คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]
เขียนโดย Murasaki
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.
แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Who are you?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปัง! ปัง! ปัง!
“ไอ้คิวๆ ออกมาสิโว้ย! มึงออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คิวววว” น้ำเย็นรีบวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำแล้วทุบประตูห้องน้ำเรียกเอคิวที่สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้อนรนของน้ำเย็น
ผลั้ว!
“มึงจะแหกปากร้องอะไรตอนกลางคืนว่ะคุณน้ำ” เอคิวที่นุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวแล้วฟองแชมพูสระผมยังอยู่เต็มหัวเปิดประตูออกมาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่น้ำเย็น
“มึง..มะ เมื่อกี้นี้ กะ กูเห็น..เห็น”
“มึงเห็นอะไรว่ะ? แผ่นสะดุดอยู่นั่นแล้วกูจะรู้เรื่องไหม?” เอคิวพูดพลางทำหน้ารำคาญคนตรงหน้าที่ไม่พูดซะที
“งะ...งู..งูแปดหัว มันอยู่ใน..ในสวนคฤหาสน์”
“ห๋า! งูที่ไล่ล่าเราเมื่อตอนเข้ามาที่นี่อ่ะนะ มึงจะบ้าหรอ?”
“เฮ้ย! กุพูดเรื่องจริงนะเว้ย! มันยังมองหน้ากูอยู่เลย กูเห็นอยู่ในสวนคฤหาสน์จริงๆ” น้ำเย็นพูดออกมาอย่างร้อนรนแล้วพลางลากเอคิวออกมาดูที่ระเบียงห้องนอนด้วยกันจนเจ้าตัวโวยวาย
“ไอ้น้ำเน่า ปล่อยกูสิ! มึงเห็นสภาพกูตอนนี้ไหม?” เอคิวโวยวายใส่น้ำเย็นที่ลากเขามาแล้วกำลังจ้องมองไปที่สวนคฤหาสน์เอาเป็นเอาตาย
“ไหนล่ะ? งูแปดหัวของมึงอ่ะ? กูเห็นแต่ได้คุณชายหอมแดงยืนตากยุงอยู่ในสวนนั่นอ่ะ” เอคิวพูดแล้วพลางกวาดสายตามองเข้าไปให้สวนก็เห็นเพียงชายหนุ่มผมสีแดงที่ยืนมองอ่างน้ำพุที่มีฐานเป็นหินสลักรูปงูแปดหัวเลื้อยพันอย่างสวยงาม
“ไม่จริงน่ะ เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเมื่อกี้นะเว้ย!” น้ำเย็นยังคงไม่ยอมแพ้และเชื่อในสิ่งที่เห็นเมื่อกี้
“มึงอาจจะตาฝาดมองอ่างน้ำพุเป็นงูแปดหัวนั่นก็ได้ แล้วไอ้คุณชายนั่นอาจจะออกมาเดินเล่นในสวนพอดีกับที่มึงเข้าไปเรียกกูก็ได้” เอคิวพูดให้น้ำเย็นสบายใจเลิกคิดถึงปีศาจงูแปดหัวที่ไล่ตามพวกเขาจนหลงเข้ามาที่นี่ได้ แต่ในใจแล้วเอคิวก็เชื่อในสิ่งที่น้ำเย็นพูดเพราะรู้ว่าน้ำเย็นไม่เคยโกหกเขา
“งั้นกูไปอาบน้ำแหละ!” จู่ๆน้ำเย็นก็พูดโพล่งออกมาตัดบทสนทนาแล้วหันหลังเดินเข้าไปข้างในทิ้งให้เอคิวขมวดคิ้วมองตามด้วยความงุนงง
“อะไรของมันว่ะ? นึกจะไปก็ไป พอบทจะลากก็ลากกูออกมาซะงั้น” เอคิวพึมพำกับตนเองได้สักพักก็ต้องร้องโวยวายออกมาเมื่อฟองแชมพูไหลเข้าตา
“ไอ้น้ำหน้าด้าน มึงออกมานะเว้ย! กูอาบน้ำอยู่แล้วมึงจะเข้าไปทำไม ห๊า! กูแสบตา” เอคิวรีบเดินเข้าไปตะโกนบ่นคนในห้องน้ำแล้วพลางหลับตาเอาผ้าเช็ดฟองแชมพูออกไปด้วย
“มารยาทน่ะมีไหม? กูเข้าห้องน้ำอยู่”
