คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]
เขียนโดย Murasaki
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.
แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) He's mine^^
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเอคิวที่เต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดจากชายหนุ่มแปลกหน้าที่กวนประสาทเขาในยามเช้าก็ได้แต่รีบจูงมือลากน้ำเย็นตรงมาที่ประตูห้องนอนข้างๆห้องถัดจากห้องนอนของไอ้ผู้ชายกวนประสาท แต่แล้วเอคิวก็ต้องอารมณ์เสียเพิ่มขึ้นทวีคูณเมื่อน้ำเย็นได้แต่พยายามบิดข้อมือออกจากมือของเอคิวและพยายามขืนตัวไม่ยอมเดินตามมาจนเอคิวต้องหยุดเดินอย่างหงุดหงิดแล้วหันมามองน้ำเย็น
“เฮ้ย! มึงเป็นอะไรว่ะ เข้าห้องเราสิว่ะ” เอคิวที่เอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญก็หันมามองหน้าน้ำเย็นด้วยความสงสัยที่ตอนนี้ใบหน้านั้นซีดเผือดไร้สีและมีเหงื่อไหลเหมือนคนตกใจกลัวอะไรสักอย่างกับห้องที่พวกเขากำลังจะเปิดประตูเข้าไป
“มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่าว่ะ ก็นี่มันห้องที่เรานอนเมื่อคืนนะเว้ย!” เอคิวพูดขึ้นแล้วพยายามลากตัวน้ำเย็นให้เดินตามอีกรอบ
“มะ..ไม่เข้าไป ดะ...ดีกว่านะ เชื่อกูเถอะ” น้ำเย็นที่เริ่มหาเสียงตัวเองเจอก็เอ่ยเสียงสั่นและส่ายหน้าให้เอคิวที่พยายามลากเขาเข้าไปด้วยกัน
“มึงจะกลัวบ้าอะไรว่ะ โว๊ะ! ไร้สาระน่ะ” เอคิวที่พยายามไม่สนใจกับท่าทางแปลกๆของน้ำเย็นก็ฉุดกระชากลากน้ำเย็นมาด้วยกันพร้อมกับกำลังจะเปิดประตูห้องนอนที่เอคิวมั่นใจเต็มที่ว่าเป็นห้องของพวกเขา
แกร๊ก! แอ๊ด!
ทันใดนั้นประตูห้องนอนที่เอคิวและน้ำเย็นกำลังยืนเถียงกันอยู่นั้นก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบนั้นเปลือยอก ทรงผมรากไทรไฮไลท์สีน้ำเงินนั้นฟูกระเซ่อกระเซิงและดวงตาเรียวคมดุสีดำสนิทนั้นกำลังจ้องมองเด็กหนุ่มสองคนอย่างหงุดหงิด ในขณะที่ตอนนี้ทั้งคู่หยุดเถียงกันไปโดยปริยายเมื่อเห็นคนแปลกหน้าในห้องนี้
“นายเป็นใครและมาทำอะไรที่หน้าห้องฉัน?” ชายหนุ่มดวงตาคมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิด
“เหอะ!...นี่ห้องนายหรอ?” เอคิวก็ใจกล้าถามคนตรงหน้าโดยที่เขาเองก็สงสัยว่าคนตรงหน้าเป็นใครอยู่ไม่น้อย
“ใช่ แล้วนายมีปัญหาอะไร?” ชายหนุ่มดวงตาคมตอบเอคิวด้วยน้ำเสียงกระชากจนเอคิวต้องขมวดคิ้วกัดปากด้วยความไม่พอใจ
“ไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันสงสัยว่านายเป็นใคร? คนอะไรไร้มารยาท” เอคิวที่มีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่แล้วก็เริ่มออกอาการพาลโมโหชายหนุ่มดวงตาคมตรงหน้า
“อะ...เอ่อ ขอโทษครับ ไอ้คิวไปเถอะ มึงจะหาเรื่องเขาทำไมว่ะ นี่มันหน้าห้องเขานะเว้ย!” น้ำเย็นที่เห็นคนทั้งคู่กำลังเริ่มจะทะเลาะกันก็รีบเอ่ยขอโทษชายหนุ่มดวงตาคมและรีบดึงมือเอคิวให้เดินไปทางอื่น
“อ๋อ! ที่แท้ก็น้องน้ำนี่เอง กลับมาหาพี่หรอจ๊ะ เข้ามาสิ พี่คิดถึง” เมื่อชายหนุ่มดวงตาคมนั้นเห็นว่าอีกคนนั้นเป็นน้ำเย็นก็พูดกวนประสาทแกมหยอกน้ำเย็น
“ใครเป็นน้อง? ฉันไม่รู้จักนายซะหน่อย ไปเหอะไอ้คิว ไปสิว่ะ” น้ำเย็นพูดสวนกลับชายหนุ่มแล้วหน้าก็เริ่มขึ้นสีแดงอย่างโมโหก็รีบลากเอคิวที่กำลังมองคนสองคนอย่างงุนงง เอ๋! หรือสองคนนี้รู้จักกันนะ
น้ำเย็นที่ลากเอคิวลงมาชั้นล่างก่อนที่เอคิวจะได้หลงเข้าไปห้องนอนของใครอีกนั้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินลงบันไดมาก็เห็นชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีเขียวกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาในห้องโถงและอ่านนิตยสารอย่างสบายอารมณ์จนน้ำเย็นอดหมั่นไส้ท่าทางคุณชายกวนประสาทนั้นไม่ได้ แต่ทันทีที่เอคิวและน้ำเย็นกำลังจะทำเป็นเดินไปทางห้องอาหารไม่สนใจราวกับมองไม่เห็น ชายหนุ่มผมสีแดงที่นั่งอยู่กลับพูดดักพวกเขาเอาไว้
“ไม่คิดจะทักทายเจ้าของบ้านเลยนะ” เสียงนั้นมาจากชายหนุ่มผมสีแดงที่ขณะนี้ดวงตาสีเขียวกำลังจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนราวกับกำลังมองเห็นเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“ฉันไม่รู้จักนายแล้วต้องทักหรือเปล่าล่ะ” น้ำเย็นเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องหน้าชายหนุ่มผมสีแดงที่กำลังมองที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน
