คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]
เขียนโดย Murasaki
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.
แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Stay with me
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องรับแขก
Part : เอคิว
"ตกลงพี่วานิชจะกลับไปกับคิวได้หรือยังครับ?"
ผมเปิดประเด็นทันทีที่พวกเราพากันมานั่งที่ห้องรับแขกหลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยที่พี่วานิชนั่งใกล้ๆกับนายไวท์ผมขาว ส่วนผมก็นั่งใกล้กับดาเมียนที่กำลังมองไปรอบๆห้องรับแขกที่ผมเองเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีภาพวาดที่คล้ายคลึงกับภาพที่อยู่ในห้องนอนของดาเมียนกับห้องที่ผมพักเมื่อคืน คนที่นี่รสนิยมด้านศิลปะดูโชกเลือดมากอ่ะ ไม่เป็นภาพสงครามก็ภาพอสูรหรือปีศาจหน้าตาประหลาด เฮ้ย! รู้สึกผมจะเล่านอกเรื่องแหละ
"พี่ว่าจะกลับกับเอคะ.." พี่วานิชที่มองหน้าผมแล้วพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหันไปมองหน้าไวท์ที่ตอนนี้หน้าบึ้งตึงแล้วส่งสายตาดุมาที่ผม สงสัยพี่วานิชจะเห็นว่าผมไม่ได้มองหน้าแกตอนคุยแน่เลย อั๊ยยะ! ไอ้หมอนี่จ้องเราไม่กระพริบเลย จะจ้องอะไรกันนักหนานะไอ้คุณทวดหัวหงอกนี่
"จะจ้องเอคิวไปถึงไหน ห๊ะ! เอคิว พี่อยากกลับด้วยนะ แต่.." พี่วานิชพูดว่าไวท์ก่อนจะมาพูดกับผมที่กำลังนั่งรอคำตอบ
"ไม่ให้กลับ" น้ำเสียงไม่พอใจของไวท์พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับจ้องพี่วานิชที่ตอนนี้อ้าปากหวอแล้วค่อยเปลี่ยนสีหน้าเป็นเบื่อโลกใส่ไวท์ เออ!คู่นี้เขาเป็นอะไรของเขานะ
"งั้นพี่กลับกับคิววันนี้เลยสิ น้ำเย็นอยู่ที่นั่นคนเดียว คิวไม่อยากปล่อยมันไว้คนเดียว"
"อืม! รายนั้นยิ่งขี้กลัวอยู่ด้วย งั้น.."
"ไม่ให้กลับ" เฮ้ย!นี่แกพูดได้แค่นี้ใช่ไหม?ไอ้นายปีศาจผมขาว พี่วานิชหันไปมองหน้าแล้วแยกเขี้ยวใส่ไวท์ที่ตอนนี้ทำหน้าบูดส่งสายตางอนๆมาให้พี่วานิช ระหว่างพี่เรากับหมอนี่ชักจะยังไงแล้วนะ ไม่หรอก มันต้องไม่มีอะไรสิ นี่เราเข้ามาที่นี่แค่ 2 วันเองนะ
"นายมาที่นี่ทำไม?" อ้าว!หันมาสนใจกันแล้วเหรอ นายหัวหงอกงี่เง่า
"มาตามหาพ่อ เมื่อ 12 ปีก่อน พ่อของฉันเข้ามาในสวนนี้แล้วไม่กลับมาอีกเลย แต่เคยมีคนล่ำลือกันว่าใครเข้ามาแล้วจะไม่ได้กลับออกไป แต่ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?"
"รู้แล้วจะทำอะไรต่อ?" ไวท์ถามเสียงนิ่งก่อนจะมองผมเขม็งเหมือนกำลังจะจับผิดผมอย่างนั้นแหละ
"เหอะ!นั่นมันเรื่องของครอบครัวฉัน นายไม่เกี่ยว แค่ปล่อยให้พวกฉันทำตามเป้าหมายก็พอแหละ" ผมพูดพลางมองหน้าไวท์ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้าบึ้งตึงมาแสยะยิ้มใส่ผมซะงั้น อารมณ์แปรปรวนจริงนะ
"ทำไมจะไม่เกี่ยว ฉันเป็นพี่..อะแฮ่ม! เอาเป็นว่าพี่จะไปที่คฤหาสน์อีก 2วัน วันนี้เอคิวรีบกลับไปหาน้ำเย็นเถอะ" ไวท์ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างกลับโดนพี่วานิชพูดขัดขึ้นมาซะก่อน คนโดนขัดอย่างไวท์ก็ได้แต่จ้องพี่วานิชเขม็งด้วยความไม่พอใจ ว่าแต่นายไวท์จะบอกอะไรกับผมกันนะ
“งั้นวันนี้เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวจะฟ้ามืดซะก่อน" ดาเมียนพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานานจนผมคิดว่าไอ้หมอนี่ผีเข้าแน่ๆ ท่าทางดูเงียบสงบชอบกลแหะ หรือว่าหิวแล้วอยากกินมนุษย์? พี่วานิช?
"อืมๆ งั้นคิวกลับก่อนนะพี่วานิชเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม? ขอกอดหน่อยสิ" ผมรีบพูดบอกพี่วานิชก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาพี่วานิชที่กำลังนั่งส่งยิ้มแลัวอ้าแขนรอผมเดินเข้าไปกอดอำลากัน
แต่แล้ว..
หมับ!
