เพื่อนผมเป็นแวมไพร์ My friend is a vampire
8.7
เขียนโดย MichiyoEX
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.52 น.
7 chapter
8 วิจารณ์
10.76K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562 08.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) มิตรภาพ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “มิลล์หายไปไหนกันนะทำไมไปไม่มาบอกกัน”
คำถามนี้คงติดอยู่ในใจของฟลุ๊คตลอดเวลาตั้งแต่มิลล์จากไปเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเค้าทุกครั้งที่เค้าเดินไปทางไหนก็จะมองเห็นคนหน้าตาเหมือนมิลล์มองเค้าตลอดพอเค้าวิ่งตามไปคนนั่นก็จะหายไปเหมือนฝุ่นละออง ฟลุ๊คเริ่มใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นเดินเที่ยวในตัวเมืองมากขึ้นไปในที่มีผู้คนเดินมากมายตามถนนคนเดินท่าแพเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องคิดอะไรมากมายและเดินเค้าตามร้านเหล้าต่างๆเพื่อนให้ผ่านทุกวันได้โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาได้ผ่านไป
“นายจะทำตัวอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้นะฟลุ๊ค”
ฟลุ๊คตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเค้ามองไปรอบร้านก็ไม่เห็นคนที่เค้าคิดว่าใช้ เค้ามองนาฬิกาละคิดว่าถึงเวลาจ่ายเงินแล้วกลับบ้านได้แล้วฟลุ๊คโบกเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านเค้าเห็นมิลล์มองเค้าอยู่ข้างทางเค้ามองแล้วก็หลับตาและบอกตัวเองว่ามันคือภาพลวงตาสักพักหนึ่งมีรถหลายคันมาตัดหน้ารถของฟลุ๊คและมีพวกผู้ชายใส่ชุดโบราณเหมือนนักล่าปีศาจลงมาจากรถและเดินจะมาจับตัวฟลุ๊ค
“ลงมาจากรถถ้าไม่อยากโดนทำร้าย”
ฟลุ๊คมองหน้าพร้อมกับอาการมึนเมาตอนนี้เค้าพร้อมมีเรื่องกลับทุกสิ่งอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตของเค้า ฟลุ๊คเดินลงมาจากรถก่อนที่จะต้อยหน้าพวกใส่ชุดโบราณหนึ่งคนก่อนที่จะโดนอีกคนตีหลังคอแล้วหมดสติไปเค้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเค้าเอามือจับหัวก่อนที่จะมองไปรอบๆและเห็นรถชนต้นไม้และพวกที่จับเค้ามานอนตายเหมือนโดนอะไรทำร้ายก่อนจะมีคนเปิดประตู
“ลงมาจากรถถ้ายังไม่อยากตายหรืออยากตายอยู่ตรงนี้?”
ฟลุ๊คมองหน้าก่อนที่จะถามคำถามกับคนที่มีผ้าปิดปาก
“พวกคุณเป็นใครกันทำไมต้องช่วยผม ผมไม่มีอะไรให้พวกคุณหรอกนะ”
หลังจากฟลุ๊คพูดจบก็มีพรรคพวกเดินมาอีกหนึ่งกลุ่ม
“มิลล์รีบพาฟลุ๊คไปจากที่นี้เร็วพวกนอสเฟอราตู (Nosferatu) กำลังตามพวกเรามาแล้วส่วนพวกคนในรถคนไหนที่ยังมีสติอยู่เดียวพวกเราจะพาเค้ากลับโรงเรียนเองแต่ตอนนี้หนีไปจากที่นี้ก่อนพวกนั่นต้องการตัวฟลุ๊ค”
มิลล์หันหน้ากลับมามองฟลุ๊คด้วยความเป็นห่วง
“ไปสิรีบหนีไปก่อน”
หลังจากพรรคพวกพูดจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องทำ มิลล์ก็จับมือฟลุ๊คก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถ ระหว่างวิ่งไปที่รถพลุ๊คก็ได้แต่มองมือที่จับและมองไปที่มิลล์เค้าคิดว่าฝันอยู่แน่นอน ฟลุ๊คเกิดคำถามมากมายในหัวใจว่าเกิดอะไรขึ้นมิลล์หายไปไหนแล้วทำไมเค้าถึงกลับมาช่วยฟลุ๊คกัน ทั้งสองคนวิ่งมาถึงรถที่จอดอยู่ทั้งคู่ขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หายไปไหนมาตั้ง 2 ปี ทำไมจะไปถึงไม่บอกกันสักคำเกิดอะไรขึ้น”
มิลล์ไม่ตอบเค้าคงขับรถต่อไปโดยไม่ตอบคำถามของฟลุ๊คสักคำ
“นายคิดจะไม่ตอบคำถามของฉันสักหน่อยหรอ”
มิลล์จอดรถและเอาผ้าปิดปากออกและมองมาที่ฟลุ๊คด้วยหน้าตาที่เศร้าพร้อมกลับดวงตาสีม่วง
“นายต้องการรู้เรื่องนั่นใช้ไหม...ได้ฉันจะเล่าให้นายฟัง วันนั่นฉันร้อนเนื้อร้อนตัวที่จะไปหานายที่โรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงนายขนาดไหนนายเคยรู้หรือป่าว หลังจากที่มีคนจากโรงพยาบาลโทรมาที่บ้านนาย ฉันรีบเดินไปเรียกรถแท็กซี่แต่ไม่มีรถแท็กซี่ที่ไหนรับฉันสักคันและนายก็ไปหาเรื่องใครก็ไม่รู้และนายต้องเจ็บเพราะฉัน”
มิลล์มองไปที่หน้าต่างรถพร้อมกับจับหัวตอนนี้อารมณ์ของมิลล์เต็มไปด้วยสีเทา
“แต่มันไม่สำคัญหรอกฉันต้องขอบคุณน้องเปอร์ที่ขับรถผ่านมาพอดีและรับฉันไปหานายที่โรงพยาบาลวันนั่น พอถึงที่โรงพยาบาลฉันก็ถามนางพยาบาลว่านายอยู่ห้องไหนแต่พอฉันไปถึงนายรู้ไหมว่าฉันเห็นอะไร”
มิลล์หันหน้ากลับมาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งดูแลนายเป็นห่วงนาย ฉันบอกกับตัวเองเลยว่านายคงไม่ต้องการฉัน ฉันเลยเดินออกมาเขียนโน้ตแล้วฝากให้นางพยาบาลไปให้นาย หลังจากนั้นนายก็คงรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นนายวิ่งออกมาโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเองพอถึงหน้าประตูที่รถฉันผ่านนายก็หมดสติและฉันก็วิ่งลงไปช่วยนาย หลังจากนั่นฉันก็อุ้มนายส่งถึงห้องพักและนายก็หมดสติฉันออกมาพร้อมความรู้สึกอะไรนายเคยรู้ไหม”
พอมิลล์พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมามันแสดงให้เห็นว่าคำตอบทั้งหมดมันคือความเจ็บปวดรวดร้าว
“นายเคยรู้ไหมว่าสิ่งที่ฉันวิ่งตามหามาตลอดเวลาที่ฉันยังเรียนอยู่มันคือนายเราเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนจนวันที่นายให้ฉันเข้าไปในห้องนอนของนายและฉันจำรูปถ่ายที่เห็นแต่ข้างหลังได้ว่านั่นมันคือฉันนายเคยเรียนที่กรุงเทพแต่พ่อแม่นายได้งานใหม่นายเลยต้องย้ายโรงเรียนตามพวกท่านและวันที่นายขับรถออกไปฉันก็ตามแอบไปส่งและแอบมองนายทุกวันตอนที่นายกลับบ้านแต่ไม่คิดว่าวันนั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นนาย 7 ปี ฉันตามหายนายตลอดเวลาจนช่วงสุดท้ายของชีวิตของฉันที่เป็นผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ ฉันกินยาเพื่อให้ได้พบเจอนายจนร่างกายของฉันนั่นโรยราฉันก็ได้คนที่ชุบชีวิตฉันคนใหม่ขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ นายเข้าใจหรือป่าวว่าตอนฉันรู้ว่าตัวเองเป็นโรคอะไรฉันเศร้าใจขนาดไหนและฉันไม่รู้เลยว่าจะได้เจอนายอีกหรือป่าว...”
