หอคอยรักเจ้าชายแวมไพร์ (บทนำ)
9.0
เขียนโดย papa_sang
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.31 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,966 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 11.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ2
ดูเหมือนว่าหลายคนจะดูตื่นเต้นกับการมาเรียนวันแรก นั่นหมายถึงสองสาวที่กำลังเดินเข้าห้องเรียนอยู่ตอนนี้ด้วย
“เอาล่ะทุกคนเงียบได้แล้ว วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่จะแนะนำให้รู้จัก” เสียงนกกระจิบในห้องเงียบไปแล้ว “เชิญจ้ะสองสาว”
ทั้งสองเดินไปหยุดยืนหน้าชั้นเรียน
“สวัสดี ฉันลีน่ายินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันกอหญ้า ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
สองสาวยิ้มแย้มให้กับเพื่อนร่วมห้องใบหน้าสดใส ดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีต้อนรับเธอสองคนไม่น้อย เสียงหนุ่มเป่าปากโห่แซวในขณะที่นักเรียนหญิงก็ส่งยิ้มให้ด้วยความยินดี แต่ยกเว้นนักเรียนหญิงสาวคนนั้น ที่มองเธอสองคนใบหน้าบึ้งตึง
“อย่าสนใจเลย สามคนนั้นไม่ชอบให้ใครชมว่าสวยกว่าพวกหล่อน” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาต้อนรับเธอถึงหน้าห้องพร้อมกระซิบ “ฉันชื่อ ซานิ เป็นหัวหน้าห้องที่นั่งสำหรับเธอสองคนอยู่ด้านหลัง ตามฉันมาสิ” เจ้าของเสียงเดินนำหน้าไปแล้ว ลีน่าและกอหญ้าจึงเดินตามไปหลังชั้นเรียน
ไม่รู้ว่ากอหญ้าคิดมากไปหรือเปล่า ตอนที่เดินผ่านสามคนนั้นเธอแอบเห็นคนหนึ่งที่ดูจะเป็นหัวหน้าแก๊งเหยียดริมฝีปากใส่เธออย่างจงใจ ดูเหมือนชีวิตในการเรียนจะไม่ค่อยราบรื่นซะแล้ว....
สองสาววางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะที่หัวหน้าห้องพามาส่งก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนั่งที่ตามเดิม ก่อนไปเธอยังส่งยิ้มให้พวกเธอด้วย
“ฉันชื่อเทย์โอหล่อทีสุดในห้องนี้ยินดีที่รู้จัก”
“โม้น่า ฉันต่างหากล่ะที่หล่อที่สุด ฉันแชมป์”
สองหนุ่มหน้าหล่อพุ่งหน้าเข้าหาทันทีที่หัวหน้าห้องเดินจากไปเล่นเอาสองสาวตกใจสะดุ้งมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้ทั้งสองหนุ่มก่อนตอบพร้อมกันเสียงอ่อย
“สวัสดี....”
“บ้านพวกเธออยู่ที่ไหน?”
“ใครเป็นคนมาส่ง?”
“แล้วมีแฟนรึยัง?”
ปัง!
เสียงเปิดประตูเสียงดังจนทุกสายตาต้องหันไปมองเป็นทางเดียวกัน แต่มันก็ทำให้สองหนุ่มตรงหน้าหยุดยิงคำถามใส่เธอสองคนได้ในทันที
“เซ็งว่ะ..” สองหนุ่มหันมาบุ้ยปากยักไหล่ให้สองสาวแล้วกลับไปนั่งโต๊ะเรียนตามเดิม
ชายหนุ่มรางสูงเดินมือล้วงกระเป๋ากางเกงนักเรียนเข้ามาพร้อมกับร่างแบบบางแต่สูงเพรียวของหญิงสาวอีกคน สายตาของทั้งสองเรียบนิ่งเดินผ่านสองสาวไปนั่งโต๊ะข้างๆกันที่ถูกจัดไว้ติดริมหน้าต่าง กอหญ้ามองใบหน้าเรียวคมของชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ก่อนที่แววตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นจะมองกลับมาเธอถึงหันกลับไปจ้องหน้ากระดาน ผู้ชายคนนี้...ทำไมดูลึกลับชอบกล หรือบางทีเธออาจจะอุตริคิดไปเอง
“ฉันชื่อคาร์เลย์ ส่วนนี่ เอลลูญ์ เธอสองคนคงเป็นนักเรียนใหม่” หญิงสาวข้างชายหนุ่มแนะนำตัว
กอหญ้าหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับรอยยิ้มตอบกลับจากคนที่นั่งถัดไปเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของแววตาเรียบนิ่งนั้นมองเธอแค่แว้บเดียวก็หันกลับไป เธอถึงได้แค่ขมวดคิ้วมอง
“ฉันลีน่า ส่วนเพื่อนฉันชื่อกอหญ้า” ลีน่ายิ้มแย้มให้คาร์เลย์
การเรียนของวันแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง กอหญ้าจึงสลัดความคิดทั้งหลายทิ้งไปในตอนนั้น แต่ตลอดชั่วโมงเรียนเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองคนโต๊ะข้างก็เห็นว่าเขาเองก็ตั้งใจมองกระดานจดจ่อกับการเรียนไมต่างจากคนอื่น
“ฉันว่าเขาหล่อดีนะ” ลีน่ากระทุ้งแขนใส่เธอ
ก่อนพักเที่ยงสองสาวแวะเข้าห้องน้ำ กอหญ้าหันมองเพื่อนสาวพลางเลิกคิ้ว
“เธอหมายถึงใครเหรอ?”