"เฮ้ย! /อะไรเนี่ย!" เสียงแรกของผมส่วนถัดมาก็เป็นพี่วานิชที่ต่างตกใจ เพราะพวกเราโดนดึงเข้าไปกอดจากคนข้างๆแทนจนทำให้ผมเสียหลักไปนั่งบนตักของดาเมียนพอดี ฮึย! ไอ้หื่นนี่ก็คิดแต่จะลวนลามตลอดอ่ะ ดาเมียนกอดผมก่อนจะเอาคางมาเกยไหล่แล้วซุกหน้าดมแถวซอกคอพอทำให้ผมจั๊กจี้แปลกๆ แต่ใครจะปล่อยให้ไอ้บ้านี่ลวนลามล่ะ
เพี๊ย!
"โอ๊ย! ที่รักตบผมทำไมอ่ะ เจ็บนะ" มือของผมตบไปที่แก้มของดาเมียนขณะที่กำลังหันหน้าซุกซอกคอผมอย่างเมามันก่อนจะถอยหน้าออกแล้วตามมาด้วยเสียงและสีหน้าออดอ้อนของดาเมียนที่ผมรู้สึกหมั่นไส้อยากจะตบคนปากดีนี่อีกสักรอบ
"เหอะ! ยังจะเนียนอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้"
"โห่! ตัวก็นิ่มกอดหน่อยก็ไม่ได้ จะเก็บไว้ให้ชู้กอด?" อ้าว! ไอ้นี่มันหาเรื่องแหละ แค่แกเป็นเพศผู้ก็ผิดแล้วโว้ย!! มากงมากอดอะไรล่ะ แล้วสรุปผมไปเป็นอะไรกับไอ้บ้านี่ตอนไหนเนี่ย!! เพลียกับไอ้มั่วนี่จริงๆ
"กูไม่ใช่หมอน ไปกอดหมอนข้างที่บ้านโน่น เอ้า!พูดแล้วยังจะมึนไม่ปล่อยอีก เดี๋ยวเจอตบปากฉีก"
“หึย! น้อยใจ ปล่อยก็ได้ งั้นกลับบ้านของเรากันเหอะ" ดาเมียนทำสีหน้าฮึดฮัดไม่พอใจก่อนจะยอมปล่อยวงแขนออกจากตัวผม แล้วเปลี่ยนมายิ้มกว้างให้จนผมหมั่นไส้ตะหงิดๆ
"บ้านนาย บ้านฉันอยู่ข้างนอกโน่น ไอ้มั่ว"ผมที่กำลังลุกขึ้นจากตักของดาเมียนก็เผอิญเงยหน้าไปมองทางพี่วานิชตั้งใจจะพูดด้วยนั้น ปรากฏว่า เอิ่ม..นายไวท์กำลังไล่จูบใบหูขาวลงมาเรื่อยตามต้นคอขาวของพี่วานิชที่กำลังใช้มือดันแขนของไวท์แล้วหน้าแดงก่ำไปด้วย ก่อนที่จะเอาฝ่ามือตีไปที่แขนหนา แต่ไวท์ก็หน้าด้านไม่สนใจพร้อมกับเงยหน้ามาจ้องมองแล้วยิ้มๆให้พี่วานิชประมาณว่า "ผมจะซุกไซ้มีอะไรป่ะ?" นี่แกเป็นอะไรกับพี่วานิชล่ะเนี่ย! ไอ้หัวหงอก
"อื้อ ปล่อยสิ ไวท์..ไม่ปล่อยจะโกรธนะ"
"อืม..จุ๊บ! ไม่ปล่อย จุ๊บ!"
"ไวท์ปล่อยก่อน..อื้อ..น้องนั่งอยู่นะ" พี่วานิชที่ตอนแรกพูดเสียงเคร่งขรึมก็เริ่มใช้เสียงอ่อนติดอ้อนนิดๆพูด แต่ผลที่ได้...
"ช่างหัวมันสิ" อ้าว!ไอ้เวร เกรงใจลูกตากูบ้างก็ได้ พี่วานิชก็เขินจนตัวแดงแล้วนั่น ส่วนดาเมียนก็พยายามจะเอื้อมมือมาคว้าตัวผมไปกอดบ้าง ไอ้นี่ลอกเลียนแบบอย่างที่ไม่ดีแหละ ไอ้ลามก! ผมเลยถลึงตาใส่ดาเมียนที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ผม
"เหอะ! รีบๆปล้ำกันเลยเถอะ กูรอได้" ผมพูดขัดจังหวะอย่างอดไม่ได้ ก็ถ้าผมไม่พูดขัดมันต้องมีถอดเสื้อผ้าแล้วโจ๊ะครึมกันแน่เลย ผมยังไม่อยากหวาดเสียวอ่ะ
"อ๊ะ! ไวท์ บอกว่าให้ปล่อยไง โหย! จะไปไหนก็ไปเลย" อุ๊ย! มีไล่กันซะด้วย ส่วนไวท์ก็หน้าบูดอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมอีก แต่ยังดีที่เลิกซุกต้นคอพี่วานิชแล้วอ่ะนะ
"หึย! เห็นมันดีกว่าใช่ไหม?? ชิ" อ้าว! มาระรานกันทำไม ไอ้คนอันตพาลย
"ไม่ใช่แบบนั้นนะ แต่เราต้องเดินไปส่งน้องก่อนสิ ขี้งอนจัง" พี่ผมก็อีกคนจะพูดเสียงติดอ้อนมันทำไมนักหนา หรือว่าเขาจะเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ? เกี่ยวไหม?
