Home บ้านของใคร?
-
เขียนโดย bebeanizzzz
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.23 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,630 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2557 12.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บ้าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้าน
ท่ามกลางถนนที่ขรุขระ ข้างทางเต็มไปป่าทั้งสองด้านทาง ถนนที่ทำด้วยดิน มีทางตรงไปตลอด แสงแดดที่ร้อนจัด มีหญิงสาวผู้หนึ่งมีนามว่า "เกิดแก้ว" เดินด้วยความลำบากเหงื่อไหลเต็มหลังของเธอ แต่เธอก็เดินไปจนสุดซอย และเธอก็พบต้นไม้แห่งหนึ่งทีี่มีโต๊ะไม้หิินอ่อนตั้งอยู่ เธอรีบตรงไปนั่งเพื่อพักเหนื่อย
" อีกไกลแค่ไหนฉันถึงจะได้พบคุณสักที " เกิดแก้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อถอย
" ไม่ได้สิ เราต้องตามหาเขาให้เจอ เพื่อลูกของเรา " เกิดแก้วพูดขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเอง
เมื่อเธอพูดจบก็ตัดสินใจเดินไปตามทางที่ขรุขระต่อ จนเธอได้พบกับทางเลี้ยวหนึ่งทาง หน้าทางมีป้ายเขียนไว้ว่า "บ้านสมฤดีไพกะรัต" เธอเอะใจอยู่ชั่ววูบ แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลยเดินไปต่อ แต่สักพักหนึ่งเธอรู้สึกปวดขามาก เดินแทบไม่ไหวแล้ว เธอพยายามนวดขาอยู่นาน แต่ขาของเธอก็ไม่หายปวด เธอเลยตัดสินใจ จะไปค้างที่บ้านสมฤดีไพกะรัตที่ป้ายได้เขียนไว้ เธอได้แต่นึกในใจ บ้านหลังนี้มีอยู่จริงเหรอ เมื่อเธอเดินเข้ามาในซอย เธอก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย เพราะข้างทางนั้นมีแต่ป่าและด้วยเวลาที่ใกล้จะค่ำแล้ว เลยทำให้บรรยากาศดูวังเวงไปหมด เมื่อเธอเดินไปเรื่อยๆ เธอก็พบกับรูปภาพรูปหนึ่งหล่นอยู่ที่ถนน ซึ่งในรูปภาพนั้นเป็นภาพของครอบครัวหนึ่ง ที่หน้าของแต่ละคนหายไปหมดแล้วเพราะว่าโดนรถโดนอย่างอื่นเหยียบทับ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเธอได้เห็นบ้านหลังหนึ่ง สภาพบ้านค่อนข้างเก่ามาก เป็นบ้านไม้สองชั้น มีหญ้าขึ้นตามผนังบ้าน ประตูรั้วหน้าบ้านมีต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด เธอเอะใจว่าเธอจะเข้าไปอยู่ได้หรอ แต่เธอก็ไม่ไหวแล้วเพราะขาของเธอเจ็บมาก และเวลาก็ค่ำแล้ว เธอเลยตัดสินใจ ไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าบ้าน และเธอก็เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยหญ้า มีต้นไทรอยู่สองสามต้นที่บริเวณข้างบ้าน หน้าต่างบางบานแตก เมื่อเธอเห็นเธอก็แอบกลัวไม่ใช่น้อย แต่เธอก็พยายามอดทนและเดินขึ้นบรรไดบ้าน