“อืม! งั้นฉันขอแนะนำตัวเองหน่อยล่ะกัน ฉันชื่อ..คอนโด ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้วนะ” ชายหนุ่มผมสีแดงยืนขึ้นแล้วค้อมตัวลงทำความเคารพล้อเลียนน้ำเย็นแล้วยืดตัวขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มสวยมาให้เด็กหนุ่มทั้งคู่ แต่สายตากลับจ้องมองน้ำเย็นที่กำลังขยับปากล้อเลียนคำพูดของเขาด้วยความขบขัน
“มองอะไร? อยากโดนควักลูกตาหรือไง ไม่มีมารยาท” น้ำเย็นที่เห็นสายตาของคอนโดจ้องมองมาก็พูดขู่กลบเกลื่อนที่เขาเพิ่งล้อเลียนชายหนุ่มผมสีแดงไปเมื่อกี้นี้
“นายคงรู้จักฉันกับญาติของฉันแล้วเมื่อคืนนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก งั้นพวกเราขอตัว” เอคิวที่เห็นว่าคอนโดกับน้ำเย็นกำลังจะเริ่มปะทะสงครามประสาทก็รีบเอ่ยตัดบท ในเมื่อคอนโดก็รู้จักพวกเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
“ฉันไม่รู้จักพวกนายซะหน่อย” และแล้วเสียงที่คล้ายกับคอนโดก็ดังขึ้นข้างหลังเด็กหนุ่มทั้งสอง แต่ปากของคอนโดที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ขยับจนเอคิวกับน้ำเย็นขมวดคิ้วอย่างงุนงงว่าเสียงนั้นเป็นของใคร ทันใดนั้นเอคิวและน้ำเย็นก็หันกลับไปมองข้างหลังของตน ชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีน้ำเงินอ่อนและมีหน้าตาเหมือนกับคอนโดราวกับพิมพ์เดียวกันกำลังเดินมาทางเอคิวและน้ำเย็น ขณะที่เอคิวก็เริ่มหันไปมองหน้าคอนโดที่ยืนอยู่ตรงโซฟาสลับกับชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีน้ำเงินอ่อนที่เข้ามาใหม่แล้วขมวดคิ้ว
“นายสองคนเป็นแฝด แล้วคนไหนที่ฉันเจอเมื่อคืนนี้?” เอคิวเอ่ยถามทันทีเมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาเจอกันแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหนที่คุยกับพวกเขา
“ฉันนี่แหละ! พี่สะใภ้คนสวย” แล้วชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีน้ำเงินอ่อนก็ตอบออกมาแล้วยิ้มทะเล้นให้กับเอคิว
“กวนแหละ ไอ้หอมแดง นายชื่ออะไร?” เอคิวชูกำปั้นขู่ชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีน้ำเงินอ่อนที่เขายังไม่รู้จักชื่อ
“ฉันชื่อ โฮเต็ล ส่วนนั่นพี่ชายฉันชื่อ คอนโด ฮ่าๆๆ” แฝดน้องอย่างโฮเต็ลก็หัวเราะราวกับเห็นเรื่องสนุกเมื่อเห็นสีหน้าของน้ำเย็นขมวดคิ้วแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นบูดบึ้งจ้องมาทางเขาและพี่ชายสลับกันไปมา
“แมร่งคนเดียวก็ปวดกะบาลแหละ” น้ำเย็นพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิดที่เห็นไอ้บ้าที่กวนกวนประสาทเขาเมื่อคืนมีตั้งสองคน
“ว่าแต่แม่นางทั้งสองชื่ออะไรกันบ้างล่ะ” คอนโดที่แอบขำกับท่าทางของน้ำเย็นไม่ต่างกับแฝดน้องของตนก็พูดขึ้นบ้าง
“แม่นายน่ะสิ ไอ้หัวเห็ดมารีโอ้ แมร่งโบราณได้โล่ห์จริงๆ” น้ำเย็นพูดตอบคอนโดไปด้วยความไม่พอใจแฝดคนพี่ที่มาเรียกพวกเขาว่าแม่นางทั้งๆที่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ชาย
“ถ้าแม่ฉันมีหน้าตาเหมือนนายฉันคงใจสลายลาตายไปเกิดใหม่ว่ะ หึๆ” โฮเต็ลเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆตอบโต้น้ำเย็นทันทีแล้วส่งยิ้มกวนประสาทมาให้น้ำเย็นที่ตอนนี้จ้องหน้าเขากับพี่ชายเขม็ง
“ฮึ่ย! มึงมานี่เลย ไอ้หอมแดงรากเน่า” น้ำเย็นที่โมโหสติแตกก็เดินไปทางโฮเต็ลแล้วเอามือกระชากคอเสื้อลากมาทางโซฟาที่คอนโดยืนอยู่แล้วง้างมือกำหมัดทั้งสองข้างของตนเตรียมจะชกท้องของคู่แฝดพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นสองแฝดก็จับมือของน้ำเย็นไว้แล้วทั้งคู่ก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้กับน้ำเย็นที่พยายามบิดข้อมือออกจากมือใหญ่ทั้งสอง
“ปล่อยนะเว้ย! ปล่อยเซ่ ไอ้คิวช่วยกูด้วย จะยืนทำหน้าเคี้ยวหญ้าทำไมว่ะ” น้ำเย็นที่โมโหคู่แฝดก็ร้องบอกให้ทั้งคู่ปล่อยข้อมือของตนพลางสะบัดมือหนาที่จับแน่นราวกับคีมเหล็กและหันไปขอความช่วยเหลือจากเอคิวที่ทำลอยหน้าลอยตาราวกับจะบอกว่า “นั่นมันเรื่องของมึง” ในขณะที่น้ำเย็นกำลังหันหน้ามาเพื่อจะด่าว่าคู่แฝดต่อนั้น
จุ๊บ!