"หึ ส่วนนายรีบกลับไปได้แหละ เดี๋ยวคนแถวนี้จะเป็นห่วงจนอกแตกตาย"โอ้! มองเห็นกูเสร็จก็ไล่ส่งเลยนะ ทำเป็นไล่คนอื่น กูยังไม่ไปหรอก แกล้งซะเลย
"อ้า! ชักง่วงว่ะ ขอนอนก่อนได้ป่ะ" ส่งยิ้มอันพราวเสน่ห์ไปให้นายผมขาว วิ้งๆ
"หึ ยังจะแกล้งเขาอีกนะ" ดาเมียนพูดก่อนจะเอามือปลาหมึกผสมกาวตราช้างมาโอบผมจนขี้เกียจจะด่ามันแหละ ไอ้คนหน้าด้าน
"ไวท์ อย่ามาใช้สายตาขู่น้องนะ" ว้าย! โดนดุ แน่ะๆมองทำไม ไม่รักแล้วมองทำไมครับพี่ ผมอยู่เงียบๆอย่างสงบนะ ขยันส่งสายตาดุดันมาให้ผมจังเลย
"พวกคิวรีบกลับไปก่อนเถอะ พี่จะไปหาอีก 2 วันแน่นอน"
"แล้วเจอกันนะพี่วานิช ระวังโดนหมาบ้าอาละวาดนะ" ผมพูดขึ้นก่อนกับพี่วานิชขณะที่พวกเรากำลังเดินมาถึงประตูหน้าบ้านแล้วจนทำให้ไวท์ทำปากขมุบขมิบเหมือนสาปแช่งผมอยู่นั่นแหละที่ทำให้ผมกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับท่าทางเด็กน้อยเกินตัวของไวท์
“อุ๊บ! หึๆ หมาบ่นได้ด้วย ฮ่าๆ”
"ฮึย! ไอ้เด็กลิง กูจะจับมึงไปทำปุ๋ยให้ดอกไม้หน้าบ้านซะ"
เพี๊ย !
"ไปขู่น้องทำไม นิสัยเสียนะนายเนี่ย งั้นพี่ส่งตรงนี้นะ เดี๋ยวต้องคุยกับคนบางคนก่อน แล้วเจอกันน้องคิว" พี่วานิชใช้ฝ่ามือไปตีที่ต้นแขนและทำหน้าดุใส่ไวท์ไปด้วย ก่อนจะหันมาพูดเอ่ยลากับผมและดาเมียน
"ได้ครับพี่ แล้วคิวจะรอนะ" ผมเดินออกมาจากตัวบ้านที่ปิดประตูหลังจากคล้อยหลังผมไป แต่ด้วยความสงสัยที่ผมสังเกตจากท่าทางแปลกๆของสองคนนั่น ทำให้อดที่จะหันไปถามคนข้างๆที่วันนี้ดูจะเงียบผิดปกติไม่ได้
สวนเขาวงกต
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมถามดาเมียนที่ตอนนี้กำลังเดินออกจากเขตบ้านของไวท์มาด้วยกัน
“หืม! ไม่นี่ สบายดี แฮปปี้สุดๆ ที่รักมีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าเป็นห่วงผมหรอ?” ดาเมียนพูดก่อนจะส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พอเถอะ แล้วก็เลิกเรียกว่าที่รักเถอะ กูจะอ้วก เอ้อ! สองคนนั่นทำไมเขาถึง เอ่อ...เขาถึงทำเหมือนที่นายทำกับฉันในห้องรับแขกล่ะ เขาเป็นอะไรกันหรอ?”
“เอ่อ! จะให้ตอบจริงๆใช่ไหม?” ดาเมียนหันมาหรี่ตามองผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจปนสงสัยผมซะงั้น อย่ามาสงสัยกันนะ ก็คนมันอยากรู้นี่
“อืม! สงสัยมาก ตอบมาเร็วๆเลย”
“เขาเป็น....เป็น...” ดาเมียนยิ้มก่อนจะพูดหยอกให้ผมลุ้นจนอดหมั่นไส้ไม่ได้
“จะกวนอารมณ์กันใช่ป่ะ?” ผมมองดาเมียนด้วยสายตาหาเรื่องก่อนที่จะเห็นดาเมียนทำท่ากลั้นหัวเราะใส่ผม
“อุ๊บ! หึๆ เขาก็เป็นคนเหมือนพวกเรานี่แหละ ไม่เห็นหรือไง? ถ้าอยากรู้ว่าทำไมไวท์ถึงเลื้อยกับวานิชก็ลองคิดดูเองสิครับ..ที่รัก จะได้รู้ว่าทำไมไวท์ถึงทำเหมือนกับผม จุ๊บ!” ดาเมียนหยุดเดินแล้วก้มหน้ามาพูดเสียงเบาใกล้ๆหูก่อนจะจูบที่ใบหูของผมแล้วยืดตัวขึ้นและขยิบตามาให้ผม หนอย! นี่มันกวนประสาทกันใช่ไหม? แล้วฉันจะมาถามแกทำซากหอยอะไรล่ะ ไอ้บ้า!
“เฮ้ย! อย่ามาเนียนหนีกันนะเว้ย! แล้วใครให้นายมาลวนลามหูของฉัน ห๊า! บอกมาเลยนะ ไอ้หื่นนรกแตก” ผมโวยวายทันทีที่ไอ้คนที่ผมคิดว่าจะให้คำตอบได้ชิ่งเดินหนีผมไปแล้วยังมีการหันหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผมอีก ส่วนผมก็ได้แต่วิ่งตามไอ้คนขายาวนั่นเข้าไปในสวนเขาวงกต
ณ คฤหาสน์ (Part : น้ำเย็น)
"อืม! จะต่อมทำไมนักหนาว่ะ อื้อ!" นายน้ำเย็นที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ก็ต้องรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างมารบกวนเวลานอนของผมจนต้องใช้มือปัดสิ่งนั้นราวกับปัดแมลงวัน แจ๊บๆ บ้านนี้แมลงวันเยอะจริงๆนะ ต่อมไปทั่วตัวผมเลยอ่ะ
งับ!