“ก็เอลลูญ์ไง เธอไม่คิดเหมือนฉันรึไงล่ะ”
“อ่อ...ก็ดี” เธอยักไหล่แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างมือ
“ดูเหมือนว่าเธอสองคนจะยังไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะ”
ร่างบางโดนชนจนเซไปติดผนังห้องน้ำ เธอมองคนที่เข้ามาชนอย่างตั้งใจแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เพราะดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสองคนสักเท่าไหร่
“ฉันว่าเธอพูดมาเลยดีกว่า เพราะอ้อมค้อมไปเราคงไม่รู้หรอกว่าเธอหมายถึงอะไร”
“ดี...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้มาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก “ห้ามแกสองคนยุ่งกับเอลลูญ์ของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“เธอเป็นแฟนเขาเหรอ?” ลีน่าอดถามไม่ได้
ตาเรียวมองมาอารมณ์ขุ่น เธอผลักไหล่ลีน่าจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น พอเริ่มเห็นท่าทางว่าเพื่อนจะมีปัญหา หญิงสาวสองคนที่เฝ้าหน้าห้องน้ำก็เดินอาดเข้ามาประกบข้างสายตาจ้องมองสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“ใช่! แล้วแกจะทำไม”
“ฉะ...ฉันก็แค่ถามเฉยๆ” ลีน่าตอบเสียงสั่นหน้าซีด
“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ซะ”
นิ้วชี้จิ้มลงกลางหน้าฝากสองสาวเรียงตัว จนทั้งสามเดินออกจากห้องน้ำไปกอหญ้ากับลีน่าจึงลุกขึ้นปัดกระโปงป้อยๆ ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแหยๆ
“เธอคงไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอกนะลีน่า” กอหญ้าเอ่ยถามเพื่อน
“ก็แค่เห็นเค้าหล่อดีเฉยๆไม่ได้ชอบหรอก”
“ดีแล้ว”
ทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปโรงอาหารอยู่อยู่ไม่ไกล แต่พอเดินมาระยะหนึ่งกอหญ้าก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินเลาะเลี้ยวไปทางหลังอาคาร และดูเหมือนว่าเขาเองจะรู้ตัวว่ากำลังโดนเธอมองอยู่จึงตวัดสายตามองมาจนทั้งสองประสานสายตากันเพียงแว้บเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันกลับแล้วเดินหายไปด้านหลังอาคาร
“มีอะไรเหรอกอหญ้า” ลีน่าเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนหยุดเดิน หล่อนมองไปตามสายตาของเพื่อนแต่ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ” เธอตอบแล้วก็เดินนำหน้าไป
ภายในโรงอาหารเสียงดังจอแจ กอหญ้าซื้อข้าวเสร็จก็เดินมานั่งโต๊ะรอลีน่าที่แยกออกไปซื้อน้ำ ไม่นานนักหล่อนก็เดินฉีกยิ้มกลับมาพร้อมกับหญิงสาวที่เธอจำได้ว่าหล่อนคือซานิหัวหน้าห้องนั่นเอง
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เอาสิ ดีซะอีกนั่งกินหลายๆคน”
สามสาวนั่งทานข้าวคุยกันอย่างออกรสเอ่ยถามกันโน่นนี่นั่นจนเริ่มรู้สึกสนิทกัน ซานิดูเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนง่ายแถมคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ
“จริงสิ ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย” ลีน่าเอ่ยขึ้น
“ว่ามาสิ”
“คือ...ฉันอยากรู้ว่าสวนกุหลาบด้านหลังนั้นเป็นของโรงเรียนหรือเปล่า”
จบคำถามของลีน่าทั้งสองก็มองซานิจดจ่อรอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าคนพูดเจื้อยแจ้วเมื่อครู่จะเงียบกริบแล้วยังหน้าซีดไปอีก นั่นยิ่งทำให้คนที่รอฟังคำตอบอยากรู้เข้าไปอีกโดยเฉพาะกอหญ้า
“คือ...ฉันว่าพวกเธอไม่ต้องอยากรู้หรอก เพราะตรงนั้นเป็นที่ต้องห้าม”
“ทำไมแบบนั้นล่ะ ที่นั่นก็สวยออก”
นั่นสิ ทำไมกัน
“ฉันเองก็ไม่รู้...ฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะ”
ซานิลุกหายไปแล้ว ทิ้งให้สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ฉันว่าที่สวนกุหลาบนั่นต้องมีอะไรแน่ๆ” ลีน่าสันนิฐาน “หลังเลิกเรียนเราไปดูกันมั้ยกอหญ้า?”