ประตูบ้านมีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด กลอนประตูแตกแต่ก็ยังพอเปิดเข้าไปได้ เธอตัดสินใจเปิดประตูบ้านเข้าไป เสียงประตูบ้านดังเอี๊ยดๆ เมื่อเธอเข้าไปในตัวบ้าน รอบๆบ้านมีใยแมงมุมเต็มไปหมด ของบางอย่างยังอยู่ครบ โซฟาและที่นั่ง โทรทัศน์ โทรศัพท์ นาฬิกา ตู้เสื้อผ้า ยังอยู่ในสภาพดี เพียงแต่มีใยแมงมุมขึ้น พื้นบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ซึ่งบรรยากาศวังเวงมาก เธอเลยลองเดินไปเปิดไฟ ซึ่งยังดีที่ไฟใช้ได้ เธอเลยเดินดูรอบๆบ้านว่ามีอะไรผิดปกติไหม เมื่อเธอเดินไปในห้องครัว เธอก็ต้องตกใจ เพราะมีอาหารที่เน่าเสียวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งเธอก็คิดในใจว่า ต้องมีคนเคยอยู่แน่ๆ เธอเลยเดินมาสำรวจห้องต่างๆ จนถึงคราวที่เธอต้องขึ้นไปบนชั้นสอง ก้าวแรกที่เธอเดินขึ้นบรรได เธอได้รู้สึกถึงสิ่งบางอย่างของบ้านหลังนี้ เสียงบรรไดและบรรยากาศของบ้านทำเอาน่ากลัวไม่ใช่น้อย เมื่อเธอมาถึงชั้นสอง ไฟชั้นสองใช้ไม่ได้ เธอเลยเอาไฟฉายที่เธอเตรียมมาในกระเป๋า มาฉายแทนไฟที่ใช้ไม่ได้ บนชั้นสองมีอยู่ด้วยกัน 4 ห้อง ได้แก่ ห้องนอน2ห้อง ห้องน้ำ1ห้องและห้องตู้เสื้อผ้า 1ห้อง เมื่อเธอเปิดเข้าไปดูห้องนอนห้องแรก ห้องนอนยังอยู่ในสภาพดี มีีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง กระจก แต่มีฝุ่นเต็มห้อง เธอเลยกะว่าคืนนี้จะนอนแล้วพรุ่งนี้จะทำความสะอาดให้ก่อนไปเดินทางต่อ ซึ่งในวันนั้นเธอได้เอาเสื้อผ้าใส่ตู้ให้หมด และจัดที่นอนใหม่หมด และเธอก็ไปทำอาหารรับประทาน ซึ่งแก๊สในห้องครัวก็ยังใช้การได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรทั้งสิ้น เธอรีบรับประทานข้าวและไปอาบน้ำ บรรยากาศในห้องน้ำวังเวงมาก เพราะบนเพดานมีรูขนาดใหญ่ เป็นเพราะฝนกัดเซาะหลังคาและทำให้เพดานถูกกัดเซาะไปด้วย ฝักบัวเก่าๆในห้องน้ำ สื่อให้รู้ว่าบ้านหลังนี้อยู่มานานแล้ว เธอรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะเข้านอน แต่เธอได้มานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นชั้น1ก่อน เมื่อเธอมองไปนอกหน้าต่าง เธอก็กลัวไม่ใช่น้อย เพราะบรรยากาศรอบๆบ้านตอนกลางคืนนั้น วังเวงมากเพราะเต็มไปด้วยหญ้า ต้นไทร คืนนั้นเธอเลยรีบขึ้นไปนอน เมื่อเธอกำลังเดินขึ้นบรรไดเธอก็ต้องตกใจเพราะเธอได้ยินเสียง ' เพล้ง ' ซึ่งเสียงคล้ายแก้วแตก เธอเลยรีบลงมาดูปรากฏว่าแก้วในห้องครัว หล่นลงมาแตก แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร เธอคิดในใจว่าคงเป็นลมพัดมา เพราะแก้วก็เก่ามากแล้ว เมื่อเธอกำลังจะเดินออกมาจากห้องครัว ' พรึ่บ ' อยู่ดีดีไฟได้ดับลง เธอขนลุกมากตอนนั้น เธอเลยรีบเดินคลำข้างทางไปเรื่อยๆ จนไปหยิบไฟฉายในห้องนอนที่เธอวางไว้ มาฉายรอจนกว่าไฟจะติด เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีเมื่อเจอแบบนี้ เธอเลยเดินไปนั่งบนเตียงพร้อมเปิดไฟฉายไว้