"โอ๊ย! ฮึย! แมลงวันกัดหรอว่ะเนี่ย ไอ้มะ..เฮ้ย! พวกนาย" ผมที่รู้สึกเจ็บแถวหน้าอกเหมือนมีตัวอะไรมากัดก็ร้องโวยวายก่อนจะลืมตามาเจอไอ้สองแฝดในระยะใกล้ชิดแล้วส่งยิ้มมาให้แบบแพ็คคู่ ผมที่รู้สึกถึงลมเย็นๆที่กระทบผิวก็ก้มมองตัวเองที
“ว๊าก! พวกนายทำอะไรเนี่ย? ทำไมฉันถึงไม่มีเสื้อ แล้วนี่มันรอยอะไร ไอ้แฝดนรก” ผมร้องโวยวายด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพตัวเองเต็มตาแบบมีสติ ตัวของผมเต็มไปด้วยรอยแดงอ่ะ ผืนขึ้นหรือแมลงมันกัดหรอ? ใครทำอะไรกับร่างกายของผมเนี่ย!
"พวกเรามาปลุกน้ำน่ะ ตอนนี้ตะวันจะตกดินแล้ว นอนมากไม่ดีเดี๋ยวปวดหัวนะ" แฝดบี 2 คนน้อง เอ! ชื่ออะไรนะ อ๋อ! ชื่อหมอนี่แปลว่าโรงแรมนี่นา นายโฮเต็ล แล้วปลุกบ้าอะไรของพวกมันเนี่ย! เสื้อของผมหลุดจากไหล่ลงมาที่ข้อมือจนผมรีบดึงเสื้อขึ้นมาคลุมแล้วติดกระดุมท่ามกลางสายตาสองคู่ที่จ้องมองไม่วางตา ก่อนที่ผมจะส่งสายตาดุไปให้ทั้งคู่ มองบ้าอะไรกันนักหนา ห๊า!
"ถ้าจะปลุกให้ตื่นมาเสื้อหลุดขนาดนี้ พวกนายเมินฉันไปก็ได้ ไม่ต้องมาปลุกเว้ย!" ผมอดว่าแขวะไม่ได้ที่เห็นสายตากรุ้มกริ่มอยากรู้อยากเห็นของสองแฝดที่มองผมใส่ติดกระดุมเรียบร้อยแล้ว
"หึ ยังดูไม่เต็มตาเลย ตัวข๊าว..ขาว ส่วนหัวนมก็..หยุด!! ไม่ต้องอ้าปากเลย ไอ้ลามก" นายโฮเต็ลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อจนน่าหมั่นไส้ แต่แล้วผมก็ต้องรีบเอ่ยขัดประโยคน่ากลัวที่มันกำลังจะพูดออกมา หัวนมอะไร? โตแล้วนะยังจะหิวนมอีก(ใช่หรอ?) ผมมีหน้าอกเป็นผู้ชายนะ
"น้ำอยากไปดูสวนลับที่หลังคฤหาสน์ไหม?" ระหว่างที่ผมกำลังสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ไอ้แฝดบี 1 คนพี่ชื่อ คอนโด ที่ถามผมเสียงนิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง ไอ้นี่ก็ดูเงียบดุๆชอบกลแหะ เหมือนนายโฮเต็ลโหมดขี้เก๊กเลยว่ะ
"สวนลับ? ทำไมที่นี่มีแต่สวนล่ะเนี่ย อืม!แล้วจะไปตอนใกล้จะค่ำเนี่ยนะ?" หืม? น่าแปลก ไปสวนลับกับไอ้พวกนี่ตอนจะใกล้มืด ตอนนี้ฟ้าเริ่มจะมืดแล้วนะ ผมจะไปกับสองคนนี้ดีไหมนะ? ระหว่างที่ผมกำลังขมวดคิ้วมองคนทางซ้ายทีและคนทางขวาทีอย่างสงสัย
"เหอะน่า ตอนนี้ล่ะดีที่สุดแล้ว ไปด้วยกันเหอะนะ ถ้าเกิดอะไรกับน้ำ เต็ลจะรับผิดชอบน้ำไปตลอดชีวิตเลย นะ..นะ" โฮเต็ลพูดเสียงออดอ้อนก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือผมแล้วดึงไปด้วยซะเลย เว้ย! แล้วแกจะอ้อนทำซากอ้อยอะไร ถ้าจะจับมือดึงไปด้วยเนี่ย! ผมเลยมองไปที่โฮเต็ลที่ยิ้มแฉ่งด้วยสายตาดุแล้วมองลงไปที่ข้อมือที่หมอนั่นจับ แต่ก็หน้าด้านไม่ปล่อยอีกแน่ะ ไอ้ฟราย!