น้ำเย็นอ้าปากหวอแล้วเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเขาหันหน้ากลับมา คอนโดและโฮเต็ลก็จุ๊บตรงแก้มของเขาคนละข้างแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มทะเล้นให้น้ำเย็นที่ตอนนี้โมโหจนหน้าแดง(หรือเขิน?)ไปที่คู่แฝดแล้วดวงตาสวยก็เริ่มมีน้ำเอ่อคลอหน่วยขึ้นมาจนคู่แฝดทำหน้าตกใจที่เห็นคนตัวเล็กกำลังจะเป่าปี่ใส่พวกเขาซะอย่างนั้น
“อึก! ไอ้คิว ช่วยกูด้วย ปล่อยสิ” น้ำเย็นที่เริ่มกลัวสองฝาแฝดก็พูดด้วยความเอาแต่ใจจนคอนโดและโฮเต็ลนึกสนุกที่เห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่กำลังพยายามดึงข้อมือของตนออก ทั้งๆที่สองฝาแฝดไม่ขยับเขยื้อนกับแรงของน้ำเย็นแม้แต่น้อย จนน้ำเย็นเริ่มจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆเมื่อรู้ตัวว่าไม่รอดจากสองฝาแฝดนี่แน่ๆ
“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งร้องนะ ยังแกล้งไม่สนุกเลย หึหึ” คอนโดพูดปลอบแกมหยอกแกล้งน้ำเย็นไม่หยุด แต่น้ำเย็นก็เริ่มเบะปากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ขี้แยจัง อย่าร้องสิ ฉันขอโทษนะ” โฮเต็ลที่เห็นตาแดงๆของน้ำเย็นก็ใจอ่อนช่วยพูดปลอบแล้วส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้น้ำเย็น
“ฮึก ฮือๆ ไอ้พวกบ้าปล่อยเดี๋ยวนี้เลย มือแมร่งทากาวไว้หรือเปล่าว่ะเนี่ย! ไอ้คิวววววว ช่วยกูด้วย” สองฝาแฝดยอมปล่อยข้อมือของน้ำเย็นเมื่อเห็นหน้าของน้ำเย็นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แต่แล้วน้ำเย็นก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจที่เห็นฝ่ามือของคอนโดและโฮเต็ลที่เอื้อมมาช่วยเช็ดน้ำตาคนละข้างจนคนตัวเล็กที่เริ่มหยุดร้องไห้แล้วได้แต่จ้องไปที่คอนโดและโฮเต็ลก่อนที่จะขมวดคิ้วกับท่าทางอ่อนโยนแปลกๆของสองฝาแฝด ก่อนที่จะปัดมือของทั้งคู่ออกจากหน้าของตนแล้วทำหน้าบูดบึ้งอย่างรำคาญ
“อย่านึกว่าไม่รู้นะ ไอ้พวกหมาหมู่ คิดว่ามีสองคนแล้วจะกลัวหรือไงว่ะ!!”น้ำเย็นเอ่ยเสียงแข็งแล้วจ้องไปที่สองฝาแฝดเขม็งด้วยสายตาโกรธเคืองเมื่อเห็นใบหน้าที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้น้ำเย็นยกกำลังสองราวกับจะบอกว่า “ไอ้หมอนี่น่าสนใจ”
“ไร้สาระน่ะ นายไม่รู้หรอกว่าพวกฉันคิดอะไร ไปกินข้าวกันดีกว่า” คอนโดพูดแล้วส่งยิ้มให้น้ำเย็นที่จ้องพวกเขาเอาเป็นเอาตายก่อนจะจูงมือน้ำเย็นไปทางห้องอาหารอย่างสบายอารมณ์ แต่น้ำเย็นสะบัดมือออกแล้วเดินไปหาเอคิวที่มองหน้าน้ำเย็นด้วยสายตาล้อเลียนจนน้ำเย็นต้องเอากำปั้นชกไปที่แขนเอคิวที่ไม่ยอมช่วยแล้วยังล้อเขาอีก
“อะแฮ่ม! เด็กที่ไหนมาร้องไห้แถวนี้ว่ะ?” ชายหนุ่มดวงตาเรียวคมดุสีดำสนิทที่เอคิวและน้ำเย็นเพิ่งเจอหน้าห้องนอนชั้นบนก็เดินลงมาจนทำให้เด็กหนุ่มเห็นสภาพของชายหนุ่มมาใหม่แตกต่างไปจากที่พวกเขาเจอเมื่อเช้านี้ ชายหนุ่มดวงตาคมดุสีดำสนิทราวกับรัตติกาล รูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบผิวขาวสะอาดนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทลายกราฟฟิกสีขาวและสวมกางเกงยีนส์ฟอกสีน้ำเงิน และทรงผมรากไทรไฮไลท์สีน้ำเงินนั้นถูกเซ็ตมาอย่างดีต่างจากเมื่อเช้าที่หัวฟูกระเซ่อกระเซิง ริมฝีปากบางนั้นส่งยิ้มพร้อมเขี้ยวเสน่ห์มาให้น้ำเย็นที่ยืนมองเขาตาแดงๆ และรีบยืนไปหลบข้างหลังเอคิวเมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงชั้นล่างตรงที่เด็กหนุ่มทั้งคู่ยืนอยู่
“จะเด็กไหนล่ะ ก็ไอ้ตัวเล็กนี่ไง” คอนโดพูดตอบชายหนุ่มมาใหม่แต่ก็ไม่วายพูดเหน็บน้ำเย็นที่ยืนกัดปากอย่างแค้นเคืองและจ้องไปที่คอนโดตาขวาง
“จะร้องไห้ทำไมล่ะครับน้องน้ำ น่าสงสารจัง” ชายหนุ่มดวงตาคมนั้นยิ้มด้วยแววตาแพรวพราวราวกับกำลังหยอกล้อน้ำเย็นไปด้วย
“แล้วนายเป็นใครอีกล่ะ?” เอคิวที่เห็นหน้าของชายหนุ่มที่เขาเพิ่งทะเลาะไปเมื่อเช้าก็เอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“หึ! ลืมง่ายจังเพิ่งเจอกันเมื่อเช้าเอง ฉันชื่อ เดอร์มอท เป็นคุณชายเล็กของคฤหาสน์หลังนี้ และน้ำเย็นรู้จักฉันเป็นอย่างดี แล้วนายน่ะเป็นใคร?” เดอร์มอทพูดด้วยน้ำเสียงเย็นตอบเอคิวที่จ้องมองมาที่ตนเขม็ง
“ฉันชื่อ เอคิว เฮ้ย! แล้วมึงรู้จักไอ้โดราเอม่อนนี่ได้ไงว่ะ” เอคิวตอบเดอร์มอทแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนอารมณ์แล้วหันไปถามน้ำเย็นที่หน้าซีดยืนหลบอยู่ข้างหลังของตน
“อ๊ะ..เอ่อ.. เขาชื่อเดอร์มอทเว้ย! ฉันรู้..รู้จักตอนเช้าพร้อมมึงนี่แหละ มึงอย่าถามเลย ไปกินข้าวกันดีกว่า กูหิว” น้ำเย็นเอ่ยกระซิบข้างหูเอคิวแล้วก็พูดเร่งให้เอคิวพาเขาไปกินข้าวเพื่อลืมเรื่องที่เขารู้จักกับเดอร์มอท
“มึงอย่านึกว่ากูจะลืมนะ ฝากไว้ก่อนเหอะ” เอคิวจ้องหน้าน้ำเย็นแล้วพูดเสียงเข้มเมื่อรู้สึกว่าน้ำเย็นเริ่มจะมีความลับกับเขาทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แล้วเอคิวก็พาน้ำเย็นเดินไปทางห้องครัวโดยทิ้งให้คู่แฝดและเดอร์มอทที่มองเด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินหายไปทางห้องอาหารก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเสียงเย็น