" ฉันอยากไปจากที่นี่ เมื่อไหร่จะพ้นคืนนี้ไปสักที " เธอได้แต่นั่งบ่นและรอให้เวลาผ่านไป
" หนูมาขออาศัยอยู่ชั่วคราวนะคะ หนูไม่ได้มารบกวนทุกวัน หนูมาอาศัยชั่วคราวนะคะ " เธอสวดมนต์พร้อมกล่าวคำนี้ออกมา เมื่อเธอกล่าวเสร็จ ไฟก็ติด เธอก็เลยจะรีบนอน และก่อนนอนเธอก็สวดมนต์จนจบ เมื่อเธอหลับไปได้สักพัก เธอเกิดอาการปวดปัสสาวะ เธอเลยหยิบไฟฉายและเดินไปเข้าห้องน้ำ และอยู่ดีดีเธอก็อยากลงไปนั่งเล่นที่โซฟาอีกครั้งหนึ่ง หน้าต่างข้างๆโซฟาที่เธอนั่ง กระจกได้แตกลง และยังเหลือเศษกระจกตกอยู่ตามพื้น เธอมองไปนอกหน้าต่างเธอก็เอะใจว่าทำไมประตูรั้วหน้าบ้านถึงเปิดไว้ แต่เธอก็คิดว่าเป็นลมพัด ซึ่งลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ขนลุกพอๆกัน เธอเลยรีบขึ้นไปนอน เพราะช่วงนั้นก็ปาไป ตี2ครึ่งแล้ว และเมื่อเธอกำลังจะเดินขึ้นบรรได อยู่ดีดีเสียงประตูก็เปิดขึ้นมา เธอตกใจจนต้องหยุดลงมาดู ซึ่งตรงประตูไม่มีใครยืนอยู่เลย เธอเลยจะลงไปปิดประตู จังหวะที่เธอกำลังจะเดินลงมานั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ดังออกมาทางประตู
" หยุดก่อน "
ท่ามกลางถนนที่ขรุขระ ข้างทางเต็มไปป่าทั้งสองด้านทาง ถนนที่ทำด้วยดิน มีทางตรงไปตลอด แสงแดดที่ร้อนจัด มีหญิงสาวผู้หนึ่งมีนามว่า "เกิดแก้ว" เดินด้วยความลำบากเหงื่อไหลเต็มหลังของเธอ แต่เธอก็เดินไปจนสุดซอย และเธอก็พบต้นไม้แห่งหนึ่งทีี่มีโต๊ะไม้หิินอ่อนตั้งอยู่ เธอรีบตรงไปนั่งเพื่อพักเหนื่อย
" อีกไกลแค่ไหนฉันถึงจะได้พบคุณสักที " เกิดแก้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อถอย
" ไม่ได้สิ เราต้องตามหาเขาให้เจอ เพื่อลูกของเรา " เกิดแก้วพูดขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเอง
เมื่อเธอพูดจบก็ตัดสินใจเดินไปตามทางที่ขรุขระต่อ จนเธอได้พบกับทางเลี้ยวหนึ่งทาง หน้าทางมีป้ายเขียนไว้ว่า "บ้านสมฤดีไพกะรัต" เธอเอะใจอยู่ชั่ววูบ แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลยเดินไปต่อ แต่สักพักหนึ่งเธอรู้สึกปวดขามาก เดินแทบไม่ไหวแล้ว เธอพยายามนวดขาอยู่นาน แต่ขาของเธอก็ไม่หายปวด เธอเลยตัดสินใจ จะไปค้างที่บ้านสมฤดีไพกะรัตที่ป้ายได้เขียนไว้ เธอได้แต่นึกในใจ บ้านหลังนี้มีอยู่จริงเหรอ เมื่อเธอเดินเข้ามาในซอย