“ไอ้หน้าด้าน” ปัง! ปัง! ปัง! เอคิวทุบประตูห้องน้ำพร้อมกับตะโกนด่าน้ำเย็นไปด้วย
สวนคฤหาสน์
“นี่! นายจะแข็งเป็นหินอีกนานไหม? หมอนั่นไปแล้วนะเว้ย!” ชายหนุ่มผมสีแดงยืนกอดอกพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินอ่อนที่จ้องมองรูปปั้นหินงูแปดหัวที่กำลังกลายเป็นงูยักษ์ที่มีชีวิตสีดำแล้วเลื้อยออกมาจากฐานอ่างน้ำพุแล้วจ้องมองชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาวาวก่อนที่งูแปดหัวตัวนั้นจะกลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีแดงและมีหน้าตาเหมือนกับชายหนุ่มอีกคนราวกับคนๆเดียวกันนอกจากดวงตาเท่านั้นที่เป็นสีเขียวมรกตกำลังจ้องหน้าน้องชายฝาแฝดแล้วทำสีหน้าหงุดหงิด
“ชิ! นายมันมารความสุขฉันเสียจริง”
“เหอ! คืนนี้นายสนุกมามากพอแล้ว ไอ้พี่ชาย”
“ทำเป็นปากดีนะไอ้น้องชาย”
“รู้ตัวไหมว่านายกำลังทำให้คนที่นี่เดือดร้อนถ้ามนุษย์มารู้เรื่องนี้น่ะ” ชายหนุ่มดวงตาสีน้ำเงินอ่อนมองพี่ชายด้วยสายตาจริงจัง
“นายบอกตัวเองหรือไง? นึกว่าฉันไม่รู้หรอว่านายก็แกลังไอ้เด็กหน้าหวานนั่นเหมือนกัน” ชายหนุ่มดวงตาสีเขียวมรกตจ้องตอบน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เกรงกลัว
“เออ! นายมันดื้อด้าน เซ็งเว้ย!” ชายหนุ่มดวงตาสีน้ำเงินพูดแล้วเอามือขยี้หัวตนเองอย่างหงุดหงิดกับพี่ชายที่ต่างข้ามกับตนทุกอย่างเหมือนสวรรค์กับนรก
“ฉันก็เซ็งที่นายมาขัดขวางงานอดิเรกของฉันเหมือนกัน”
“งานอดิเรก?”
“แกล้งไอ้หน้าเอ๋อนั่นไง ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มดวงตาสีเขียวพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างขบขัน
“ไอ้หน้าเอ๋อ? ใครว่ะ?”
“ไอ้คนที่เห็นฉันคนแรกที่ระเบียงห้องนั้นไง” ชายหนุ่มดวงตาสีเขียวพราวระยับจ้องมองไปที่ห้องนอนชั้นสองแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ห้องนั้นให้น้องชายดู
“อ้อ! ไอ้น้ำเย็นอ่ะนะ”
“น้ำเย็นหรอ? อยากรู้จริงว่าใจมันจะเย็นเหมือนน้ำหรือเปล่า? หึๆ” ชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีเขียวยังคงมองไปที่ห้องนอนนั้นแล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เฮ้อ! ให้ตายสิ นายนี่จริงๆเลย” ชายหนุ่มผมสีแดงดวงตาสีน้ำเงินอ่อนมองที่พี่ชายของตนแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนที่พี่ชายยังไม่เลิกนิสัยชอบแกล้งคนอื่นตั้งแต่เล็กยันโตจนป่านนี้
“เข้าบ้านเหอะว่ะ! นายจะยืนให้ยุงมาหามหรือไง”
“เออๆ บ่นไม่เลิก นี่เป็นน้องชายหรือแม่กูกันแน่ว่ะ” ชายหนุ่มดวงตาสีเขียวละสายตาออกมาจากห้องนอนชั้นสองนั้นแล้วทำหน้ายุ่งใส่น้องชายก่อนที่จะเดินนำไปทางประตูเข้าคฤหาสน์
ห้องนอน [เอคิว & น้ำเย็น]