"ไม่มีอะไรแน่ๆนะ จะหลอกอะไรเราหรือเปล่า?" ผมถามโฮเต็ลอีกครั้งก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ก็มันสงสัยนี่นา ไอ้สองคนนี้จะพาผมไปในที่แปลกๆหรือเปล่านะ
"ไม่มีอะไรหรอก ขอให้ไว้ใจ พวกเราแค่จะพานายไปเจอใครคนหนึ่งน่ะ" คอนโดพูดขึ้นเสียงนิ่งๆจนผมยิ่งมองหน้าทั้งคู่แล้วขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เพื่อให้พวกนั่นรู้ว่า”ก็เพราะกำลังไม่ไว้ใจพวกแกไง” แล้วทั้งคอนโดแฝดคนพี่ก็เข้ามาโอบไหล่ผม ผมก็มองหน้าที แต่หมอนี่ก็ทำหน้านิ่งใส่ซะงั้นและโฮเต็ลแฝดคนน้องก็เอามือมาโอบเอวผมบ้าง ผมก็หันควับไปมองหมอนั่นอย่างเคืองๆ ก่อนจะดิ้นๆสะบัดตัวออก แต่มือของทั้งคู่ก็เหนียวแน่นเกิน ไอ้มือปลาหมึกกำลังสอง
“ใครกันนะอยู่ในสวนลับลึกเข้ามาขนาดนี้ได้” ผมพึมพำเสียงเบาแล้วเดินตามคู่แฝดด้วยความที่ยังไม่หายสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้ / เดี๋ยวก็รู้” สองแฝดตอบพร้อมกันแล้วคนนึงส่งรอยยิ้มขี้เล่นกวนๆ ส่วนอีกคนก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ผม อย่ามาดึงความสงสัยออกจากหัวผมนะ หนทางข้างหน้าจะไปเจอใครกันล่ะเนี่ย!
***********************70%*************************
ท่ามกลางสวนลับที่ฝาแฝดพาเข้ามาเป็นเพียงทางเดินยาวไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครรู้ว่ามันจะพาผมไปที่ไหน? ไม่แน่ว่าไอ้สองแฝดนี่อาจจะรู้ก็ได้ แต่บรรยากาศตอนนี้ทำให้ผมอยากจะหันหลังกลับซะให้ได้ สองข้างทางเดินมีต้นไม้ใหญ่แปลกประหลาดมีดอกไม้หลากสีสันและใบไม้สีเขียวกับสีเหลืองสลับกันกำลังปลิวไสวไปตามสายลมยามหัวค่ำ อันที่จริงผมไม่น่าจะเห็นสีสันของต้นไม้ในตอนนี้ได้ แต่เพราะว่ามีดวงไฟแขวนอยู่ที่ต้นไม้ทุกต้นไงล่ะ ทำให้ผมมองเห็นสองข้างทางชัดเจน สายลมเย็นๆและความเงียบกำลังทำให้ผมเริ่มหวั่นกลัวแล้วว่า...ไอ้พวกบ้านี้จะพาผมไปไหนกันแน่เนี่ย!
ปึ้ก!
“เฮ้ย! หยุดเดินทำไมไม่บอกว่ะ” ผมโวยวายทันทีที่คนนำทางทั้งสองหยุดเดินกะทันหันทำให้ผมชนเข้ากับร่างหนาของโฮเต็ล ฝาแฝดคนน้องที่ปกติจะไม่ชอบผม เถียงกันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แถมยังเป็นคนขอร้องให้ผมเข้ามาที่นี่ด้วย น่าแปลก หรือว่าจะมีแผนอะไรซ่อนอยู่กันนะ
“หึ!ซุ่มซ่ามเอง” อ้าว! ไอ้โฮเต็ลมันมีเปลี่ยนเป็นจากโหมดขี้อ้อนตอนก่อนจะเข้ามาเป็นโหมดน่าขนลุกนี่เฉยเลย แน่ะ! ยังจะจ้องมาด้วยสายตาน่ากลัวนั่นอีก ผมต้องหาทางหนีแล้วล่ะ ถ้าสองคนนี่ทำอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา ผมก็ซวยน่ะสิ
“หันจนคอจะหมุนรอบแล้ว รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวเขาก็มา” เสียงคอนโดพูดแล้วยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรมาให้ผมผิดกับอีกคนที่แสยะยิ้มมาให้ เหอะ! ไอ้คนสองหน้า
“กลัวจนเซลล์ประสาทตายหมดแล้วมั้ง” กูได้ยินนะ ไอ้คนหลอกลวง พอเข้ามาที่นี่ก็ปากเสียใส่กันเลยนะ ผมทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่กอดอกแล้วทำลอยหน้าลอยตาเบะปากไปด้วย
“หุบปากซักนิด แล้วชีวิตนายจะแจ่มใสนะ” ผมอดที่จะแขวะไอ้แฝดคนน้องนี่ไม่ได้จริงๆ
“งั้นวิธีไหนที่ทำให้ฉันเงียบได้ก็ลองบอกมาสิ”
“เอาตะกร้อครอบปากไง จะได้เลิกพูดกัดชาวบ้านเขาซะที” ผมต้องแล้วส่งยิ้มไปให้โฮเต็ลที่ตอนนี้กำลังใช้สายตาดุจ้องมาที่ผม ทำไม? จะมีเรื่องกันก็จัดมาเลย
“หึ! ฉันเป็นนกเอี้ยงที่เลี้ยงนาย แล้วจะใช้ตะกร้อทำไมล่ะ” ด่าว่ากูเป็นพุดเดิ้ลใช่ไหม? (หรา?)
“ฮึย! เดี๋ยวแกจะศพไม่สวย ไอ้โรงแรมจิ้งหรีด” ผมหมดความอดทนกับไอ้บ้านี่แหละ มีโอกาสทีไรเป็นต้องทำให้ผมของขึ้นทุกทีสินะ ผมหันไปหาคอนโดเพื่อจะขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ช่วยผมเลยแถมยังยืนมองผมทะเลาะกับน้องตัวเองแล้วยักคิ้วส่งยิ้มมาให้ผมอีก โห่!ลืมเลยว่ามันเป็นพี่น้องกันนี่หว่า!