คำชวนของลีน่าทำให้คำถามร้อยแปดที่เหมือนจะจางหายไปกลับมาก่อกวนเธออีกครั้งหลังจากวันนั้น บางทีเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เธอพบเจอในวันนั้นมันคืออะไรกันแน่
“ไม่ได้นะ...เธอสองคนห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด” ซานิที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ร้องเสียงดังจนหลายคนมองมายังพวกเธอ
“ทำไมล่ะซานิ ถ้าเธอไม่อยากให้พวกเราไปอย่างน้อยเธอก็น่าจะเล่าให้พวกเราฟังว่าทำไมที่นั่นถึงถูกห้ามให้เข้าไป”
ก็นั่นน่ะสิ...ทำไมที่นั่นถึงได้ถูกห้าม ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย
ซานิทำหน้าลำบากใจแต่ก็นั่งลงที่เดิมแล้วค่อยๆเล่าถึงสวนกุหลาบให้ทั้งสองสาวฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนกับกลัวว่าใครจะมาได้ยินสิ่งที่กำลังจะพูด
“มีคนบอกว่า เคยมีนักเรียนที่ฝ่าฝืนเข้าไปในนั้นแล้วหายตัวไป ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” คนเล่ากลืนน้ำลาย “อีกอย่าง ที่นั่นก็ไม่ใช่เขตของโรงเรียนแค่มีพื้นที่ติดกันเท่านั้น ด้านหลังมีรั้วลวดหนามกั้นอยู่”
“เธอหมายถึง...หายสาบสูญไปเลยน่ะเหรอ?” กอหญ้าเอ่ยถาม เธอเองก็อยากรู้เกี่ยวกับสวนกุหลาบนั่นเหมือนกัน
“ใช่...ผู้ปกครองจะฟ้องร้องทางโรงเรียนก็ทำไม่ได้ก็อย่างที่บอกว่าเพราะที่นั่นไม่ใช่ที่ของโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของที่ นักเรียนพวกนั้นแอบเข้าไปทั้งๆที่ทางโรงเรียนก็สั่งห้ามไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ถือว่านักเรียนเหล่านนั้นที่ผิดกฎ”
“เธอกำลังจะบอกว่า...มีนักเรียนหายไปมากกว่าหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ”
ซานิไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ
กอหญ้าเริ่มคิดหนักเหงื่อเริ่มผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ แต่บางทีเรื่องนี้อาจจะแค่เป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่เห็นจะหายตัวไปเหมือนอย่างที่ซานิว่านี่นา แต่ถึงยังนั้นเธอก็ยังหาเหตุผลมาเป็นคำตอบให้กับตัวเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้อยู่ดี
“เธอไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมซานิ?”
หญิงสาวส่ายหัวให้เธอแทนคำตอบก่อนพูด “ไม่เชื่อเธอลองไปถามใครก็ได้ แต่ยกเว้น เอ่อ....” สีหน้าเธอดูหนักใจที่จะพูดถึงใครคนนั้น
“ใครเหรอซานิ” ลีน่าเร่งเร้า
“ก็คาร์เลย์กับเอลลูญ์น่ะสิ”
“ทำไมถึงถามสองคนนั้นไม่ได้”
“ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกันน่าแล้วพวกเธอจะไม่เดือดร้อน ฉันต้องรีบไปแล้ว” ไม่ทันที่ทั้งสองจะทันได้เอ่ยถามอะไรต่อซานิก็เดินหายไปซะแล้ว
“ฉันว่ามันต้องมีอะไรที่นั่นแน่ๆ” ลีน่าพูดลอยๆ
แต่นั่นเป็นคำพูดที่สามารถปลุกต่อมความอยากรู้ของกอหญ้าได้ไม่น้อย ถ้าอยากรู้นัก ก็ต้องสืบให้รู้สิว่าทำไมต้องห้ามเข้าไป แล้วคนที่หายไปไปอยู่กันที่ไหน ถ้าเป็นอะไรไปก็น่าจะพบหลักฐานะไรสักอย่างสิ จะหายสาบสูญไปเลยได้ยังไงกัน
“กอหญ้า...เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า” ลีน่าสะกิดจนเธอสะดุ้งพร้อมกับเรียกชื่อเพื่อนซ้ำเป็นครั้งที่สาม
“วะ..ว่าไงนะ”
“ก็ฉันถามว่าเธอนั่งเหม่อทำไมน่ะสิ แล้วสรุปว่าเหม่อคิดอะไรอยู่ยะ?”