น้ำเย็นที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลับมายืนมองสวนคฤหาสน์ผ่านประตูกระจกอย่างครุ่นคิด เมื่อเห็นว่าในสวนนั้นมีชายหนุ่มผมสีแดงรูปร่างสูงใหญ่พอๆกันกำลังยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆกับอ่างน้ำพุที่น้ำเย็นอดสงสัยไม่ได้ว่าอ่างน้ำพุมันแปลกๆไปกับตอนที่เขาเห็นก่อนจะเข้ามาอาบน้ำ แต่คงเป็นเพราะเขาตื่นกลัวเลยทำให้ลืมไปว่าอะไรที่ทำให้อ่างน้ำพุดูแปลกไป
“แล้วหมอนั่นมันคุยกับใครกัน?” ระหว่างที่น้ำเย็นกำลังยืนมองแล้วพึมพำกับตัวเอง เอคิวก็เดินมาทางด้านหลังแล้วเดินย่องเข้ามาใกล้แล้วก็ใช้มือตบที่ไหล่ของน้ำเย็นเต็มแรง
ตุ้บ!
“เชี้ย! กูตกใจหมด ไอ้บ้าคิวเอ้ย!” น้ำเย็นที่ใจลอยอยู่ก็หันไปด่าเอคิวที่เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง
“ขวัญอ่อนหรอตัวเอง ฮ่าๆๆๆ” เอคิวหัวเราะน้ำเย็นอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ใช่แค่ขวัญนะ เท้ากูก็อ่อนด้วย อยากลองป่ะล่ะ?” น้ำเย็นพูดเสียงเรียบแล้วทำหน้าตายให้เอคิวจนต้องยกมือยอมแพ้
“แล้วมึงมามองอะไรตรงนี้อีกว่ะ? สวนคฤหาสน์มันสวยตราตรึงใจมึงหรือไง?”
“สวยเชี้ยอะไรล่ะ สยองตรึงใจกูซะมากกว่า กูกำลังมองอ่างน้ำพุที่อยู่ใกล้ไอ้หัวเห็ดมารีโอ้ 2 หัวนั่นอ่ะ” น้ำเย็นพูดแล้วพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใจ
“อ่างน้ำพุเนี่ยนะ? มันมีอะไรแปลกว่ะ?”
“ไอ้คิวครับ มึงใช้ตาอันกลมโตของมึงมองไปที่อ่างนั่นนะ แล้วมึงจะรู้สึกเหมือนว่าบางอย่างมันหายไป” น้ำเย็นพูดแล้วเอามือหันหน้าของเอคิวไปทางอ่างน้ำพุในสวนที่มีชายหนุ่มผมสีแดงสองคนยืนคุยกัน
“อ๋อ! กูรู้แล้วว่าอะไรหายไป”
“เฮ้ยๆ อะไรหายไปว่ะ?” น้ำเย็นรีบถามเอคิวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นอยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้อ่างน้ำพุดูแปลกตาไปสำหรับเขา
“คิวปิดไงที่หายไป แมร่งหาไม่ได้ในอ่างน้ำพุของคฤหาสน์หลังนี้เลยนะมึง” เอคิวพูดแล้วหันไปยิ้มขำให้น้ำเย็นที่ทำหน้าหงิกไม่รับแขก
“คิวปิดป๊ามึงน่ะเซ่! สรุปว่ามึงไม่รู้ว่าอะไรหายไปแล้วยังมากวนตรีนกูอีกนะ ไอ้ญาติเวร” น้ำเย็นว่าเอคิวที่กวนประสาทไม่ดูอารมณ์ของตนอย่างยิ่ง
“แล้วมันอะไรล่ะ?”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ” น้ำเย็นตอบกลับไปแล้วพลางขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง
“ถุย! กูนึกว่ารู้ มึงไปนอนเลยนะ แมร่งมาพร่ำเพ้อไร้สาระอยู่นั่นแหละ”เอคิวชี้นิ้วไปที่เตียงนอนแล้วทำหน้าเคร่งขรึมด้วยใบหน้าน่ารักนั่นจนน้ำเย็นอดที่จะค้อนเอคิวแล้วเดินฟึดฟัดไปที่เตียงนอนแล้วคลุมโปงหนีหน้าไปจนเอคิวต้องส่ายหน้ากับอาการเด็กน้อยที่น้ำเย็นมักจะเป็นตอนที่อยู่กับเขาสองคนเท่านั้น เอคิวหันไปมองสวนของคฤหาสน์นั่นอีกครั้งแล้วขมวดคั้วอย่างครุ่นคิดกับสิ่งที่น้ำเย็นเพิ่งถามตนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“ไอ้คิวครับ มึงใช้ตาอันกลมโตของมึงมองไปที่อ่างนั่นนะ แล้วมึงจะรู้สึกเหมือนว่าบางอย่างมันหายไป”
“อ๋อ! กูรู้แล้วว่าอะไรหายไป”
“เฮ้ยๆ อะไรหายไปว่ะ?”