เธอก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย เพราะข้างทางนั้นมีแต่ป่าและด้วยเวลาที่ใกล้จะค่ำแล้ว เลยทำให้บรรยากาศดูวังเวงไปหมด เมื่อเธอเดินไปเรื่อยๆ เธอก็พบกับรูปภาพรูปหนึ่งหล่นอยู่ที่ถนน ซึ่งในรูปภาพนั้นเป็นภาพของครอบครัวหนึ่ง ที่หน้าของแต่ละคนหายไปหมดแล้วเพราะว่าโดนรถโดนอย่างอื่นเหยียบทับ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเธอได้เห็นบ้านหลังหนึ่ง สภาพบ้านค่อนข้างเก่ามาก เป็นบ้านไม้สองชั้น มีหญ้าขึ้นตามผนังบ้าน ประตูรั้วหน้าบ้านมีต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด เธอเอะใจว่าเธอจะเข้าไปอยู่ได้หรอ แต่เธอก็ไม่ไหวแล้วเพราะขาของเธอเจ็บมาก และเวลาก็ค่ำแล้ว เธอเลยตัดสินใจ ไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าบ้าน และเธอก็เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยหญ้า มีต้นไทรอยู่สองสามต้นที่บริเวณข้างบ้าน หน้าต่างบางบานแตก เมื่อเธอเห็นเธอก็แอบกลัวไม่ใช่น้อย แต่เธอก็พยายามอดทนและเดินขึ้นบรรไดบ้าน ประตูบ้านมีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด กลอนประตูแตกแต่ก็ยังพอเปิดเข้าไปได้ เธอตัดสินใจเปิดประตูบ้านเข้าไป เสียงประตูบ้านดังเอี๊ยดๆ เมื่อเธอเข้าไปในตัวบ้าน รอบๆบ้านมีใยแมงมุมเต็มไปหมด ของบางอย่างยังอยู่ครบ โซฟาและที่นั่ง โทรทัศน์ โทรศัพท์ นาฬิกา ตู้เสื้อผ้า ยังอยู่ในสภาพดี เพียงแต่มีใยแมงมุมขึ้น พื้นบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ซึ่งบรรยากาศวังเวงมาก เธอเลยลองเดินไปเปิดไฟ ซึ่งยังดีที่ไฟใช้ได้ เธอเลยเดินดูรอบๆบ้านว่ามีอะไรผิดปกติไหม เมื่อเธอเดินไปในห้องครัว เธอก็ต้องตกใจ เพราะมีอาหารที่เน่าเสียวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งเธอก็คิดในใจว่า ต้องมีคนเคยอยู่แน่ๆ เธอเลยเดินมาสำรวจห้องต่างๆ จนถึงคราวที่เธอต้องขึ้นไปบนชั้นสอง ก้าวแรกที่เธอเดินขึ้นบรรได เธอได้รู้สึกถึงสิ่งบางอย่างของบ้านหลังนี้ เสียงบรรไดและบรรยากาศของบ้านทำเอาน่ากลัวไม่ใช่น้อย เมื่อเธอมาถึงชั้นสอง ไฟชั้นสองใช้ไม่ได้ เธอเลยเอาไฟฉายที่เธอเตรียมมาในกระเป๋า มาฉายแทนไฟที่ใช้ไม่ได้ บนชั้นสองมีอยู่ด้วยกัน 4 ห้อง ได้แก่ ห้องนอน2ห้อง ห้องน้ำ1ห้องและห้องตู้เสื้อผ้า 1ห้อง เมื่อเธอเปิดเข้าไปดูห้องนอนห้องแรก ห้องนอนยังอยู่ในสภาพดี มีีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง กระจก แต่มีฝุ่นเต็มห้อง เธอเลยกะว่าคืนนี้จะนอนแล้วพรุ่งนี้จะทำความสะอาดให้ก่อนไปเดินทางต่อ ซึ่งในวันนั้นเธอได้เอาเสื้อผ้าใส่ตู้ให้หมด