“ชักสนุกแล้วสิ ไม่ว่าใครก็ขวางฉันไม่ได้ หมอนั่นเป็นของฉัน!!” คอนโดพูดเสียงเย็นแล้วก็แสยะยิ้มให้เดอร์มอทก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะวาวโรจน์และเขี้ยวงูก็ยาวงอกออกมาจากริมฝีปากแล้วร่างของชายหนุ่มผมสีแดงก็กลายเป็นงูแปดหัวขนาดปานกลางสีดำเลื้อยออกไปทางหน้าประตูหายไปทางสวนประหลาดของคฤหาสน์อย่างรวดเร็วจนแฝดคนน้องที่กำลังจะอ้าปากเรียกพี่ชายก็ยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างหัวเสียที่ไปโดยไม่รอเขา
“เฮ้อ! ไม่รอกันเลย ไอ้พี่ปัญญาอ่อน นายเองก็อย่าลองดีกับคอนโดจะดีกว่านะ” โฮเต็ลพูดบ่นถึงคอนโดก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแล้วส่งยิ้มเย็นให้เดอร์มอทโดยที่ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือการเสแสร้งแกล้งยิ้มอย่างเลือดเย็นของโฮเต็ล จากนั้นโฮเต็ลก็กลายร่างเป็นงูแปดหัวขนาดปานกลางสีขาวดวงตาสีน้ำเงินวาวแล้วเลื้อยไปทิศทางเดียวกับพี่ชายฝาแฝดทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มดวงตาเรียวคมดุที่มองตามพี่ชายฝาแฝดด้วยสายตาว่างเปล่ามิอาจล่วงรู้ความคิดได้
“นายเตือนฉันหรือว่าตัวเองล่ะ ไอ้สองแฝดอเวจี” เดอร์มอทพูดเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะสลายกลายเป็นหมอกสีดำจางหายไปจากห้องโถงที่ไร้ซึ่งผู้คน
ห้องอาหาร
แม่บ้านและสาวใช้กำลังทยอยยกอาหารมาวางที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่าผู้อาศัยในคฤหาสน์เริ่มเข้ามาที่ห้องอาหารกันแล้ว เอคิวและน้ำเย็นที่กำลังจะเข้าไปช่วยยกอาหารก็ถูกแม่บ้านปฏิเสธเสียงดุแล้วบอกให้พวกเขาไปนั่งรอที่โต๊ะ แล้วทั้งสองคนก็ได้รู้อีกว่าแม่บ้านเสียงดุที่เขาเจอเมื่อคืนนี้และตอนเช้านี้มีชื่อว่า ไลซานดรา เป็นหัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ ส่วนสาวใช้ที่ช่วยไลซานดรานั้น เธอเป็นเด็กสาวดวงตากลมโตหน้าตาน่ารักคล้ายกับแมวเหมียวอายุ 15 ปี และเป็นหลานสาวของไลซานดราชื่อว่า ซินเนีย ซึ่งซินเนียก็เติบโตที่คฤหาสน์หลังนี้มาแต่ไม่ได้เรียนหนังสือจนเอคิวและน้ำเย็นอดสงสารซินเนียไม่ได้ที่ต้องทำงานที่คฤหาสน์ตั้งแต่ยังเด็กด้วยความที่ฐานะทางบ้านยากจน นั่นทำให้เธอต้องมาอยู่กับป้าไลซานดรานั่นเอง
“พวกพี่มาจากที่ไหนหรอ?” เด็กสาวซินเนียถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในคฤหาสน์นี้เป็นครั้งแรก ก่อนที่เด็กสาวจะใช้ขสายตากลมโตใสสีน้ำตาลนั้นมองไปที่เด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธออยู่
“อืม! ก็มาจากฝั่งประตูทางสวนวงกตเมื่อคืนนี้น่ะ ก็กะว่าวันนี้ตอนบ่ายก็จะกลับแล้วล่ะ” เอคิวตอบแล้วยิ้มให้เด็กสาวด้วยความเอ็นดู แต่เด็กสาวกลับทำสีหน้าสงสัยส่งตอบกลับมาให้เอคิวและน้ำเย็นเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ทำให้ทั้งเด็กหนุ่มทั้งสองพลอยสงสัยท่าทีของเด็กสาวไปด้วย แค่พวกเขามาจากฝั่งประตูทางสวนวงกตมันแปลกตรงไหนกัน?
“เอ๊ะ! นอกประตูนั่นยังมีอีกหรอเนี่ย น่าแปลกจัง ไหนว่าไม่มีใครนอกจากพวกเรานี่นา หรือว่าพวกพี่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรอ?” ซินเนียยังคงซักถามด้วยความงุนงงเมื่อรู้ว่าพี่ชายแปลกหน้าทั้งสองมาจากสวนวงกต
“สวนวงกตมีอะไรอีกงั้นหรอ?” น้ำเย็นถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของซินเนียเหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างที่พวกเขาไม่รู้มาก่อน
“อ้าว! ก็สวนวงกตน่ะมีอะ..อะแฮ่ม! เลิกคุยกันได้แล้ว ซินเนียตามมาช่วยฉันที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้” ซินเนียที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับน้ำเย็นเป็นต้องหยุดลงเมื่อเสียงของป้าไลซานดราพูดขัดขึ้นและสั่งให้ซินเนียตามเธอเข้าไปช่วยงานในครัว
“ปีอะไรว่ะ ไอ้คิว ปีวอก ปีระกา หรือปีขาล กูอยากรู้ว่ะ” น้ำเย็นหันไปถามเอคิวที่นั่งอยู่ข้างและกำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นเดียวกัน
“ปีโป้มั้ง มึงนี่ท่าจะเป็นเอามากนะ มึงก็อยู่ด้วยกันกับกูเนี่ย! แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่ะ” เอคิวพูดตอบน้ำเย็นแล้วพลางทำหน้าครุ่นคิดเรื่องที่เพิ่งได้ยินจากซินเนียเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ข้างนอกในสวนวงกตนั่น ถึงแม้พวกเขาจะรู้เพียงว่าข้างนอกคฤหาสน์นั่นเต็มไปด้วยปีศาจ แต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่เด็กสาวซินเนียสงสัยไม่น่าจะใช่เรื่องนี้ ถ้าเด็กสาวอยู่ที่นี่มานานก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วน่ะสิ
“ไอ้ฟราย ปีโป้บ้านแกสิ สงสัยหน้ามึงอยากจะมีตราประทับด้วยฝ่าเท้าซะแหละ กูถามจริงจังนะเว้ย!” น้ำเย็นบ่นเอคิวที่ตอบกวนประสาทเข้าจนได้ จนไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนเข้ามาในห้องอาหารนี้
“จะเครียดไปทำไมล่ะ มันก็แค่สวนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรแปลกประหลาดหรอก” เดอร์มอทก็เดินเข้ามาในห้องอาหารตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นั้นพูดตอบในข้อสงสัยของน้ำเย็น
“อะ...เอ่อ หรอครับ” น้ำเย็นที่เห็นว่าคนมาใหม่คือเดอร์มอทก็หน้าซีดแล้วนั่งตัวลีบติดกับเอคิวทันทีจนเอคิวต้องขมวดคิ้วและเริ่มสงสัยกับท่าทางแปลกๆของน้ำเย็นที่มักจะเป็นตอนที่น้ำเย็นเจอเดอร์มอททุกครั้ง หรือว่าน้ำเย็นมันจะรู้อะไรมากันนะ ถึงต้องกลัวผู้ชายคนนี้!!