มิลล์ยังพูดไม่ทันจบดีฟลุ๊คก็จับมิลล์มากอดเค้าไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามิลล์เค้าเป็นโรคอะไรขอแค่ตรงนี้ตอนนี้มีแค่มิลล์เค้าก็โอเคกับทุกอย่าง
“ไม่ร้องนะเราเข้าใจทุกอย่างแล้วไม่ต้องร้องนะเราจะไม่วิ่งหนีนายไปอีกแล้วไม่ว่าตอนนี้นายจะเป็นอะไรหรือเป็นโรคอะไรเราไม่สนใจทั้งนั่นขอแค่เราอยู่ด้วยกันเหมือนสมัยก่อนก็พอแล้ว”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่จะเช็ดน้ำตา
“ฉันคงให้สัญญาณกลับนายไม่ได้หรอกนะ ฉันเปลี่ยนไปแล้วหลังจากนี้นายต้องดูแลตัวเองนะสัญญาณกับฉันว่านายจะไม่ทำแบบนี้อีกเพราะฉันไม่อยากเสียนายไปเหมือนครั้งก่อน”
มิลล์ขับรถออกไปโดยทิ้งคำถามมากมายว่าทำเค้าทั้งสองคนถึงกลับมาอยู่เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ก่อนที่จะขับรถมาถึงหน้าบ้านของฟลุ๊คก่อนที่ฟลุ๊คจะลงจากรถทั้งคู่ลงมองหน้ากัน
“เออ...ฟลุ๊คของมือถือนายหน่อยสิ”
ฟลุ๊คเอามือจับกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหยิบมือถือยืนให้มิลล์
“มือถือเรามีอะไรหรอป่าว?”
มิลล์หยิบมือถือตัวเองมาสแกนคิวอาร์โค้ดไลน์ของฟลุ๊คพร้อมกดเบอร์โทรของฟลุ๊คเข้าไปที่เครื่องของตัวเอง
“นี้ไลน์กลับเบอร์โทรศัพท์ของเรานะมีอะไรสำคัญโทรมา ถ้าไม่ค่อยสำคัญก็ไลน์มาแล้วกันนะ”
ฟลุ๊คยิ้ม
“ฉันส่งนายถึงบ้านแล้วกลับเข้าบ้านดีๆนะ”
ฟลุ๊คมองที่ตาของมิลล์มันกลับเป็นสีเดิมแล้วมิลล์โบกมือบ๊ายบายก่อนที่จะขับรถออกไป ฟลุ๊คยืนมองรถที่กำลังออกไปจนสุดสายตาก่อนที่ฟลุ๊คจะเปิดประตูและเดินเข้าบ้าน เมื่อฟลุ๊คเข้ามาถึงในเค้าเปิดไฟในบ้านฟลุ๊คมองไปรอบๆห้องนั่งเล่นเค้าเปลี่ยนไปเป็นคนขี้เมาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟลุ๊คจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฟลุ๊คเลิกคิดแล้วเดินไปเก็บขวดเบียร์และกระป๋องเบียร์ที่เต็มอยู่ห้องนั่งเล่นและห้องครัวทั้งหมดใส่ถุงดำและเดินออกไปทิ้งถังขยะข้างนอกบ้านเค้ามองดูพระจันทร์ก่อนที่จะหยิบมือถือแล้วมองที่เบอร์ของมิลล์ ฟลุ๊คคิดอยู่ในใจว่าจะกดโทรหาดีไหมก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋าสักพักหนึ่งก็มีเสียงเรียกเข้า
“ฮัลโหล? ”
“คิดถึงฉันหรือไงนี้พึ่งผ่านมาสิบห้านาทีเองนะ”
ฟลุ๊คตกใจแต่เค้าก็อมยิ้ม
“นายอยากให้ฉันไปหาหรือป่าว?”
“ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้มันดึกแล้ว”
ฟลุ๊คยังยังไม่ทันจบดี
“ฉันอยู่หน้าบ้านแล้วออกมารับหน่อยสิ”
ฟลุ๊คตกใจมากกว่าเก่าอีกเพราะไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้แต่เค้าก็เดินออกมาดูหน้าบ้านแล้วก็เจอมิลล์ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกล้องที่ปิดผนึกอยู่หนึ่งใบ มิลล์มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเห็นฟลุ๊คแล้วยิ้มให้กัน ก่อนที่ฟลุ๊คเปิดประตูบ้านให้มิลล์เข้ามาพร้อมรอล็อคประตูบ้าน
“ขอโทษทีนะที่มาดึกขนาดนี้แถมเจ้าของบ้านยังไม่อนุญาตด้วยคือฉันเป็นห่วงนายคิดว่าพวกที่ตามล่านายจะตามมาถึงนี้ฉันเลยต้องมาขออยู่ด้วยสักพัก”
ฟลุ๊คมองกล่องแล้วสงสัย
“ไม่เป็นไรจริงฉันก็อยากให้นายมาอยู่แล้ว...ข้างในกล่องมีอะไรหรอหรือเอาอะไรมาฝากเรา?”
ฟลุ๊คก้มหน้าพร้อมอมยิ้ม
“ป่าวหรอกของกินเราเองงั้นฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะ”
ฟลุ๊คมองกล่องรอบๆพร้อมเขย่าฟังเสียงก่อนที่จะถือเก็บที่มือข้างซ้าย
“พวกน้ำหรอในบ้านเราก็มีเยอะแยะนะ”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่จะจับหน้าของฟลุ๊คเบาๆพร้อมกระซิบข้างหู
“มะเขือเทศผสมเลือดหรือนายจะให้ฉันกินเลือดนายกัน”
มิลล์ยิ้มพร้อมจับมือฟลุ๊คเดินเข้าบ้าน เมื่อถึงในบ้านฟลุ๊คก็เอาของไปเก็บที่ตู้เย็นก่อนและบอกให้มิลล์ไปอาบน้ำก่อนแล้วเค้าจะตามไปทีหลัง ฟลุ๊คเปิดกล่องหยิบถุงมามองลักษณะของถุงเหมือนถุงเจเล่แต่ถุงนี้ใส่และมองเห็นข้างในเป็นสีแดงเข้มข้น ฟลุ๊คเก็บของทั้งหมดใส่ตู้เย็นเสร็จฟลุ๊คก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำต่อจากมิลล์
หลังจากฟลุ๊คอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเค้าก็เข้ามาที่ห้องนอนของมิลล์
“นอนหรือยัง?”
มิลล์กำลังนอนอ่านหนังสือก็หันมามองพร้อมกลับรอยยิ้ม
“ยังเลย ฟลุ๊คมีอะไรหรอ?”
“พวกที่ตามฆ่าเรามันคือตัวอะไรหรอ”
มิลล์ปิดหนังสือแล้วก็มองหน้าฟลุ๊คพร้อมเรียกให้เดินมานั่งข้างๆ
“แวมไพร์มีทั้งหมดเจ็ดเผ่ามี แกงเกลียว (Gangrel), บรูฮา (Brujah) , มัลเคเวี่ยน (Malkavian) โทเรเดอร์ (Toreador), ทราแมร์ (Trmere) , เวนทรู (Ventrue) และ นอสเฟอราตู (Nosferatu) งั้นวันนี้ก็จะอธิบายนอสเฟอราตู (Nosferatu) ให้ฟังก่อนแล้วกันเป็นแวมไพร์เผ่าหน้าตาอัปลักษณ์ เวลาจะไปไหนจะเดินบนทางเท้าธรรมดาไม่ได้จะต้องเดินตามท่อน้ำ แต่พวกนี้ก็มีความสามารถในการล่องหน สะกดรอยตาม ซ่อนตัว ถ้ามีมนุษย์เห็นหน้าก็อาจทำให้ค่าการปกปิดตัวตนของพวกมันหายวับไปทันที แถมเวลาจะกินเลือดก็ต้องจับหนูในท่อน้ำกิน ที่ฉันรู้ก็ประมาณนี้”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่ตาทั้งสองจะจ้องมองกัน
“ฉันว่าเราทั้งสองควรแยกกันนอนได้แล้วนะส่วนเรื่องเผ่าที่เหลือวันหลังฉันค่อยเล่าให้นายฟังใหม่”
ฟลุ๊คเดินลงมากจากเตียงและเดินไปหน้าประตูก่อนที่จะหันหลังมาถามมิลล์
“คนกับแวมไพร์เค้าจะรักกันได้ไหม?”