“เฮ้อ! หินสลักรูปงูแปดหัวไงที่หายไป” เอคิวพูดเสียงเบาแล้วถอนหายใจทั้งที่ตนเองรู้ดีว่าสิ่งที่น้ำเย็นสงสัยคืออะไร แต่เขาก็ไม่กล้าบอกกลัวน้ำเย็นจะกลัวคฤหาสน์หลังนี้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้รู้ว่า อัลมอนด์ที่คนพวกนี้พูดถึงใช่พ่อของเขาหรือไม่ เขาเองต้องรู้ให้ได้
เช้าวันใหม่
เอ้กอี้..เอ้ก..เอ้ก
“อื้ม...เสียงไก่ขันที่ไหนเนี่ย?” เอคิวลืมตาตื่นด้วยความงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงไก่ขันแล้วพลางอ้าปากหาวและบิดขี้เกียจไปด้วยในขณะที่ยังไม่ลืมตาตื่นเต็มที่ดีนัก มือของเขาก็ปัดป่ายไปที่ด้านข้างตั้งใจจะปลุกญาติคนสนิทอย่างน้ำเย็น เมื่อมือของเขาคลำไปจนพบร่างที่กำลังนอนหันหลังก็ใช้ฝ่ามือเล็กนั้นฟาดไปที่ต้นแขนของคนข้างกายทันที เพี้ย! เพี้ย!
“เฮ้ย! ไอ้น้ำ ตื่นได้แล้ว” เอคิวเรียกคนข้างกายด้วยเสียงงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่น
“อื้ม!” เสียงทุ้มที่ตอบรับเสียงคนเรียกแต่ก็ไม่มีทีท่าจะคนข้างกายจะลุกขึ้นจากเตียงแต่กลับนอนหงายแล้วนอนต่ออย่างสบายอารมณ์จนเอคิวต้องขมวดคิ้วแล้วพลางคิดในใจว่า “ทำไมเสียงไอ้น้ำมันทุ้มแปลกๆว่ะ?” แต่เอคิวที่ยังไม่หายสงสัยดีนั้นก็เอื้อมมือไปคลำแถวหน้าท้องของคนข้างกายเพื่อจะหยิกหน้าท้อง ทันใดนั้นสิ่งที่มือของเอคิวสัมผัสก็ทำให้ร่างบางลืมตาโตตื่นทันที เฮือก! มันคือ..ซิกแพ็ค!
ควับ!
เอคิวหันหน้าไปมองคนข้างกายทันทีที่สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอม(ซิกแพ็คหรือสารพิษว่ะเนี่ย! ฮ่าๆ)แล้วรีบลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าคนข้างกายด้วยสีหน้าตกใจและเปิดผ้าห่มก้มดูสภาพของตนเองก็เห็นเสื้อผ้าอยู่ครบแต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงทันที
หมับ!