“หึ! เลิกทะเลาะกันเถอะ ทะเลาะกันไปเดี๋ยวก็ได้มารักกันเองหรอก แล้วจะมาร้องว่า ที่รักอยู่กับผมนะ อย่าทิ้งผมไป ฮ่าๆ” เหวอ! พูดอะไรออกมาน่ะ น่ากลัว ขนลุกสุดๆ ไม่มีทางที่ผมจะรักไอ้บ้านี่หรอก นายเป็นพี่ชายที่จินตนาการล้ำจริงๆเลย ไอ้คอนโดร้าว
“เพ้อเจ้อ” เหอะๆ พี่น้องด่ากันเองด้วยแหละ
“เลอะเทอะ” อันนี้ผมพูดเองครับ
“เสียสติ” นั่นไง..โฮเต็ลยังคงด่าพี่ชายตัวเองอยู่เรื่อยครับ ส่วนคอนโดก็ทำหน้าเหวอเมื่อเห็นว่าพวกผมเริ่มผลัดกันด่าคอนโดแทนที่จะทะเลาะกันต่อแล้ว
“ไม่มีความคิด” ผมด่าต่อให้ซะเลย
“ชีวิตไม่มีสะ..” โฮเต็ลพูดด่าต่อราวกับสนุกที่เห็นพี่ชายของตนกำลังจ้องหน้านิ่งก่อนจะทำหน้าบึ้งจ้องมาทางผม
“หยุด! พวกคุณด่าผมหมดหรือยัง? ไปทะเลาะกันต่อเลย ไป๊” ฮ่าๆ ในที่สุดคอนโดก็ทำหน้าบูดบึ้งงอนๆหันหน้าหนีพวกผมไป
“มองอะไร? มีอะไรจะด่าอีกไหม?” ผมหันไปมองหน้าโฮเต็ลต่ออย่างหาเรื่อง จะทำไมล่ะ? ก็ผมแค้นฝังหุ่น ใครด่ามาเราต้องตอบโต้ กูไม่จบเว้ย!
สวบ! สวบ!
หืม? เสียงอะไรกันหว่า เหมือนเสียงตัวอะไรมันเลื้อยเลย ว่าแต่เสียงมันดังหรือว่าที่นี่เงียบเกินไปฟระ เอาซะผมได้ยินชัดแจ๋วเลยอ่ะ
“หึ! ฉันจะรอดูว่านายจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน หืม ! เขามาแล้ว” ไหนๆ ใครมาอ่ะ ผมที่มองหน้าโฮเต็ลอยู่ก็เริ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและกำลังงงกับคำพูดของโฮเต็ลอยู่นั้น
“เฮ้ย! งะ...งูแปดหัว” ผมร้องด้วยความตกใจแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เคลื่อนไกลเข้ามาผิดกับท่าทีของสองแฝดที่นิ่งเงียบราวกับเห็นเป็นสิ่งปกติ แล้วทำไมงูนี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ งูแปดหัวตัวนี้เป็นสีดำแล้วมีลายสีขาวในบางส่วน ดวงตาสองข้างคนละสี ข้างหนึ่งสีน้ำเงิน อีกข้างสีเขียวมรกต และดวงตานั้นกำลังจ้องมองมาที่ผมพร้อมกับแลบลิ้นสองแฉกสีแดงสดก่อนจะอ้าปากโชว์เขี้ยวยาวสีขาวนั่น ส่วนตัวผมก็เริ่มเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ใครจะไม่กลัวล่ะ ผมต้องหนีไอ้งูประหลาดนี่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่เลยนะ ถึงแม้ว่าจะจำได้ว่าคนละตัวกับที่ผมเจอมาก็เถอะ แล้วตอนนี้ไม่มีเอคิวกับพี่วานิชแล้วใครจะช่วยผมล่ะ มึงหลอกกู..ไอ้แฝดนรก
“มาได้ซะทีนะ ปล่อยให้รอตั้งนาน” โอ๊ย! ไอ้บ้า นี่มึงชวนกูมารองูหรอเนี่ย! ไอ้คอนดอมเอ้ย
“หนุ่มน้อยนั่นเป็นใครกันล่ะ?” หืม? ใครพูดว่ะ มีแต่เสียงไม่เห็นตัวเลย เสียงนุ่มกังวานท่ามกลางเสียงลมที่พัดจนต้นไม้ไหวเอนไปตามลม
“ก็จะมาบอกว่า..คนนี้แหละ” อะไรของมันว่ะ คนนี้อ่ะมันคนไหน? คอนโดพูดขึ้นในขณะที่ผมใบ้กินอยู่ก็พยายามจ้องตากับงูแปดหัวตรงหน้าแล้วก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆแล้วหันหลังตั้งท่าจะวิ่งกลับไปทางเดิม
หมับ!