มิลล์มองหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่ฟลุ๊คจะปิดประตู มิลล์ก้มหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา
คำถามนี้คงติดอยู่ในใจของฟลุ๊คตลอดเวลาตั้งแต่มิลล์จากไปเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเค้าทุกครั้งที่เค้าเดินไปทางไหนก็จะมองเห็นคนหน้าตาเหมือนมิลล์มองเค้าตลอดพอเค้าวิ่งตามไปคนนั่นก็จะหายไปเหมือนฝุ่นละออง ฟลุ๊คเริ่มใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นเดินเที่ยวในตัวเมืองมากขึ้นไปในที่มีผู้คนเดินมากมายตามถนนคนเดินท่าแพเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องคิดอะไรมากมายและเดินเค้าตามร้านเหล้าต่างๆเพื่อนให้ผ่านทุกวันได้โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาได้ผ่านไป
“นายจะทำตัวอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้นะฟลุ๊ค”
ฟลุ๊คตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเค้ามองไปรอบร้านก็ไม่เห็นคนที่เค้าคิดว่าใช้ เค้ามองนาฬิกาละคิดว่าถึงเวลาจ่ายเงินแล้วกลับบ้านได้แล้วฟลุ๊คโบกเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านเค้าเห็นมิลล์มองเค้าอยู่ข้างทางเค้ามองแล้วก็หลับตาและบอกตัวเองว่ามันคือภาพลวงตาสักพักหนึ่งมีรถหลายคันมาตัดหน้ารถของฟลุ๊คและมีพวกผู้ชายใส่ชุดโบราณเหมือนนักล่าปีศาจลงมาจากรถและเดินจะมาจับตัวฟลุ๊ค
“ลงมาจากรถถ้าไม่อยากโดนทำร้าย”
ฟลุ๊คมองหน้าพร้อมกับอาการมึนเมาตอนนี้เค้าพร้อมมีเรื่องกลับทุกสิ่งอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตของเค้า ฟลุ๊คเดินลงมาจากรถก่อนที่จะต้อยหน้าพวกใส่ชุดโบราณหนึ่งคนก่อนที่จะโดนอีกคนตีหลังคอแล้วหมดสติไปเค้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเค้าเอามือจับหัวก่อนที่จะมองไปรอบๆและเห็นรถชนต้นไม้และพวกที่จับเค้ามานอนตายเหมือนโดนอะไรทำร้ายก่อนจะมีคนเปิดประตู
“ลงมาจากรถถ้ายังไม่อยากตายหรืออยากตายอยู่ตรงนี้?”
ฟลุ๊คมองหน้าก่อนที่จะถามคำถามกับคนที่มีผ้าปิดปาก
“พวกคุณเป็นใครกันทำไมต้องช่วยผม ผมไม่มีอะไรให้พวกคุณหรอกนะ”
หลังจากฟลุ๊คพูดจบก็มีพรรคพวกเดินมาอีกหนึ่งกลุ่ม
“มิลล์รีบพาฟลุ๊คไปจากที่นี้เร็วพวกนอสเฟอราตู (Nosferatu) กำลังตามพวกเรามาแล้วส่วนพวกคนในรถคนไหนที่ยังมีสติอยู่เดียวพวกเราจะพาเค้ากลับโรงเรียนเองแต่ตอนนี้หนีไปจากที่นี้ก่อนพวกนั่นต้องการตัวฟลุ๊ค”
มิลล์หันหน้ากลับมามองฟลุ๊คด้วยความเป็นห่วง
“ไปสิรีบหนีไปก่อน”
หลังจากพรรคพวกพูดจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องทำ มิลล์ก็จับมือฟลุ๊คก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถ ระหว่างวิ่งไปที่รถพลุ๊คก็ได้แต่มองมือที่จับและมองไปที่มิลล์เค้าคิดว่าฝันอยู่แน่นอน ฟลุ๊คเกิดคำถามมากมายในหัวใจว่าเกิดอะไรขึ้นมิลล์หายไปไหนแล้วทำไมเค้าถึงกลับมาช่วยฟลุ๊คกัน ทั้งสองคนวิ่งมาถึงรถที่จอดอยู่ทั้งคู่ขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หายไปไหนมาตั้ง 2 ปี ทำไมจะไปถึงไม่บอกกันสักคำเกิดอะไรขึ้น”
