลิกเรียกที่รักได้ซะที รำคาญแก้วหูจะแย่ แล้วนายนี่โคตรจะแมนเลยให้เด็กผู้หญิงออกไปข้างนอกคนเดียวตอนกลางคืนเนี่ยนะ” อ๋อ! ถึงว่าทำไมจ้องผมเพราะเลิกเรียกว่าที่รักนี่เอง แอบสนใจผมด้วยหรอเนี่ย! ปลื้มใจจัง ผมอมยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นแต่ก็ได้ยินเสียงเบาของร่างบางที่ก้มหน้าพิมพำกับตัวเอง 

“ท่าจะประสาท” ผมหันมองเดอร์มอทที่ยืนจ้องเราทั้งคู่สลับไปมาได้สักพัก ก่อนจะหันมามองผมแล้วทำปากเบะแล้วพูดไม่มีเสียงให้อ่านปากว่า เด็กเถื่อนเขินว่ะ ผมหัวเราะก่อนที่เอคิวจะเงยหน้ามามองผมสองคนด้วยความสงสัยแล้วทำหน้ายักษ์ใส่จนผมต้องยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้แล้วเดินเข้าไปในครัว

 

น้ำเย็น

ณ สวนลับ

“ไม่ๆ อย่าเพิ่งตายนะ อ้ออยากเป็นเพื่อนกับน้ำเย็น น้ำเย็นไปอยู่กับอ้อดีกว่าเนอะ” ต้นอ้อพูดเสียงอ้อนผมก่อนที่ดวงตาสีแดงนั่นจะเรืองแสงแล้วริมฝีปากเล็กก็มีเขี้ยวกับหูยาวงอกออกมา อ๊าก! ไอ้โฮเต็ล มึงปล่อยตัวอะไรให้มาอยู่เป็นเพื่อนกูเนี่ย มึงอย่ามาจับแขนกูไอ้ต้นอ้อผีสิง ไม่นะ! เอคิวช่วยน้ำเย็นด้วย

 

“แต่กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง”

 

กรร! กรร!

“ไอ้แฝด ช่วยด้วย! มันจะกินกูแล้ว” ผมแหกปากทันทีที่เห็นคนหน้าตาน่ารักตรงหน้ากำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนสามชายหนุ่มที่กำลังสุมหัวจะฆ่า เอ้ย! จะปรึกษากันก็หันมามองผมกับต้นอ้อที่ประสานสายตากัน คนหนึ่งตัวสั่นหงึกๆหวาดกลัวจนขนลุก นั่นแหละไอ้น้ำเย็น ส่วนอีกตนหนึ่งจ้องด้วยดวงตาวาวแสงอย่างนึกสนุก

 

“ไอ้อ้อล้อ! จะแกล้งน้ำทำไม ไม่เห็นหรอว่าเขากลัวน่ะ” เสียงดุของคอนโดดังมาทางข้างหลังต้นอ้อที่ตอนนี้ทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มทางข้างหลังตน

“อ้อแค่หยอกเล่นเองนะ น้ำไม่ต้องกลัวนะ โอ๋ๆ” ต้นอ้อเดินเข้ามาใกล้ผมทั้งสภาพปีศาจตาแดงเขี้ยวยาวนั่นจนผมหวาดเสียวว่าเขี้ยวมันจะฝังจึกที่ลำคอของผมเวลาเผลอ แต่คอนโดกลับดึงเสื้อของร่างเล็กที่ดิ้นไปมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะกลายสภาพเป็นมนุษย์หน้าตาน่ารักดังเดิมแล้วน้ำตาคลอดวงตากลม น่าสงสารเคะน้อยนี่จริงๆ

 

“เฮ้อ! ฮะ เฮ่ย...เฮ้ย! อย่าเอาเข้ามาใกล้นะ” ตอนนี้หน้าของผมต้องซีกเผือดแน่ๆ เหงื่อไหลตามใบหน้า มือสั่นไม่พอยังใจเต้นตึกตักลุ้นระทึกด้วยความกลัว คอนโดที่หิ้วร่างเล็กของต้นอ้อเดินเข้ามาใกล้จนผมเดินถอยหลังแล้วหันหลังจะวิ่งหนีตัวประหลาดในมือคอนโดที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอารมณ์ดี

 

หมับ!