นั่นไง! ใครมากอดกูตอนนี้ มันใช่เวลาไหม? กูจะหนีแล้วนะเว้ย! ปล่อยเซ่! แขนหนาของคนๆหนึ่งกำลังกอดตัวผมไว้ แล้วยิ่งรัดแน่นเมื่อผมเริ่มดิ้น
“ชู่! นิ่งๆสิ เดี๋ยวจับให้งูกินเลยนี่” น้ำเสียงเย็นพร้อมกับลมหายใจอุ่นที่เป่ารดตรงต้นคอทำให้ผมหันไปมองคนที่กอดอยู่ อยากจะรู้นักว่าใครที่หื่นมากอดผมตอนนี้นะ
“โอ๊ย! ไอ้บ้า ปล่อยกูเลยนะ กูจะกลับไปหาเอคิว” ผมร้องโวยวายทันทีที่เห็นหน้าของโฮเต็ลอยู่ใกล้แค่คืบ
“นายขี้โกงหรือเปล่า? นั่นของฉันนะ” คอนโดพูดแล้วเลิกคิ้วมองหน้าน้องชายที่กอดผมไม่ยอมปล่อยแถมยังจับผมหันหน้ามาหางูแปดหัวตัวยักษ์มหึมานั่นอีก ปล่อยเซ่! กลัวจนสมองกูจะไหลออกมาแล้วนะ
“หึ! ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เอานิ” โฮเต็ลตอบคอนโดเสียงนิ่งแล้วจ้องกลับไม่เกรงกลัว
“ร้ายจริง ทำท่าไม่สนใจ แต่แย่งไปเองเลยนะ ไอ้น้องชาย” เว้ย! อย่าเพิ่งมาแย่งอะไรกันตอนนี้ กูกลัวอยู่นะ สงสารและสนใจกูบ้างเถอะ เอคิวอยู่ไหน? มาช่วยน้ำเย็นที
“คนนี้ใช่ไหม? ที่พวกเจ้าอยากให้ข้ารับรู้” เสียงนุ่มดังกังวานนั่นอีกแล้ว เสียงใครกันนะ
“เสียงฉันเอง”
เฮือก!
“งูเป็นคน คนเป็นงู แว้ก! กูไม่อยู่แล้ว ปล่อยนะ ไอ้คอนโดโตแต่ตัว สมองเม็ดถั่ว” ผมร้องโวยวายทันทีที่เห็นงูแปดหัวตรงหน้ากลายเป็นหนุ่มใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่งต่างชาติและสองแฝดก็มีบางส่วนคล้ายกับผู้ชายคนนี้ด้วย แต่เพียงแต่คนตรงหน้าดูมีอายุมากกว่า และดวงตาสองสีนั้นกำลังมองมาที่ผมราวกับกำลังมองเห็นเรื่องสนุกก่อนจะยิ้มมาให้ผมที่กำลังจ้องคนตรงหน้าตาค้างตกใจกับเรื่องไม่คาดฝัน นี่กูกำลังถ่ายหนังแฟนตาซีใช่ป่ะ? ตากล้องอยู่ไหน? ออกมาซะทีเถอะ กูไม่ขำนะ
“ใช่ คนนี้คือคนของพวกเรา ท่านพ่อคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ห๊า! พ่อหรอ? ไอ้สองคนนี่มีพ่อเป็นงูหรอเนี่ย? โธ่! ชีวิตนี้ แล้วไอ้สองแฝดนี่ใช่คน 100 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่าว่ะเนี่ย!! ฮือๆ ผมอยากกลับบ้านอ่ะ
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ข้ามีบททดสอบให้หนุ่มน้อยนี่สักหน่อย พวกเจ้าคงไม่ขัด” ไม่! ผมไม่ทดสอบอะไรทั้งนั้น ทำไมต้องทดสอบด้วย ผมกลัวงูนะ อย่ามายุ่งกับผมเลยนะครับ
“ทดสอบอะไร?/ทดสอบอะไร?” สองแฝดถามขึ้นพร้อมกันพลางจ้องมองไปที่คนเป็นพ่อที่กำลังยิ้มมีเลศนัย
“หึ! อย่าคิดดังสิหนุ่มน้อย ถ้าจะเป็นคนของเจ้าพวกนี้ก็ต้องเหมือนกันสิ” พ่อของสองแฝดมองมาที่ผมด้วยสายตาหยอกล้อก่อนที่ผมจะเอะใจว่าความคิดของผมไปดังตอนไหนนะ? ไม่เห็นได้ยินเลย ผมไม่ได้ตะโกนความคิดของผมออกมานะ ลุงมั่วแล้ว
“ถึงได้บอกไงว่า ฉันเป็นนกเอี้ยงเลี้ยงนายอยู่” เสียงของโฮเต็ลดังเหนือหัวของผม หนอย! ปากดีไม่ดูเวลาอีกแหละ ผมกัดฟันกรอดก่อนจะดิ้นสุดแรงแต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะไอ้โฮเต็ลไม่สะเทือนเลยสักนิด ฮึย! มึงจะกอดจนกว่ากูจะตายจากโลกนี้ไปใช่ไหม?
“อย่าบอกนะว่าพ่อจะทำให้น้ำเย็นเป็นแบบพวกเราน่ะ” คอนโดพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาจนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับผม แต่คงไม่ใช่ให้ผมเป็นงูหรอก เพราะผมเป็นคนนี่นา
“เจ้าสองคนตามข้ามา ส่วนหนุ่มน้อยรออยู่ตรงนี้ โฮเต็ลปล่อยหนุ่มน้อยได้แล้ว” เฮ้อ! หายใจทั่วท้องสักที ในที่สุดโฮเต็ลก็ปล่อยแขนออกจากตัวผม ไม่อยากจะพูดนะ ไอ้โฮเต็ลรัดตัวผมแน่นอย่างกับงูเลย เอ๊ะ! หรือว่ามันจะเป็นงู ไม่ใช่หรอกน่า สองคนนี้อาจจะเป็นคนแต่มีพ่อเล่นไสยศาสตร์ซะมากกว่า
“อุ๊บ! ถ้านายหยุดความคิดได้ก็คงจะดีนะ” เสียงคอนโดพยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะมองหน้าผมยิ้มๆ มันน่าขำตรงไหนว่ะ? แล้วสองแฝดก็เดินเข้าไปหาคุณพ่อยังหนุ่มที่ยืนรออยู่ โห่! ดูดีๆแล้วพ่อหล่อกว่าอีกว่ะ หน้าตาก็หล่อคมแถมหุ่นดีแบบนี้เป็นนายแบบได้สบายเลย ถ้าผมเป็นผู้หญิงจะวิ่งเข้าไปกอดแน่นๆแล้วซบอกซะเลย ยอมตายในอ้อมอกคนหล่อ ฮ่าๆ ผมล่ะอิจฉาจริงๆ
ควับ! เฮือก!