“เปล่า...ไม่มีอะไร ฉันก็คิดเรื่องโน่นนี่นั่นไปเรื่อย” เธอตอบ
กอหญ้ายังไม่อยากเล่าเรื่องที่แอบเข้าไปในสวนกุหลาบในวันนั้นให้เพื่อนฟังจนกว่าเธอจะหาคำตอบบางอย่างได้มากกว่านี้
หลังโรงเรียนงั้นเหรอ?...
สองสาวเดินออกจากโรงอาหารมานั่งเล่นใต้ต้นก้ามปูใหญ่ใกล้ๆสนามบอลรอเวลาเข้าเรียนในภาคบ่าย ซึ่งจะเริ่มในอีกราวๆยี่สิบห้านาที
“ฉันปวดท้องเข้าห้องน้ำ เธอจะไปกับฉันไหมลีน่า”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวฉันนั่งอ่านหนังสือรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าให้เธอแทนคำตอบแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก แต่พอเดินมาถึงจุดที่เธอเห็นเขาคนนั้นเดินเข้าไปหญิงสาวก็หยุดเดินแล้วมองไปตามแนวอาคาร ทางนั้นน่าจะเป็นหลังโรงเรียน เขาจะไปที่นั่นทำไมนะ ‘สวนกุหลาบติดกับด้านหลังของโรงเรียน’ ใช่จริงๆด้วย เท้าของเธอเร็วยิ่งกว่าความคิด กอหญ้าเปลี่ยนเป้าหมายจากห้องน้ำเป็นหลังโรงเรียนในทันที
ถัดจากอาคารเรียนสามชั้นด้านหน้าเป็นอาคารชั้นเดียวที่มีไว้เก็บของพวกจำพวกโต๊ะเก้าอี้ต่างๆ มองลึกเข้าไปอีกก็จะเห็นเป็นรั้วลวดหนามกั้นเหมือนอย่างที่ซานิว่า กอหญ้าเดินมาหยุดอยู่หลังรั้วลวดหนามแล้วมองเข้าไปในสวนกุหลาบ ‘เอลลูญ์เข้ามาทางนี้ แล้วเขาเข้ามาทำอะไรในเมื่อก็ไม่เห็นมีอะไรนี้นา’ อยู่ดีๆก็ได้คำถามในหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เธอกำลังจะถอยหลังกลับแต่ก็เหลือบไปเห็นบริเวณที่รั้วขาดเป็นทางเข้าออกอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปตามทางนั้น หรือว่าเขาจะเข้าไปในสวนกุหลาบนี่นะ ต้องใช่แน่ๆ
ขาเรียวก้าวเข้ามาในสวนกุหลาบอีกครั้งโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากเขาเข้ามาในนี้จริงแล้วเธอจะตามเขาเข้ามาทำไม แต่ความอยากรู้นั้นมีอยู่มากจนมองไม่เห้นความขัดแย้งในความคิดในตอนนี้
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงสัญญาณเตือนเข้าเรียนภาคบ่ายดังขึ้นดึงสติของกอหญ้าให้กลับมา เธอชะงักฝีเท้าเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับ ‘คงไม่ได้เข้ามาหรอกมั้ง’ เธอคิดเช่นนั้นแล้วเดินกลับออกไป แต่ก่อนที่เธอจะไปก้าวขาพ้นเข้าไปในเขตรั้วโรงเรียนกิ่งกุหลาบที่ยื่นพ้นออกมาก็ข่วนเข้าที่ต้นแขนจนได้แผลเลือดซิบเข้าจนได้ ถึงแผลจะไม่ใหญ่ แต่ก็ควรจะล้างแผลเพื่อความปรอดภัย
กลิ่นเลือดลอยแตะจมูกกระตุ้นอารมณ์ร้อนในกายให้พลุกพล่าน นัยน์ตาสีแดงเพลิงจ้องมองสาวน้อยเดินหายกลับไปด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมเธอถึงต่อต้านกับพลังสะกดจิตรได้?”