“นายจะไปไหน?” โฮเต็ล? คอนโด? ใครกันแน่ ผมเริ่มสติหาย ปัญญาเสื่อมแหละ เอาเป็นว่าผมเห็นสองแฝดทั้งคู่ แต่คนหนึ่งกำลังหิ้วคอเสื้อของต้นอ้อขึ้นอย่างกับลูกแมว ส่วนแฝดอีกคนก็จับไหล่ผมอยู่ตอนนี้

 

“เอ้ย! ปล่อยสิ ฉะ..ฉันจะกลับแล้ว ไอ้พวกเจ้าเล่ห์หน้าหนอน” ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่ราวกับรำคาญคนตรงหน้า แต่ในใจคือ ‘ปล่อยเถอะ กูกลัว ฮือๆ ไอ้คิวมาตามหาตัวกูที’

 

“หึ! กลัวจนตัวสั่นยังปากดีอีกนะ รอก่อน เดี๋ยวกลับพร้อมพวกฉัน” โฮเต็ลพูดเสียงเรียบไม่มีแววว่าจะปลอบใจกันซักนิด ทำไมตอนนี้ผมถึงแยกออกว่าเป็นใครน่ะหรอครับ ผมจ้องดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเลยพอได้เห็นสายตาเป็นห่วงแค่แวบเดียวแล้วหายไป

 

“ไม่เว้ย! จะสุมหัววางแผนปล้นฆ่าใครก็เชิญตามสบาย” ผมพยายามพูดด้วยเสียงจริงจังหนักแน่นแต่ในใจสั่นไหวแล้วจ้องดวงตาสีน้ำเงินที่มองมาอย่างล้อเลียนก่อนจะยิ้มขำ มึงขำอะไร ไอ้หน้าหนอนนี่

 

“งั้นถ้าพวกฉันกำลังวางแผนปล้น ฆ่า ข่มขืน นายคิดว่าไงล่ะ” โฮเต็ลพูดแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ผม เหวอ! คุณชายโฮเต็ลสองบุคลิกมีโหมดหื่นด้วยอ่ะ

 

“................” ความเงียบสยบความเคลื่อนไหว แต่ผมรู้สึกจะไม่ได้ผลแหะ ตอนนี้มือของโฮเต็ลยกมาลูบแก้มผมแล้ว ไม่นะ! มึงจะทำอะไร

 

“หึ! ไม่เห็นต้องถาม จะปล้น ฆ่า แล้วข่มขืน อันสุดท้ายนี่ชอบสุดเลย” อ่านใจกันอีกแหละ อึย! ยังจะมาขยิบตาให้อีก มึงจะบ้าเหรอ? กูเป็นผู้ชายมาดแมนแฮนด์ซั่มล่ำและทึกนะเฟร้ย! กูจะหนีมึงไปสุดขอบโลก ไอ้แฝดนรก แต่ความเป็นจริงที่ผมพูดกับโฮเต็ลน่ะหรอ

 

“มะ...ไม่เป็นไรจ๊ะ ชะ..เชิญไปวางแผนเถอะ เดี๋ยวเค้าอยู่รอก็ได้ งุงิ” งุงิอะไรฟระ! ผมส่งสายตากระแดะอ้อนบาทาไปให้โฮเต็ลแล้วขยิบตาแอบเซ็กซี่ให้ด้วย(ทำไปได้)

 

“อุ๊บ! น่ารักอ่ะ คนนี้กูจองว่ะ” เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่น เสียงไอ้คอนโดหน้าหม้อที่ปล่อยตัวต้นอ้อแล้วเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหรี่ตาจ้องผมด้วยสายตายั่วยวน ยั่วอารมณ์จนอยากจะต่อยสักหมัดนี่แหละ

 

“หึ! ไม่ได้ว่ะ คนนี้กูเห็นก่อน” เสียงโฮเต็ลเรียบนิ่งจริงจังก่อนที่คอนโดจะหันไปจ้องตากับน้องชายฝาแฝดราวกับกำลังอยู่บนสังเวียบต่อสู้แย่งชิงหญิงงาม(?)

 

“พอทั้งคู่เลย ฉันจะรอตรงนี้และรีบไปคุยกับพ่อของนายให้เสร็จด้วย ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันเสียมารยาท” ผมพยายามดันหน้าอกของสองแฝดให้แยกออกจากกันก่อนที่ทั้งคู่จะฟาดฟันกันทางสายตาตายกันไปข้าง

 

“จุ๊บ! เดี๋ยวมานะครับ / จุ๊บ! รอด้วยนะครับ” เสียงโฮเต็ลและคอนโดพูดพร้อมกันแล้วจุ๊บที่แก้มของผม ฮึ๊ย ! บังอาจมาจูบแก้มกู ไอ้แฝดแอบจิต เดี๋ยวกระโดดตีบยอดหน้าให้ปากเจ่อเลยนี่ ผมทำหน้าเหวอจ้องสองแฝดที่ยังอุตส่าห์ขยิบตาส่งท้ายก่อนจะเดินไปแล้วไม่ลืมที่จะลากต้นอ้อไปด้วย ต้นอ้อที่โดนลากไปด้วยก็ทำหน้าตาเป็นแมวเหงาใส่ผม ดวงตากลมนั้นคลอไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร แต่ผมยังรู้สึกสยองไม่หายเมื่อนึกถึงร่างจริงของต้นอ้อที่เป็นแมวผี บรึ๋ย!