“เฮ้ย! แล้วนี่มันใครว่ะเนี่ย?”เอคิวสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ คนข้างกายกลายเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มซอยรากไทรดูยุ่งเหยิง หน้าตาคมเข้มมีเสน่ห์ ริมฝีปากหนา และผิวสีน้ำผึ้งที่ปรากฏบนรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายและไม่ได้ใส่เสื้อนั้นกำลังกอดเอวเอคิวแล้วหลับตาพริ้มราวกับไม่รับรู้เสียงของเอคิวเลยสักนิด
“เฮ้! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้โรคจิต ตื่นสิโว้ย!” เอคิวที่ตกใจก็พยายามแกะมือปลาหมึกก็กำลังกอดรัดตรงเอวและส่งเสียงเรียกชายหนุ่มแปลกหน้าไปด้วย
“อื้อ! เบ็งเบ็ง อย่ากวนสิ” ชายหนุ่มแปลกหน้าขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงทุ้มแกมดุใครสักคนที่เอคิวไม่รู้จักแล้วก็กอดรัดเอคิวแน่นขึ้นเมื่อเอคิวดิ้นขลุกขลักพยายามให้ปล่อยตัวเขา
“โอ๊ย! อะไรมันจะซวยอย่างนี้ว่ะ ตื่นสักทีสิว่ะ” เอคิวร้องโวยวายไม่หยุดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มแปลกหน้ายังคงหลับต่อ
“ฮึ่ย! เบ็งเบ็ง อย่าเห่าสิ ออกไปนอกห้องเลย ไป๊” ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดอย่างหัวเสียแต่ก็ยังคงหลับตาและกอดเอคิวไม่ยอมปล่อย แต่เอคิวที่รู้ว่า “เบ็งเบ็ง” คืออะไรก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าแล้วก้มลงกัดแขนของชายหนุ่มแปลกหน้าทันที
“โอ๊ย! จะกัดทำไมว่ะ!” ชายหนุ่มแปลกหน้าร้องเสียงหลงเมื่อโดนกัดแล้วปล่อยแขนจากเอคิวทันที ส่วนเอคิวที่อารมณ์คุกกรุ่นเต็มที่ก็ใช้เท้าถีบชายหนุ่มแปลกหน้าสุดแรงจนตกเตียงไป
ผลัว! ตุบ! โอ๊ย!
เสียงร้องโอดครวญก็ดังทันทีที่ร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าไปนอนอยู่บนพื้นอย่างสวยงามด้วยฝีมือของเอคิว แต่ด้วยความที่เอคิวอาจจะใช้แรงไม่มากเลยทำให้ชายหนุ่มแปลกหน้าลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจและขณะที่กำลังจะอ้าปากด่านั้น
“แกเป็นใคร? ไอ้โรคจิต” เอคิวที่เอ่ยเสียงเย็นและนั่งกอดอกอยู่บนเตียงก็จ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่ยืนโชว์ซิกแพ็คอยู่ข้างเตียง
“โอ๊ะ! ทำไมที่รักทำอย่างนี้ล่ะครับ ยังเช้าอยู่เลยนอนต่อเถอะ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายิ้มระรื่นใส่เอคิวแล้วก็กำลังจะก้าวขึ้นเตียงมานอนต่อจริงๆ เอคิวที่นั่งอยู่บนเตียงก็เกิดอาการหงุดหงิดทันที
“เฮ้ย! ไปไกลๆเลย ลองขึ้นมาสิ! กูถีบตกเตียงแล้วลงไปกระทืบซ้ำแน่” เอคิวจ้องชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยสายตาดุดันอย่างอารมณ์เสียเต็มที่จนชายหนุ่มแปลกหน้าต้องถอยกลับไปยืนที่เดิมแล้วส่งยิ้มแห้งๆมาให้แต่ก็ไม่วายส่งสายตาออดอ้อน(เบื้องล่าง)มาให้เอคิว
“นายเป็นใครและเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง?” เอคิวเอ่ยถามเสียงเย็นและจ้องไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“เอ่อ! จะ..จำไม่ได้หรอ? เราห่างกันแค่คืนเดียวเองนะที่รัก” ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยังคงเรียกเอคิวว่า “ที่รัก” ก็พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนเอคิวนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
“ที่รักป้าแกสิ! ฉันไม่รู้จักนายเว้ย!” เอคิวจ้องตาดุใส่ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินจากร่างบาง
“เลิกเล่นเหอะ! ที่รัก” ชายหนุ่มแปลกหน้าขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนที่เห็นร่างบางยังโกรธและแกล้งจำเขาไม่ได้
“ประทานโทษ! ฉันไม่รู้จักนายและนี่ก็เป็นห้องนอนของฉัน นายเป็นใครถึงเข้ามาในห้องนี้ได้ล่ะ ห๊า!”