มองทำไมอ่ะ? คุยกันต่อสิ แล้วอะไรล่ะนั่น ไอ้สองแฝดนรก อย่ามาทำสายตาดุใส่กูนะ ส่วนคุณพ่อก็แค่ยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม เอิ่ม! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย น้ำเย็นงงแล้วนะ แล้วทั้งสามหนุ่มพ่อลูกก็คุยกันต่อโดยที่คอนโดไม่วายจะชี้หน้าผมราวกับคาดโทษ อะไรกันหรอ? ผมไม่ผิดนะ ชิ! แต่แล้วจู่ๆก็มีเงาดำเคลื่อนไหวออกมาจากทางที่พ่อของสองแฝดออกมา
“แฮ่กๆ ทำไมนายท่านไม่รอเลย มันเหนื่อยนะ ต้องวิ่งตามมาเนี่ย!” หืม! ผู้หญิงหรอ? ทำไมมีผู้หญิงวิ่งออกมาจากทางที่พ่อของฝาแฝดออกมาได้ล่ะ เธอเป็นใครกันนะ
“อ๋อ! คนนี้นี่เอง น่ารักดีนะ” คนมาใหม่ที่ผมเห็นชะโงกหน้าออกมาจากกลุ่มของสามหนุ่มแล้วมองมาที่ผมก่อนจะพูดเสียงดัง ว้าว! น่ารักจังเลย ตัวบางเล็ก ผิวขาวจัด ดวงตากลมโตเหมือนเอคิวเลย แต่ผมซอยรากไทรยาวกับดวงตานั้นเป็นสีแดงเหมือนปีศาจ ปากสีชมพูเล็กนั่นกำลังส่งยิ้มมาให้ผมจนอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ แล้วโฮเต็ลกับผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาทางผมด้วยล่ะ
“นายมายืนเป็นเพื่อนน้ำเย็นหน่อย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับพ่อ” โฮเต็ลพูดกับผู้หญิงคนนั้นก่อนจะ
เดินกลับไป
“ได้สิ ชื่อน้ำเย็นหรอ? สวัสดี ผมชื่อ ต้นอ้อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หืม! ผม? ครับ? หรือว่า...
“น้ำเย็นอย่ามองแบบนั้นสิ ผมเป็นผู้ชายนะ” ไม่ต้องสงสัยครับว่าทำไมต้นอ้อบอกว่าไม่ให้ผมมองก็ผมกำลังจ้องเขม็งไปที่ต้นอ้อที่ตอนนี้ยืนทำหน้าเขินเมื่อถูกผมมอง มึงจะเคะไปไหนว่ะ กูล่ะเบื่อจริงๆ โลกนี้จะมีแบบไอ้คิวอีกเยอะไหม? ผมจะได้เปลี่ยนมาสอยเคะสักคน น่ารักเกิน หึ่ม!
ตุ้บ!
“จะบ้าหรือไง บอกว่าเป็นผู้ชายไงล่ะ” ต้นอ้อเอาหมัดมาต่อยแขนผมก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ว่าแต่กูโดนต่อยเรื่องอะไรว่ะ?
“อ้าว! น้ำเย็นไม่รู้หรอว่า..ทุกคนที่นี่เขาอ่านความคิดมนุษย์ได้น่ะ”หืม? อ่านความคิด?อ๊าก! ไอ้แฝดชั่ว ทำไมไม่บอกกูว่ามึงรู้ความคิดได้ ห๊า! ปล่อยให้เวิ่นเว้อได้ตั้งนาน ก็ว่าอยู่ทำไมพ่อของสองแฝดถึงบอกว่าความคิดดัง พวกแกมันแอบอ่านความคิดต่างหากเว้ย!! น้ำเย็นอยากตาย
“ไม่ๆ อย่าเพิ่งตายนะ อ้ออยากเป็นเพื่อนกับน้ำเย็น น้ำเย็นไปอยู่กับอ้อดีกว่าเนอะ” ต้นอ้อพูดเสียงอ้อนผมก่อนที่ดวงตาสีแดงนั่นจะเรืองแสงแล้วริมฝีปากเล็กก็มีเขี้ยวกับหูยาวงอกออกมา อ๊าก! ไอ้โฮเต็ล มึงปล่อยตัวอะไรให้มาอยู่เป็นเพื่อนกูเนี่ย มึงอย่ามาจับแขนกูไอ้ต้นอ้อผีสิง ไม่นะ! เอคิวช่วยน้ำเย็นด้วย
“แต่กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง”
กรร! กรร!
“ไอ้แฝด ช่วยด้วย! มันจะกินกูแล้ว”
***********************100%************************* ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะจ๊ะ รักคนอ่านทุกคน
รอติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