“แล้วไอ้หอมแดงสองหัวนั่นล่ะ ไม่มากินข้าวหรอ?” เอคิวเอ่ยถามเดอร์มอทเดินไปนั่งตรงข้ามกับน้ำเย็นและกำลังจ้องมองน้ำเย็นไม่วางตา
“ไม่ล่ะ พวกนั้นเขาหากินกันเองได้ คงจะกลับมาอีกทีเกือบเที่ยงนั่นแหละ” เดอร์มอทหันหน้ามาตอบเอคิวเสียงเรียบก่อนที่สายตาจะหันไปจ้องมองไปที่น้ำเย็นเหมือนเดิมราวกับตั้งใจสำรวจทุกซอกทุกมุมในขณะที่น้ำเย็นก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาและพวกเขาทั้งสามคนก็เริ่มรับประทานอาหารกันโดยที่เอคิวสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่มีในห้องอาหารนี้ ส่วนเดอร์มอทก็พยายามตักกับข้าวเอาใจน้ำเย็นที่ได้แต่ก้มหัวเอ่ยขอบคุณและกินเงียบๆไม่ยอมมองหน้าใคร และเมื่อพวกเขาทั้งสามคนกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้นก็มีหญิงสาวผมสีชาดัดลอนสวย หน้าตาสะสวยนั้นแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย และรูปร่างหุ่นนางแบบก็เดินเข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้แล้วนั่งลงข้างๆเดอร์มอทก่อนจะฉีกยิ้มสวยให้เดอร์มอทแล้วหันมามองคนแปลกหน้าอย่างเอคิวและน้ำเย็น
“อ้าว! เดอร์มอท สองคนนี้เป็นใครคะ?” หญิงสาวสวยเอ่ยเสียงหวานกับเดอร์มอทแล้วจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก
“สองคนนี้เขามาจากสวนวงกตน่ะแล้วมาขอพักที่นี่คืนหนึ่ง” เดอร์มอทเอ่ยเสียงเรียบกับหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ
“ตายจริง! ยังมีอีกหรอคะเนี่ย! คงโทษหนักสินะถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่” หญิงสาวสวยพูดด้วยน้ำเสียงดูดูกแล้วมองไปที่เอคิวและน้ำเย็นราวกับเจอสิ่งประหลาดที่เธอเพิ่งค้นพบ
“เธอไม่มีสิทธิไปว่าพวกเขาทั้งที่ไม่รู้จัก ขอโทษพวกเขาเดี๋ยวนี้” เดอร์มอทหันไปส่งสายตาดุดันแล้วพูดเสียงดุใส่หญิงสาวข้างกายที่ตอนนี้จ้องมองมาที่เอคิวและน้ำเย็นด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมฉันต้องขอโทษ ในเมื่อพวกนี้มันก็พวกนักโทษที่เบื้องบนส่งมานี่คะ เดอร์มอทจะไปสนใจพวกนี้ทำไมกัน” หญิงสาวนั่งกอดอกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกไม่ยอมทำตามที่เดอร์มอทบอก เอคิวและน้ำเย็นที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดก็เริ่มนั่งอยู่ไม่สุขเกรงว่าพวกเขาจะเป็นต้นเหตุทำให้คนในครอบครัวเขาทะเลาะกัน ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจในคำพูดและน้ำเสียงของหญิงสาวที่พวกเขาไม่รู้จักก็ตาม
“งั้นพวกฉันคงไม่ต่างกับพวกนักโทษบาปหนาสินะ เธอนี่มันสวยนอกแต่ปากเน่าหนอนเสียจริงนะ” เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขัดการสนทนาของหญิงสาวและเดอร์มอทพร้อมกับการปรากฏกายของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เอคิวเข้าห้องนอนผิดนั่นเอง ผมสีน้ำตาลเข้มซอยรากไทรที่เคยดูยุ่งเหยิงถูกจัดทรง รูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามผิวสีน้ำผึ้งนั้นสวมเสื้อกล้ามสีขาวสกรีนลวดลายสีทองและสวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มมีรอยขาดตรงหัวเข่า ดวงตาคมมองมาที่หญิงสาวก่อนที่จะมองไปที่เอคิวที่กำลังนั่งกระสับกระส่ายกับน้ำเย็น
“ทำไมคุณว่าฉันแบบนี้ล่ะคะ เราเป็นคู่หมั้นกันนะ คุณไม่เหมือนคนพวกนี้ซะหน่อย” หญิงสาวทำสีหน้ากระเง้ากระงอดน้อยใจชายหนุ่มที่พูดไม่ไว้หน้าคู่หมั้นอย่างเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยสายตาหวานเยิ้มและท่าทางยั่วยวนใส่
“ฉันให้เธอพูดใหม่ ใคร-เป็น-คู่-หมั้น-เธอ!! ยัยแม่มดอัปลักษณ์” ชายหนุ่มจ้องตาดุแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระชากเน้นทีละคำใส่หญิงสาวที่อ้างตนว่าเป็นคู่หมั้นของเขาจนหญิงสาวกัดฟันกรอดก่อนที่จะหันมาจ้องทางเอคิวด้วยสายตาอาฆาตแล้วเดินกระแทกกระทั้นออกไปจากห้องอาหารและเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นเข้ามาถึงในห้องอาหารและเดาได้ไม่ยากว่าเป็นเสียงของใคร
“ฉันต้องขอโทษด้วยที่เธอเสียมารยาทใส่พวกนาย” เดอร์มอทเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นอาการของเอคิวและน้ำเย็นที่นั่งกระสับกระส่ายตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามาในห้องอาหารนี้
“ช่างเถอะ ขอบคุณนะ งั้นพวกฉันขอตัวก่อน” เอคิวเอ่ยขอบคุณที่เดอร์มอทพยายามพูดกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อพวกเขาและรีบเอ่ยลาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมที่จะดึงมือน้ำเย็นให้ลุกตามเขามาด้วย แต่เมื่อเอคิวกำลังจะหันไปตรงทางออกจากห้องอาหารก็ต้องปะทะกับสายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มหน้าตาคมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วยืนกอดอกพิงตรงประตูทางเข้า
“ที่รักจะรีบไปไหนล่ะครับ อยู่ด้วยกันก่อนสิ” ชายหนุ่มตาคมเอ่ยเสียงหยอกเย้าเอคิวแล้วส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เอคิวที่ตอนนี้กำลังเบิกดวงตาหวานข่มขู่เขาไปด้วยแต่ชายหนุ่มกลับมองว่าคนตรงหน้าน่ารักสำหรับเขา
“มองอะไรว่ะ เดี๋ยวชกตาแหกเลย ถอยออกไปสิ” เอคิวเดินไปตรงประตุทางเข้าแล้วพูดกับชายหนุ่มตาคมด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแกมหงุดหงิดที่เห็นหน้าไอ้หมอนี่แล้วอดที่จะนึกถึงเรื่องที่เขาหน้าแตกเมื่อเช้านี้ไม่ได้