“อืม! เป็นใครดีล่ะ? นอนห้องนี้ด้วยกันทุกคืนยังจะถามอีก” ชายหนุ่มแปลกหน้าตอบหน้าตายแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เอคิวที่กำลังนั่งกัดฟันกรอดอย่างโมโหคนตรงหน้าที่กวนประสาทไม่หยุด
“อ๊าก! กูอยากกัดลิ้นตายจริงโว้ย คนบ้าอะไรว่ะพูดไม่รู้เรื่อง” เอคิวโวยวายขึ้นมาอย่างหัวเสียแล้วเอามือขยี้หัวฟูๆของตนด้วยความขัดใจ
“ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องครับ แต่ที่รักคงจะละเมอ งั้นเรานอนต่อกันเถอะ ที่รักจะได้พักผ่อนไงครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้าพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเอคิวพลางก้าวขึ้นไปบนเตียงและดึงตัวเอคิวไปนอนกอดหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจเอคิวที่ดิ้นขลุกขลักไม่ยอมหยุดและโวยวายไม่เลิก
“ปล่อยสิเว้ย! ไอ้หน้าด้าน ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต ไอ้คิดไม่ซื่อ ไอ้กระบือไม่มีหู” เอคิวที่กำลังโวยวายด่าชายหนุ่มแปลกหน้าไม่หยุดและพยายามแกะมือของคนร่างหนาที่กอดเอวของเขาแน่นไม่ยอมปล่อยจนเอคิวเริ่มหันมาใช้ฝ่ามือเล็กนั้นฟาดไปที่แขนของชายหนุ่มแปลกหน้า เพี้ย! เพี้ย!
“โอ๊ย! เจ็บนะครับที่รัก นอนได้แล้วนะ”
“นี่มันเช้าแล้วแกยังจะนอนอีก ฉันไม่นอนก็ปล่อยสิโว้ย! ฉันไม่นอนกับคนไม่รู้จัก” เอคิวโวยวายใส่ชายหนุ่มที่กำลังเอาหน้ามาซุกตรงซอกคอของเขาและเขาเองก็พยายามดันใบหน้านั้นให้ออกห่างจากคอของตน
“งั้นฉันชื่อ...เบ็งเบ็ง ยินดีที่ได้รู้จัก นอนเถอะที่รัก” ชายหนุ่มแปลกหน้ากระซิบข้างหูเอคิวเสียงทุ้มนุ่มแล้วกระชับอ้อมกอดแต่ก็ไม่วายจะลืมตามามองใบหน้าหวานของร่างบางที่กำลังแกงเรื่ออย่างเขินอาย(โกรธ?)
“ไม่! ไอ้บ้า นั่นมันชื่อหมา มึงมั่วให้มีศิลปะหน่อยเหอะ” เอคิวที่ดื้อรั้นก็ดิ้นบ้างตีไปที่แขนบ้างใช้เท้าถีบบ้างก็เริ่มเหนื่อยหอบขึ้นมาก็เริ่มคิดในใจว่าเขาคงต้องใช้วิธีอื่นแล้วล่ะ ในเมื่อไอ้หมอนี่มันไม่สนใจเขาต้องทำให้มันสนใจให้ได้
“ฮึกๆ อึก! ปล่อยสิ ฮือๆๆ” เอคิวพยายามบีบน้ำตาแล้วร้องไห้ส่งเสียงสะอึกสะอื้นให้คนข้างกายที่กำลังหลับตานั้นได้ยินแล้วมันก็ได้ผล เพราะชายหนุ่มแปลกหน้าลืมตาตื่นทำหน้าตกใจแล้วเอามือจับใบหน้าของร่างบางให้หันไปทางเขา
“ที่รักเป็นอะไรครับ? เจ็บตรงไหนหรอ?” ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เห็นดวงตาหวานและจมูกของเอคิวนั้นแดงเรื่อ น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มเนียนก็ทำให้ชายหนุ่มแปลกหน้านั้นหน้าเสียขึ้นมาทันทีและเอามือข้างหนึ่งมาเช็ดน้ำตาให้เอคิวอย่างเบามือ แต่ทันใดนั้นเอคิวที่เห็นความใจอ่อนก็สบโอกาสผลักชายหนุ่มแปลกหน้าและลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะตรงไปยังประตูห้องนอน
หมับ! ฟอด!