และจัดที่นอนใหม่หมด และเธอก็ไปทำอาหารรับประทาน ซึ่งแก๊สในห้องครัวก็ยังใช้การได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรทั้งสิ้น เธอรีบรับประทานข้าวและไปอาบน้ำ บรรยากาศในห้องน้ำวังเวงมาก เพราะบนเพดานมีรูขนาดใหญ่ เป็นเพราะฝนกัดเซาะหลังคาและทำให้เพดานถูกกัดเซาะไปด้วย ฝักบัวเก่าๆในห้องน้ำ สื่อให้รู้ว่าบ้านหลังนี้อยู่มานานแล้ว เธอรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะเข้านอน แต่เธอได้มานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นชั้น1ก่อน เมื่อเธอมองไปนอกหน้าต่าง เธอก็กลัวไม่ใช่น้อย เพราะบรรยากาศรอบๆบ้านตอนกลางคืนนั้น วังเวงมากเพราะเต็มไปด้วยหญ้า ต้นไทร คืนนั้นเธอเลยรีบขึ้นไปนอน เมื่อเธอกำลังเดินขึ้นบรรไดเธอก็ต้องตกใจเพราะเธอได้ยินเสียง ' เพล้ง ' ซึ่งเสียงคล้ายแก้วแตก เธอเลยรีบลงมาดูปรากฏว่าแก้วในห้องครัว หล่นลงมาแตก แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร เธอคิดในใจว่าคงเป็นลมพัดมา เพราะแก้วก็เก่ามากแล้ว เมื่อเธอกำลังจะเดินออกมาจากห้องครัว ' พรึ่บ ' อยู่ดีดีไฟได้ดับลง เธอขนลุกมากตอนนั้น เธอเลยรีบเดินคลำข้างทางไปเรื่อยๆ จนไปหยิบไฟฉายในห้องนอนที่เธอวางไว้ มาฉายรอจนกว่าไฟจะติด เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีเมื่อเจอแบบนี้ เธอเลยเดินไปนั่งบนเตียงพร้อมเปิดไฟฉายไว้
" ฉันอยากไปจากที่นี่ เมื่อไหร่จะพ้นคืนนี้ไปสักที " เธอได้แต่นั่งบ่นและรอให้เวลาผ่านไป
" หนูมาขออาศัยอยู่ชั่วคราวนะคะ หนูไม่ได้มารบกวนทุกวัน หนูมาอาศัยชั่วคราวนะคะ " เธอสวดมนต์พร้อมกล่าวคำนี้ออกมา เมื่อเธอกล่าวเสร็จ ไฟก็ติด เธอก็เลยจะรีบนอน และก่อนนอนเธอก็สวดมนต์จนจบ เมื่อเธอหลับไปได้สักพัก เธอเกิดอาการปวดปัสสาวะ เธอเลยหยิบไฟฉายและเดินไปเข้าห้องน้ำ และอยู่ดีดีเธอก็อยากลงไปนั่งเล่นที่โซฟาอีกครั้งหนึ่ง หน้าต่างข้างๆโซฟาที่เธอนั่ง กระจกได้แตกลง และยังเหลือเศษกระจกตกอยู่ตามพื้น เธอมองไปนอกหน้าต่างเธอก็เอะใจว่าทำไมประตูรั้วหน้าบ้านถึงเปิดไว้ แต่เธอก็คิดว่าเป็นลมพัด ซึ่งลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ขนลุกพอๆกัน เธอเลยรีบขึ้นไปนอน เพราะช่วงนั้นก็ปาไป ตี2ครึ่งแล้ว และเมื่อเธอกำลังจะเดินขึ้นบรรได อยู่ดีดีเสียงประตูก็เปิดขึ้นมา เธอตกใจจนต้องหยุดลงมาดู ซึ่งตรงประตูไม่มีใครยืนอยู่เลย เธอเลยจะลงไปปิดประตู จังหวะที่เธอกำลังจะเดินลงมานั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ดังออกมาทางประตู
" หยุดก่อน "
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