“ฉันไม่ถอย ที่รักมานั่งเป็นเพื่อนกินข้าวด้วยกันก่อนสิครับ ผมเหงานะ” ชายหนุ่มตาคมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนเอคิวอดหมั่นไส้ไม่ได้และกำหมัดแน่นพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิด
“รู้สึดว่าหูจะพิการ ฉันให้อภัย ไปกันเถอะ” เอคิวพูดขึ้นและผลักชายหนุ่มตรงหน้า ขณะที่กำลังจะหันไปจับมือน้ำเย็นที่กำลังยืนตาโตด้วยความตกใจนั้นก็ต้องตกใจที่แขนของเอคิวถูกมือหนาของชายหนุ่มตรงหน้าจับแล้วลากออกไปจากห้องอาหารโดยไม่ได้ตั้งตัวท่ามกลางเสียงโวยวายเป็นระยะของเอคิว
“ไอ้โรคจิต จะลากกูไปไหนเนี่ย ปล่อยสิ! ช่วยด้วย! Help Me! นี่!!” เอคิวร้องโวยวายและดิ้นไม่หยุด
“เงียบสิครับ เดี๋ยวก็ปล้ำโชว์คนทั้งบ้านเลย” ชายหนุ่มก็พูดหยอกล้อเอคิวไม่สนใจเอคิวที่ดิ้นขลุกขลัก
“ไอ้หื่นกาม ปล่อยกูนะโว้ย!” เอคิวร้องไปดิ้นไปจนหายลับไปไกลออกไปจากห้องโถงที่ติดกับห้องอาหาร
“อะ...ไอ้คิว เฮ้ย! ตัวอะไรจับว่ะ ขะ..ขอโทษครับ ปะ..ปล่อยผมเถอะ” น้ำเย็นที่กำลังจะเดินตามญาติของตนไปก็ต้องหยุดเมื่อมีมือหนาของใครคนหนึ่งรั้งเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้จนเขาหันกลับไปมองคนที่จับข้อมือของตน
“น้องน้ำไม่ต้องตามไปหรอก ปล่อยให้เขาคุยกันเองดีกว่านะ” เดอร์มอทพูดขึ้นพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้พร้อมกับจับข้อมือของน้ำเย็นไว้และพยายามเนียนจะเข้าไปโอบไหล่น้ำเย็นที่กำลังยืนตัวสั่นเมื่อเขาอยู่ใกล้ๆ
“ปะ ปล่อยเถอะครับ ผะ..ผมต้องไปแล้ว” น้ำเย็นเอ่ยเสียงตะกุกตะกักราวกับคนติดอ่างและก้มหน้าไม่ยอมสบตาเดอร์มอทตรงๆเหมือนว่ากำลังกลัวคนตรงหน้าอยู่จริงๆ
“ทำไมต้องกลัวด้วย พี่ไม่ทำอะไรน้องน้ำหรอก เงยหน้าขึ้นมาสิ มันเสียมารยาทนะไม่มองหน้าคนพูดน่ะ” เดอร์มอทพูดเสียงเย็นพร้อมกับใช้นิ้วเรียวเย็นนั้นเชยคางของน้ำเย็นที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาอย่างนึกขำ ก่อนที่ดวงตาของน้ำเย็นจะเบิกโพล่งเมื่อเห็นดวงตาของเดอร์มอทฉาบไปด้วยสีแดงเลือดแล้วมีเลือดไหลออกมาเป็นสายจากดวงตาคู่นั้นจนหยดลงพื้นพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าจะเรียกว่าแสยะยิ้มมากกว่านั้นส่งมาที่น้ำเย็นที่ยืนแข็งด้วยความตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับ
“ฉันว่าอยู่กับนายนี่สนุกดีแท้ ไม่มีมารผจญมาขัดขวางแบบนี้สิดี” เดอร์มอทยังคงพูดเสียงเย็นด้วยดวงตาเต็มไปด้วยเลือดนั่นที่กำลังจ้องมองมาที่น้ำเย็นไม่วางตา
“คะ...ใคร นายเป็นใคร?” น้ำเย็นพูดเสียงสั่นแล้วพยายามมองเดอร์มอทอย่างหวาดกลัวไปด้วย ถึงแม้ตอนนี้เดอร์มอทจะกำลังแสยะยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์ที่ตอนนี้กลายเป็นเขี้ยวแหลมงอกออกมาจากริมฝีปากนั้น
“ฉันจะตามนายไปทุกที แม้แต่ความฝันอันมืดมิด คิดว่าจะหนีฉันพ้นก็ลองดู” เดอร์มอทพูดขึ้นราวกับกำลังเยาะเย้ยกับท่าทางของน้ำเย็นที่ยืนกลัวเขาจนตัวสั่น
“มะ...ไม่ ฉันไม่รู้จักนาย ไม่ โอ๊ย! ปวดหัว” ตึก! ตัก! น้ำเย็นที่กำลังเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวดพูดเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงก่อนจะเงยหน้ามองเดอร์มอทด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นใครกัน? ทำไมฉันนึกไม่ออก? ขณะที่น้ำเย็นกำลังอดทนกับความเจ็บปวด ร่างของชายหนุ่มนั้นก็กลายเป็นกลุ่มควันสีดำหายไป ท่ามกลางความหวาดกลัวและสงสัยในสิ่งที่น้ำเย็นไม่อาจหาคำตอบได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของป้าไลซานดราดังขึ้นขัดความคิดของน้ำเย็น โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าแม่บ้านเสียงดุคนนี้เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“อึก! มะ..ไม่ครับ ผมสบายดี ป้าไลซานดราครับ พวกผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณที่ช่วยพวกผมนะครับ” น้ำเย็นพูดก่อนจะรีบยกมือไหว้ป้าแม่บ้านที่ยืนมองตนนิ่งจนน้ำเย็นเริ่มจะกลัวป้าแม่บ้านนี่ด้วยอีกคน
“ทำไมรีบกลับล่ะคะ? ไม่มีใครทำอะไรคุณใช่ไหม?” ป้าไลซานดราพูดเสียงเรียบก่อนที่จะส่งยิ้มเย็นมาให้น้ำเย็นที่กำลังทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วเขาจะบอกได้ไงล่ะว่า “ผมรีบหนีคุณชายของป้านี่แหละ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมขอตัวเลยนะครับ สวัสดีครับ” น้ำเย็นส่งยิ้มเป็นมิตรให้ป้าไลซานดราก่อนที่จะยกมือไหว้อีกครั้งแล้วเดินจากไป โดยที่ไม่รู้ว่าป้าไลซานดราของเขากำลังยืนแสยะยิ้มเย็นมองมาที่เขา
“ปล่อยเขาไปไม่ได้หรอ? น่าสงสารออก พวกเขาไม่รู้อะไรเลยนะ” เสียงของซินเนียเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กสาวที่เดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยฝีเท้าที่เบาราวกับแมว
“หึ! ฉันไม่ปล่อยใครออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆหรอก หน้าที่ของเจ้าคือจับตาดูทั้งสองคนนั้นไว้” ป้าไลซานดราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งให้เด็กสาวกำลังยืนครุ่นคิดตัดสินใจว่าเธอควรจะทำยังไงดี? ระหว่างช่วยให้เด็กหนุ่มทั้งสองอย่างเอคิวและน้ำเย็นออกไปจากที่นี่หรือจะทำหน้าที่ของเธอด้วยการจับตาดูทั้งคู่?