**************************60%****************************

ผมยืนรอคนประหลาดกำลังประชุมราวกับเจอเรื่องคอขาดบาดตายแห่งชาติ สีหน้าของสองแฝดที่ผมเห็นไกลๆอยู่นั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นเซ็งโลก เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแกมโกงราวกับแผนการมันน่าสนใจ จนผมนึกหวั่นว่า คนพวกนี้จะทำอะไรกับผมกันแน่เนี่ย! แล้วดูสิ! มาปล่อยให้ผมยืนคนเดียวห่างไกลขนาดนี้ ถึงกูจะเข้าไปใกล้กว่านี้ก็ไม่ได้ยินครับ..พ่อคุณทั้งสาม ก็เล่นไม่เห็นมีใครอ้าปากพูดมีแต่จ้องตาแล้วก็ยิ้ม จ้องตาแล้วก็ทำหน้าเครียด อารมณ์แปรปรวนแถมบ้าด้วยใช่ไหมเนี่ย!

 

“เมี้ยว”

 

เอ๊ะ! เสียงอะไรมาทักทายกันอีกล่ะ แต่เหมือนเสียงแมวนะ ผมหันซ้ายหันขวารอบตัวก็ไม่เห็นอะไรเลย แล้วแมวที่ไหนส่งเสียงมาฟระ! เดี๋ยวพ่อจับตุ๋นซะหรอก คนยิ่งกลัวๆอยู่ด้วย

 

“เมี้ยว....พี่น้ำเย็น”

 

เฮ้ย! เสียงแมวอีกแหละ มีพัฒนาเติมชื่อให้ด้วย ว่าแต่เสียงมันมาจากไหนกันนะ

 

พรึ่บ! ตุบ!

หืม? แมวดำ? แมวมาอยู่อะไรที่นี่ล่ะเนี่ย ผมปัดมือพลางไล่ให้แมววิ่งหนีไปเพราะรู้ว่าที่นี่มันอันตราย สงสารสิ่งมีชีวิตเล็กๆนี่ที่เข้ามาอยู่ที่นี่เสียจริง แต่เจ้าแมวดำก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับหรือวิ่งหนีไปไหน เอ้า! ยังจะจ้องหน้าด้วยตาสีเหลืองเรืองแสงนั่นอีก โธ่! น่าสงสาร ผมยกมือมาจะอุ้มเจ้าแมว แต่แล้ว...

 

“อย่าอุ้มนะน้ำ” เสียงคอนโดตะโกนบอกผมจนมือที่กำลังจะถึงตัวแมวหยุดชะงัก

พรึ่บ! พรึ่บ!

เหวอ! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! เจ้าเหมียวนั่นมีพายุพันรอบตัวจนผมเข้าไปใกล้ไม่ได้เลยจะทำยังไงดี ขืนไม่ช่วยออกมาเจ้าเหมียวต้องโดนพายุพัดใส้แตกแน่ๆเลย โฮ่ๆ เจ้าเหมียว

 

ฟู่

พายุหยุดพัดลงแล้วเจ้าเหมียวนั่นก็แทนที่ด้วยซินเนียที่ยืนน้ำตาคลอเต็มดวงตากลมโตของเด็กสาว รอยยิ้มที่เคยสดใสก็หม่นหมองลงราวกับเจอเรื่องร้ายแรงที่ทำให้ทุกข์ใจ

 

“พะ...พี่น้ำเย็น ฮือๆ” ซินเนียร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มแล้ววิ่งเข้ามากอดผมที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ข้างหน้าอยู่แล้วแมวตัวนั้นหายไปไหน?

 

“ซินเนียเป็นอะไร? แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” ผมถามซินเนียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วเอามือลูบหลังปลอบเด็กสาวที่กอดแน่นไม่ยอมปล่อย

 

“พะ..พี่เอคิวกับนายท่านกลับมาแล้วคะ ซินเนียเลยมาตาม ฮีก!” เด็กสาวสะอึกสะอื้นแล้วแจ้งข่าวไปด้วย แต่ข่าวนั้นก็ทำให้น้ำเย็นยิ้มดีใจที่รู้ว่าเอคิวกลับมาอย่างปลอดภัยและเขาน่าจะได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้

 

“อืมๆ งั้นเดี๋ยวรอสองแฝดคุยธุระเสร็จก็กลับกันเลยเนอะ ซินเนียจะได้พักผ่อน” ผมพูดบอกเด็กสาวที่กำลังยืนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วส่งยิ้มไปให้

 