“หึ! แสบนักนะ เดี๋ยวจับปล้ำซะเลยนี่” ชายหนุ่มแปลกหน้าคว้าตัวเอคิวมากอดแล้วหอมแก้มก็จับเอคิวนั่งบนตักของเขา
“ปะ..ปล่อยนะ ไม่งั้น...” เอคิวที่ได้ยินคำว่า “ปล้ำ” ก็ชะงักแล้วหันไปส่งสายตาออดอ้อนที่เอคิวมักจะใช้ยามที่เขาสู้ไม่ได้แล้วก็ต้องอ้อนอย่างเดียว
แกร๊ก! แอ๊ด!
“เอคิวตื่นได้แล้ว มึงยังจะนอนอีกนะ... อ๊าก! ไอ้คิว”
น้ำเย็นที่เปิดประตูเข้ามาส่งเสียงเรียกเอคิวทันทีและเดินไปที่เตียงก็ต้องเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจที่เห็นญาติสนิทของตนกำลังนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มรูปหล่อและดูเหมือนกำลังพลอดรักกันอยู่บนเตียงแต่เช้า
เฮือก!
“เฮ้ย! ไอ้น้ำ” เอคิวร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าของญาติสนิทที่กำลังอ้าปากหวอตาโตจ้องมองมายังเขาและชายหนุ่มแปลกหน้าที่เห็นน้ำเย็นแต่ก็ยังไม่ปล่อยเอคิว
“มะ...มึงมี..มีผัวหรอว่ะ?” น้ำเย็นที่เคยเชื่อตามที่เอคิวบอกว่าเขาเป็นแมนก็ช็อกแล้วชี้ไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังส่งยิ้มมาให้น้ำเย็นอย่างเป็นมิตร
“ผัวเผลออะไรล่ะ กูไม่รู้จักไอ้บ้านี่ มึงก็มาช่วยกูสิว่ะ ไอ้น้ำ” เอคิวพูดอย่างหัวเสียแล้วร้องขอให้น้ำเย็นช่วยแล้วพลางดิ้นสุดแรง แต่น้ำเย็นก็ไม่ยอมขยับเมื่อเห็นสายตาดุของชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังจ้องมาที่ตน
“ไอ้นี่ก็กอดอยู่นั่นแหละ กูไม่ใช่ตุ๊กตานะเว้ย!” เอคิวหันไปว่าชายหนุ่มแปลกหน้าที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้เขาโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าเมื่อกี้ชายหนุ่มแปลกหน้าเพิ่งส่งสายตาดุดันไปที่น้ำเย็น
“ปล่อยก็ได้ แต่วันนี้ที่รักต้องอยู่กับฉันนะ” ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้เอคิวที่กำลังนั่งหน้าบูดอยู่บนตักเขาและทำหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ยินประโยคกวนใจนั่น
“เออๆ ปล่อยสิ” ทันทีที่เอคิวรับปากแล้วชายหนุ่มแปลกหน้าคลายอ้อมกอด เอคิวก็ผลักหน้าชายหนุ่มเต็มแรงจนนอนหงายกับเตียงแล้วรีบวิ่งไปหาน้ำเย็นที่ยืนมองอยู่
“เฮ้ย! รีบไล่ไอ้บ้านี่ออกไปจากห้องนี้เหอะว่ะ กูขนลุก” เอคิวพูดเร่งน้ำเย็นแล้วดึงแขนให้รีบไล่ชายหนุ่ม
แปลกหน้าออกไปจากห้องนี้
“มึงจะไล่ใครว่ะ?” น้ำเย็นหันไปมองหน้าเอคิวแล้วพูดด้วยสีหน้างงงวย
“เอ้า! ก็ไล่ไอ้บ้าบนเตียงนั่นไงล่ะว่ะ” เอคิวพูดแล้วทำหน้าจริงจังใส่น้ำเย็นที่ยังทำหน้าเป็นหมางง ส่วนไอ้บ้าที่เอคิวพูดถึงก็กำลังนั่งอมยิ้มสบายอารมณ์อยู่บนเตียง
“ไล่ยุงหรือไงมึง นี่มันห้องเขา” น้ำเย็นมองหน้าเอคิวด้วยสีหน้าเหมือนกับเห็นสัตว์ประหลาดจนเอคิวนึกแปลกใจ