ณ ประตูคฤหาสน์
“แล้วนี่จะพาไปไหนเนี่ย! นี่มันจะออกนอกคฤหาสน์แล้วนะ” เอคิวร้องโวยวายตั้งแต่ในบ้านจนออกมานอกบ้านก็ยังไม่หยุดเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงลากเขาไปจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ก็จะพาไปหาพี่ชายนี่แหละ ฉันรู้ว่าที่รักอยากไปหาเขา แล้วฉันก็จะเป็นคนพาไปนี่ไง” ชายหนุ่มตอบเอคิวไปด้วยพร้อมกับลากเอคิวผ่านสวนคฤหาสน์จนมาถึงครึ่งทาง
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปหาพี่ แอบอ่านใจคนอื่นหรือไง ฉันยังไม่ได้คุยกับน้ำเย็นนะ” เอคิวยังคงไม่ยอมแพ้ก็ขืนตัวไม่ยอมให้ชายหนุ่มลากไปไหนจนทั้งคู่ต้องหยุดเดิน
“ช่างเถอะน่า ไปหาพี่ของที่รักกันจะได้กลับเร็วๆ” ชายหนุ่มพูดตัดบทไม่ยอมตอบคำถามของเอคิว ส่วนเอคิวที่กำลังหงุดหงิดก็ไม่ได้เอะใขจมากนักได้แต่บ่นไปเรื่อยไม่ยอมหยุด
“โอ๊ย! ลากอยู่ได้เหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ ไอ้บ้านี่” เอคิวพูดโวยวายใส่ชายหนุ่มที่ยังคงลากเขามาจนใกล้จะถึงประตูคฤหาสน์แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเอคิวและกลับบีบแน่นราวกับกลัวคนร่างบางจะหายไป
“จะบ่นไปถึงไหน? ไม่เคยเดินหรือไง ใกล้แค่นี้เองนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับมองเอคิวที่ตอนนี้ใบหน้าขาวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อต่างจากชายหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่เหงื่อหรืออาการเหนื่อยหอบเหมือนเอคิวก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งยิ้มมาให้คนร่างบางที่กำลังยกมืออีกข้างปาดเหงื่อบนใบหน้า
“เคยเดิน แต่ไม่เคยโดนควายลากโว้ย! ไม่รู้หรือไงว่าคนอื่นเขาเดินไม่ทันน่ะ” เอคิวพูดตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดชายหนุ่มและอากาศร้อนข้างนอกยิ่งทำให้ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นทวีคูณ
“อ้อ! ที่แท้ก็ขาสั้น แล้วก็ไม่บอกว่าเดินไม่ทัน ฉันจะได้อุ้มออกมา” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มอย่างหยอกล้อ
“ไม่ใช่เว้ย! ฉันหมายความว่าให้นายปล่อยมือแล้วฉันจะเดินเอง ไอ้ปลาไหลมีเขาเอ้ย! พูดไปก็หาทางแถไปเรื่อย” เอคิวพูดด่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังคงยืนมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มราวกับสนุกที่เห็นเอคิวหัวเสีย
“ฉันไม่แถนะ แต่ทำจริง จะให้อุ้มไหมล่ะ?” ชายหนุ่มยังคงแกล้งกวนอารมณ์ของเอคิวไม่หยุด
“ไปห่างๆเลย ไอ้คนโรคจิตวิปริตแปลกหน้า” เอคิวก็พูดเสียงดุแล้วจ้องด้วยสายตาดุดันเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเข้ามาใกล้และทำท่าจะอุ้มเขาจริงๆอย่างที่พูด
“จริงสิ! ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ที่รักเลยเรียกผมว่าคนแปลกหน้าสินะ ผมชื่อ เดมะ..”ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นด้วยความสนุกสนานที่ได้แกล้งเอคิวก่อนที่จะพยายามแนะนำตัวเองให้กับคนหน้าหวานที่จ้องเขม็งมาที่เขาตอนนี้
“ไอ้เอคิว!!!” เสียงของน้ำเย็นดังขัดการแนะนำตัวของชายหนุ่มพร้อมกับร่างของน้ำเย็นที่วิ่งมาทางประตูของคฤหาสน์ก่อนที่จะเข้าไปจับข้อมือเอคิวลากให้เดินตามตนไปด้วยความรีบร้อนจนชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในท่าทางรีบร้อนของน้ำเย็น
“อะไรของแกว่ะ ? ถ้าจะรีบกลับไม่ได้หรอกนะเว้ย! ต้องไปตามหาพี่วานิชก่อน” เอคิวพูดกับน้ำเย็นที่กำลังยืนเหนื่อยหอบ ใบหน้าขาวแดงเรื่อก่อนสายตาเลิกลั่กของน้ำเย็นจะกลับมาจ้องมองหน้าของเอคิว
“มึงกับกูต้องไปหาพี่วานิชเดี๋ยวนี้และรีบออกไปจากที่นี่และอย่ากลับมาที่นี่อีก!!” น้ำเย็นพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนพร้อมกับทำสีหน้าหวาดกลัวไปด้วยก่อนที่จะมือจะเผลอบีบข้อมือของเอคิวแน่นจนเอคิวรู้สึกถึงความผิดปกติของน้ำเย็น
“เฮ้ย! มึงเป็นอะไรว่ะ? เดี๋ยวหมอนั่นจะพากูไปหาพี่วานิชแล้วกลับมาที่นี่ จากนั้นเราค่อยกลับพร้อมกันก็ได้นี่หว่า” เอคิวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพยายามปลอบน้ำเย็นที่ดูเหมือนจะตื่นกลัวอะไรสักอย่าง แล้วพยายามยกมือลูบหลังปลอบน้ำเย็นที่ยืนมองเลิกลั่กไม่หยุด
“ไม่ได้!! ต้องไปด้วยกันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ากลับมาที่นี่ ครั้งนี้มึงเชื่อกูนะ ไอ้คิว” น้ำเย็นพูดอ้อนวอนขอให้เอคิวพาเขาไปด้วยแล้วรีบออกไปจากที่นี่ โดยที่เอคิวเองก็ทำสีหน้าลำบากใจ เพราะเอคิวไม่อยากให้น้ำเย็นต้องไปหลงในสวนวงกตกับเขาอีก ถ้าเขาไปตามหาพี่วานิชแล้วพากลับมาที่นี่ยังทำให้เขาแน่ใจว่าน้ำเย็นยังอยู่รอเขาที่นี่
“เออ....เอาไงดี งั้นยืนรอตรงนี้นะ เดี๋ยวมา” เอคิวบอกให้น้ำเย็นยืนรอเขาก่อนที่จะเดินไปหาชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยืนรอตรงประตูคฤหาสน์นั้น แล้วทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ชายหนุ่มขยันส่งมาให้เขาไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เจอหน้ากัน