“อะแอ่ม! พ่อฉันจะคุยกับนาย” โฮเต็ลเดินเข้ามาใกล้จนผมเองยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็เข้ามายืนใกล้มากจนจะสิงร่างผมได้อยู่แหละ ทำให้ต้องดันหน้าอกกว้างให้ออกห่าง แล้วเดินไปทางคุณลุงยังหนุ่มที่เป็นพ่อของสองแฝดและเป็นงูยักษ์มหึมานั่นด้วยความกลัวเกรงว่าจะกลายร่างมากินผมหรือเปล่า แต่คอนโดก็เดินเข้ามาผมแล้วจับมือแน่นพร้อมกับพาเข้าไปใกล้ๆ

 

“พ่อฉันไม่กินใครหรอกน่า น้ำนี่ขี้กลัวไปได้” เอ้า! กูกลัวก็ผิดเว้ย! ผมจ้องไปที่คอนโดด้วยสายตาหาเรื่องจนคอนโดหันมายิ้มแหะๆให้ผม แล้วก็เป็นผมที่สะบัดเมินหน้าหนีซะเลย

 

“ฉันมีเรื่องจะทดสอบเธอนิดหน่อย? กล้าหรือเปล่า?” พ่อของสองแฝดถามด้วยน้ำเสียงเข้มก่อนจะจ้องกับผม

 

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง?” ผมถามอย่างสงสัย สรุปผมเข้ามาที่นี่เพื่อทดสอบหรอ?

 

“ก็ต้องเป็นเหมือนเจ้าพวกนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าเหมาะจะเป็นลูกสะใภ้ของลูกชายทั้งสองของเรา”

“เดี๋ยวก่อนครับ เมื่อกี้คุณลุงพูดว่า ลูกสะใภ้ ?” ผมเริ่มรู้สึกเอะใจว่า ทำไมคุณลุงถึงบอกว่าเป็นลูกสะใภ้ของสองแฝดล่ะ จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ

 

“ใช่! นายเป็นลูกสะใภ้ เมียงูแปดหัวที่เต็มไปด้วยบารมีและอำนาจ”

 

“เฮือก! เดี๋ยวก่อนนะ ลุงจะให้ผมไปเป็นเมียงู งูที่ไหนครับ? คงไม่ใช่ลุงหรอก ผมกลัวนะ” อะไรกันน่ะ เมียงู? นี่หรือจริงหรือว่ามีซ่อนกล้องว่ะเนี่ย! กล้องอยู่ไหน? ผมหันซ้ายหันขวาหามุมที่พอจะซ่อนกล้องได้จนคุณลุงทำหน้าเหนื่อยใจใส่ผม อ้าว! ก็มันไม่น่าจะใช่เรื่องจริงนี่ คนบ้าอะไรเป็นเมียงู(แกไง อิอิ)

 

“เฮ้อ! พวกเจ้านี่หาสะใภ้ได้ซื่อบื้อเกินเยียวยาจริงๆ”

 

“อ้าว! ก็ผมงงนี่นา ลูกชายลุงสองแฝดเป็นคน เพศชาย แล้วจะมามีผมเป็นสะใภ้ได้ยังไงล่ะ ลุงจำผิดหรือเปล่า?” ผมพยายามพูดย้ำเผื่อคุณลุงจะพูดผิดกับผม แต่ท่าทางที่ได้นั้นคือท่าทางเหนื่อยอกเหนื่อยใจ

 

“คอนโด...โฮตะ...เต็ล อ๊าก! ไอ้งูดำโรคจิต อย่าเข้ามานะ คุณลุงไล่สิ พวกเดียวกันนี่ ผมกลัวนะ” อย่างนี้ต้องหาตัวช่วย ผมที่กำลังหันไปเรียกสองแฝดมาคุยกับพ่อของตัวเองก็ต้องตกใจที่กลายเป็นงูสีดำแปดหัวและงูสีขาวแปดหัวตัวใหญ่กำลังชูคอจ้องมองมาที่ผมจนผมต้องเข้าไปเขย่าแขนพ่อของสองแฝดให้ช่วยไล่งูสองตัวที่ผมไม่รู้จัก ถึงแม้ว่าผมจะเคยหนีไอ้งูตัวสีดำตอนเข้าที่นี่ก็เถอะนะ แต่กูไม่รู้จักมึงเฟร้ย!

 

“น้ำเย็นจะกลัวทำไมอ่ะ? อ้อว่าน้ำเย็นลองมองดีๆสิ” เสียงต้นอ้อพูดขึ้นมาด้วยเสียงหงุดหงิดที่เห็นผมกลัวจนตัวสั่นหลับตาปี๋ มองดีอย่างนั้นหรอ? มองมุมไหนก็งูแปดหัวสีดำตาสีเขียวกับงูแปดหัวสีขาวตาสีน้ำเงินนี่นา อ๊ะ! ใช่แล้ว สีตา สีตาของงูสองตัวนี่เหมือนกับสองแฝด อย่าบอกนะว่า...