มิลล์ไม่ตอบเค้าคงขับรถต่อไปโดยไม่ตอบคำถามของฟลุ๊คสักคำ
“นายคิดจะไม่ตอบคำถามของฉันสักหน่อยหรอ”
มิลล์จอดรถและเอาผ้าปิดปากออกและมองมาที่ฟลุ๊คด้วยหน้าตาที่เศร้าพร้อมกลับดวงตาสีม่วง
“นายต้องการรู้เรื่องนั่นใช้ไหม...ได้ฉันจะเล่าให้นายฟัง วันนั่นฉันร้อนเนื้อร้อนตัวที่จะไปหานายที่โรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงนายขนาดไหนนายเคยรู้หรือป่าว หลังจากที่มีคนจากโรงพยาบาลโทรมาที่บ้านนาย ฉันรีบเดินไปเรียกรถแท็กซี่แต่ไม่มีรถแท็กซี่ที่ไหนรับฉันสักคันและนายก็ไปหาเรื่องใครก็ไม่รู้และนายต้องเจ็บเพราะฉัน”
มิลล์มองไปที่หน้าต่างรถพร้อมกับจับหัวตอนนี้อารมณ์ของมิลล์เต็มไปด้วยสีเทา
“แต่มันไม่สำคัญหรอกฉันต้องขอบคุณน้องเปอร์ที่ขับรถผ่านมาพอดีและรับฉันไปหานายที่โรงพยาบาลวันนั่น พอถึงที่โรงพยาบาลฉันก็ถามนางพยาบาลว่านายอยู่ห้องไหนแต่พอฉันไปถึงนายรู้ไหมว่าฉันเห็นอะไร”
มิลล์หันหน้ากลับมาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งดูแลนายเป็นห่วงนาย ฉันบอกกับตัวเองเลยว่านายคงไม่ต้องการฉัน ฉันเลยเดินออกมาเขียนโน้ตแล้วฝากให้นางพยาบาลไปให้นาย หลังจากนั้นนายก็คงรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นนายวิ่งออกมาโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเองพอถึงหน้าประตูที่รถฉันผ่านนายก็หมดสติและฉันก็วิ่งลงไปช่วยนาย หลังจากนั่นฉันก็อุ้มนายส่งถึงห้องพักและนายก็หมดสติฉันออกมาพร้อมความรู้สึกอะไรนายเคยรู้ไหม”
พอมิลล์พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมามันแสดงให้เห็นว่าคำตอบทั้งหมดมันคือความเจ็บปวดรวดร้าว
“นายเคยรู้ไหมว่าสิ่งที่ฉันวิ่งตามหามาตลอดเวลาที่ฉันยังเรียนอยู่มันคือนายเราเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนจนวันที่นายให้ฉันเข้าไปในห้องนอนของนายและฉันจำรูปถ่ายที่เห็นแต่ข้างหลังได้ว่านั่นมันคือฉันนายเคยเรียนที่กรุงเทพแต่พ่อแม่นายได้งานใหม่นายเลยต้องย้ายโรงเรียนตามพวกท่านและวันที่นายขับรถออกไปฉันก็ตามแอบไปส่งและแอบมองนายทุกวันตอนที่นายกลับบ้านแต่ไม่คิดว่าวันนั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นนาย 7 ปี ฉันตามหายนายตลอดเวลาจนช่วงสุดท้ายของชีวิตของฉันที่เป็นผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ ฉันกินยาเพื่อให้ได้พบเจอนายจนร่างกายของฉันนั่นโรยราฉันก็ได้คนที่ชุบชีวิตฉันคนใหม่ขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ นายเข้าใจหรือป่าวว่าตอนฉันรู้ว่าตัวเองเป็นโรคอะไรฉันเศร้าใจขนาดไหนและฉันไม่รู้เลยว่าจะได้เจอนายอีกหรือป่าว...”