“ให้น้ำเย็นไปด้วยได้ไหม? พอดีน้ำเย็นเขากลัวน่ะ นายคงเข้าใจนะว่าฉันมีกันแค่สองคน” เอคิวพูดกับชายหนุ่มที่ตอนนี้ทำหน้าบูดบึ้งใส่เขา แต่ก็มองไปทางน้ำเย็นเป็นระยะก่อนที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เพื่อนที่รักกลัวอะไร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเอคิวที่ถึงแม้จะยังรู้สึกขัดหูที่ชายหนุ่มยังเรียกตนว่า”ที่รัก” แต่ก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไปน่าจะดีกว่าในเมื่อเขาเจอกับหมอนี่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนี่นา
“ไม่รู้เว้ย! หรือว่านายอ่านใจคนได้ล่ะ?” เอคิวพูดทีเล่นทีจริงกับชายหนุ่มที่ยืนนิ่งจ้องไปที่น้ำเย็นก่อนจะหันมามองหน้าเอคิวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เขารู้มากเกินไป ไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้ แล้วจะให้เขาไปด้วยใช่ไหม?” ขายหนุ่มพูดเสียงเรียบพลางทำสีหน้าเคร่งขรึมจนเอคิวชักงงในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด หรือว่าเขาจะอ่านใจได้จริงๆ
“ใช่ ฉันจะให้เขาไปด้วย ไม่ว่าเขาจะรู้เรื่องอะไรก็ตาม” เอคิวยืนยันเสียงหนักแน่น ถึงแม้ว่าจะยังค้างคาใจกับอาการแปลกประหลาดของน้ำเย็นที่เหมือนกับกำลังวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่ายังไงเขาต้องพาน้ำเย็นออกไปจากที่นี่ให้ได้
“ไม่ได้หรอก เขาเป็นคนของที่นี่” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบแล้วส่งสายตาอ่อนโยนมาให้เอคิวที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วด้วยความงุนงงที่ตนถูกปฏิเสธเอาเสียดื้อๆ
“ทำไม? ทำไมถึงพาไปไม่ได้ น้ำเย็นเป็นญาติและเป็นพี่น้องของฉันนะ!!” เอคิวเริ่มไม่พอใจที่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธและไม่ยอมช่วยเขากับน้ำเย็น ถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นคนเดียวที่สามารถพาเขาไปหาพี่วานิชได้ก็ตาม
“เขาคือคนของที่นี่” ชายหนุ่มยังคงพูดเสียงเรียบย้ำความหมายเดิมๆนั่นก็คือ “น้ำเย็นไปจากที่นี่ไม่ได้” จนเอคิวเริ่มรู้สึกท้อใจก่อนที่จะหันไปมองน้ำเย็นแต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ดวงตาหวานเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจที่ไม่เห็นร่างของน้ำเย็น ก่อนที่จะหันมาจ้องเขม็งด้วยสายตาดุดันเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าทำสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจแล้วยังไม่ยอมบอกเขาว่าน้ำเย็นหายไปตั้งแต่เมื่อไร
“นายมันอรสรพิษชัดๆ ไอ้..ชิส์” เอคิวพูดเสียงลอดไรฟันด้วยความโกรธก่อนจะสบถเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมช่วยอะไรเลยผิดกับชายหนุ่มที่กำลังมองมาที่เอคิวแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“ถึงฉันจะมีพิษ แต่ไม่เคยคิดทำร้ายนาย” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบก่อนที่จะเอื้อมมือไปดึงข้อมือของเอคิวที่กำลังโกรธให้เดินตามมาทางประตู
“ญาติฉันหายไปไหน? ไม่ตอบมีต่อย ไม่อธิบายมีเตะ” เอคิวพยายามระงับอารมณ์โกรธเต็มที่ไม่ให้ต่อยคนตรงหน้า เพราะเขายังคงต้องพึ่งชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนี้ให้พาไปหาพี่ชายอย่างวานิชที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน แต่เขาก็อยากรู้ว่าน้ำเย็นหายไปไหนเช่นกัน
“เขาก็ต้องไปอยู่กับคนของเขาสิ เขาปลอดภัยดีหายห่วง ส่วนที่รักน่ะมากับผมครับ” ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมาพูดเสียงหยอกเย้าเอคิวที่ตอนนี้กำลังระงับความโกรธปนหมั่นไส้ไอ้คนความลับเยอะตรงหน้านี้
“ปล่อยมือกูเลย ไอ้โรคจิตคิดอกุศล” เอคิวพยายามสะบัดมือออกจากมือหนาเปลี่ยนจากจับข้อมือมากุมมือเขาแน่นพร้อมกับสีหน้ายิ้มกวนประสาทที่ส่งมาไม่หยุด
“ฉันชื่อเดเมียน ไม่ใช่โรคจิต แต่คิดอกุศลนี่จริงครับ จุ๊บ” เดเมียนก้มมากระซิบข้างใบหูเล็กของเอคิวก่อนที่จะจุ๊บตรงแก้มนิ่มของร่างบางที่ตอนนี้ใบหน้าขาวกำลังขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่ารักก่อนที่เดเมียนจะขยิบตาส่งให้เอคิวแล้วจับมือเอคิวเดินไปตรงทางเข้าสวนวงกต
หงับ!
“โอ๊ย!!!! ทำไมต้องกัดกันด้วยล่ะที่รัก คนอะไรดุชะมัด” เสียงร้องด้วยความเจ็บและเสียงบ่นของชายหนุ่มดังออกมาแต่มือหนาที่เต็มไปด้วยรอยฟันและเลือดซิบก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กของเอคิวที่ทำหน้าบูดบึ้งเดินตามเดเมียนเข้าไปในสวนวงกต ถึงแม้ว่าเอคิวจะพยายามสะบัดมือของเดเมียนและดิ้นไปตลอดทางก็ตาม
SAY HI !
สวัสดีจ้า! หายไปนานก็เพิ่งจะมาต่อเอาตอนนี้ คือแต่งไว้นานแต่ไม่ได้เอามาลง แต่ต่อไปจะเอามาลงเรื่อยๆ ไม่หายไปไหนนะจ๊ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะ เชิญติชม แนะนำกันได้ มีคำผิดก็บอกกันได้เลย วันนี้ก็ต้องกล่าวว่า “ลาก่อนแล้วพบกันใหม่ Chepter 4 จ้า”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