 

“นั่นก็คอนโดกับโฮเต็ลไง” เสียงต้นอ้อเฉลยความสงสัยของผมทันที แล้วงูสองตัวนั่นก็เลื้อยเข้ามาใกล้ผมที่ยืนแข็งเป็นหินแล้วใช้แต่สายมองว่าเจ้าพวกนี้จะทำอะไรอย่างหวาดกลัว

 

“น้ำกลัวพวกเราหรอ?” เสียงนี้ เสียงคอนโดนี่ ผมมองไปที่งูแปดหัวสีดำที่มีตาสีเขียวเหมือนคอนโดทันทีเจ้างูตัวนั้นก็จ้องมองมาด้วยดวงตาใหญ่ที่สะท้อนตัวผมนั้นดูเศร้าสร้อยแปลกๆ

 

“คะ..คอนโด?” ผมเอ่ยทักอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วจ้องมองอย่างระแวงไปด้วย แต่งูสีดำแปดหัวตัวนั้นก็ผงกหัวมาให้ผมแล้วเลื้อยเข้ามาก่อนที่จะเอาหน้าเข้าใกล้แล้วแลบลิ้นสองแฉกสีแดงเลียใบหน้าของผมก่อนที่จะอ้าปากจนเห็นเขี้ยวยาวสีขาว

 

“อ๊าก! อย่าอ้าปากเซ่ กูกลัวนะ” ผมร้องบอกคอนโดแล้วเดินถอยหลังจนสะดุดขาตัวเองแต่กลับมีบางอย่างมารองรับก่อนที่ผมจะหงายหลังกระแทกกับพื้น

 

“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็หัวแตกเลือดอาบหรอก” เสียงแกมดุนิ่งๆ เสียงโฮเต็ลดังอยู่ใกล้จนผมหันไปมองสิ่งที่รองรับร่างผมอยู่ก็เห็นเป็นลำตัวของงูสีขาวตาสีน้ำเงินที่จ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว

“โฮเต็ล” ผมเรียกชื่อปแฝดคนน้องด้วยเสียงเบาหวิวด้วยความแน่ใจแล้วว่างูตัวนี้ก็คงเป็นโฮเต็ล คุณชายสองบุคลิกคนนั้นแน่นอน

 

“รู้ความจริงแล้ว พร้อมจะรับบททดสอบหรือยัง?” เสียงของคุณลุงซึ่งเป็นพ่อของสองแฝดดังขึ้น

 

“แล้วทำไมผมต้องทดสอบ ในเมื่อผมไม่ได้รักชอบผู้ชายซะหน่อย แล้วที่สำคัญผม...ผมเกลียดงูด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะเน้นเสียงดังตรงคำว่าเกลียดงูจนคุณลุงชะงักแล้วมองเขม็งมาที่ผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ทำให้อดรู้สึกกลัวไม่ได้

 

“หึ! เจ้าบอกว่าเกลียด แต่ก็ไม่วิ่งหนีออกไปจากสวนแห่งนี้ซะล่ะ สวนลับเป็นที่ของชนเผ่างูอย่างพวกเรา แต่เจ้าก็ยังกล้ายืนอยู่อีกหรือ?” คุณลุงมองผมที่ส่งสายตามุ่งมั่นยืนยันคำพูดไม่เกรงกลัวทั้งที่ในใจสั่นกลัวจะแย่

 

“ไปกันเถอะคะพี่น้ำ พรุ่งนี้พี่น้ำต้องออกไปจากเขตอาถรรพ์แล้วนะคะ” ซินเนียเอ่ยขึ้นทำให้ผมได้สติ ใช่สิ! พรุ่งนี้ผมก็ต้องออกไปจากที่นี่แล้ว ผมไม่ยอมให้ใครมาจับแต่งงานหรอก โดยเฉพาะแต่งกับงูเพศผู้สองตัวนี้ด้วย

 

“นายไม่อยากแต่งงาน แต่นายก็ไม่ปฏิเสธอย่างนั้นหรอ?” เสียงโฮเต็ลเย็นชาจนผมต้องหันไปมองงูสีขาวแปดหัวที่กลับร่างกลายเป็นมนุษย์ปกติ

 

“นายพูดเรื่องอะไร?”