“นั่นสิ...ทำไมถึงต้านทานได้”
คำถามนั้น เขาและเธอเท่านั้นที่จะต้องเป็นคนหาคำตอบให้กับตัวเอง
ดูเหมือนว่าหลายคนจะดูตื่นเต้นกับการมาเรียนวันแรก นั่นหมายถึงสองสาวที่กำลังเดินเข้าห้องเรียนอยู่ตอนนี้ด้วย
“เอาล่ะทุกคนเงียบได้แล้ว วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่จะแนะนำให้รู้จัก” เสียงนกกระจิบในห้องเงียบไปแล้ว “เชิญจ้ะสองสาว”
ทั้งสองเดินไปหยุดยืนหน้าชั้นเรียน
“สวัสดี ฉันลีน่ายินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันกอหญ้า ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
สองสาวยิ้มแย้มให้กับเพื่อนร่วมห้องใบหน้าสดใส ดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีต้อนรับเธอสองคนไม่น้อย เสียงหนุ่มเป่าปากโห่แซวในขณะที่นักเรียนหญิงก็ส่งยิ้มให้ด้วยความยินดี แต่ยกเว้นนักเรียนหญิงสาวคนนั้น ที่มองเธอสองคนใบหน้าบึ้งตึง
“อย่าสนใจเลย สามคนนั้นไม่ชอบให้ใครชมว่าสวยกว่าพวกหล่อน” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาต้อนรับเธอถึงหน้าห้องพร้อมกระซิบ “ฉันชื่อ ซานิ เป็นหัวหน้าห้องที่นั่งสำหรับเธอสองคนอยู่ด้านหลัง ตามฉันมาสิ” เจ้าของเสียงเดินนำหน้าไปแล้ว ลีน่าและกอหญ้าจึงเดินตามไปหลังชั้นเรียน
ไม่รู้ว่ากอหญ้าคิดมากไปหรือเปล่า ตอนที่เดินผ่านสามคนนั้นเธอแอบเห็นคนหนึ่งที่ดูจะเป็นหัวหน้าแก๊งเหยียดริมฝีปากใส่เธออย่างจงใจ ดูเหมือนชีวิตในการเรียนจะไม่ค่อยราบรื่นซะแล้ว....
สองสาววางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะที่หัวหน้าห้องพามาส่งก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนั่งที่ตามเดิม ก่อนไปเธอยังส่งยิ้มให้พวกเธอด้วย
“ฉันชื่อเทย์โอหล่อทีสุดในห้องนี้ยินดีที่รู้จัก”
“โม้น่า ฉันต่างหากล่ะที่หล่อที่สุด ฉันแชมป์”
สองหนุ่มหน้าหล่อพุ่งหน้าเข้าหาทันทีที่หัวหน้าห้องเดินจากไปเล่นเอาสองสาวตกใจสะดุ้งมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้ทั้งสองหนุ่มก่อนตอบพร้อมกันเสียงอ่อย
“สวัสดี....”
“บ้านพวกเธออยู่ที่ไหน?”
“ใครเป็นคนมาส่ง?”
“แล้วมีแฟนรึยัง?”
ปัง!
เสียงเปิดประตูเสียงดังจนทุกสายตาต้องหันไปมองเป็นทางเดียวกัน แต่มันก็ทำให้สองหนุ่มตรงหน้าหยุดยิงคำถามใส่เธอสองคนได้ในทันที
“เซ็งว่ะ..” สองหนุ่มหันมาบุ้ยปากยักไหล่ให้สองสาวแล้วกลับไปนั่งโต๊ะเรียนตามเดิม
ชายหนุ่มรางสูงเดินมือล้วงกระเป๋ากางเกงนักเรียนเข้ามาพร้อมกับร่างแบบบางแต่สูงเพรียวของหญิงสาวอีกคน สายตาของทั้งสองเรียบนิ่งเดินผ่านสองสาวไปนั่งโต๊ะข้างๆกันที่ถูกจัดไว้ติดริมหน้าต่าง กอหญ้ามองใบหน้าเรียวคมของชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ก่อนที่แววตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นจะมองกลับมาเธอถึงหันกลับไปจ้องหน้ากระดาน ผู้ชายคนนี้...ทำไมดูลึกลับชอบกล หรือบางทีเธออาจจะอุตริคิดไปเอง
“ฉันชื่อคาร์เลย์ ส่วนนี่ เอลลูญ์ เธอสองคนคงเป็นนักเรียนใหม่” หญิงสาวข้างชายหนุ่มแนะนำตัว
กอหญ้าหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับรอยยิ้มตอบกลับจากคนที่นั่งถัดไปเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของแววตาเรียบนิ่งนั้นมองเธอแค่แว้บเดียวก็หันกลับไป เธอถึงได้แค่ขมวดคิ้วมอง
“ฉันลีน่า ส่วนเพื่อนฉันชื่อกอหญ้า” ลีน่ายิ้มแย้มให้คาร์เลย์
การเรียนของวันแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง กอหญ้าจึงสลัดความคิดทั้งหลายทิ้งไปในตอนนั้น แต่ตลอดชั่วโมงเรียนเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองคนโต๊ะข้างก็เห็นว่าเขาเองก็ตั้งใจมองกระดานจดจ่อกับการเรียนไมต่างจากคนอื่น
“ฉันว่าเขาหล่อดีนะ” ลีน่ากระทุ้งแขนใส่เธอ
ก่อนพักเที่ยงสองสาวแวะเข้าห้องน้ำ กอหญ้าหันมองเพื่อนสาวพลางเลิกคิ้ว
“เธอหมายถึงใครเหรอ?”