“หือ? เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ?” เอคิวถามน้ำเย็นย้ำอีกรอบด้วยความไม่แน่ใจแล้วพลางหันไปมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตอนนี้นอนพิงหัวเตียงเป็นระยะๆ
“กูบอกว่านี่มันห้องนอนของเขา”
“ไม่จริง! มึงหลอกกู ทุกอย่างก็เหมือนกับห้องที่กูนอนกับมึงเมื่อคืน” เอคิวมองไปรอบห้องอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“จะไม่เหมือนได้ไงล่ะ ก็มันมี 2 ห้องที่ตกแต่งเหมือนกันนี่หว่า!” น้ำเย็นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจในความดื้อรั้นของญาติสนิทที่เหมือนตนไม่มีผิด
“เอ้า! แล้วมึงรู้ได้ไงว่าห้องของไอ้หมอนี่?” เอคิวที่ยังไม่ลดละความพยายามก็ถามน้ำเย็นต่อด้วยความสงสัยและต้องการความแน่ใจ
“มึงแหกตาดูภาพที่หัวเตียงนั่นดิว่ะ” เอคิวที่ได้ยินคำตอบของน้ำเย็นก็หันไปมองที่รูปภาพบนหัวเตียงทันทีแล้วเขาก็ต้องเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจที่รูปภาพตรงหัวเตียงนั้นเป็นภาพสวนดอกกุหลาบหลากสีท่ามกลางบ้านกระท่อมไม้ไม่ใช่ภาพสงครามปีศาจสยองแบบห้องนอนของเขา
เพล้ง!
“หน้าละเอียดยิบเลยล่ะสิมึง ขอโทษนะครับที่ญาติผมรบกวนแล้วชอบละเมอเข้าผิดห้อง” น้ำเย็นพูดกับเอคิวแล้วก็กล่าวขอโทษชายหนุ่มที่ตอนนี้ทำหน้าเคร่งขรึมมาให้น้ำเย็นต่างจากตอนที่มองหน้าเอคิวแล้วส่งยิ้ม
“หึๆ ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” ชายหนุ่มแปลกหน้าเบนสายตาไปมองเอคิวที่พยายามทำเมินไม่สนใจแต่ใบหูเล็กนั้นแดงเถือกด้วยความอับอายในความบ้าของตัวเอง
“เหอะ! กลับห้องกันเถอะ” เอคิวที่เริ่มหมั่นไส้ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ส่งยิ้มมาราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขา
ปัง!!
เอคิวลากตัวน้ำเย็นออกไปจากห้องนอนของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เขาไม่ทราบแม้แต่ชื่อแล้วปิดประตูเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
“น่ารักจังนะ นายเหมือนเขามากจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำพลางอมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานที่บูดบึ้งตลอดเวลายามเห็นหน้าของเขาก่อนที่จะหันไปมองบรรยากาศยามเช้านอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
*********************************************************
จากคนเขียน...ถึง..คนอ่าน
มาต่อตอนที่ 2 จนครบแล้วล่ะ ถึงแม้อาจจะดูสั้นกว่าตอนที่ 1ไปนิดนึง ไม่ว่ากันเน๊อะ!
ก็ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะจ๊ะ มีคำแนะนำหรือติชมอะไรก็บอกมาได้เลย
ขอบคุณที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะจ๊ะ แล้วพบกันใหม่!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