 

“ข้างนอกนั่น นายต้องแต่งงานกับลูกหลานที่เป็นทายาทของเพื่อนปู่ แต่นายก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่ต้องการ เพราะคิดว่าอิสระจะมาถึงนายได้ ถ้านายยอมนิ่งวันนี้แล้วไปแก้ไขเอาวันหน้า แล้วความรู้สึกของคนเหล่านั้นล่ะ?” โฮเต็ลพูดเสียงนิ่งจนน่ากลัว แต่ผมก็จ้องมองแล้วครุ่นคิดในสิ่งที่โฮเต็ลพูด ใช่สิ! ผมเข้ามาที่นี่กับเอคิวและพี่วานิช แต่ผมก็ไม่ได้ยินดีปรีดากับการแต่งงานข้างนอกนั่น ถ้าทำได้ผมก็คิดจะหนีการแต่งงานในวันจริงอยู่เหมือนกัน

 

“ฉันจะกลับ เชิญนายไปหาคนที่นายคิดว่าขี้ขลาดน้อยกว่าฉันสิ” ผมสะบัดหน้าหนีแล้วเตรียมจะเดินเข้าไปคว้ามือซินเนีย เพื่อกลับคฤหาสน์ด้วยกัน

 

หมับ!

“ขอล่ะ ทดสอบหน่อยนะ ไม่รักพวกเราก็ไม่เป็นไร เราแค่อยากรู้ว่าผลจะออกมายังไงเท่านั้นเอง” คอนโดที่กลายร่างเป็นคนตั้งแต่เมื่อไรนั้นก็วิ่งเข้ามากอดเอวผมแล้วพูดเสียงเศร้าจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า เวลาสองวันทำให้คนเรารักกันได้หรอ? ชักจะแปลกเข้าไปใหญ่

 

“สองวันที่ไหนล่ะ ยี่สิบปีต่างหากล่ะ” เสียงงึมงำของคอนโดที่กำลังเอาหัวซบตรงไหล่ผม ทำให้ผมได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู ยี่..ยี่สิบปีนี่นะ จะบ้าหรอว่ะ? กูเจอพวกมึงแค่สองวันว่ะ ไอ้พวกมั่ว

 

“ไม่ได้มั่ว ยี่สิบปีจริงๆ ตอนนั้นน้ำยังตัวเล็กอยู่เลย ตอนนี้ตัวโตแล้วแต่ก็ดีกว่าตอนตัวเล็กนะ” ผมดันแขนคอนโดให้ปล่อยตัวแล้วหันมาจ้องหน้าคอนโด พยายามนึกว่าเคยเห็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาคล้ายคอนโดหรือเปล่า แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเสียที กูเคยเจอที่ไหนฟระ?

 

“น้ำเคยเจอในสวนไง ฉันนั่งร้องไห้เพราะโดนหนามต้นกุหลาบทิ่มเต็มตัว แล้วน้ำก็วิ่งเข้ามาโอ๋ไง” หืม? ในสวน สวนหลังบ้านอ่ะนะ! เมื่อยี่สิบปีก่อนผมเห็นเด็กผู้ชายที่อายุน่าจะมากกว่าผม 3-4 ปีกำลังนั่งน้ำตาไหลมีแผลเต็มตัว แต่ไม่มีเสียงสะอื้นมีเพียงเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บแสบที่แผลจนผมที่กำลังวิ่งเล่นแถวนั้นเลยได้ยินเสียงร้องมาจากดงดอกกุหลาบนั้น ผมเดินเข้าไปในสวนดอกกุหลาบของคุณแม่ก็เจอเด็กชายตาสีเขียวแปลกๆมีน้ำตาคลอกำลังจับแผลของตนด้วยความเจ็บปวด

 

เพี้ยะ!

“อย่าจับแผลสิ มือสกปรกนะ” น้ำเย็นเข้าไปปัดมือเด็กชายที่กำลังแตะแผลตามตัว

“ยุ่งอะไรด้วย ไอ้ลูกมนุษย์” เด็กชายผมสีดำตาสีเขียวกำลังจ้องเขม็งมาที่เด็กชายผิวขาว

“พูดไม่เพราะเลย รออยู่นี่นะครับ โอ๋ๆ อย่าร้องนะ เดี๋ยวน้ำไปเอายามาใส่ให้” น้ำเย็นเชิดหน้าอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมาเห็นแผลแล้วรู้สึกสงสาร เขาคงจะเจ็บ ทำให้น้ำเย็นเดินเข้าไปกอดก่อนจะปล่อยตัวแล้ววิ่งออกไปจากสวนดอกกุหลาบเพื่อจะไปเอายามาใส่ให้ตามที่บอกไว้

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน”

 

5 นาทีต่อมา

“โอ๊ยๆ แสบๆ” เสียงเด็กชายตาสีเขียวร้องด้วยความเจ็บแสบที่แผล

“เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้กันหรอก พี่ชายเป็นตุ๊ดหรอ?” น้ำเย็นพยายามชวนคุยให้พี่ชายตรงหน้าหายเจ็บ แต่กลับทำให้โกรธซะนี่