“ก็เอลลูญ์ไง เธอไม่คิดเหมือนฉันรึไงล่ะ”
“อ่อ...ก็ดี” เธอยักไหล่แล้วเปิดก๊อกน้ำล้างมือ
“ดูเหมือนว่าเธอสองคนจะยังไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะ”
ร่างบางโดนชนจนเซไปติดผนังห้องน้ำ เธอมองคนที่เข้ามาชนอย่างตั้งใจแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เพราะดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสองคนสักเท่าไหร่
“ฉันว่าเธอพูดมาเลยดีกว่า เพราะอ้อมค้อมไปเราคงไม่รู้หรอกว่าเธอหมายถึงอะไร”
“ดี...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้มาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก “ห้ามแกสองคนยุ่งกับเอลลูญ์ของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“เธอเป็นแฟนเขาเหรอ?” ลีน่าอดถามไม่ได้
ตาเรียวมองมาอารมณ์ขุ่น เธอผลักไหล่ลีน่าจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น พอเริ่มเห็นท่าทางว่าเพื่อนจะมีปัญหา หญิงสาวสองคนที่เฝ้าหน้าห้องน้ำก็เดินอาดเข้ามาประกบข้างสายตาจ้องมองสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“ใช่! แล้วแกจะทำไม”
“ฉะ...ฉันก็แค่ถามเฉยๆ” ลีน่าตอบเสียงสั่นหน้าซีด
“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ซะ”
นิ้วชี้จิ้มลงกลางหน้าฝากสองสาวเรียงตัว จนทั้งสามเดินออกจากห้องน้ำไปกอหญ้ากับลีน่าจึงลุกขึ้นปัดกระโปงป้อยๆ ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแหยๆ
“เธอคงไม่ได้ชอบหมอนั่นหรอกนะลีน่า” กอหญ้าเอ่ยถามเพื่อน
“ก็แค่เห็นเค้าหล่อดีเฉยๆไม่ได้ชอบหรอก”
“ดีแล้ว”
ทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปโรงอาหารอยู่อยู่ไม่ไกล แต่พอเดินมาระยะหนึ่งกอหญ้าก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินเลาะเลี้ยวไปทางหลังอาคาร และดูเหมือนว่าเขาเองจะรู้ตัวว่ากำลังโดนเธอมองอยู่จึงตวัดสายตามองมาจนทั้งสองประสานสายตากันเพียงแว้บเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันกลับแล้วเดินหายไปด้านหลังอาคาร
“มีอะไรเหรอกอหญ้า” ลีน่าเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนหยุดเดิน หล่อนมองไปตามสายตาของเพื่อนแต่ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ” เธอตอบแล้วก็เดินนำหน้าไป
ภายในโรงอาหารเสียงดังจอแจ กอหญ้าซื้อข้าวเสร็จก็เดินมานั่งโต๊ะรอลีน่าที่แยกออกไปซื้อน้ำ ไม่นานนักหล่อนก็เดินฉีกยิ้มกลับมาพร้อมกับหญิงสาวที่เธอจำได้ว่าหล่อนคือซานิหัวหน้าห้องนั่นเอง
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เอาสิ ดีซะอีกนั่งกินหลายๆคน”
สามสาวนั่งทานข้าวคุยกันอย่างออกรสเอ่ยถามกันโน่นนี่นั่นจนเริ่มรู้สึกสนิทกัน ซานิดูเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนง่ายแถมคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ
“จริงสิ ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย” ลีน่าเอ่ยขึ้น
“ว่ามาสิ”
“คือ...ฉันอยากรู้ว่าสวนกุหลาบด้านหลังนั้นเป็นของโรงเรียนหรือเปล่า”
จบคำถามของลีน่าทั้งสองก็มองซานิจดจ่อรอคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าคนพูดเจื้อยแจ้วเมื่อครู่จะเงียบกริบแล้วยังหน้าซีดไปอีก นั่นยิ่งทำให้คนที่รอฟังคำตอบอยากรู้เข้าไปอีกโดยเฉพาะกอหญ้า
“คือ...ฉันว่าพวกเธอไม่ต้องอยากรู้หรอก เพราะตรงนั้นเป็นที่ต้องห้าม”
“ทำไมแบบนั้นล่ะ ที่นั่นก็สวยออก”
นั่นสิ ทำไมกัน
“ฉันเองก็ไม่รู้...ฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะ”
ซานิลุกหายไปแล้ว ทิ้งให้สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ฉันว่าที่สวนกุหลาบนั่นต้องมีอะไรแน่ๆ” ลีน่าสันนิฐาน “หลังเลิกเรียนเราไปดูกันมั้ยกอหญ้า?”