มิลล์ยังพูดไม่ทันจบดีฟลุ๊คก็จับมิลล์มากอดเค้าไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามิลล์เค้าเป็นโรคอะไรขอแค่ตรงนี้ตอนนี้มีแค่มิลล์เค้าก็โอเคกับทุกอย่าง
“ไม่ร้องนะเราเข้าใจทุกอย่างแล้วไม่ต้องร้องนะเราจะไม่วิ่งหนีนายไปอีกแล้วไม่ว่าตอนนี้นายจะเป็นอะไรหรือเป็นโรคอะไรเราไม่สนใจทั้งนั่นขอแค่เราอยู่ด้วยกันเหมือนสมัยก่อนก็พอแล้ว”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่จะเช็ดน้ำตา
“ฉันคงให้สัญญาณกลับนายไม่ได้หรอกนะ ฉันเปลี่ยนไปแล้วหลังจากนี้นายต้องดูแลตัวเองนะสัญญาณกับฉันว่านายจะไม่ทำแบบนี้อีกเพราะฉันไม่อยากเสียนายไปเหมือนครั้งก่อน”
มิลล์ขับรถออกไปโดยทิ้งคำถามมากมายว่าทำเค้าทั้งสองคนถึงกลับมาอยู่เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ก่อนที่จะขับรถมาถึงหน้าบ้านของฟลุ๊คก่อนที่ฟลุ๊คจะลงจากรถทั้งคู่ลงมองหน้ากัน
“เออ...ฟลุ๊คของมือถือนายหน่อยสิ”
ฟลุ๊คเอามือจับกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหยิบมือถือยืนให้มิลล์
“มือถือเรามีอะไรหรอป่าว?”
มิลล์หยิบมือถือตัวเองมาสแกนคิวอาร์โค้ดไลน์ของฟลุ๊คพร้อมกดเบอร์โทรของฟลุ๊คเข้าไปที่เครื่องของตัวเอง
“นี้ไลน์กลับเบอร์โทรศัพท์ของเรานะมีอะไรสำคัญโทรมา ถ้าไม่ค่อยสำคัญก็ไลน์มาแล้วกันนะ”
ฟลุ๊คยิ้ม
“ฉันส่งนายถึงบ้านแล้วกลับเข้าบ้านดีๆนะ”
ฟลุ๊คมองที่ตาของมิลล์มันกลับเป็นสีเดิมแล้วมิลล์โบกมือบ๊ายบายก่อนที่จะขับรถออกไป ฟลุ๊คยืนมองรถที่กำลังออกไปจนสุดสายตาก่อนที่ฟลุ๊คจะเปิดประตูและเดินเข้าบ้าน เมื่อฟลุ๊คเข้ามาถึงในเค้าเปิดไฟในบ้านฟลุ๊คมองไปรอบๆห้องนั่งเล่นเค้าเปลี่ยนไปเป็นคนขี้เมาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟลุ๊คจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฟลุ๊คเลิกคิดแล้วเดินไปเก็บขวดเบียร์และกระป๋องเบียร์ที่เต็มอยู่ห้องนั่งเล่นและห้องครัวทั้งหมดใส่ถุงดำและเดินออกไปทิ้งถังขยะข้างนอกบ้านเค้ามองดูพระจันทร์ก่อนที่จะหยิบมือถือแล้วมองที่เบอร์ของมิลล์ ฟลุ๊คคิดอยู่ในใจว่าจะกดโทรหาดีไหมก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋าสักพักหนึ่งก็มีเสียงเรียกเข้า
“ฮัลโหล? ”
“คิดถึงฉันหรือไงนี้พึ่งผ่านมาสิบห้านาทีเองนะ”
ฟลุ๊คตกใจแต่เค้าก็อมยิ้ม
“นายอยากให้ฉันไปหาหรือป่าว?”
“ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้มันดึกแล้ว”
ฟลุ๊คยังยังไม่ทันจบดี
“ฉันอยู่หน้าบ้านแล้วออกมารับหน่อยสิ”
ฟลุ๊คตกใจมากกว่าเก่าอีกเพราะไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้แต่เค้าก็เดินออกมาดูหน้าบ้านแล้วก็เจอมิลล์ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกล้องที่ปิดผนึกอยู่หนึ่งใบ มิลล์มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเห็นฟลุ๊คแล้วยิ้มให้กัน ก่อนที่ฟลุ๊คเปิดประตูบ้านให้มิลล์เข้ามาพร้อมรอล็อคประตูบ้าน
“ขอโทษทีนะที่มาดึกขนาดนี้แถมเจ้าของบ้านยังไม่อนุญาตด้วยคือฉันเป็นห่วงนายคิดว่าพวกที่ตามล่านายจะตามมาถึงนี้ฉันเลยต้องมาขออยู่ด้วยสักพัก”
ฟลุ๊คมองกล่องแล้วสงสัย
“ไม่เป็นไรจริงฉันก็อยากให้นายมาอยู่แล้ว...ข้างในกล่องมีอะไรหรอหรือเอาอะไรมาฝากเรา?”
ฟลุ๊คก้มหน้าพร้อมอมยิ้ม
“ป่าวหรอกของกินเราเองงั้นฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะ”
ฟลุ๊คมองกล่องรอบๆพร้อมเขย่าฟังเสียงก่อนที่จะถือเก็บที่มือข้างซ้าย
“พวกน้ำหรอในบ้านเราก็มีเยอะแยะนะ”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่จะจับหน้าของฟลุ๊คเบาๆพร้อมกระซิบข้างหู
“มะเขือเทศผสมเลือดหรือนายจะให้ฉันกินเลือดนายกัน”
มิลล์ยิ้มพร้อมจับมือฟลุ๊คเดินเข้าบ้าน เมื่อถึงในบ้านฟลุ๊คก็เอาของไปเก็บที่ตู้เย็นก่อนและบอกให้มิลล์ไปอาบน้ำก่อนแล้วเค้าจะตามไปทีหลัง ฟลุ๊คเปิดกล่องหยิบถุงมามองลักษณะของถุงเหมือนถุงเจเล่แต่ถุงนี้ใส่และมองเห็นข้างในเป็นสีแดงเข้มข้น ฟลุ๊คเก็บของทั้งหมดใส่ตู้เย็นเสร็จฟลุ๊คก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำต่อจากมิลล์
หลังจากฟลุ๊คอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเค้าก็เข้ามาที่ห้องนอนของมิลล์
“นอนหรือยัง?”
มิลล์กำลังนอนอ่านหนังสือก็หันมามองพร้อมกลับรอยยิ้ม
“ยังเลย ฟลุ๊คมีอะไรหรอ?”
“พวกที่ตามฆ่าเรามันคือตัวอะไรหรอ”
มิลล์ปิดหนังสือแล้วก็มองหน้าฟลุ๊คพร้อมเรียกให้เดินมานั่งข้างๆ
“แวมไพร์มีทั้งหมดเจ็ดเผ่ามี แกงเกลียว (Gangrel), บรูฮา (Brujah) , มัลเคเวี่ยน (Malkavian) โทเรเดอร์ (Toreador), ทราแมร์ (Trmere) , เวนทรู (Ventrue) และ นอสเฟอราตู (Nosferatu) งั้นวันนี้ก็จะอธิบายนอสเฟอราตู (Nosferatu) ให้ฟังก่อนแล้วกันเป็นแวมไพร์เผ่าหน้าตาอัปลักษณ์ เวลาจะไปไหนจะเดินบนทางเท้าธรรมดาไม่ได้จะต้องเดินตามท่อน้ำ แต่พวกนี้ก็มีความสามารถในการล่องหน สะกดรอยตาม ซ่อนตัว ถ้ามีมนุษย์เห็นหน้าก็อาจทำให้ค่าการปกปิดตัวตนของพวกมันหายวับไปทันที แถมเวลาจะกินเลือดก็ต้องจับหนูในท่อน้ำกิน ที่ฉันรู้ก็ประมาณนี้”
มิลล์มองหน้าฟลุ๊คก่อนที่ตาทั้งสองจะจ้องมองกัน
“ฉันว่าเราทั้งสองควรแยกกันนอนได้แล้วนะส่วนเรื่องเผ่าที่เหลือวันหลังฉันค่อยเล่าให้นายฟังใหม่”
ฟลุ๊คเดินลงมากจากเตียงและเดินไปหน้าประตูก่อนที่จะหันหลังมาถามมิลล์
“คนกับแวมไพร์เค้าจะรักกันได้ไหม?”
มิลล์มองหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่ฟลุ๊คจะปิดประตู มิลล์ก้มหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