“ไม่ใช่!! ก็คนมันเจ็บนิจะให้หัวเราะหรือไง” เสียงดุตวาดใส่น้ำเย็นจนคนตัวเล็กสะดุ้งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินหนี

“ไม่คุยด้วยแหละ น้ำเกลียดนักเลง”

“กะ เกลียดหรอ? ทำไมต้องเกลียดพี่?” เด็กชายตาสีเขียวเมื่อรู้ว่าตัวเองทำให้เด็กชายตัวขาวกลัวก็เริ่มกลัวว่าตัวเองจะถูกทิ้งและถูกเกลียดอย่างที่เด็กคนนั้นว่าจริงๆ

“ก็พี่ชายพูดไม่เพราะ เสียงดัง แล้วยังดุด้วย น้ำไม่อยู่แล้ว ไปดีกว่า”

หมับ!

เด็กชายตาสีเขียวคว้าแขนเล็กไว้แล้วจ้องมองไปในดวงตาของคนตัวเล็กผิวขาวก่อนที่จะถามเสียงเศร้า

“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม?”

“ได้สิ ถ้าพี่ชายมาเล่นกับน้ำที่นี่” น้ำเย็นส่งยิ้มน่ารักให้กับเด็กชายตาสีเขียวที่แทบจะสะดุดลมหายใจกับรอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้จากคนอื่นหรือแม้แต่เพื่อนของเขา

“อืม! ขอบคุณนะ พี่จะมาเล่นกับน้องน้ำทุกวันเลย”

“สัญญานะ?”

“พี่สัญญา”เด็กชายตาสีเขียวเอ่ยสัญญาก่อนจะวิ่งกลับบ้านอย่างมีความสุขที่ได้มีเพื่อนคนแรกชื่อ น้ำ

 

“ตอนนั้นพี่เหงาไม่มีแม้แต่เพื่อนเลยไปเล่นกับน้ำทุกวันโดยที่ไม่ให้พ่อรู้ว่าแอบหนีออกมาข้างนอกจนพี่คิดว่าตัวเองเริ่มหลงรักเด็กชายผิวขาวเพื่อนคนแรกคนนั้นเข้าแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งพ่อก็จับได้และน้ำก็มารอพี่ทุกวัน แต่พี่ก็ออกไปในสภาพคนไม่ได้ พี่จึงออกไปหาน้ำในสภาพงูสีดำ แต่น้ำกลังแล้ววิ่งหนีก่อนจะร้องไห้ตะโกนว่าน้ำเกลียดงูแล้วน้ำก็ไม่มาเล่นที่นั่นอีก พี่เลยรอที่นั่นทุกวันจนน้ำย้ายบ้านไป พะ..พี่รอมาตลอดเลยนะ อึก!”

 

“แล้วตอนนี้จะร้องไห้ทำไม ขี้แงจัง น้ำก็อยู่นี่แล้วไง ทำไมไม่บอกว่าพี่เป็นพี่ชายคนนั้นล่ะ แกล้งน้ำอยู่ได้ สนุกหรือไง” คอนโดส่ายหน้าแล้วมองหน้าผมก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป ส่วนผมก็ได้แต่เอามือลูบหลังคนตัวโตที่ขี้แงเหมือนเด็ก

 

“ไม่กลับไปได้ไหม? อยู่ด้วยกันที่นี่” น้ำเสียงอ้อนของคอนโดทำให้ผมใจเต้นอย่างน่าประหลาด ไม่เคยมีผู้ชายมาอ้อนผมหรอกนะ แต่น่าแปลกที่ผู้ชายตัวโตคนนี้ดันมาอ้อนผมซะนี่

 

“อืม! ไม่ได้ น้ำต้องกลับไป น้ำดีใจที่เจอพี่อีก แต่น้ำก็ยังงงว่าพี่ไปหลงรักน้ำตอนไหน?” นั่นสิ! ถึงจะเป็นความประทับใจวัยเด็ก แต่เขาจะหลงรักผมได้ยังไงล่ะ ในเมื่อผมเจอเขาแค่ตอนเด็กนี่นา ใครจะไปจำได้

 

“น้ำจำผู้ชายฝาแฝดที่มาคอยยืนเฝ้าน้ำที่โรงเรียนได้หรือเปล่าล่ะ?” ผู้ชายฝาแฝดหรอ? อืม! ก็เคยเห็นนะ แต่ว่าสองคนนั้นผมสีดำ หน้าตาหล่ออย่างกับนักร้อง แล้วก็ชอบจ้องผมอย่างกับจะจับผิดจนผมทนไม่ไหวก็เดินเข้าไปหาเรื่องคู่แฝดนั่น

 

“จ้องหน้ากันหาเรื่องหรือไงว่ะ?”