คำชวนของลีน่าทำให้คำถามร้อยแปดที่เหมือนจะจางหายไปกลับมาก่อกวนเธออีกครั้งหลังจากวันนั้น บางทีเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เธอพบเจอในวันนั้นมันคืออะไรกันแน่
“ไม่ได้นะ...เธอสองคนห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด” ซานิที่ไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ร้องเสียงดังจนหลายคนมองมายังพวกเธอ
“ทำไมล่ะซานิ ถ้าเธอไม่อยากให้พวกเราไปอย่างน้อยเธอก็น่าจะเล่าให้พวกเราฟังว่าทำไมที่นั่นถึงถูกห้ามให้เข้าไป”
ก็นั่นน่ะสิ...ทำไมที่นั่นถึงได้ถูกห้าม ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย
ซานิทำหน้าลำบากใจแต่ก็นั่งลงที่เดิมแล้วค่อยๆเล่าถึงสวนกุหลาบให้ทั้งสองสาวฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนกับกลัวว่าใครจะมาได้ยินสิ่งที่กำลังจะพูด
“มีคนบอกว่า เคยมีนักเรียนที่ฝ่าฝืนเข้าไปในนั้นแล้วหายตัวไป ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” คนเล่ากลืนน้ำลาย “อีกอย่าง ที่นั่นก็ไม่ใช่เขตของโรงเรียนแค่มีพื้นที่ติดกันเท่านั้น ด้านหลังมีรั้วลวดหนามกั้นอยู่”
“เธอหมายถึง...หายสาบสูญไปเลยน่ะเหรอ?” กอหญ้าเอ่ยถาม เธอเองก็อยากรู้เกี่ยวกับสวนกุหลาบนั่นเหมือนกัน
“ใช่...ผู้ปกครองจะฟ้องร้องทางโรงเรียนก็ทำไม่ได้ก็อย่างที่บอกว่าเพราะที่นั่นไม่ใช่ที่ของโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของที่ นักเรียนพวกนั้นแอบเข้าไปทั้งๆที่ทางโรงเรียนก็สั่งห้ามไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ถือว่านักเรียนเหล่านนั้นที่ผิดกฎ”
“เธอกำลังจะบอกว่า...มีนักเรียนหายไปมากกว่าหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ”
ซานิไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ
กอหญ้าเริ่มคิดหนักเหงื่อเริ่มผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ แต่บางทีเรื่องนี้อาจจะแค่เป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่เห็นจะหายตัวไปเหมือนอย่างที่ซานิว่านี่นา แต่ถึงยังนั้นเธอก็ยังหาเหตุผลมาเป็นคำตอบให้กับตัวเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้อยู่ดี
“เธอไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมซานิ?”
หญิงสาวส่ายหัวให้เธอแทนคำตอบก่อนพูด “ไม่เชื่อเธอลองไปถามใครก็ได้ แต่ยกเว้น เอ่อ....” สีหน้าเธอดูหนักใจที่จะพูดถึงใครคนนั้น
“ใครเหรอซานิ” ลีน่าเร่งเร้า
“ก็คาร์เลย์กับเอลลูญ์น่ะสิ”
“ทำไมถึงถามสองคนนั้นไม่ได้”
“ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกันน่าแล้วพวกเธอจะไม่เดือดร้อน ฉันต้องรีบไปแล้ว” ไม่ทันที่ทั้งสองจะทันได้เอ่ยถามอะไรต่อซานิก็เดินหายไปซะแล้ว
“ฉันว่ามันต้องมีอะไรที่นั่นแน่ๆ” ลีน่าพูดลอยๆ
แต่นั่นเป็นคำพูดที่สามารถปลุกต่อมความอยากรู้ของกอหญ้าได้ไม่น้อย ถ้าอยากรู้นัก ก็ต้องสืบให้รู้สิว่าทำไมต้องห้ามเข้าไป แล้วคนที่หายไปไปอยู่กันที่ไหน ถ้าเป็นอะไรไปก็น่าจะพบหลักฐานะไรสักอย่างสิ จะหายสาบสูญไปเลยได้ยังไงกัน
“กอหญ้า...เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า” ลีน่าสะกิดจนเธอสะดุ้งพร้อมกับเรียกชื่อเพื่อนซ้ำเป็นครั้งที่สาม
“วะ..ว่าไงนะ”
“ก็ฉันถามว่าเธอนั่งเหม่อทำไมน่ะสิ แล้วสรุปว่าเหม่อคิดอะไรอยู่ยะ?”
“เปล่า...ไม่มีอะไร ฉันก็คิดเรื่องโน่นนี่นั่นไปเรื่อย” เธอตอบ
กอหญ้ายังไม่อยากเล่าเรื่องที่แอบเข้าไปในสวนกุหลาบในวันนั้นให้เพื่อนฟังจนกว่าเธอจะหาคำตอบบางอย่างได้มากกว่านี้
หลังโรงเรียนงั้นเหรอ?...
สองสาวเดินออกจากโรงอาหารมานั่งเล่นใต้ต้นก้ามปูใหญ่ใกล้ๆสนามบอลรอเวลาเข้าเรียนในภาคบ่าย ซึ่งจะเริ่มในอีกราวๆยี่สิบห้านาที
“ฉันปวดท้องเข้าห้องน้ำ เธอจะไปกับฉันไหมลีน่า”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวฉันนั่งอ่านหนังสือรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าให้เธอแทนคำตอบแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก แต่พอเดินมาถึงจุดที่เธอเห็นเขาคนนั้นเดินเข้าไปหญิงสาวก็หยุดเดินแล้วมองไปตามแนวอาคาร ทางนั้นน่าจะเป็นหลังโรงเรียน เขาจะไปที่นั่นทำไมนะ ‘สวนกุหลาบติดกับด้านหลังของโรงเรียน’ ใช่จริงๆด้วย เท้าของเธอเร็วยิ่งกว่าความคิด กอหญ้าเปลี่ยนเป้าหมายจากห้องน้ำเป็นหลังโรงเรียนในทันที
ถัดจากอาคารเรียนสามชั้นด้านหน้าเป็นอาคารชั้นเดียวที่มีไว้เก็บของพวกจำพวกโต๊ะเก้าอี้ต่างๆ มองลึกเข้าไปอีกก็จะเห็นเป็นรั้วลวดหนามกั้นเหมือนอย่างที่ซานิว่า กอหญ้าเดินมาหยุดอยู่หลังรั้วลวดหนามแล้วมองเข้าไปในสวนกุหลาบ ‘เอลลูญ์เข้ามาทางนี้ แล้วเขาเข้ามาทำอะไรในเมื่อก็ไม่เห็นมีอะไรนี้นา’ อยู่ดีๆก็ได้คำถามในหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เธอกำลังจะถอยหลังกลับแต่ก็เหลือบไปเห็นบริเวณที่รั้วขาดเป็นทางเข้าออกอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปตามทางนั้น หรือว่าเขาจะเข้าไปในสวนกุหลาบนี่นะ ต้องใช่แน่ๆ
ขาเรียวก้าวเข้ามาในสวนกุหลาบอีกครั้งโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากเขาเข้ามาในนี้จริงแล้วเธอจะตามเขาเข้ามาทำไม แต่ความอยากรู้นั้นมีอยู่มากจนมองไม่เห้นความขัดแย้งในความคิดในตอนนี้
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงสัญญาณเตือนเข้าเรียนภาคบ่ายดังขึ้นดึงสติของกอหญ้าให้กลับมา เธอชะงักฝีเท้าเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับ ‘คงไม่ได้เข้ามาหรอกมั้ง’ เธอคิดเช่นนั้นแล้วเดินกลับออกไป แต่ก่อนที่เธอจะไปก้าวขาพ้นเข้าไปในเขตรั้วโรงเรียนกิ่งกุหลาบที่ยื่นพ้นออกมาก็ข่วนเข้าที่ต้นแขนจนได้แผลเลือดซิบเข้าจนได้ ถึงแผลจะไม่ใหญ่ แต่ก็ควรจะล้างแผลเพื่อความปรอดภัย
กลิ่นเลือดลอยแตะจมูกกระตุ้นอารมณ์ร้อนในกายให้พลุกพล่าน นัยน์ตาสีแดงเพลิงจ้องมองสาวน้อยเดินหายกลับไปด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมเธอถึงต่อต้านกับพลังสะกดจิตรได้?”
“นั่นสิ...ทำไมถึงต้านทานได้”
คำถามนั้น เขาและเธอเท่านั้นที่จะต้องเป็นคนหาคำตอบให้กับตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