“พูดไม่เพราะ” แฝดคนหนึ่งพูดแล้วแฝดอีกคนก็พูดตาม

“ไม่น่ารักเลย”

“โอ๊ย! เรื่องของกู ไม่คุยด้วยแล้ว รำคาญ” น้ำเย็นในชุดนักเรียนกำลังทำสีหน้าหงุดหงิดที่มาเจอคนกวนประสาทเข้าให้ซะได้

“เดี๋ยวก่อน!”

“อะไรอีกล่ะ ไม่รู้จักกันจะเรียกทำไม ห๊า!” น้ำเย็นเริ่มโมโห เพราะเขากำลังรีบกลับบ้าน เดี๋ยวเอคิวก็มาตามอีก น่าเบื่อ!

“เอ่อ...พวกเราชอบนายน่ะ”

“อ้อ! ชอบเรา อืมๆ ขอบใจ จะบ้าหรือไง ฉันเป็นผู้ชายนะ นี่กูมาคุยกับโรคจิตหรอว่ะเนี่ย!!” หืม! ฝนตกเป็นเห็ดหรือเปล่า? ไอ้บ้านี่มาบอกว่าชอบเนี่ยนะ ไม่หรอกมั้ง

“ไอ้น้ำ เร็วๆสิว่ะ ถ้ามึงช้า กูไม่รอนะเว้ย!” นั่นไง! ไอ้เอคิวมาตามแหละ ไอ้นี่ก็บ่นอย่างกับผู้หญิง แต่พอจะโหดนี่เอาซะกูขนลุกชันเลย

“โหย! ไอ้น้องเอคิวครับ มึงจะตามจิกกูทุก 1 นาทีไหม? เออๆ เดี๋ยวไป รอแป๊บ”

“นั่นใครหรอ?” แฝดคนที่บอกชอบก็ถามน้ำเย็นขึ้นอีก น้ำเย็นไม่รู้หรอกว่าคนไหนเป็นแฝดพี่ คนไหนเป็นแฝดน้อง แต่น้ำเย็นกลับรู้สึกว่าไม่ชอบหน้าสองคนนี่เอามากๆ

“เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ คนรู้จักก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิง”

“แต่พี่ชอบนายจริงๆนะ พี่จะรอ” น้ำเย็นจ้องหน้าแฝดคนเดิมที่พูดกับเขาแล้วขมวดคิ้วสงสัย ไอ้นี่จะมาไม้ไหนว่ะ?

“แต่กูเกลียดมึง ชัดไหม? ดันมีคนหน้าตาน่าเกลียดสองคนอีก แล้วยังจะรออะไรอีก?” น้ำเย็นรู้ว่าถ้าเขาใจอ่อนไปให้ความหวังทั้งที่ไม่ได้ชอบก็จะทำให้พวกเขาเสียใจ ทำให้น้ำเย็นว่ากลับแล้วแกล้งทำเป็นโกรธโมโหคนทั้งคู่

“พี่จะรอให้น้ำจำได้”

“เออๆ เรื่องของมะ....อ้าว! หายไปไหนแล้ว? แล้วจำได้อะไรของมันว่ะ” น้ำเย็นทำเป็นไม่สนใจเสียงนั้น แต่พอหันไปก็ไม่เจอร่างของคู่แฝดแล้ว ถึงจะสงสัยว่าอะไรที่สองคนนั้นอยากให้เขาจำได้กัน

 

ผมที่นึกภาพอดีตในวัยเรียนมัธยมปลายที่มีชายหนุ่มคู่แฝดมายืนรอที่โรงเรียนเกือบทุกวัน แต่ก็ทำให้ผมตาโตจ้องมองคอนโดกับโฮเต็ลเมื่อนึกได้ว่า...คู่แฝดนั่นคือสองคนนี้หรอ? ทำไมผมจำไม่ได้ล่ะ? ทำไมผมถึงลืม? ทำไมกัน....

*************************100%****************************

Say Hi! ชาวโลก

สัญญาว่าจะมาต่ออีก 40% ตอน 22.30 ของเมื่อวาน แต่ไม่ได้มาต่อ เนื่องจากหลับคะ

กร๊ากๆ ชีวิตนี้ช่างอ่อนเพลียคิดว่าจะโต้รุ่งซะหน่อย วันนี้เลยมาต่อให้แล้วนะ ใครที่ติดตามอยู่ก็

เข้ามาอ่านได้นะ ขอบคุณทุกความเห็นและการติดตามของนักอ่านที่น่ารักทุกคนจ้า

พวกคุณคือแรงบันดาลใจของฉันจริงๆ อ้อ! นักเขียนจะมาต่อนิยายทุกวันเสาร์นะจ๊ะ

เข้ามาติดตามได้ทุกวันเสาร์ แล้วเจอกันใหม่

Bye ! Bye!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา